Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 611 แผนภาพลับการต่อสู้

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 611 แผนภาพลับการต่อสู้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ทุกคนงงเป็นไก่ตาแตก

ตำราทองสาส์นหยกเล่มหนึ่ง เพียงแค่แสงทองศักดิ์สิทธิ์ที่สาดส่องออกมาก็ส่องสว่างจักรวาล ถูกมองว่าเป็นวาสนาที่ใหญ่ที่สุด

ใครจะคิดว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น

บริเวณเชิงเขา ผู้แข็งแกร่งแต่ละเผ่าพูดอะไรไม่ออก อึ้งค้างอยู่กับที่ ผลลัพธ์นี้เหนือความคาดหมายของทุกคน

“เป็นแบบนี้อีกแล้ว…”

เจ้าคางคกและจ้าวจิ่งเซวียนสบตากัน ต่างก็จนปัญญา

ในอาศรม หนิวทุนเทียนและหลินสวินหยุดการต่อสู้ วาสนาอันสะเทือนโลกนี้กลับกลายเป็นฟองน้ำ ทำให้พวกเขาไม่มีกะจิตกะใจจะเข่นฆ่ากันต่อ เร่งรีบอยากจะค้นหาคำตอบ

“ข้าลองดู!”

หนิวทุนเทียนเดินหน้าเข้าไป เอื้อมมือไปคว้าตำราทองสาส์นหยกเล่มนั้นมา ของสิ่งนั้นพลันแปรเป็นฝนแสงก่อนจะสลายหายไป ทำให้ไม่สามารถช่วงชิงมาได้

เพียงแต่ไม่นานตำราทองสาส์นหยกก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง แสงมรรคเจิดจรัส ย้อมฟ้าดินจนกลายเป็นสีทอง ศักดิ์สิทธิ์อย่างหาที่เปรียบไม่ได้

นี่ทำให้สีหน้าของพวกเขาต่างสับสน ทำไมถึงเป็นเช่นนี้

สร้างสถานการณ์ที่ใหญ่ขนาดนี้ ยิ่งไปกว่านั้นยังใช้กระถางหินเก้าเตาสร้างเป็นอาศรมกลางอากาศ จึงปรากฏวาสนาที่สะเทือนโลกนี้ขึ้น หรือสุดท้ายจะเป็นเพียงบุปผาในคันฉ่องที่สวยงามแต่ไม่อาจจับต้องได้?

ความไม่จำยอมและผิดหวังรุนแรงพรวดพราดขึ้นในใจทุกคน ทำให้พวกเขาอัดอั้นจนแทบกระอักเลือด

หลินสวินยกเท้า เดินไปกลางอาศรม

นี่ดึงดูดความสนใจของพวกหนิวทุนเทียน แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครขวาง พวกเขาต่างลองไปแล้ว ย่อมไม่เชื่อว่าหลินสวินจะค้นพบอะไรใหม่

ทว่าสิ่งที่เหนือความคาดหมายของพวกเขาคือ หลินสวินไม่ได้ลงมือ แต่เงียบไปครู่หนึ่งแล้วขึ้นไปนั่งขัดสมาธิบนเบาะรองนั่ง!

หืม?

พวกหนิวทุนเทียนหรี่ตาลงโดยพร้อมเพรียงกัน พร้อมโจมตีตลอดเวลา แม้เมื่อครู่นี้พวกเขาเองก็สังเกตเห็นเบาะรองนั่งใบนั้น แต่จิตใจกลับถูกตำราทองสาส์นหยกดึงดูดจนมองข้ามรายละเอียดนี้

ตอนนี้เมื่อเห็นการกระทำนี้ของหลินสวิน ทำให้พวกเขาระแวงขึ้นมาทันที เตรียมพร้อมจะลงมือ

เบาะรองนั่งใบนั้นไม่รู้ว่าถักทอมาจากวัตถุดิบใด ดูเก่าคร่ำครึและเผยร่องรอยความโบราณ

เพียงแต่ตอนที่หลินสวินนั่งขัดสมาธิลงไป พลันรู้สึกถึงกลิ่นอายแห่งมรรคที่ไร้รูปร่างปกคลุมไปทั่วร่างกาย ทำให้จิตใจและจิตวิญญาณของเขาเกิดเสียงกึกก้องโดยพร้อมเพรียงกัน

ท่ามกลางความงุนงง ตำราทองสาส์นหยกเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นและเปิดออกหน้าหนึ่งต่อหน้าเขา ด้านในไม่ใช่ตัวอักษร แต่เป็นแผนภาพโบราณภาพหนึ่ง

นั่นเป็นภาพสนามรบบรรพกาล เงาร่างอันหยิ่งผยองยิ่งใหญ่ค้ำฟ้า ฟาดฟันจากขุมนรกขึ้นไปยังเก้าชั้นฟ้า ทุ่งรกร้างเต็มไปด้วยร่างไร้วิญญาณ ทะเลเลือดล้นฟ้า!

เขาอาบเลือดมาตลอดทาง แต่กลับไม่เคยถอยหลังแม้แต่ก้าวเดียว เป็นศัตรูกับโลก กับฟ้า กับมหามรรค สังหารจนจักรวาลพลิกกลับ สรรพสิ่งพังทลาย!

ตูม!

หลินสวินรู้สึกเลือดทั้งร่างร้อนเดือดแผดเผา จิตกระหายต่อสู้อันแรงกล้าสุดจะพรรณนาพลุ่งพล่านออกจากภายในจิตใจ แผ่กระจายไปทั่วทั้งร่าง แทบอยากจะไปเปิดศึกเสียเดี๋ยวนี้

นี่เป็นจิตต่อสู้อันบริสุทธิ์และรุนแรงอย่างหนึ่ง เป็นพลังที่ไม่สามารถบรรยายได้เป็นตัวอักษรได้ ทำให้หลินสวินเกิดความรู้สึกร่วมไปด้วย ราวกับเลือดเดือดพล่านแผดเผารุนแรง

และทั้งหมดนี้ เป็นเพียงแค่แผนภาพการต่อสู้โบราณภาพเดียวเท่านั้น!

‘หรือนี่เป็นมรดกที่ซ่อนอยู่ในตำราทองสาส์นหยก?’

จิตต่อสู้ทั่วทั้งตัวหลินสวินพลุ่งพล่าน เขาฝืนข่มกลั้นความวู่วาม พยายามสังเกตและทำความเข้าใจตำราทองสาส์นหยกที่ปรากฏออกมา

แต่ในขณะนั้นเอง เขาพลันรู้สึกเจ็บปวดไปทั้งตัว รับรู้ได้ถึงกลิ่นอายอันตรายอันยากจะอธิบาย

ไม่ได้การแล้ว!

หลินสวินตระหนักได้ทันใด เพียงพริบตาเดียวเท่านั้นเงาร่างก็แวบหายไปจากบนเบาะรองนั่ง

ครืนโครม…

พื้นที่บริเวณนี้ถูกการโจมตีสารพัดปกคลุม แสงประกายเจิดจรัสกึกก้องคำรามราวกับสายฟ้า

แค่คิดก็รู้ว่าหากเมื่อครู่นี้หลินสวินหลบไม่ทัน เพียงแค่การโจมตีเดียวก็เพียงพอจะพรากชีวิตเขา!

คนที่ลงมือคือหนิวทุนเทียน เมิ่งเหลียนชิง ข่งซิ่วและเสวียนหลัวจื่อ

ก่อนหน้านี้พวกเขาจับจ้องสถานการณ์มาโดยตลอด ตอนที่สังเกตเห็นว่ารอบตัวหลินสวินมีจิตต่อสู้พลุ่งพล่าน ราวกับได้รับผลประโยชน์บางอย่าง พวกเขาพลันตื่นเต้นขึ้นมา

พวกเขาตระหนักได้แล้วว่า วาสนาอันสะเทือนโลกในครั้งนี้ไม่ใช่ภาพลวงตาแต่อย่างไร และมีความเป็นไปได้สูงว่าจะเกี่ยวข้องกับเบาะรองนั่งนั่น!

เมื่อได้ข้อสรุปนี้ พวกเขาก็ลงมืออย่างไม่ลังเล ไม่ให้โอกาสหลินสวินได้ครอบครองไว้แต่เพียงผู้เดียว

“หึ! ยังไม่ตาย ถือว่าเจ้าดวงแข็ง!”

หนิวทุนเทียนแค่นเสียงอย่างเยียบเย็น

“สหาย บอกมาซิว่าวาสนาซ่อนอยู่ในเบาะรองนั่งจริงหรือไม่”

เสียงของเมิ่งเหลียนชิงชัดเจนและเย็นเยียบ สายตาจับจ้องหลินสวิน

พวกเขาจ้องเขม็ง สายตาหยุดอยู่ที่หลินสวิน แม้ว่าเมื่อครู่นี้เพิ่งจะเกิดความขัดแย้งระหว่างเมิ่งเหลียนชิงและข่งซิ่ว แต่ตอนนี้เพื่อบรรลุจุดประสงค์ในการช่วงชิงวาสนา พวกเขาต่างเลือกที่จะทนกันไปก่อน

“อยากรู้งั้นหรือ พวกเจ้าก็ไปลองเองสิ”

นัยน์ตาดำขลับของหลินสวินเยียบเย็น ในใจมีเพลิงสงครามลุกโชน เขามั่นใจแล้วว่าเบาะรองนั่งใบนั้นต้องไม่ธรรมดา และมีความเกี่ยวโยงกับตำราทองสาส์นหยกอย่างใกล้ชิด มรดกที่ซ่อนอยู่ภายในน่าสะพรึงกลัวและสะเทือนโลกอย่างที่สุด!

พอหลินสวินพูดเช่นนี้ พวกหนิวทุนเทียนก็ลังเลขึ้นมาทันที แต่กลับไม่ได้ขยับมั่วซั่วโดยพลการ

สถานการณ์ตรงหน้าละเอียดอ่อนมาก พวกเขาหวาดระแวงและขัดแย้งกันเอง ใครกล้าจู่โจมเป็นคนแรก ก็จะถูกคนอื่นๆ ปิดล้อมโจมตี เท่ากับว่ากลายเป็นสถานการณ์ที่สกัดกั้นกันเอง

บริเวณเชิงเขา ผู้แข็งแกร่งแต่ละเผ่าต่างเฝ้ามองอยู่ พวกเขาเองก็ตระหนักได้ว่าสถานการณ์ราวกับจะเปลี่ยนไปอีกแล้ว บรรยากาศดูตึงเครียดและกดดันขึ้นมา

ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

“เหอะๆ ทำไม วาสนาอยู่ตรงหน้าแต่พวกเจ้ากลับไม่กล้าเข้าไปช่วงชิงหรือ มีความกล้าแค่นี้ คิดว่าคู่ควรให้ยืนอยู่ที่นี่หรือ”

ทันใดนั้นหลินสวินพลันส่งเสียง ดวงตาดำของเขาราวกับสายฟ้ากวาดผ่านทุกคน บนร่างกายมีจิตต่อสู้ที่แทบจะควบคุมไม่อยู่พลุ่งพล่าน!

“เจ้ากำลังท้าทายงั้นหรือ”

เสียงของเมิ่งเหลียนชิงทั้งกระจ่างและเย็นเยียบ

“มนุษย์ตัวเล็กๆ มีสิทธิ์อะไรมาวิพากษ์วิจารณ์สามหาวเช่นนี้!”

หนิวทุนเทียนตะคอก เขาเคียดแค้นหลินสวินอย่างที่สุด เขาไม่เคยถูกมองว่าเป็น ‘วัวโง่’ และโดนดูถูกเหมือนเดรัจฉานมาก่อน นี่เป็นความอับอายใหญ่หลวง

ส่วนข่งซิ่วและเสวียนหลัวจื่อกลับกำลังหัวเราะเยาะ ดูถูกอย่างมากที่หลินสวินท้าทายแบบนี้ นึกในใจว่า อยากยั่วโทสะให้พวกเขาสู้กันเอง เพื่อจะได้กวนน้ำจับปลา[1]หรือ

อย่าหวังไปเลย!

นี่ไม่ใช่เพียงแค่ความคิดของข่งซิ่วและเสวียนหลัวจื่อเท่านั้น แต่ยังเป็นความคิดของหนิวทุนเทียนและเมิ่งเหลียนชิงด้วย ที่คิดว่าหลินสวินจงใจท้าทายด้วยเจตนาร้าย

“ดังคำกล่าวที่ว่า หนทางคับแคบอันตรายน ผู้กล้าเท่านั้นที่จะชนะ แต่พวกเจ้าระแวงกันเอง กลายเป็นเสียความกล้าที่จะก้าวไปข้างหน้า แล้วยังมีสิทธิ์อะไรมาแย่งกับข้า”

หลินสวินแววตาเย็นเยียบ หว่างคิ้วเผยความหยิ่งผยองอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน คำพูดเรียบง่ายแต่กลับทรงพลังทุกคำ สะเทือนใจคน

“เจ้าหมอนี่บ้าไปแล้วหรือเปล่า”

ผู้แข็งแกร่งแต่ละเผ่าที่อยู่ตรงเชิงเขาสูดหายใจเข้าด้วยความตกใจ ตอนนี้หลินสวินราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน คนเดียวท้าทายบุตรเทพไร้เทียมทานแห่งยุคสี่คน แข็งกร้าวจนบอกไม่ถูก ดูผิดปกติเกินไปอย่างเห็นได้ชัด

“เจ้าหนูนี่คิดจะก่อกวนงั้นหรือ”

เจ้าคางคกเองก็งุนงง นี่ไม่เหมือนนิสัยของหลินสวิน ตรงไปตรงมาและบุ่มบ่ามเกินไปแล้ว ตัวคนเดียวไปสู้กับผู้แข็งแกร่งสี่คน นี่เป็นการกระทำที่โง่เขลาที่สุด!

“ไม่ได้เป็นเช่นนั้นแน่”

ดวงตาคู่ใสของจ้าวจิ่งเซวียนเป็นประกายเจิดจ้า แฝงแววแปลกประหลาด “การต่อสู้มหามรรค ผู้กล้าหาญย่อมมีสิทธิ์ก่อน คนที่ไม่รู้ก็ไม่มีอะไรต้องกลัว ตอนนี้หลินสวินอาจจะค้นพบความลึกลับบางอย่าง อ่านเบาะแสที่ซ่อนอยู่ในวาสนานั้นออก!”

“บ้าไปแล้ว เจ้าหมอนี่ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ”

“ฮ่าๆๆ ดูเหมือนเขาจะรู้ตัวว่าสู้ไม่ได้ จึงคิดจะทุ่มเสี่ยงสุดตัวเป็นครั้งสุดท้าย”

“เด็กหนุ่มเทพมารอะไรกัน ก็เท่านั้นแหละ อยู่ต่อหน้าวาสนาเช่นนี้ยังนิ่งไม่อยู่ ต่อไปยังจะประสบความสำเร็จอะไรในมรรคาได้”

“ความกล้าหาญบ้าบออะไรกัน แค่คิดก็รู้ว่าการกระทำเช่นนี้ไม่ต่างอะไรกับการรนหาที่ตาย”

คำพูดเสียดสีและเสียงหัวเราะเยาะดังขึ้นจากในที่นั้น โดยส่วนใหญ่มาจากปากผู้แข็งแกร่งเผ่าวัวมารทรงพลัง เผ่าหงส์หิรัณย์ เผ่าเต่าทมิฬและเผ่าโห่วเมฆา

พวกเขาคิดว่าหลินสวินควบคุมตัวเองไม่อยู่แล้ว สูญเสียความยั้งคิด จะต้องประสบภัยพิบัติอย่างแน่นอน

ถึงอย่างไรก็มีบุตรเทพไร้เทียมทานแห่งยุคสี่คนจ้องเขม็งอยู่ เขาคนเดียวจะสู้ได้อย่างไร

แต่สำหรับพวกหนิวทุนเทียน สิ่งที่หลินสวินแสดงออกมาตอนนี้ดูผิดปกติมากจริงๆ ท้าทายอย่างตรงไปตรงมาเกินไป ทำให้พวกเขาสงสัยว่าเจ้าหมอนี่บ้าไปแล้วจริงๆ หรือเปล่า

“พวกไร้ประโยชน์!”

หลินสวินเห็นเช่นนี้ ริมฝีปากพลันพ่นคำพูดนี้ออกมาเบาๆ แล้วไม่มองพวกหนิวทุนเทียนอีกแม้แต่เสี้ยวสายตาเดียว

เขาก้าวเข้าไปใกล้เบาะรองนั่งใบนั้นด้วยท่าทางที่ทั้งแข็งกร้าว ตรงไปตรงมาและเด็ดเดี่ยว ทั้งหมดนี้เป็นตัวยืนยันว่าเขามุ่งมั่นจะคว้าวาสนาในครั้งนี้ให้ได้

และเมื่อเห็นภาพนี้ ในที่สุดทุกคนก็ตระหนักได้ว่า บางทีหลินสวินอาจจะบ้าไปแล้วจริงๆ ทว่าเขาไม่ได้ล้อเล่นเด็ดขาด แต่จะเข้าไปช่วงชิงวาสนาภายใต้สถานการณ์ที่ศัตรูทุกคนล้อมอยู่จริงๆ!

“รนหาที่ตาย!”

หนิวทุนเทียนคำรามเสียงยาว ทนต่อไปไม่ไหวแล้วจริงๆ พลันกวัดแกว่งทวนสามง่ามโจมตีใส่หลินสวิน

หลินสวินเคลื่อนฝีเท้า หลบการโจมตีสะเทือนโลกนี้ ทวนสามง่ามเฉียดผ่านร่างกายของเขา ทำลายอากาศบริเวณนั้น แสงประกายระเบิดตัวสะเทือนพื้นที่บริเวณนี้

ตูม!

หลินสวินยังคงปล่อยหมัดเปล่า นัยน์ตาดำของเขายิ่งดูลึกล้ำ เคลื่อนไหวกลางอากาศ แข็งกร้าวและตรงไปตรงมา แนบติดทวนสามง่ามแล้วพุ่งเข้าไปกระแทกหมัดใส่หน้าหนิวทุนเทียน

หนิวทุนเทียนพลันขยับไหล่ แสงดำพรั่งพรูออกมา แขนขวาราวกับเสาเหล็ก พุ่งปะทะร่างของหลินสวินด้วยอานุภาพรุนแรง

โครม!

ทั้งสองพุ่งกระแทกใส่กัน ประกายแสงสะเทือนฟ้าพวยพุ่งออกมา อากาศทรุดทลาย น่าสะพรึงกลัวอย่างหาที่สุดไม่ได้

แม้แต่พวกเมิ่งเหลียนชิงยังหน้าเปลี่ยนสี เพราะพวกเขาพบด้วยความตะลึงว่า ในการปะทะกันครั้งนี้ หนิวทุนเทียนกลับเป็นฝ่ายถูกซัดสะเทือน ร่างกายโอนเอน!

สิ่งที่ทำให้เผ่าวัวมารทรงพลังน่าสะพรึงกลัวที่สุด คือพละกำลังที่ไม่มีใครเทียบได้ ความแข็งแกร่งเหนือกว่าทุกเผ่า และในฐานะบุตรเทพเผ่าวัวมารทรงพลัง หนิวทุนเทียนยิ่งเป็นผู้กล้าไร้เทียมทานแห่งยุค เส้นทางที่เดินยังเป็นวิถีแห่งกายหยาบอริยะอันแข็งแกร่ง

แต่ตอนนี้เมื่อประชันกันซึ่งหน้า เขาไม่เพียงไม่สามารถกำราบคู่ต่อสู้ได้ แต่กลับถูกเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนนั้นซัดสะเทือน!

นี่จะไม่ให้ตะลึงได้อย่างไร

“หึ!”

หนิวทุนเทียนสีหน้าเคร่งขรึมขึ้น อานุภาพแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ในการโจมตีเมื่อครู่นี้ ความแข็งแกร่งของหลินสวินทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง

แต่ก็เพียงเท่านั้น

เขายังไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด!

ตูม!

เขากวัดแกว่งทวนสามง่ามโจมตีอีกครั้ง ร่างกายดุจขุนเขาเคลื่อนที่ อานุภาพชวนกดดัน ระเบิดแสงสีดำเจิดจ้า พุ่งไปทางหลินสวิน

“อย่าเสียเวลาอีกเลย ร่วมมือกันจัดการเด็กคนนี้ก่อน!”

เมิ่งเหลียนชิงส่งเสียงแทบจะในเวลาเดียวกัน แสงทองปกคลุมทั่วร่างกาย ก้าวเข้าสู่สนามรบ โจมตีหลินสวินพร้อมกับหนิวทุนเทียน

ข่งซิ่วและเสวียนหลัวจื่อสบตากัน ต่างรู้สึกลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายพวกเขาก็ลงมือสังหารหลินสวินพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย

ในสถานการณ์ตอนนี้ สามารถกำจัดคู่ต่อสู้ได้คนหนึ่งก่อนย่อมดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย

อีกอย่างพวกเขาก็รู้ดีว่า หากฉวยโอกาสนี้ไปช่วงชิงวาสนาโดยพลการ สถานการณ์ก็จะเปลี่ยนไปทันที ไม่ว่าจะเป็นหนิวทุนเทียนหรือเมิ่งเหลียนชิง ไม่มีทางจะไม่สะทกสะท้าน

ฆ่า!

เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น ภายในอาศรมมีแสงประกายพวยพุ่ง เงาร่างตัดสลับไปมา บุตรเทพชั้นยอดทั้งสี่โจมตีหลินสวินจากทิศทางที่แตกต่างกัน!

สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้แข็งแกร่งแต่ละเผ่าที่อยู่บริเวณเชิงเขาต่างส่งเสียงฮือฮาด้วยความตกใจ

ไม่มีใครคิดว่าความขัดแย้งครั้งนี้จะกะทันหันและรุนแรงเพียงนี้

และการที่หลินสวินถูกบุคคลชั้นยอดทั้งสี่โจมตีในตอนนี้ ก็เหนือความคาดหมายของเหล่าผู้แข็งแกร่งเช่นกัน

เพียงแค่เด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนเดียวเท่านั้น กลับทำให้บุคคลชั้นยอดทั้งสี่ลงมือพร้อมกัน ให้เกียรติเขาเกินไปหรือเปล่า

………………………..

[1] กวนน้ำจับปลา หมายถึง ฉกฉวยผลประโยชน์ในช่วงชุลมุน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด