Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 429 ไร้ซึ่งความกลัว

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 429 ไร้ซึ่งความกลัว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 429 ไร้ซึ่งความกลัว
โดย

ท่ามกลางฝุ่นควันที่คละคลุ้ง เงาร่างของหลินสวินพลันปรากฏขึ้น

ท่าทางของเขาสง่างาม แสงสีฟ้าอ่อนไหลหลั่งอยู่รอบกาย กลิ่นอายยิ่งดูโดดเด่น ดาบวิญญาณม่วงในมือของเขาก็แผ่ประกายแสงอันเป็นเอกลักษณ์ของสมบัติวิญญาณ พาให้อำนาจของเขายิ่ดงดูโดดเด่น

คนหนุ่มสาวหลายคนพลันรู้สึกหัวใจกระเพื่อมไหวอย่างไม่ทราบสาเหตุ การโจมตีเมื่อครู่นี้น่าสะพรึงกลัวมากเหลือเกิน ทำให้พวกเขารู้สึกหนังหัวชาวาบ สะเทือนไปทั้งจิตวิญญาณ

ไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่านั่นเป็นดาบแบบไหน ถึงดูเหมือนสามารถทำลายล้างสรรพสิ่งได้เช่นนี้

เหล่าผู้ยิ่งใหญ่ชั้นอาวุโสเองก็หวั่นไหว

พลังแห่งสัจจะ!

พวกเขาเห็นพลังแห่งสัจจะที่มีเพียงระดับหยั่งสัจจะเท่านั้นที่จะใช้ได้ จากในศาสตร์การยุทธ์ของเด็กหนุ่มระดับมหาสมุทรวิญญาณผู้นี้

เหลือเชื่อจริงๆ!

การโจมตีอันน่าทึ่งก่อนหน้านี้ ราวกับรวมคนและฟ้าเป็นหนึ่งเดียวกัน แฝงท่วงทีของพลังแห่งสัจจะ

“ไม่คิดเลยว่าพลังยุทธ์ของเจ้าจะมาถึงระดับนี้แล้ว แต่เจ้าคิดว่าเพียงเท่านี้ก็จะสามารถชนะข้าได้หรือ”

ในลานฝึกยุทธ์ หลิงเทียนโหวลุกขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึมเย็นชา เมื่อครู่นี้เขาถูกโจมตีจนกระอักเลือด ได้รับบาดเจ็บไปแล้ว

แต่เมื่อเทียบกับโทสะและความตะลึงในใจแล้ว แผลเท่านี้เล็กน้อยมาก

เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่า หลินสวินที่ไม่ยอมใช้สมบัติวิญญาณเสียที พอใช้ขึ้นมาก็สำแดงวิชาดาบที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ออกมา!

“ฆ่า!”

หลิงเทียนโหวโจมตีอีกครั้ง เขาไม่ยอมถูกหลินสวินข่มเช่นนี้แน่ หรือพูดอีกอย่างว่า เขาไม่เชื่อว่าหลินสวินจะเป็นคู่แข่งของตัวเอง!

แม้จะเป็นการทำเพื่อสิ่งที่เดิมพันเอาไว้ เขาก็จะยอมให้ตัวเองแพ้ไม่ได้เด็ดขาด

ครืน~

ง้าวสีทองวาดผ่านอากาศ ม้วนพลังจากทุกสารทิศ คลื่นประกายทองโหมกระหน่ำซัดสาดออกไปอย่างเอาแต่ใจ

แต่ทันใดนั้นก็ถูกหลินสวินทำลายสลายพลังด้วยดาบเดียว

“เจ้าคิดว่าข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกหรือ”

ท่ามกลางเสียงอันเรียบเฉย หลินสวินใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็ง เงาร่างดูองอาจ ดาบวิญญาณม่วงในมือส่งเสียงราวคำราม ฟาดฟันลงมา

ตูม!

อากาศที่ทรุดตัวถูกแยกออกจากกันด้วยคมดาบ สะเทือนร่างหลิงเทียนโหวจนกระเด็นออกไปอย่างแรง เลือดอาบไปทั้งตัว

พลังดาบอันเฉียบคมนั่นบาดผิวหนังออก เลือดสดไหลออกมา ดูน่าสยดสยองผิดปกติ

ทุกคนสูดหายใจเข้าด้วยความตกใจ เก่งกาจเกินไปแล้ว หลินสวินในวินาทีนี้ราวกับเซียนในด้านวิชาดาบ จู่โจมอย่างสบายๆ ไม่ได้ใช้ทักษะอะไรเลย แต่ทว่ากลับเต็มไปด้วยพลังฟ้าดินอันยิ่งใหญ่เกินต้านทาน

นี่คือความอัศจรรย์ของพลังแห่งสัจจะอย่างแท้จริง แม้แสดงให้เห็นเพียงรางๆ แต่อานุภาพก็เรียกได้ว่าน่ากลัว!

การที่ผู้ฝึกปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณคนหนึ่งจู่ๆ ได้ครอบครองวิธีของยอดฝีมือระดับหยั่งสัจจะ พลังที่ปล่อยออกมานั้นคงจินตนาการได้ว่าจะน่ากลัวเพียงใด

“น่าชังนัก!”

หลิงเทียนโหวแทบคลั่ง รับความพ่ายแพ้ไม่ได้ แม้ว่าร่างกายจะบาดเจ็บหนักแต่ก็ยังลุกขึ้นสู้ ดูแข็งกร้าวอย่างที่สุด

แต่ไม่ว่าเขาจะโต้กลับอย่างไรก็ถูกหลินสวินสลายพลัง กดดันและต้องล่าถอยกลับมา บาดแผลในร่างกายหนักขึ้นเรื่อยๆ เลือดไหลจนพื้นดินเปลี่ยนเป็นสีแดง

ทำให้หลายคนต่างสงสาร หลิงเทียนโหวในอดีตยโสโอหังเพียงใด ราวกับไม่มีใครในระดับเดียวกันเทียบได้

แต่ตอนนี้กลับถูกหลินสวินข่มอย่างสิ้นเชิง ไม่อาจตอบโต้ ทำให้อดรู้สึกสงสารไม่ได้

ตูม!

สุดท้าย ในยามที่หลิงเทียนโหวพ่ายแพ้และล้มลง หลินสวินเอาดาบชี้คอ ไอสังหารที่แพร่กระจายออกจากดาบแหลมคม ทำให้เขาได้สติจากการที่จิตใจถูกความเดือดดาลครอบงำ ไม่คิดขัดขืนอีก

สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเป็นขาวซีด เต็มไปด้วยความไม่จำยอมและผิดหวัง เขาแพ้งั้นหรือ ทั้งยังแพ้ให้กับคนที่ถูกเขามองว่าเป็นเพียงแค่ปรมาจารย์สลักกวิญญาณผู้อ่อนแอ!

ห้าปีเชียวนะ!

เขาฆ่าฟันอยู่ในสนามรบมาห้าปี การหวนกลับมายังนครต้องห้ามครั้งนี้ เดิมคิดว่าจะกอบกู้ชื่อเสียงบารมีกลับมา และได้รับความโปรดปราณจากยอดฝีมือในดินแดนรกร้างโบราณ

แต่ตอนนี้…

กลับแพ้!

แพ้อย่างราบคาบ

ตอนนี้บรรยากาศตกอยู่ท่ามกลางความเงียบ ทุกคนเผยสีหน้าตกใจ มองหลินสวินที่ราวกับเป็นเซียนดาบในลานแสดงยุทธ์อย่างอึ้งๆ ความตื่นเต้นภายในใจเนิ่นนานไม่อาจสงบลงได้

ก่อนหน้านี้หลินสวินสร้างความตะลึงโดยการเอาชนะฉือฉางเฟิง

ตอนนี้เขาก็เอาคืนอย่างแข็งกร้าว ล้มหลิงเทียนโหวผู้ที่มีพลังแข็งแกร่งไร้ที่เปรียบได้ในคราเดียว นี่ถือว่าเหนือความคาดหมายของทุกคน ดูเหลือเชื่อมากจริงๆ

เพราะใครจะคิดว่า เด็กหนุ่มซึ่งครึ่งปีที่แล้วยังอยู่ในระดับมหาสมุทรวิญญาณขั้นต้น ตอนนี้กลับเก่งกาจเพียงนี้แล้ว?

หลิงเทียนโหวเป็นผู้กล้าที่มีชื่อเสียงมาตั้งนาน เรียกได้ว่าเป็นบุคคลชั้นยอดในบรรดาแขกที่มาร่วมงานเลี้ยงฉลองพระชนมพรรษาครั้งนี้ คนที่จะสู้กับเขาได้นั้นมีน้อยมาก

บุคคลระดับนี้กลับมาแพ้หลินสวิน!

จะไม่ให้ตะลึงได้อย่างไร

ใครเล่าจะจินตนาการได้

“คุกเข่า ขอขมาแม่นางชิงเยียน!”

ภายในลานแสดงยุทธ์ หลินสวินพูดเสียงเรียบ แฝงความเด็ดขาดอย่างไม่อนุญาตให้สงสัย

แม้จะรู้การเดิมพันนี้แต่แรกแล้ว แต่ตอนที่เห็นหลินสวินสั่งให้หลิงเทียนโหวทำตามสัญญาในฐานะผู้ชนะ ก็ยังทำให้ทุกคนอดหัวใจสะท้านไม่ได้

เด็กคนนี้…เหี้ยมจริงๆ!

หลิงเทียนโหวเป็นถึงเชื้อพระวงศ์นะ ให้เขาคุกเข่าในงานเลี้ยงฉลองพระชนมพรรษาของจักรพรรดินีแบบนี้ หยามกันเกินไปแล้ว

ตามคาด สีหน้าของหลิงเทียนโหวเปลี่ยนเป็นย่ำแย่อย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ความอับอายระดับนี้ จะให้เขาทำได้อย่างไร?

นี่มันทรมานมากกว่าการฆ่าเขาเสียอีก!

“หลินสวิน อภัยได้ก็อภัย เจ้าชนะแล้ว เหตุใดจึงต้องคิดเล็กคิดน้อยขนาดนี้”

คนใหญ่คนโตผู้หนึ่งพูดเสียงขรึม ขัดหูขัดตากับความหยิ่งผยองของหลินสวิน

“เจ้าเป็นใคร?”

หลินสวินมุ่นคิ้ว

“ข้าจั่วเทียนซั่ว”

คนๆ นั้นตอบกลับอย่างเรียบเฉย เปี่ยมไปด้วยความเคร่งขรึม

ตระกูลจั่ว ย่อมต้องเป็นผู้ยิ่งใหญ่จากตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงอย่างไม่ต้องสงสัย

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ หลินสวินพลันนึกได้ว่า หนึ่งในตระกูลที่เข้ามาแบ่งสมบัติหลังจากเหตุนองเลือดบนภูเขาชำระจิตเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ก็คือตระกูลจั่ว!

“ไม่เคยได้ยิน”

หลินสวินตอบกลับอย่างไม่เกรงใจ “นี่เป็นการเดิมพันระหว่างข้ากับหลิงเทียนโหว คนนอกอย่าแทรก!”

“เจ้าเด็กเหิมเกริม!”

จั่วเทียนซั่วโกรธจนใบหน้าคล้ำเคร่ง

และมีคนอื่นรีบเข้ามาเกลี้ยกล่อม “หลินสวินอย่าใช้อารมณ์ มันไม่ดีต่อเจ้าหรอก”

หลินสวินเผยรอยยิ้มตรงมุมปาก “ตอนนี้ข้าเป็นผู้ชนะ พวกเจ้าเกลี้ยกล่อมไม่ให้ข้าคิดเล็กคิดน้อย หากข้าแพ้ ข้าอยากจะถามว่า พวกเจ้าจะออกตัวช่วยข้าหรือไม่”

ทุกคนมองหน้ากันไปมา พูดอะไรไม่ออกทันที

ก็จริง หลินสวินฐานะต่ำต้อย แม้มีฐานะเป็นปรมาจารย์สลักกวิญญาณหนุ่มน้อย เจ้าแห่งภูเขาชำระจิตและเป็นอาจารย์ในสำนักศึกษามฤคมรกต แต่เมื่อเทียบกับผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่ในนั้นแล้ว กลับยังต้อยต่ำนัก

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหากครั้งนี้หลินสวินเป็นฝ่ายแพ้ พวกเขาจะต้องอยากเห็นหลินสวินทำตามสัญญาอยู่แล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าข้างหลินสวิน

ความสองมาตรฐานนี้เป็นกฎที่ทั้งโลกยอมรับอยู่เงียบๆ อยู่แล้ว แต่ตอนนี้กลับถูกหลินสวินยกมาพูด ทำให้หลายคนต่างอึดอัดใจไม่น้อย

เด็กคนนี้หัวดื้อจริงๆ ไม่รู้จักว่าอะไรเรียกว่ากฎเกณฑ์สักนิด!

“จะคุกเข่าหรือไม่”

หลินสวินมองหลิงเทียนโหว เผยไอสังหารเต็มประดา

“เจ้า…”

หลิงเทียนโหวหน้าเขียวบิดเบี้ยว แค้นจนแทบกัดฟันแตกแล้ว

และสีหน้าของบรรดาคนหนุ่มสาวในที่นั้นล้วนเปลี่ยนไป ด้วยไม่คิดว่าหลินสวินจะดุร้ายเพียงนี้ เขาไม่กลัวจะเป็นการล่วงเกินอีกฝ่ายอย่างถึงที่สุดหรือไร

“พ่อหนุ่ม เสียเปรียบคือวาสนา ข้าว่าเจ้าพอเท่านี้เถอะ อย่าได้หาเรื่องใส่ตัวเลย!”

ผู้มีบรรดาศักดิ์ในราชวงศ์ผู้หนึ่งเอ่ยออกมากะทันหัน น้ำเสียงแฝงความน่าเกรงขาม ถ้าให้หลิงเทียนโหวคุกเข่า คนที่ขายหน้าก็คือราชวงศ์

“เสียเปรียบคือวาสนาหรือ”

หลินสวินหัวเราะออกมาทันที พูดย้ำทีละคำ “งั้นข้าขออวยพรให้ท่านวาสนาล้นฟ้า!”

คำพูดนั้นภายนอกสวยหรูภายในฝังเข็ม แทบจะเป็นการชี้หน้าด่าคนผู้นั้นแล้ว

ผู้มีบรรดาศักดิ์ท่านนั้นโกรธจนตัวสั่น เขาเคยถูกเด็กคนหนึ่งท้าทายเช่นนี้เสียที่ไหนกัน

“พี่ชิงเยียน ท่านช่วยพูดกับหลินสวินที มิเช่นนั้นเขาล่วงเกินผู้ยิ่งใหญ่ระดับนี้เข้าล่ะก็ ต่อไปไหนเลยจะมีที่ยืนในนครต้องห้าม!”

เด็กสาวชนชั้นสูงคนหนึ่งที่ค่อนข้างสนิทกับหลิวชิงเยียนอดเตือนหลิ่วชิงเยียนอย่างร้อนใจไม่ได้ หลินสวินออกหน้าเพราะนาง นางจะทนเห็นเขาวิ่งเข้ากองไฟได้ลงคอหรือ?

“ไม่ต้อง”

กลับเห็นว่าหลิ่วชิงเยียนสูดหายใจเข้าลึกๆ ดวงตากระจ่างใสจับจ้องหลินสวิน “ข้าให้เขาหยุดตอนนี้ยิ่งจะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกไม่ใช่หรือ ในเมื่อเขาจะทำเช่นนี้ ข้าก็จะสนับสนุนเขา แม้จะล่วงเกินทุกคนบนโลก อย่างมากข้าก็แบกรับผลที่จะตามมาด้วยกันกับเขา”

น้ำเสียงเรียบเฉย แต่กลับเผยความเด็ดขาดที่พาให้หวั่นไหว

หลิ่วชิงเยียนเป็นคนที่ฉลาดมาก แต่ในขณะเดียวกันนางก็เป็นสตรีที่ถูกทำให้ประทำใจได้เช่นกัน การกระทำที่ผ่านมาของหลินสวินทำให้ในใจนางมีกระแสอุ่นวาบอย่างบอกไม่ถูก ถ้าบอกว่าไม่ประทับใจก็คงโกหก

แต่เห็นได้ชัดว่านางไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ นางรู้ว่าตอนนี้ควรเลือกอย่างไร จึงจะเป็นการรักษาศักดิ์ศรีของหลินสวินได้อย่างดีที่สุด

หากแม้หนทางข้างหน้าจะเป็นความมืดมน นางก็พร้อมจะเดินเคียงข้างหลินสวิน!

นี่ก็คือการตัดสินใจของหลิ่วชิงเยียน

“พวกเจ้า…เป็นบ้าไปกันหมดแล้ว!”

หญิงสาวชนชั้นสูงคนนั้นโกรธจนกระทืบเท้า

บรรยากาศตึงเครียดอย่างมาก ความเด็ดขาดที่ไม่สนอะไรทั้งสิ้นของหลินสวินทำให้ทุกคนแปลกใจ รู้สึกไม่เข้าใจ ฉงนใจ และกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

แน่นอนว่าไม่มีใครคิดว่าหลินสวินจะไม่ห่วงสถานการณ์โดยรวม แต่ถ้าจะบอกว่าหลินสวินทำผิดไปก็พูดไม่ออก

เพราะอย่างไรหลิงเทียนโหวก็เป็นคนแพ้!

ตามที่เดิมพันกัน การที่หลินสวินทำแบบนี้ไม่ใช่เรื่องผิด!

นี่เป็นความกล้าที่ผ่าเผย แม้อาจเป็นการล่วงเกินใครหลายคน แต่หลินสวิน…เห็นจะไม่สนใจ

สีหน้าของหลิงเทียนโหว ในที่สุดก็หม่นแสงลงในยามนี้ ดูหมดอาลัยตายอยาก จากท่าทีของหลินสวินทำให้เขารู้แล้วว่า วันนี้…ถ้าไม่ยอมตาย ก็ต้องเลือกที่จะคุกเข่าขมา!

ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงัด จู่ๆ เสียงอันอบอุ่นและสงบนิ่งเสียงหนึ่งก็ดังแว่วขึ้น “แพ้แล้วก็ต้องรักษาคำพูด บุรุษในราชวงศ์เราจะผิดคำพูดเพื่อรักษาหน้าได้อย่างไร หากแพร่กระจายออกไป คนทั้งโลกจะมองราชวงศ์อย่างไร”

เสียงของจักรพรรดินี!

ทุกคนต่างสูดหายใจอย่างตะลึง คิดไม่ถึงว่าการตัดสินใจนี้ของหลินสวินจะถึงขั้นทำให้จักรพรรนีต้องออกมาพูด!

สิ่งที่เหลือเชื่อที่สุดคือ จักรพรรดินีมิได้ต่อว่าหลินสวินว่าเสียมารยาท กลับยังคิดว่าหลิงเทียนโหวต้องรักษาคำพูด พูดอะไรไว้ต้องทำให้ได้

แต่เมื่อไตร่ตรองดูอย่างละเอียดแล้ว การที่จักรพรรนีมีคำสั่งเช่นนี้ในสถานการณ์ระดับนี้ บางทีอาจเพราะจนหนทาง แต่ก็ต้องยอมรับว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุด

สายตาที่ทุกคนมองหลินสวินพลันเปลี่ยนไป

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด