Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 586 การแก่งแย่งก่อนวาสนาอุบัติ

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 586 การแก่งแย่งก่อนวาสนาอุบัติ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“แปลกชอบกล ที่นี่เกิดการเปลี่ยนแปลงประหลาดบางอย่าง!”

ฉับพลัน จ้าวจิ่งเซวียนที่นำทางอยู่ข้างหน้าก็หยุดเดิน หน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย

นางรับรู้ได้อย่างเฉียบคมว่าจากจุดที่มีภูเขาเทพหมอกม่วงเป็นศูนย์กลาง ห้วงอากาศบริเวณใกล้เคียงเอ่อล้นไปด้วยพลังผนึกลึกลับและศักดิ์สิทธิ์ ทำให้ไม่อาจเคลื่อนไหวกลางอากาศได้

เมื่อเดินอยู่ภายในนั้น ก็เหมือนดังตกลงไปในบ่อโคลน ต่อให้มีท่าร่างว่องไวยิ่งยวดก็ไม่สามารถเคลื่อนที่กลางห้วงนภาแห่งนี้ได้ ทำได้เพียงกระโจนร่างบนพื้นดิน

คราวก่อนตอนจ้าวจิ่งเซวียนออกไปจากที่นี่ก็ยังไม่ใช่แบบนี้

“ไม่อาจเคลื่อนตัวในอากาศได้”

หลินสวินก็สังเกตเห็นสิ่งนี้ ในใจนึกสงสัยว่าในห้วงอากาศราวมีผนึกปกคลุม กดทับพลังเคลื่อนไหวกลางอากาศของผู้ฝึกปราณทุกคน

“ง่ายดายมาก วาสนาสะท้านโลกาครั้งนี้กำลังจะอุบัติ การทดสอบที่พุ่งเป้าไปยังผู้ฝึกปราณก็กำลังจะเปิดฉากขึ้น”

เจ้าคางคกดวงตาส่องประกาย ตั้งหน้าตั้งตารอคอยอย่างเต็มเปี่ยม

“ฆ่า!”

เสียงห้ำหั่นดังขึ้นจากจุดที่ไกลออกไป พร้อมกับกลิ่นคาวเลือดเข้มข้นคละคลุ้ง

กลับเห็นว่าบริเวณตีนเขาภูเขาเทพหมอกม่วงมีผู้แข็งแกร่งจากขุมอำนาจแต่ละเผ่ารวมตัวกัน ล้วนกำลังปีนเขา หมายจะมุ่งไปยังยอดเขาก่อน เหตุปะทะและการต่อสู้ดุเดือดน่าหวาดหวั่นจึงปะทุขึ้น

ที่นั่นเลือดไหลเป็นสายน้ำ สภาพการณ์นองโลหิต

“วาสนายังไม่ทันอุบัติ เหตุใดถึงฆ่ากันเสียก่อนแล้ว”

จ้าวจิ่งเซวียนอึ้งไป

“พวกเขากำลังช่วงชิงโอกาส หมายจะครองตำแหน่งที่ดีที่สุด เมื่อวาสนาอุบัติขึ้นก็จะสามารถไปชิงผลประโยชน์ได้ก่อน”

หลินสวินสังเกตเล็กน้อยก็ชี้ชัดออกมา

“ข้าคิดออกแล้ว หลายวันก่อนตอนพวกข้าเหยียบภูเขาลูกนี้ พบว่ามีทางขึ้นไปยังยอดเขาทั้งสิ้นสี่สิบเก้าสาย ปลายทางทุกสายไปยังตำแหน่งต่างๆ บนยอดเขา ทุกตำแหน่งล้วนมีแท่นบูชาโบราณแท่นหนึ่ง”

จ้าวจิ่งเซวียนรีบพูดออกมาว่า “ตอนนั้นขุมอำนาจที่มาที่นี่มีไม่มากนัก ก็เลยไม่เกิดการต่อสู้และแก่งแย่ง ทำให้พวกเราครองแท่นบูชาแท่นหนึ่งบนยอดเขาได้โดยราบรื่น”

“ดูท่าตอนนี้ขุมอำนาจที่เพิ่งมาถึงเอาช่วงใกล้ๆ เหล่านั้น เห็นได้ชัดว่ากำลังแย่งชิงอาณาเขตแท่นบูชาที่อยู่ปลายทางแต่ละสาย”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้หลินสวินพลันอึ้งไป ทางขึ้นเขาสี่สิบเก้าสายบนภูเขาเทพหมอกม่วงมุ่งหน้าไปยังหน้าแท่นบูชาสี่สิบเก้าแท่นบนยอดเขา

เห็นได้ชัดว่าการจัดแจงเช่นนี้ต้องมีความหมายลึกซึ้ง หากจะชิงวาสนา ขุมพลังที่สามารถครองอาณาเขตแท่นบูชาได้ ย่อมสามารช่วงชิงโอกาสสำคัญได้อย่างไม่ต้องสงสัย!

“มหามรรคห้าสิบ อุบัติฟ้าสี่สิบเก้า โอกาสรอดพ้นเพียงหนึ่งในนั้น นี่มันสถานการณ์เสี่ยงตายเป็นบ้าเลยนะ!”

เจ้าคางคกสีหน้าหวาดหวั่น “ข้าพลันมีลางสังหรณ์ว่าบนภูเขาเทพหมอกม่วงนี้ต้องมีมหาศุภโชคที่แท้จริงบังเกิดขึ้น แต่นี่ก็หมายความว่าอันตรายใหญ่หลวงจะมาเยือน ผู้ที่สามารถช่วงชิงวาสนาในท้ายที่สุดมีเพียงแค่หยิบมือ”

“ไป พวกเราไปทางขึ้นเขาสายที่เก้า พวกเซียวหรัน อวิ๋นเช่อล้วนครองที่นั่นไว้นานแล้ว พวกเราไปรวมตัวกับพวกเขากัน”

จ้าวจิ่งเซวียนสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งแล้วเดินหน้าต่อไป

เดิมทีหลินสวินไม่คิดจะไปพบคนเหล่านั้น อย่างไรเสียตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นซูซิงเฟิง เหวินเสียง หรือว่าเซียวหรัน กงหยางอวี่ อวิ๋นเช่อ น่ากลัวว่าจะจ้องเขาอย่างดุร้ายราวพยัคฆ์ ทันทีที่เกิดการปะทะกันขึ้นก็มีแต่จะทำให้จ้าวจิ่งเซวียนลำบากไปด้วย

“เจ้าไม่อยากรู้หรือว่าใครเป็นคนร้ายที่ลอบสังหารเจ้า อาศัยจังหวะนี้ก็ควรจะสะสางเรื่องนี้ให้เรียบร้อยเพื่อไม่ให้ยืดเยื้อ”

จ้าวจิ่งเซวียนเหมือนอ่านออกว่าหลินสวินคิดอะไร จึงเสริมขึ้นหนึ่งประโยค

หลินสวินพลันไม่ลังเลอีก

ทั้งสามคนร่วมกันเดินหน้าอย่างระมัดระวัง

เวลานี้ไม่เพียงแต่พวกเขา ในบริเวณใกล้เคียงยังมีผู้แข็งแกร่งมากมายรีบรุดมา ล้วนรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนตามขุมอำนาจเผ่าต่างๆ

เห็นได้ชัดว่ายิ่งเวลาดำเนินไป การแก่งแย่งก็มีแต่จะยิ่งทวีความรุนแรง!

ที่ตีนเขาของภูเขาเทพหมอกม่วง การต่อสู้ดุเดือดนัก เสียงสังหารสะเทือนฟ้าในพื้นที่ต่างๆ เงาร่างมากมายเคลื่อนไปตามทางขึ้นเขาอย่างบ้าคลั่ง ทว่าแค่ถึงกลางทางก็สิ้นชีพ เลือดอาบมหาคีรี

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าผู้แข็งแกร่งจากแต่ละเผ่าล้วนคิดจะไปครองแท่นบูชาก่อนเพื่อช่วงชิงโอกาสสำคัญ ไม่มีใครกล้าออมมือ

นี่ต้องเป็นการประลองใหญ่ที่บ้าคลั่งที่สุดก่อนวาสนาอุบัติขึ้นครั้งหนึ่ง ผู้แข็งแกร่งแน่นขนัดราวป่าทึบฆ่าฟันกันเอง วิชาลับและสมบัตินานาชนิดกำลังพุ่งชน ห้ำหั่นกันจนเสียสติ

พวกหลินสวินก็เตรียมพร้อมต่อสู้ ไม่กล้าเลินเล่อ

เพียงแต่ยังไม่รอให้เข้าใกล้ทางขึ้นภูเขาสายที่เก้า พวกเขาก็ถูกดึงเข้าไปในการห้ำหั่น พบเจอการล้อมโจมตี

ในความเป็นจริง ไม่เพียงแต่พวกเขา ยามผู้แข็งแกร่งจากเผ่าอื่นๆ มาถึงล้วนไม่อาจหลีกเลี่ยงการห้ำหั่นและแก่งแย่งได้เลย ไม่มีผู้ใดจะสามารถถือโอกาสหาประโยชน์ได้

“ฆ่า!”

การต่อสู้ปะทุขึ้น หลินสวินก็ไม่อาจออมมืออีก ในมือถือดาบหัก พุ่งไปยังทางขึ้นเขากับจ้าวจิ่งเซวียนและเจ้าคางคก

ดูเหมือนมีเพียงสามคนเท่านั้น แต่กับประหนึ่งคมดาบแหลมคมไร้เทียมทานเล่มหนึ่ง ทำลายสิ้นซากตลอดทาง ไม่อาจต้านทานได้

ควรรู้ว่าตอนแรกหลินสวินเพียงคนเดียวก็สามารถกำราบการล้อมโจมตีของบุคคลระดับบุตรเทพได้แล้ว อีกทั้งยังตอบโต้ตามสังหารกลับ ฆ่าจนผู้แข็งแกร่งจากเผ่าอื่นกระเจิดกระเจิง เลือดนองตลอดทาง ไม่อาจสกัดกั้นได้เลย

ทว่าตอนนี้ข้างกายหลินสวินมีจ้าวจิ่งเซวียนกับเจ้าคางคกเพิ่มขึ้นมา ภายใต้การร่วมมือกันของทั้งสามคน ผู้แข็งแกร่งเหล่านั้นจะต้านทานได้อย่างไร

“สวรรค์ เป็นเทพมารหนุ่มน้อยเผ่ามนุษย์ผู้นั้น เขาก็มาแล้ว!”

“รีบหนีเร็ว! ดาวสังหารโหดเหี้ยมชั่วช้านั่นมาแล้ว!”

ไม่นานนักก็มีคนจำหลินสวินได้ พลันเกิดเสียงฮือฮาไปทั่ว ผู้แข็งแกร่งที่อยู่ใกล้เคียงกันล้วนมีท่าทางเหมือนเห็นผี พากันถอยหนี สีหน้าประหวั่นพรั่นพรึง ไม่กล้าต่อกรกับหลินสวิน

ชื่อเสียงชั่วร้ายของเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์นั้น ตอนนี้ได้กระจายไปทั่วแดนลับอสูรมารอริยะ ผู้แข็งแกร่งเผ่าใหญ่รู้จักเป็นอย่างดี

ดังนั้นเวลานี้เมื่อหลินสวินถูกจำได้ จึงเกิดเสียงครึกโครมใหญ่โตปานนี้ ทำเอาผู้แข็งแกร่งเหล่านั้นล้วนหวาดหวั่นและกลัวเกรงไม่หยุดหย่อน

อย่างไรถึงเรียกว่าพลานุภาพ

ก็เป็นเช่นนี้อย่างไรเล่า

ทว่าเมื่อเป็นเช่นนี้ก็พาให้พวกหลินสวินผ่อนคลายลงไม่น้อย อุปสรรคที่เข้ามาก็แทบหายไป เหยียบย่างลงบนทางขึ้นเขาสายที่เก้าโดยราบรื่น

“ไม่คิดเลยว่าตอนนี้ชื่อเสียงของเจ้าจะโด่งดังยิ่ง ทันทีที่ออกโรงก็พาให้เหล่าผู้แข็งแกร่งถอยหนีไปเอง ฤทธิ์เดชเหลือคณา”

มุมปากจ้าวจิ่งเซวียนระบายยิ้ม หยอกล้อเสียหนึ่งประโยค

หลินสวินไหวไหล่แล้วเอ่ยว่า “เจ้าอย่าได้ใจไป ต้องมีพวกไม่กลัวตายกระโดดออกมาแน่”

ดังคาด เขาเพิ่งพูดจบก็มีพลังน่าหวาดหวั่นปะทุขึ้นทันใด มีผู้แข็งแกร่งซุ่มโจมตีจากด้านหนึ่ง

“ปากเสีย!” เจ้าคางคกพลันด่าเสียงดัง

หลินสวินก็พูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง เมื่อครู่เขาเพียงแต่ล้อเล่นเท่านั้น ไม่คิดว่าจะกลายเป็นจริงไปได้

ตึง!

จ้าวจิ่งเซวียนเรียกกระถางสมบัติเก้ามังกรออกมา สลายการโจมตีน่ากลัวนั้น

“อวี่เซียวเซิง!”

เวลานี้หลินสวินถึงได้เห็นว่าเจ้าคนที่ลงมือนั้นดันเป็นอวี่เซียวเซิง บุตรเทพเผ่าวาฬมังกร “เจ้ายังกล้ามารนหาที่ตาย!?”

หลินสวินสีหน้าพลันถมึงทึง ดาบหักพาดผ่านอากาศ พุ่งไปโจมตีฝ่ายตรงข้าม

ตั้งแต่หลายวันก่อนหลินสวินก็เคยเอาชนะอวี่เซียวเซิง เกือบสังหารเขาให้ตาย ไม่เคยคิดเลยว่าเขายังกล้าวิ่งออกมา นี่ช่างทำให้หลินสวินเกินความคาดหมายอยู่บ้าง

แต่ไม่นานนักหลินสวินก็เข้าใจแล้ว ที่แท้อวี่เซียวเซิงผู้นี้หาผู้ช่วยมา อีกทั้งยังไม่ได้มีเพียงคนเดียวเสียด้วย

บุตรเทพเผ่าคชามาร ธิดาเทพเผ่ากาฬพฤกษ์ บุตรเทพเผ่ากวางหยก และบุตรเทพเผ่าวานรนทีล้วนอยู่ในนั้น นอกจากคู่แค้นที่คุ้นเคยเหล่านี้แล้ว ยังมีชายหญิงคนอื่นๆ อีก ล้วนมีท่าทางไม่ธรรมดา เห็นได้ชัดว่าเป็นบุคคลชั้นยอดระดับบุตรเทพ

ก็ไม่แปลกที่อวี่เซียวเซิงจะกล้าปรากฏตัว ลองเปลี่ยนเป็นคนอื่นดึงกลุ่มผู้แข็งแกร่งชั้นยอดเช่นนี้มาร่วมด้วย น่ากลัวจะไม่หวั่นเกรงอะไรอีกแล้ว

เปรี้ยง!

การต่อสู้ปะทุขึ้นอย่างสมบูรณ์ อวี่เซียวเซิงนำกลุ่มบุคคลระดับบุตรเทพออกโจมตีเต็มกำลัง เรียกสมบัติลับทั้งมวลออกมา สำแดงวิชาลึกลับ ก็เห็นว่าห้วงอากาศเจิดจ้า ที่ไหลเอ่อออกมาล้วนเป็นแสงสมบัติ สภาพการณ์น่าตกใจถึงที่สุด

เพียงพริบตาเดียวเจ้าคางตกก็ทานไว้ไม่ไหว คำรามเสียงดังพลางหลบหนีไม่ว่างเว้น

แม้แต่จ้าวจิ่งเซวียนก็รู้สึกเปลืองแรง ใช้กระถางสมบัติเก้ามังกรต้านทานไว้อย่างเต็มกำลังแต่กลับไม่สามารถโต้กลับได้เลย

“พวกเจ้าไปก่อน!”

หลินสวินโมโหถึงที่สุดแล้ว อวี่เซียวเซิงกับพวกบุตรเทพเหล่านั้น ครั้งที่แล้วหนีรอดไปได้ คราวนี้พวกเขากลับร่วมมือกันมาหาเรื่องอีกครั้ง นี่เป็นสิ่งที่หลินสวินไม่อาจทนได้

เขาคนเดียวมาขวางทางขึ้นเขา รอบกายเอ่อล้นไปด้วยรัศมีเทพสีใสโชติช่วง ท่วงทำนองมรรคไหลวน ท่วงท่าโอหังเย้ยหยันใต้หล้า มีมาดราวหนึ่งบุรุษสยบหมื่น

ตูม!

ดาบหักเคลื่อนผ่านอากาศ ฟันออกมาเป็นธารดาราแวววาวม้วนตลบห้วงอากาศ เปล่งรัศมีเทพแยงตา เพียงคนเดียวกลับไปประจันหน้ากับเหล่าบุคคลระดับบุตรเทพ!

สภาพการณ์สะท้านโลกาเช่นนี้ถึงกับดึงดูดให้ผู้แข็งแกร่งอื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียงพากันชำเลืองมอง และรับสึกตกใจยิ่งนัก เทพมารหนุ่มน้อยผู้นี้ช่างโหดเหี้ยมและกำเริบเสิบสานไปแล้ว เขาจะสู้ตัวคนเดียวกับกลุ่มผู้กล้าจริงหรือ

“รนหาที่ตาย!”

“ทุกคน ร่วมกันฆ่าเขาแล้วชิงศุภโชคที่อยู่กับตัวเขามาก่อน พวกเจ้าไม่อยากรู้หรือว่าเขาเย้ยฟ้าปานนี้ได้อย่างไร ก็เพราะเขาได้วาสนาเย้ยฟ้ามาจากเกาะอริยะปัญจธาตุอย่างไรเล่า!”

อวี่เซียวเซิงคำรามยาว แล้วสรุปเหตุผลที่หลินสวินแข็งแกร่งว่าเป็นเพราะวาสนาที่ได้มาจากเกาะอริยะปัญจธาตุ เจตนาเรียกได้ว่าร้ายกาจถึงที่สุด

ดังคาด บุคคลระดับบุตรเทพเหล่านั้นล้วนตาลุกวาว พุ่งเข้าโจมตีโดยไม่สนใจทุกสิ่ง ทำให้พื้นที่ภูเขาแห่งนี้สั่นสะเทือน รัศมีเทพทำลายล้าง

นี่ยังดีที่เป็นภูเขาเทพหมอกม่วง เป็นพื้นที่ต้องห้ามลึกลับแห่งหนึ่ง ไม่มีทางถูกทำลายเสียหาย หาอยู่ในโลกภายนอก เพียงแค่คลื่นของการต่อสู้ครั้งนี้ก็สามารถสลายบรรพตนทีได้!

“ข้าฆ่าเจ้าก่อนเลย!”

หลินสวินคำราม พลังบ้าคลั่งแผ่ออกมา เงาร่างราวชือน้ำแข็งตัวหนึ่ง ถึงกับทลายการควบคุมของบุตรเทพกลุ่มหนึ่ง แล้วโจมตีไปยังอวี่เซียวเซิง

อวี่เซียวเซิงพลันสะดุ้งโหยง รีบร้อนหลบหนี จะคิดได้อย่างไรว่าหลินสวินถูกล้อมโจมตีขนาดนี้แล้วยังแข็งแกร่งได้ปานนี้

ฉัวะ!

หลินสวินโบกแขนเสื้อ แสงสีดำแถบหนึ่งยิงออกมา ไม่เพียงพุ่งเป้าไปที่อวี่เซียวเซิงคนเดียว แม้แต่เหล่าบุคคลระดับบุตรเทพที่อยู่ใกล้เคียงก็โดนลูกหลงไปด้วย

แสงสีดำนี้ย่อมเป็นสิ่งที่หนอนกินเทพสร้างขึ้น!

ต่อให้พวกอวี่เซียวเซิงมีพรสวรรค์เกินมนุษย์แค่ไหน แต่มีหรือจะรู้ถึงความร้ายกาจของหนอนเทพบรรพกาลพรรค์นี้ ฉับพลันจึงตกอยู่ในสถานการณ์เหนือคาดหมาย ถูกหนอนกินเทพเจาะเข้าไปในห้วงนิมิต

ทันใดนั้นพวกบุตรเทพอย่างอวี่เซียวเซิงก็ร้องโหยหวน ใบหน้าบิดเบี้ยวน่ากลัวด้วยความเจ็บปวด ดูน่าสยดสยองเกินธรรมดา

นี่ทำให้บุตรเทพบางคนหนาวสะท้านในใจ นั่นมันของบ้าอะไรกัน ถึงได้ลี้ลับและมีพิษสงเช่นนี้

“อ๊าก…”

อวี่เซียวเซิงร้องเสียงหลง รับรู้ได้ถึงอันตราย หันกายหนีคิดจะหลบให้พ้น

“จะไปไหน!”

หลินสวินตะคอก เท้าใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็ง พุ่งพรวดไปข้างหน้าได้เร็วกว่าฝ่ายตรงข้ามหลายเท่า

ฟุ่บ!

ดาบหักพุ่งวาบว่องไว ศีรษะหนึ่งกระเด็นไปในอากาศ เลือดไหลพรั่งพรูราวน้ำพุ อวี่เซียวเซิงถูกปลิดชีพคาที่!

ที่ประหลาดที่สุดก็คือ จิตวิญญาณของเขาถูกพลังของยันต์กระดูกวิญญาณรวบไว้ชัดๆ จะคลื่อนย้ายหายไปจากที่นั้น

แต่ในชั่วพริบตาที่จากไป จิตวิญญาณของเขาพลันแหลกสลาย ถูกหนอนสีดำสนิทที่มีขนาดเท่าเมล็ดข้าวตัวหนึ่งเท่านั้นดูดกลืนให้หายไป!

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด