Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 458 สู้เดี่ยวกับเหล่าผู้กล้า

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 458 สู้เดี่ยวกับเหล่าผู้กล้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 458 สู้เดี่ยวกับเหล่าผู้กล้า
โดย

ผู้สืบทอดสำนักโบราณหลายคนอย่างหลิงจื่อนั่วแห่งเขาเมฆาสวรรค์ เถี่ยเชียนหานแห่งสำนักสงัดดารา อวิ๋นเคอแห่งสำนักกระบี่แรกวิญญาณ หยวนจั้นแห่งสำนักเทพโลหิต กระจายอยู่ตามที่ต่างๆ ในบริเวณนี้

ทุกคนแตกต่างกันแต่ล้วนมีท่าทางน่าสะท้านขวัญ เป็นยอดฝีมือในระดับมหาสมุทรวิญญาณ พลานุภาพทะลุเมฆา

นี่เป็นสถานการณ์ที่สามารถทำให้ผู้ฝึกปราณคนใดก็อกสั่นขวัญแขวน เหมือนเข้าตาจน หากไม่มีพลังที่เหนือกว่าระดับมหาสมุทรวิญญาณ ย่อมพลิกกระดานหลบหนีเอาชีวิตรอดได้ยาก

การต่อสู้กำลังปะทุขึ้น แสงประกายลุกโหมครั่นครืน วิชาลับต่างๆ ตัดสลับไปมา กดดันให้หลินสวินเงยหน้าขึ้นไม่ได้

ภาพการณ์นี้ทำให้ทุกคนตื่นตะลึง

เพื่อวิชาลับราหูทำให้ผู้สืบทอดสำนักโบราณหลายคนร่วมมือกันช่วงชิง เจ้าเด็กนั่นน่าสงสารเสียจริง

บางทีนี่คงเป็นสิ่งที่เรียกว่าคนไม่ผิด แต่ผิดที่ถือครองหยก!

ไม่มีพลังที่แข็งแกร่งมากพอ ต่อให้มีวาสนาก็ไม่มีความสามารถได้ครอบครอง!

“เอ๊ะ แปลกจัง เจ้าเด็กนั่นมีอะไรไม่ชอบกล ถึงตอนนี้ยังไม่ถูกกำราบเลย นี่จะเป็นไปได้อย่างไร”

เมื่อเวลาผ่านไป ไม่นานก็มีคนร้องขึ้นด้วยความตกใจ พบว่าหลินสวินแม้ถูกล้อมโจมตี สถานการณ์อันตรายหาใดเปรียบ แต่จนกระทั่งตอนนี้กลับไม่ล้มลง นี่ช่างเกินความคาดหมายไปแล้ว

กลุ่มผู้โดดเด่นใต้หล้าโจมตีเชียวนะ!

แต่เจ้าหนุ่มนั่นยังยืนหยัดมาถึงตอนนี้ได้ ช่างดูพิเศษนัก

“พวกเจ้าดูสิ ท่าร่างของเขาอัศจรรย์นัก ราวกับชือน้ำแข็ง เหมือนเป็นภาพมายาไม่อาจคาดเดา ถึงกับสามารถหลบหนีกระบวนท่าพิฆาตมากมายได้ในเวลาเฉียดฉิว!”

มีผู้มากประสบการณ์ดูความลับออกในปราดเดียว อดตกตะลึงไม่ได้

“หึ เด็กหนุ่มนั่นแม้ท่าร่างอัศจรรย์ แต่นี่ไม่ใช่สิ่งสำคัญ สิ่งที่สำคัญก็คือพวกอัจฉริยะที่ล้อมโจมตีเขาอยู่นั้นล้วนแยกกันสู้ ต่างหวาดหวั่นและระแวงกันเอง ทิ้งช่องโหว่มากเกินไป เมื่อกี้ถึงได้ถูกเจ้าเด็กนั่นคว้าโอกาสให้ได้หายใจหายคอบ้าง”

ผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะคนหนึ่งวิเคราะห์ พูดถึงกุญแจสำคัญของการต่อสู้นั้น

เป็นดังคาด ในตอนนี้ผู้ฝึกปราณหลายคนก็สังเกตเห็นว่า เพื่อแย่งชิงสมบัติลับราหูนั้น อัจฉริยะเหล่านั้นแม้ล้อมโจมตีหลินสวินผู้เดียว แต่เมื่อสำแดงกระบวนท่าพิฆาตกลับมักจะถูกก่อกวน เห็นได้ชัดว่าต่างไม่คิดจะให้คนอื่นชิงไปก่อน

เมื่อเป็นเช่นนี้ทำให้เด็กหนุ่มคนนั้นมีโอกาสดิ้นรนไม่น้อย

อีกทั้งเมื่อการต่อสู้ดำเนินไป ความหวาดระแวงและขัดแย้งก็ยิ่งรุนแรงขึ้น

ชิ้ง!

นักพรตน้อยอวิ๋นเคอสะบัดกระบี่โบราณลายสน ชิงมุ่งหน้าประจัญบานหลินสวินก่อน

แต่ในเวลาเดียวกัน เถี่ยเชียนหานที่อยู่อีกด้านหนึ่งก็ปราดเข้ามาราวมหาบรรพตกดทับ บีบให้อวิ๋นเคอต้องถอยหนี สีหน้าขัดเคือง

และเช่นเดียวกัน เมื่อเถี่ยเชียนหานจะพุ่งเข้าสังหารหลินสวิน ไป๋อวี่ที่อยู่อีกด้านก็แกว่งทวนโจมตี ท่าทางหมายชิงสังหารหลินสวินให้ได้ก่อน แต่เมื่อเป็นเช่นนี้เถี่ยเชียนหานก็ถูกการโจมตีของเขาปกคลุม!

การขัดแข้งขัดขากันเอง การต่อสู้ที่ทำลายกันเองเช่นนี้ ทำให้ผู้กล้าเหล่านั้นล้วนโมโห จับจ้องกันอย่างขัดเคือง

“เถี่ยเชียนหาน เจ้าจะกลั่นแกล้งผู้อื่นมากไปแล้ว!”

“หึ สมบัติลับราหูนี้ทุกคนล้วนช่วงชิงได้ ทำไมข้าจะทำไม่ได้เล่า”

“หยวนจั้น เจ้ากล้าตุกติกอย่างนี้ได้อย่างไร ข้าจะฆ่าเจ้าคนแรกเลย!”

“หลิงจื่อนั่ว เจ้าหมายความว่าอย่างไร”

เสียงตะโกนดังขึ้นไม่หยุดหย่อนในที่นั้น ผู้กล้าชั้นยอดแต่ละคนต่างชี้หน้าด่าทอกันเอง รูปการณ์ดูโหวกเหวกขึ้นในชั่วขณะหนึ่ง

กลุ่มผู้ฝึกปราณที่อยู่ไกลออกไปมองดูด้วยความงงงวย นี่เรียกได้ว่าวุ่นวายอย่างแท้จริง หากผู้กล้าคนเดียวลงมือ อาจจะสังหารเด็กหนุ่มผู้นั้นได้นานแล้ว ไม่มีทางเกิดเรื่องมากมายเช่นนี้ได้เลย

แต่อย่างไรเสียคนที่ลงมือในเวลานี้ล้วนเป็นผู้สืบทอดที่มาจากคนละสำนักโบราณ ต่างมีการเปรียบเทียบและมีความเป็นศัตรูกันไม่ขาด

อีกทั้งพวกเขาแต่ละคนยังโอหังหยิ่งผยอง ไม่มีทางยอมถูกผู้อื่นตัดหน้า ดังนั้นการต่อสู้ครั้งนี้จึงถูกพวกเขาทำให้อลหม่านอย่างยิ่ง

“เจ้าเด็กนั่นโชคดีเสียจริง ใครๆ ก็ล้วนอยากฆ่าเขาเพื่อชิงวิชาลับราหูก่อน แต่กลับถูกคนอื่นขัดแข้งขัดขา ไม่มีทางชิงได้ ทำให้ตอนนี้เจ้าเด็กนี่ยังรักษาชีวิตไว้ได้”

“รักษาชีวิตหรือ ไม่แน่หรอก โอกาสที่เหลือให้เขาดิ้นรนมีไม่มากแล้ว จะเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นเมื่อไรก็ได้ วันนี้เขาคงยากหลบหนีเคราะห์นี้”

“ถูกต้อง ยอดฝีมือพวกนั้นไม่มีใครยอมปล่อยให้เขามีโอกาสหนีเอาชีวิตรอดไปได้!”

ทุกคนพากันวิพากษ์วิจารณ์เซ็งแซ่ ล้วนไม่ถือหางหลินสวิน

ส่วนในเวลานี้หลินสวินมีสีหน้าย่ำแย่อย่างหาใดเปรียบ ถูกเหลียนเตี๋ยอีใส่ร้ายครั้งหนึ่งยังพอทน ตอนนี้ยังถูกเจ้าพวกนี้มองเป็นเหยื่อ ต่างคิดจะสังหารตนเพื่อครอบครองเขาราหู นี่จะรังแกกันมากไปแล้ว

เพียงแต่หลินสวินข่มใจมาตลอด เสาะหาโอกาสใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็งหลบหนีไม่หยุดหย่อน ดูเหมือนถูกเล่นงาน แต่ความจริงเขากำลังหยั่งเชิงพลังที่แท้จริงของคู่ต่อสู้เหล่านั้น!

รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง

ที่สำคัญที่สุดก็คือ ในใจหลินสวินหงุดหงิดกรุ่นโกรธเข้าจริงๆ แล้ว เขากำลังรอโอกาสให้บทเรียนที่ยากลืมเลือนไปทั้งชีวิตกับคนพวกนี้อยู่!

“ทุกคน เป็นเช่นนี้ต่อไปย่อมไม่ใช่วิธีที่ดี สู้พวกเราถอยกันคนละก้าว ปรึกษากลยุทธ์ ฆ่าเจ้าเด็กนี่ก่อนแล้วค่อยมาตัดสินเรื่องสมบัติลับราหูเป็นอย่างไร”

ฉับพลันบุรุษชุดเงินผู้หนึ่งส่งเสียง ใบหน้าซีดขาวอย่างประหลาด นามว่าลู่ผิง มาจากสำนักโบราณตำหนักหมื่นอสูรมาร

“ก็ดี!”

“ข้าว่าก็ได้”

ทันใดนั้นสายตาเหล่าผู้แข็งแกร่งวาวโรจน์ ในที่สุดต่างก็ถอยก้าวหนึ่งแล้วรับคำ

เวลานี้พวกเขาหยุดลงมือ แต่กลับควบคุมทิศต่างๆ ในบริเวณนี้ ล้อมหลินสวินไว้ในนั้น เห็นได้ชัดว่ารับรู้แล้วว่าตะลุมบอนอย่างเมื่อกี้อีกรังแต่จะทำให้สถานการณ์ยิ่งวุ่นวาย เกิดความแปรผันได้มาก

“เจ้าหนู ให้โอกาสเจ้าครั้งหนึ่ง ทิ้งสมบัติลับราหูไว้ พวกข้าจะให้เจ้าจากไป”

มีคนเอ่ยเสียงเย็นชา หมอกสีดำปกคลุมไปทั้งตัว ลึกลับน่ากลัว

ทั้งที่นั้นฮือฮาขึ้นในทันใด คิดไม่ถึงว่าหลังจากหยุดการตะลุมบอนชั่วคราวถึงกับมีคนยกข้อเสนอเช่นนี้ขึ้นมา นี่เท่ากับเป็นการให้ทางรอดแก่เด็กหนุ่มผู้นั้น

“เจ้าหนูนี่ดวงแข็งเสียจริง”

หลายคนอดทอดถอนใจไม่ได้ คิดว่าหลินสวินตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ย่อมต้องมอบวิชาลับราหูอย่างไม่ลังเลเพื่อรักษาชีวิตแน่

สายตาพวกหลิงจื่อนั่ว เถี่ยเชียนหานมองไปยังหลินสวิน เห็นได้ชัดว่าเห็นด้วยกับข้อเสนอนี้ พวกเขาเห็นว่าวิชาลับราหูสำคัญกว่าหลินสวินอย่างแน่นอน

หากหลินสวินยอมแพ้ออกตัวก้มหัวเอง พวกเขาไม่ถือสา จะเมตตาไว้ชีวิตน้อยๆ ของอีกฝ่าย

แต่สำหรับหลินสวินแล้ว ข้อเสนอนี้ยิ่งทำให้เขาหงุดหงิด

ก่อนหน้านี้พวกเขาห้ำหั่นเข่นฆ่า มองเขาเป็นเหยื่อ ลงมืออย่างไร้น้ำใจ แต่ตอนนี้กลับแสดงท่าทีสูงส่ง จะให้เขาก้มหัวให้แล้วเปิดทางรอดให้เขา นี่เห็นเขาหลินสวินเป็นตัวอะไร

ช่างน่าฆ่าทิ้งนัก!

หลินสวินคิดเช่นนี้อยู่ในใจ กวาดสายตามองผู้คนแล้วพูดว่า “ข้าเองก็มีข้อเสนอหนึ่ง พวกเจ้าแต่ละคนขอโทษข้า แล้วทิ้งสมบัติโบราณไว้คนละชิ้นเพื่อแทนคำขอโทษ เรื่องวันนี้ข้าจะไม่ฟื้นฝอยหาตะเข็บ และจะให้พวกเจ้าจากไปอย่างปลอดภัย ว่าอย่างไร”

น้ำเสียงเรียบเฉย ทว่ากลับดังชัดเจนในโสตประสาทของทุกคนในที่นั้น ทำให้ทุกคนตื่นตะลึง ตกอยู่ในความเงียบเชียบอย่างประหลาด

เจ้าเด็กนี่พูดอะไรน่ะ

รนหาที่ตายกระมัง

เห็นๆ อยู่ว่ายอมไว้ชีวิตเขาแล้ว แต่กลับไม่รู้จักสำนึกบุญคุณ ยังยั่วยุเหล่าผู้กล้าในที่นั้น นี่ไม่ใช่รนหาที่ตายแล้วจะเรียกว่าอะไร

“บ้าระห่ำไปแล้ว เจ้าเด็กนี่เห็นได้ชัดว่าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว”

มีคนตะโกน

อัจฉริยะเหล่านั้นก็ล้วนสีหน้าเย็นเยียบ พากันประหลาดใจ ไม่คิดว่าจะได้คำตอบที่ไม่รู้จักดีชั่วเช่นนี้จากปากหลินสวิน

“นี่เจ้ากำลังรนหาที่ตายใช่ไหม ไม่ต้องท้าทายความอดทนของพวกเราหรอก ทิ้งวิชาลับราหูไว้แล้วรีบไสหัวไปซะ!”

ลู่ผิงผู้สืบทอดตำหนักหมื่นอสูรมารที่มีใบหน้าประหลาดตะคอกดัง

หลายคนสั่นเทาไปทั้งตัว ลู่ผิงผู้นี้พลานุภาพแข็งกล้านัก เสียงเหมือนฟ้าคำราม สะท้านขวัญจนพวกเขาขนหัวลุก

กลับเห็นว่าหลินสวินยิ้มร่า ชี้ไปที่ลู่ผิงแล้วเอ่ยว่า “เพราะเจ้าพูดเช่นนี้ ประเดี๋ยวข้าจะฟันเจ้าคนแรก!”

“รนหาที่ตาย!”

ลู่ผิงเดือดดาลนัก ทั้งร่างไหลเอ่อด้วยแสงอสูรมาร เขาเป็นแมงป่องเกราะเงินหนึ่งหัวสามหางที่ฝึกปราณเสาะหามรรค พรสวรรค์โดดเด่น ถือเป็นอัจฉริยะที่สะดุดตาในหมู่อสูรมารบำเพ็ญ

“อย่าแย่งกัน ให้ข้าสังหารเด็กนี่ รอข้าฆ่ามันแล้ว พวกเราค่อยตกลงเรื่องเจ้าของสมบัติลับราหู”

หยวนจั้นเดินออกมาพร้อมจิตสังหารพวยพุ่ง เหยียบย่างมาก้าวหนึ่งก็สั่นสะเทือนห้วงอากาศ พลังปราณระเบิดคลั่งหาใดเทียบ เงาร่างของเขาราววานรมาร กดดันจนคนหายใจไม่ออก

“เฮ้อสหาย เหตุใดต้องหาที่ตายให้ตัวเองด้วย ดูเจ้าอายุเพิ่งสิบกว่าปี หากตายที่นี่เพื่อสมบัติลับราหูจะไม่น่าเสียดายหรอกหรือ”

อวิ๋นเคอยิ้มละไม เผยความสงสารเห็นใจ

“ดูท่า พวกเจ้าล้วนไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของข้าสินะ”

หลินสวินยิ่งยิ้มสดใสมากขึ้น

อวิ๋นเคอนิ่วหน้าอย่างไม่มีสาเหตุ ในใจรู้สึกชอบกล เจ้าเด็กนี่จะใจเย็นเกินไปแล้ว

กลุ่มคนที่มุงดูอยู่ไกลออกไปล้วนฉงน เด็กหนุ่มนั่นบ้าไปแล้วหรือ เหตุใดวาจาถึงได้สามหาวไม่เกรงกลัวเช่นนี้ เขาไม่กลัวตายจริงๆ หรือ

“พูดมากขนาดนั้นทำไม ให้ข้าเชือดเจ้าเหลือเดนไม่รู้ที่ต่ำที่สูงนี่ก่อน!”

เงาร่างสีทองพุ่งออกมาพร้อมเสียงคำรามดัง แกว่งหมัดพุ่งโจมตีออกไป พลังปราณอหังการ มีพลังวิญญาณไร้ที่สิ้นสุด ราวกับมหาสมุทรกรรโชก

ทุกคนหน้าเปลี่ยนสี เพราะผู้ที่ลงมือผู้นี้เป็นผู้สืบทอดคนหนึ่งของสำนักโบราณเขาเทียมฟ้า นามว่าเจิ้งชื่อ หลายปีก่อนก็บรรลุขั้นสมบูรณ์ของระดับมหาสมุทรวิญญาณแล้ว ในกายมีพรสวรรค์เป็นเอกลักษณ์ พลังที่แท้จริงน่าหวาดหวั่น

ตู้ม!

ฟ้าดินสะเทือนเลือนลั่น เจิ้งชื่อโหดเหี้ยมอย่างประหลาด ดุดันอหังการ หมัดเดียวกระแทกออกมา แสงสีทองราวธารสวรรค์ซัดสาด

หลินสวินรับการโจมตีด้วยหมัดหนึ่งเช่นเดียวกัน พลังหมัดราวมังกรร้องคำรามครั่นครืนทะลุเมฆา ดูแข็งแกร่งไม่ต่างกัน

การโจมตีนี้ทำให้ห้วงอากาศล้วนสั่นไหว แข็งกล้าเกินไป พลังวิญญาณราวหินหนืดปะทุ ปกคลุมอาณาเขตแถบนี้

เจ้าเด็กนี่แข็งแกร่งเพียงนี้เชียวหรือ

หลายคนตื่นตระหนก ก่อนหน้านี้หลินสวินถูกกลุ่มผู้กล้ากดดัน ดูตื้นลึกหนาบางไม่ออก แต่เวลานี้เมื่อลงมือครั้งเดียวพลันทำให้ทุกคนค้นพบอย่างประหลาดใจว่า เด็กหนุ่มผู้นี้ก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน!

โครม!

เสียงกระแทกสะท้านโลกาดังขึ้นไปถึงเก้าชั้นฟ้า เมื่อฝุ่นควันสลายไป หลินสวินยังยืนตระหง่านอยู่ที่เดิมไม่เคลื่อนไหว

ที่น่าตกใจก็คือ เจิ้งชื่อซึ่งมีชื่อเสียงระบือไปทั่วนานแล้วประหนึ่งเป็นราชันในหมู่คนหนุ่ม กลับถอยไปสิบกว่าก้าว แขนข้างหนึ่งสั่นเทิ้ม ง่ามมือแตกเลือดไหลริน

“อะไรกัน เจิ้งชื่อผู้กล้ารุ่นเยาว์ที่อหังการน่ากลัวผู้นี้ กลับตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบในการโจมตีเดียวหรือ” ทุกคนในที่นั้นตื่นตระหนก

เจิ้งชื่อเบิกตากว้าง แสงสีทองพลุ่งพล่านไปทั้งตัว มองหลินสวินด้วยสีหน้าฉงน เวลานี้ถึงรับรู้ได้ว่าหลินสวินไม่ได้อ่อนแอเหมือนที่ตนคาดไว้

ที่จริงแล้วหลินสวินก็แปลกใจเหมือนกัน เขาเพิ่งบรรลุขั้น อีกทั้งยังมีชีพจรวิญญาณที่เกิดใหม่ ทั้งกายเปลี่ยนแปลงสิ้น อยู่ในขั้นสูงสุดของระดับมหาสมุทรวิญญาณแล้ว ยกมือวาดเท้าก็สามารถกำราบผู้มีปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณอย่างง่ายดาย

แต่เขาคิดไม่ถึงว่าเจิ้งชื่อผู้นี้จะแข็งแกร่งปานนี้ เพียงได้รับบาดเจ็บเท่านั้น หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่นคงถูกทำลายภายใต้หมัดนี้ไปครึ่งชีวิตแล้ว!

“ไม่เลวนี่ รับหมัดข้าได้ก็ถือว่าเป็นบุคคลชั้นหนึ่งแล้ว”

หลินสวินวิจารณ์ประโยคหนึ่งอย่างเนิบนาบ

แต่เมื่อได้ยินคำนี้เจิ้งชื่อกลับโกรธจนหน้าเขียว เด็กหนุ่มอายุสิบกว่าปี กลับกล้าวิจารณ์ตนอย่างไม่สนใจอะไรเช่นนี้!

__

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด