Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 579 เหตุใดไม่ร้องแล้ว

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 579 เหตุใดไม่ร้องแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ชั่วอึดใจ พื้นที่บริเวณนี้มีเสียงร้องโหยหวนไม่ขาดสาย ผู้แข็งแกร่งจำนวนมากไม่ทันตั้งตัวก็ถูกสังหารคาที่ ร่างแปรสภาพเป็นน้ำพุโลหิต ย้อมห้วงอากาศกลายเป็นสีแดงฉาน

น่ากลัวเกินไปแล้ว!

นี่หมายจะเข่นฆ่าศัตรูทั้งหมดเพียงตัวคนเดียวชัดๆ!

ใช่แล้ว ไม่มีใครคาดคิดว่าหลินสวินไม่ได้แสร้งทำเป็นแข็งแกร่ง และไม่ได้กำลังวางท่า ถึงขนาดที่ว่าเขาไม่ได้ปิดบังเจตนาของตนเลยตั้งแต่ต้นจนจบ

น่าขันที่พวกเขาเห็นหลินสวินเป็นชิ้นเนื้อบนเขียง ไม่มีภัยคุกคามมาโดยตลอด ยามหลินสวินสำแดงฤทธิ์เดชไร้ทัดเทียมนั่นออกมา พวกเขาพลันมึนงง ทั้งตกตะลึงและเดือดดาล

โครม!

หลินสวินเปิดเผยชัดแจ้ง พลังหมัดซัดสะเทือนทศทิศ อิทธิฤทธิ์เหิมฮึกไร้เทียมทาน ทุกที่ที่ล่วงผ่านฝนโลหิตกระเซ็นสาดห้อทะยานหาเทียบเทียมมิได้

สิบกว่าวันมานี้เขาถูกเจ้าพวกนี้ตามสังหารไล่หลังตลอดทางประดุจตัวอ่อนแมลงวันเกาะกระดูก เกือบพบกับเคราะห์ร้ายหลายต่อหลายครั้ง

มาตอนนี้หลินสวินฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์ พลังการต่อสู้ก้าวสู่ปลายยอดในระดับเดียวกัน สามารถอวดศักดาต่อศัตรูทั้งปวงได้ แน่นอนว่าย่อมไม่ปกปิดซ่อนเร้นอีกต่อไป

เขาเริ่มโต้กลับเพื่อระบายความเคียดแค้นในใจ

“ฆ่า!”

บุตรเทพเผ่าวิญญาณสมุทรแผดเสียงยาวพร้อมกับเรียกกระบี่วิญญาณสีครามออกมาเล่มหนึ่ง มันตีเกลียวม้วนเข้าปกคลุมหลินสวินดุจดั่งเลิกม่านผืนสมุทรขึ้นมา

เพียงแต่หลินสวินไม่มองสักนิด เงาร่างไหววูบหลบเลี่ยงการโจมตีครั้งนี้ และเมื่อปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ก็ไปไล่ฆ่าผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆ ในเผ่าวิญญาณสมุทรทันที

เพียงชั่วครู่เท่านั้นก็มีผู้แข็งแกร่งเผ่าวิญญาณสมุทรสิบกว่าคนถูกปลิดชีพ หยาดโลหิตย้อมผืนปฐพีกว้างเป็นสีแดงฉานน่าสยดสยอง

บุตรเทพเผ่าวิญญาณสมุทรตาแทบถลน โกรธจนเกือบจะคลุ้มคลั่ง

เขาถาโถมโจมตีอีก ทว่าจดปัญญาที่หลินสวินไม่ประจันหน้ากับเขาเลยแม้แต่น้อย เท้าเหยียบชือน้ำแข็งทะยานตัววูบไหวดุจภูตผีปีศาจ กระหน่ำสังหารคนในเผ่าของบุตรเทพเผ่าวิญญาณสมุทรอย่างต่อเนื่อง

“ขี้ขลาด! กล้าสู้กับข้าซึ่งหน้าหรือไม่!?”

บุตรเทพเผ่าวิญญาณสมุทรคำราม

หลินสวินไม่แยแสเขาแม้แต่น้อย ดุจดั่งไม่เคยเห็นเขาอยู่ในสายตาเลยสักนิด

กระทั่งต่อมาผู้แข็งแกร่งเผ่าวิญญาณสมุทรที่เหลืออยู่เพียงหยิบมือสังเกตว่าท่าไม่ดีแล้ว พากันซ่อนตัวอยู่ข้างกายบุตรเทพเผ่าวิญญาณสมุทรอย่างตื่นตกใจ หลินสวินจึงเปลี่ยนเป้าหมายไปพิฆาตผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆ ในลานแทน

หลินสวินในเวลานี้แกร่งกล้าเกินไปจริงๆ ดุจดั่งคมดาบโหดเหี้ยมไร้เทียมทานเล่มหนึ่ง กรีธาศึกทั่วลาน ตัดขวางอหังการ ไม่มีใครสามารถทำให้ดาบคมนั้นทื่อลงได้เลย

ชั่วขณะนั้นบริเวณนี้เต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องโหยหวน เสียงคำรามกราดเกรี้ยว เสียงตะโกน ดังผสมผสานกับหยาดโลหิตสีแดงก่ำ ซากศพแหลกเละ กลายเป็นภาพนองเลือดที่ทำให้ผู้คนอกสั่นขวัญแขวนภาพหนึ่ง

นี่ไหนเลยจะเป็นการต่อสู้

เห็นชัดว่ามันคือการสังหารหมู่!

‘เจ้าหมอนี่… เจ้าหมอนี่เป็นปีศาจร้ายตนหนึ่งชัดๆ!’ อวี่เซียวเซิงที่ซ่อนตัวอยู่ไกลๆ เห็นเข้าก็ตกใจเนื้อกระตุก สูดหายใจเย็นเยียบ

ไม่เพียงแค่เขา แม้แต่บุคคลชั้นยอดอย่างพวกธิดาเทพเผ่ากาฬพฤกษ์ บุตรเทพเผ่ากวางหยก บุตรเทพเผ่าคชามารต่างก็หนาวเยือกในใจ ราวกับตกอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง

แรกเริ่มเดิมทีพวกเขายังใคร่ครวญว่าจะฉวยโอกาสนี้ อาศัยตอนที่หลินสวินไม่ทันตั้งตัวลงมือกับเขาอีกครั้งหรือไม่

แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าหากทำเช่นนี้ ก็เห็นชัดว่าไม่ต่างอะไรกับการทิ้งชีวิตเลย เด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนนี้โหดเหี้ยมเหลือล้นนัก!

“เดรัจฉาน! เจ้ากล้าโจมตีแต่ผู้อ่อนแอเท่านั้นหรือ”

บุตรเทพเผ่าวิญญาณสมุทรโกรธจนดวงตาสองข้างแทบลุกเป็นไฟ เพียงระยะเวลาอันสั้นเท่านั้น เผ่าวิญญาณสมุทรของพวกเขาก็มีผู้แข็งแกร่งจำนวนหนึ่งถูกฆ่าอีกครั้ง นี่จะไม่ทำให้เขาโกรธได้อย่างไร

สิ่งที่ทำให้เขาบ้าคลั่งมากที่สุดคือ ตั้งแต่ต้นจนจบหลินสวินเอาแต่หลบเลี่ยงเขา ไม่เผชิญหน้ากับเขาซึ่งหน้าเลยแม้แต่น้อย ทำเอาเขาโมโหแทบกระอักเลือด

เคยมีหรือที่เขาต้องทนกล้ำกลืนกับการเพิกเฉยเช่นนี้ เห็นชัดว่าไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาสักนิด!

“ใจเสาะ! ขี้ขลาด! ปอดแหก! ขายขี้หน้าเผ่ามนุษย์ของพวกเจ้าสิ้นดี พวกต่ำช้าพรรค์นี้อย่างเจ้า แม้จะแข็งแกร่งเพียงใดก็เป็นได้แค่คนไร้ค่าที่รังแกเฉพาะคนไม่มีทางสู้เท่านั้น!”

บุตรเทพเผ่าวิญญาณสมุทรคำรามเสียงกร้าว

น่าเสียดาย หลินสวินยังคงเมินเขา พุ่งสังหารเข่นฆ่าเต็มกำลัง ไม่คิดจะปล่อยศัตรูคนใดไป เงาร่างไหววูบพลิ้วล่อง ดำเนินการสังหารหมู่อยู่ในพื้นที่แห่งนี้

“อ๊าก…”

ท้ายที่สุดผู้แข็งแกร่งจำนวนมากต่างเสียขวัญ ตระหนักว่าหลินสวินผงาดขึ้นมาอย่างแท้จริงแล้ว หาใช่ตะเกียงไร้น้ำมันไม่ หากแต่หวนสู่พลังต่อสู้สูงสุดอีกครั้ง

กอปรกับเป็นสักขีพยานเห็นการสังหารหมู่ที่อำมหิตเลือดเย็นของหลินสวินกับตา ได้เห็นว่าผู้แข็งแกร่งคนแล้วคนเล่าถูกเข่นฆ่าประหนึ่งของเปราะบางแตกหักง่าย ทุกสิ่งทุกอย่างนี้ทำให้พวกเขาจิตหลุดวิญญาณกระเจิง ร้องลั่นด้วยความหวาดกลัว พุ่งออกไปยังสี่ทิศแปดด้าน แตกตื่นไปทุกทิศทาง

เพราะพวกเขาล้วนถูกทำให้ตระหนกหวาดหวั่น สั่นเทิ้มหนาวเยือกไปทั้งตัว พลังอำนาจนั้นของหลินสวินไม่สามารถสกัดกั้นเอาไว้ได้สักนิด มีหรือพวกเขาจะยังกล้าต่อต้านอีก

“มากันหมดแล้ว ยังคิดจะจากไปอีกหรือ”

น้ำเสียงของหลินสวินราบเรียบไม่ได้ดังกังวานแต่อย่างใด ทว่าเปี่ยมด้วยไอสังหารเย็นเยียบ พาให้บรรดาผู้แข็งแกร่งยิ่งหวาดกลัวมากขึ้น

ตูม!

แสงศักดิ์สิทธิ์ปะทุขึ้น แพรวพราวดุจธารดารา เปล่งประกายถึงขีดสุดโดยมีหลินสวินเป็นจุดศูนย์กลาง ราวกับภูเขาไฟอันไม่มีที่สิ้นสุดพุ่งชนและระเบิดออกมา

แสงศักดิ์สิทธิ์น่าสะพรึงกลัวนั่นแผ่คลุมทั่วฟ้าดิน กวาดม้วนทั่วทศทิศ ปกคลุมบริเวณนี้เอาไว้สิ้น

ฉัวะๆๆ!

เพียงชั่วอึดใจเท่านั้น ไม่รู้ว่ามีผู้แข็งแกร่งสักกี่มากน้อยที่ไม่ทันตั้งตัวก็ถูกแสงศักดิ์สิทธิ์กวาดล้างกลายเป็นเศษเลือดชิ้นเนื้อกองหนึ่ง ตายในที่ต่างกันออกไป โลหิตไหลเป็นสายน้ำ ย้อมฟ้าดินเป็นสีแดงฉาน

ฉากนองเลือดอันโหดร้ายน่าสะพรึงกลัวนั้นทำให้อวี่เซียวเซิงที่อยู่ห่างออกไปแทบกลั้นหายใจ เขาเองก็หนีไปโดยไม่ล่าช้าอีก

พร้อมกันนั้นบุคคลระดับชั้นยอดของเผ่ากวางหยก เผ่าคชามาร และเผ่ากาฬพฤกษ์ก็เลือกจะหลบเลี่ยงลำแสงนั้นชั่วคราว เคลื่อนตัวหนีไปไกล

การเป็นปฏิปักษ์กับหลินสวินในเวลานี้ไม่ต่างอะไรกับการรนหาที่ตายเลยจริงๆ

กลางลาน เขม่าควันลอยคลุ้งตลบอบอวลไปทั่วบริเวณ การโจมตีเมื่อครู่อย่างน้อยก็คร่าชีวิตผู้แข็งแกร่งไปหลายสิบคน ส่วนตอนนี้เหลือเพียงแต่ผู้แข็งแกร่งสิบกว่าคนกระจัดกระจายอยู่เท่านั้น

นอกจากพวกเขาแล้ว บรรดาผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆ บ้างก็เผ่นหนี บ้างก็นอนจมกองเลือด ซากศพกองสะสม กระดูกขาวพูนหนาประดุจแดนนรก

“นี่…”

สีหน้าบุตรเทพเผ่าวิญญาณสมุทรเปลี่ยนไป อึมครึมไหววูบ เขาเองก็ตื่นตระหนก ถูกกระตุ้นด้วยภาพนองเลือดเบื้องหน้านี้เช่นเดียวกัน จากที่เดือดดาลพลันได้สติขึ้นมา

และเป็นตอนนี้เองที่เขาเพิ่งจะตระหนักว่า เหตุที่ก่อนหน้านี้หลินสวินไม่เผชิญกับเขาซึ่งหน้า หาใช่ขลาดกลัว แต่เพราะหมายจะใช้ทุกช่วงเวลากระหน่ำสังหารผู้แข็งแกร่งเหล่านั้นต่างหาก!

“ตอนนี้ เหตุใดเจ้าถึงไม่ร้องแล้ว”

นัยน์ตาดำของหลินสวินมองมา คมกริบประดุจสายฟ้า ทำเอาบุตรเทพเผ่าวิญญาณสมุทรมีความรู้สึกเหมือนถูกกรีดเฉือนอยู่กลายๆ

“เจ้าหยุดอาละวาดเสีย! ฆ่าผู้แข็งแกร่งมากมายเพียงนี้แล้ว แม้ว่าสุดท้ายจะสามารถรอดชีวิตออกไปจากแดนลับอสูรมารอริยะได้แล้วมันจะอย่างไรเล่า”

บุตรเทพเผ่าวิญญาณสมุทรสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เปล่งเสียงอย่างเย็นชา “คนใหญ่คนโตเหล่านั้นที่เฝ้ารออยู่โลกภายนอก ไม่มีวันปล่อยเพชฌฆาตที่สองมือเปื้อนเลือดอย่างเจ้าไปเป็นอันขาด!”

“นั่นเป็นเรื่องในภายหลัง ไม่ลำบากให้เจ้าต้องเป็นห่วงหรอก ข้าต่างหากที่อยากถามว่า ทำไมเจ้าถึงไม่ร้องแล้ว”

การแสดงออกของหลินสวินสงบราบเรียบ คำพูดกลับคล้ายมีดเล่มหนึ่ง ถูกบุตรเทพเผ่าวิญญาณสมุทรมองว่าเป็นการดูหมิ่นอย่างหนึ่ง

“เจ้า…”

เขาหน้าเขียว อกกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรวดเร็ว แค้นจนแทบจะขบฟันกรอด

“มาสิ เจ้าไม่ได้อยากสู้กับข้าหรือ ตอนนี้มีคนไม่มากแล้ว ประจวบเหมาะปลีกเวลาออกมาให้เราสองคนเล่นสนุกกันพอดี”

หลินสวินกล่าวพลางพุ่งไปเบื้องหน้า

ทว่าสิ่งที่เหนือความคาดหมายของหลินสวินคือ ขณะที่เขาเพิ่งจะขยับ บุตรเทพเผ่าวิญญาณสมุทรผู้นั้นถึงขั้นเผ่นหนีไปโดยไม่เหลียวหลังกลับมาเลย!

ทั้งยังบีบขยี้ยันต์เคลื่อนที่บางอย่าง ทำให้เขาอันตรธานหายไปในชั่วพริบตา…

หลินสวินก็อดตกตะลึงไม่ได้ เจ้าหมอนี่เมื่อครู่แหกปากร้องอย่างเกรี้ยวกราดขนาดนั้น ยังคิดว่าหยิ่งผยองสักแค่ไหน ใครเลยจะคาดคิด ยังไม่ทันประมือกันกลับเผ่นหนีในทันทีเสียแล้ว!

ผู้แข็งแกร่งอีกสิบกว่าคนที่เหลืออยู่ต่างหวาดกลัวจนตัวสั่นงันงกไปนานแล้ว ครั้นเห็นว่าบุตรเทพเผ่าวิญญาณสมุทรหนีไปโดยไม่สนศักดิ์ศรีเยี่ยงนี้ พวกเขาก็รู้สึกสิ้นหวังในทันที รู้สึกเหมือนสิ่งยึดเหนี่ยวในใจพังทลายลงกะทันหัน

หลินสวินไม่ได้ปรานี ซัดโจมตีออกไปอย่างเลือดเย็น ล้างบางพวกเขาทั้งหมด

หลังจากนั้นเขาไม่ปรายตามองแม้แต่ปราดเดียว ทั่วสรรพางค์กายรายล้อมด้วยแสงเรืองพิสุทธิ์เป็นประกาย สาวเท้ามุ่งไปข้างหน้า ไม่ได้ปกปิดร่องรอยดังเช่นก่อนหน้าอีกต่อไป

ถูกไล่ล่าสังหารนานขนาดนี้ เขาต้องเปิดฉากโต้กลับสักฉาด!

……

“หนีเร็ว!”

นับแต่วันนี้เป็นต้นไป ทุกหัวระแหงที่หลินสวินผ่านล้วนเต็มไปด้วยเสียงแห่งการเผ่นหนีไม่คิดชีวิต ไม่อาจขัดขวางย่างก้าวของหลินสวินได้แม้แต่น้อย น่ากลัวเกินไปแล้ว

เขาเป็นเหมือนเทพมารตนหนึ่ง ย่างเหยียบย่ำเท้าบนภูเขาศพทะเลเลือด เพียงคนเดียวกลับไล่สังหารผู้กล้าแต่ละเผ่าจนแตกพ่ายหนีกระเจิง พ่ายแพ้ไม่ขาดสาย

นี่ก็ต้องสมน้ำหน้าที่พวกเขาดวงซวย ตอนแรกพวกเขาไล่ล่าสังหารตลอดทาง แสนจะฮึกเหิมและอวดศักดามากขนาดไหน

กลับคิดไม่ถึงว่าจะถูกหลินสวินสวนกลับทันควัน เริ่มเป็นฝ่ายตีโต้ล่าสังหารพวกเขาบ้าง ความไม่เที่ยงแห่งชีวิตนั้น พลันสะท้อนให้เห็นอย่างเต็มเปี่ยมในเวลานี้

กลุ่มผู้แข็งแกร่งปราชัยยับเยิน ต่างพากันหลบหนี ทิ้งซากกระดูกศพแล้วศพเล่าเอาไว้ ในยามปกติพวกเขาอวดศักดา ท่าทีสูงส่งยิ่งนัก ทว่าตอนนี้กลับเหมือนสุนัขจรจัด หวาดหวั่นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

เห็นได้ชัดว่าหลินสวินไร้ปราณีมาก เขาเยือกเย็นแน่วแน่ ลุยดะไปตลอดทาง ก้าวย่างชือน้ำแข็งทำให้เขาครอบครองความเร็วหาที่เปรียบมิได้ ผู้แข็งแกร่งคนใดที่ถูกเขาเล็งเป้า แทบไม่มีใครรอดชีวิตไปได้สักคน

ข่าวแพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็วยิ่งยวด ไม่นานทั่วทั้งแดนลับอสูรมารอริยะก็ฮือฮา ยามที่ได้รู้เรื่องทุกอย่างนี้ ผู้แข็งแกร่งทุกคนล้วนหวาดผวา นี่เป็นเทพมารหนุ่มที่โผล่มาจากที่ใดกัน เหตุใดถึงได้น่ากลัวเยี่ยงนี้

อยู่ในระดับเดียวกัน ทว่าเปรียบดั่งมกุฎราชัน กวาดล้างคู่ต่อสู้จากทุกทิศทาง เหี้ยมหาญหาที่เปรียบมิได้!

นี่ไม่อาจเอาชนะได้เลยสักนิด เว้นแต่จะมีคนที่ก้าวสู่มกุฎมรรคาลงมือเท่านั้น มิเช่นนั้นไม่ว่าผู้ใดก็ไม่สามารถสั่นคลอนย่างก้าวของหลินสวินได้

“รีบไปเถอะ! ยังจะไล่ฆ่าอยู่อีกหรือ เจ้าบ้านี่ไม่รู้หรือว่าไอ้เด็กนั่นน่ากลัวขนาดไหน”

“เจ้าหมอนั่นมันราชาปีศาจชัดๆ ไม่อาจเทียบเทียมได้!”

“หากเขาเติบใหญ่เช่นนี้ต่อไปวันหน้าใครจะต้านเขาได้ ถ้าถึงตอนที่เขาก้าวสู่อริยมรรค กลัวแต่ว่าต้องสั่นสะเทือนไปทั่วใต้หล้ากระมัง”

ผู้แข็งแกร่งแต่ละเผ่าต่างกำลังหนีเอาชีวิตรอดอย่างไม่มีทางเลือก

ผู้ฝึกปราณบางส่วนที่ไม่รู้เรื่องชัดแจ้งเห็นดังนี้ล้วนอึ้งงันตาค้าง โดยเฉพาะตอนที่รู้ถึงผลการรบนองเลือดของหลินสวินตลอดทาง ยิ่งตกใจจนต้องเบือนหน้าวิ่งหนี ไม่กล้ารั้งอยู่นานกว่านี้แม้แต่น้อย

แม้ว่าแดนลับอสูรมารอริยะจะน่ากลัว ทว่าขอเพียงระมัดระวังก็สามารถหลบเลี่ยงอันตรายที่เป็นเหมือนข้อห้ามมากมายได้ แต่หากบังเอิญเจอเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์ผู้นี้เข้า นั่นเป็นการรนหาที่ตายโดยสิ้นเชิง!

“เป็นไปไม่ได้ ผู้แข็งแกร่งเคลื่อนไหวตั้งมากมายขนาดนี้ เอาชนะเขาคนเดียวไม่ได้เลยหรือ”

และมีบางคนที่ไม่เชื่อ ไม่อาจทำใจเชื่อได้อย่างยิ่ง

แต่ไม่มีใครไปอธิบายอะไร ต่างยุ่งง่วนกับการหนีเอาตัวรอดทั้งนั้น ใครจะมีแก่ใจไปโต้แย้งอีก ยังอยากมีชีวิตอยู่หรือไม่เล่า

ในที่สุดตอนที่ฆ่าสังหารจนออกมาจากหมู่เขาแถบนี้ หลินสวินก็หยุดลง

เนื่องจากพื้นที่ส่วนอื่นยังไม่เป็นที่รู้จัก ซุกซ่อนอันตรายที่ไม่อาจหยั่งถึง ทำให้เขาก็ไม่กล้ากระทำการโดยประมาทเช่นเดียวกัน

เขายังไม่ลืมว่าพญาเผิงปีกทองและเอกพญางูที่เคยเจอในทะเลทรายเมื่อตอนนั้น ล้วนเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าหวาดกลัวในแดนลับอสูรมารอริยะ!

ครั้งนี้ผู้แข็งแกร่งแต่ละเผ่าได้รับความสูญเสียอย่างหนัก และไม่รู้ว่าถูกสังหารไปมากน้อยเท่าไร

ส่วนผู้แข็งแกร่งที่หนีเอาชีวิตรอดมาได้ ต่างก็มีความสุขใจที่รอดพ้นหายนะอย่างหนึ่ง การถูกเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนหนึ่งกวาดล้างช่างเหมือนฝันร้ายตื่นหนึ่ง ทิ้งเงาทะมึนในใจของพวกเขาเอาไว้มากมาย

ในขณะเดียวกัน นอกแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ก็เกิดมรสุมคับฟ้าฉากหนึ่งขึ้นเช่นเดียวกัน!

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด