Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 822 จุดสูงสุดของระดับหนึ่ง

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 822 จุดสูงสุดของระดับหนึ่ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 822 จุดสูงสุดของระดับหนึ่ง
ระดับเจตจำนงแห่งมรรคคือระดับที่สองของการแจ้งมรรค เป็นระดับที่สูงกว่าระดับท่วงทำนองแห่งมรรค

เมื่อมาถึงระดับนี้ ผู้ฝึกปราณสามารถใช้พลังเจตจำนงแห่งมรรคหลอมรวมในมรรควิถีของตน อย่างเช่นในการต่อสู้หรือการฝึกปราณ

โดยทั่วไปแล้วแม้เป็นมหายุทธ์ที่เข้าถึงระดับกระบวนแปรจุติ ก็มีเพียงส่วนน้อยที่สามารถหยั่งถึงและขัดเกลาพลังเจตจำนงแห่งมรรคจากฟ้าดินได้

แต่หลินสวินกลับสามารถมองทะลุเจตจำนงแห่งมรรคธาตุน้ำด้วยรากฐานพลังเพียงระดับหยั่งสัจจะ นี่ดูพิเศษมากอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่เหมือนใครในโลก นับได้ว่าเป็นสัตว์ประหลาดคนหนึ่ง

อาทิตย์ตกสาดแสงราวกับเปลวเพลิงที่ลุกไหม้

เงาร่างของหลินสวินปรากฏอยู่ตรงหน้าทะเลสาบสีมรกตอันเงียบสงบ

พื้นผิวของทะเลสาบใสราวกับกระจกที่เงาวาว สะท้อนภาพทิวทัศน์อย่างหมดจด พื้นที่บริเวณโดยรอบล้วนถูกฉายบนพื้นผิวของทะเลสาบอย่างละเอียดไม่มีขาดตก

และสภาวะจิตของหลินสวินก็สงบเงียบราวกับน้ำ นิ่งสงบและราบเรียบ สัมผัสและสำรวจความงามแห่งฟ้าดินที่ไม่เคยรับรู้มาก่อนอย่างเป็นธรรมชาติ

ฟ้าดินมีความงดงามยิ่งใหญ่ แต่ไม่เคยใช้วาจาโอ้อวด ฤดูกาลทั้งสี่มีการหมุนเวียนสม่ำเสมอ แต่ไม่เคยอวดอ้าง สรรพสิ่งมีหลักการเติบโตที่แน่นอน แต่ไม่เคยสาธยาย มีเพียงการสงบใจสัมผัส จึงจะเข้าใจความหมายของมัน

นี่คือความวิเศษอย่างหนึ่งที่ปรากฏขึ้นในจิตใจ หลังจากหยั่งถึงเจตจำนงแห่งมรรคธาตุน้ำ ‘ใจสงบนิ่งดั่งน้ำ สามารถสะท้อนภาพสรรพสิ่ง’

หลินสวินยืนอยู่ริมทะเลสาบ ออกหมัดสำแดงความมหัศจรรย์ของเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์อย่างเงียบๆ

เขาไม่ได้ใช้พลังปราณ แต่ในหมัดของเขากลับแฝงไว้ด้วยนัยแห่งธาตุน้ำ ราวกับน้ำไหลเมฆเคลื่อน เรียบง่ายไม่มีตัวตน ไม่เจือปนกลิ่นอายโลกีย์แม้แต่น้อย ยอดเยี่ยมสุดจะพรรณนา

ฮวา~~

ในทะเลสาบที่อยู่ห่างออกไป ผิวน้ำอันราบเรียบกระเพื่อมระลอกหนึ่ง ราวกับเกิดจากแรงหมัดอันไร้รูป

ครู่หนึ่งหลังจากนั้น ระลอกคลื่นบนทะเลสาบแปรเปลี่ยนเป็นคลื่นยักษ์โหมซัดสาด คำรามราวกับฟ้าร้อง ยกตัวปั่นป่วนเป็นเสาน้ำสูงร้อยจั้ง ราวกับมังกรน้ำมากมายถูกพลังหมัดดึงดูด คำรามอย่างเดือดพล่านอยู่ในอากาศ

จนกระทั่งตอนหลัง ฟ้าดินถูกเขาเติมเต็ม แสงน้ำอันเป็นประกายพุ่งทะยาน มีสภาพบรรยากาศที่ทรงพลานุภาพและทอดยาวติดต่อกันอย่างไร้ขีดจำกัดอย่างหนึ่ง

แม้แต่ฟ้าดินยังเริ่มสั่นสะเทือน หมู่เขารอบๆ สั่นไหว ต้นไม้เก่าแก่ที่เจริญงอกเงาเกิดเสียงดังแซ่กๆ

สัตว์อสูรบางส่วนที่อาศัยอยู่ในผืนป่าต่างหวาดหวั่น ล้วนกำลังหนีเอาตัวรอด

ตูม!

ตามการสำแดงวิชาหมัดที่ลึกล้ำขึ้นเรื่อยๆ ของหลินสวิน จังหวะการสั่นสะเทือนของฟ้าดินยิ่งรุนแรงขึ้น ภูเขาทะเลสาบล้วนถูกแสงน้ำอันน่าสะพรึงท่วมท้นทั้งหมด

แม้อยู่ห่างออกไปร้อยลี้ยังสามารถได้ยินเสียงอึกทึกของแรงหมัดและคลื่นที่ซัดสาด ราวกับสายฟ้าบนเก้าชั้นฟ้ากำลังสั่นสะเทือน

น่าทึ่งเกินไปแล้ว ไม่ใช้พลังวิญญาณ เพียงหลอมรวมเจตจำนงแห่งมรรคธาตุน้ำให้เข้ากับแรงหมัด กลับแสดงอานุภาพอันน่าสะพรึงที่ฟ้าดินสะเทือนไหว สรรพสิ่งหวาดหวั่น!

หลินสวินในตอนนี้เงาร่างถูกล้อมรอบไปด้วยแสงน้ำมากมาย มีความรู้สึกไม่สมจริงเหมือนเป็นภาพมายา บริสุทธิ์อยู่เหนือโลกีย์

ครืน!

จู่ๆ เขาก็เก็บหมัด เท้าเหยียบย่างออกไป ชือน้ำแข็งตัวหนึ่งทะยานขึ้นฟ้า ยาวราวพันจั้ง ลำตัวประหนึ่งภูเขาที่คดเคี้ยว สีขาวเป็นประกาย แหงนหน้าครวญ ราวกับชือน้ำแข็งบรรพกาลที่แท้จริงปรากฏตัวอย่างไม่มีผิดเพี้ยน ขยับเคลื่อนอย่างน่าเกรงขามอยู่ท่ามกลางฟ้าดิน!

ก้าวย่างชือน้ำแข็ง

โครม!

ชือน้ำแข็งสะบัดหาง เทือกเขาลูกหนึ่งบริเวณนั้นพลันถล่มเสียงดังสนั่น

ในเวลาเดียวกัน จู่ๆ หลินสวินก็เงยหน้าขึ้น ตาทั้งคู่สาดแสงราวกับสายฟ้าสองสาย สองมือของเขาราวกับภาพมายา กดกลางอากาศเบาๆ คราหนึ่ง

ภาพชวนตะลึงปรากฏขึ้นแล้ว ยอดเขาที่เดิมถล่มทลาย กลับหยุดอย่างกะทันหัน ราวกับถูกกักขังอยู่ตรงนั้น

ฝุ่นควัน เศษหินที่กระเด็นล้วนหยุดชะงักทั้งอย่างนั้นไม่ขยับ ปรากฏเป็นสภาวะหยุดนิ่งอย่างหนึ่ง

ผนึกป้าเซี่ย!

ทุกอย่างยังไม่จบ หลังจากนั้นหลินสวินสำแดงความมหัศจรรย์แห่งมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปรอย่างประทับปี้อั้น ไอซวนหนี ปะทะฟู่ซี่ โทสะหยาจื้อ เสียงคำรามผูเหลาออกมาทั้งหมด

เพียงแต่ต่างจากที่ผ่านมา มังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปรที่หลอมรวมกับเจตจำนงแห่งมรรคธาตุน้ำ อานุภาพเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมากกว่าเท่าตัว!

จวบจนรัตติกาลมาเยือน หลินสวินยังคงสำแดงพลังยุทธ์ ใช้เจตจำนงแห่งมรรคธาตุน้ำเป็นตัวนำ สร้างพลังต่อสู้ของตนขึ้นใหม่

ก็ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร

ตูม!

หลินสวินพลันเก็บมือ พลังอันน่าหวั่นหวาดที่สั่นสะเทือนอยู่กลางฟ้าดินราวกับเสียการควบคุมกะทันหัน กระจายหายไปโดยพลัน

และในเวลาเดียวกันนั้น ทั้งตัวหลินสวินแผ่พลานุภาพอันน่าพรั่นพรึงไปทั่วทุกทิศ เพียงพริบตาเดียว ในรัศมีร้อยลี้รรพสัตว์หมอบคลานกับพื้น ตัวสั่นระริก ตกใจจนทรุดตัวอยู่ตรงนั้น

นี่เป็นกลิ่นอายของมกุฎราชันอันสะท้านขวัญ เป็นอานุภาพหลังจากระดับหยั่งสัจจะเข้าถึงขั้นสมบูรณ์ ราวกับผู้นำแห่งราชัน ส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตทุกชนิด ทำให้พวกมันหวาดหวั่น ในใจเกิดความรู้สึกยอมจำนนที่ไม่อาจต้านทาน

‘นี่ต่างหากที่เป็นขั้นสมบูรณ์อย่างแท้จริง ในที่สุดข้าก็ทำได้แล้ว…’

ดวงตาของหลินสวินสาดฉายแสงเจิดจ้าฉีกทำลายความมืด เปล่งประกายท่วงทำนองปราณอันเป็นเอกลักษณ์ที่สมบูรณ์แบบและว่างเปล่าไปทั่วทั้งร่าง

เขาสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงพลังที่เพิ่มพูนในร่าง แข็งแกร่งขึ้นกว่าในอดีตยกใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นพลังจิตวิญญาณหรือพลังปราณล้วนเรียกได้ว่าพุ่งพรวดขึ้น!

ไม่นานปรากฏการณ์ประหลาดทั้งหมดก็กลับคืนสู่ความสงบ ทะเลสาบราบเรียบ เต็มไปด้วยแสงดาวสีเงิน แสงคลื่นเป็นประกายระยิบระยับ หมู่เขาในระยะไกลเงียบสงบ ถูกปกคลุมอยู่ท่ามกลางราตรี

มีเสียงร้องของแมลงดังขึ้นเป็นบางคราว ดูเงียบสงัดเป็นพิเศษ

หลินสวินมีความรู้สึกหนึ่ง ราวกับเพียงยกมือขึ้นก็สามารถเด็ดดวงดาวบนฟากฟ้าลงมาได้ เพียงย่างเท้าก็สามารถข้ามผ่านภูผาธาราไม่มีที่สิ้นสุด

แน่นอนว่านี่เป็นเพียงความรู้สึกหลังจากศักยภาพพัฒนาขึ้นเท่านั้น แต่หลินสวินแข็งแกร่งถึงขีดสุดอย่างแท้จริง หากบอกว่าเมื่อก่อนเขาเป็นราชันในระดับหยั่งสัจจะ สามารถปราบปรามศัตรูทุกคนได้

ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ แม้เป็นราชันในระดับหยั่งสัจจะเช่นกันมาเยือน เขาก็มั่นใจว่าสามารถสยบคู่ต่อสู้ได้อย่างง่ายดาย!

‘ต่อจากนี้ก็สามารถเริ่มเตรียมบรรลุสู่ระดับกระบวนแปรจุติได้แล้ว!’

ใบหน้าของหลินสวินเผยรอยยิ้ม รู้สึกดีใจอย่างควบคุมไม่อยู่

เขาค้างอยู่ในระดับหยั่งสัจจะตั้งแต่ตอนที่อยู่ในจักรวรรดิจื่อเย่าแล้ว จนถึงตอนนี้ในที่สุดก็เข้าถึงจุดสูงสุดของขั้นสมบูรณ์ นี่เหมือนกับการปีนขึ้นสู่ยอดเขาอันตรายลูกหนึ่งสำเร็จ มีความดีใจที่ประสบความสำเร็จและสามารถพิชิตมันได้

“อยู่นั่น!”

เสียงเยียบเย็นดังจากระยะไกล ทำลายบรรยากาศอันเงียบสงบกะทันหัน เพิ่มความอันตรายให้กับพื้นที่ใต้รัตติกาลแห่งนี้

“ลงมือ!”

ต่อจากเสียงตะโกน รัตติกาลถูกแสงอันเจิดจรัสส่องสว่าง พลันเห็นเงาร่างสี่ห้าร่างเปล่งประกายไปทั้งตัว ราวกับสุริยันที่เร่าร้อนพุ่งมาทางนี้

พวกเขาแต่ละคนกลิ่นอายน่าหวาดหวั่น เห็นได้ชัดว่าล้วนอยู่ในระดับกึ่งราชัน ทันทีที่โจมตีภูผาธาราแถบนี้ก็ต้านทานอานุภาพกดดันระดับนี้ไม่อยู่ ถล่มทลายเสียงดังสนั่น อากาศปั่นป่วน ทุกอย่างตกอยู่ท่ามกลางความสั่นสะเทือน

ในที่สุดอันตรายที่แท้จริงก็มาเยือนแล้ว!

หลินสวินหรี่ตาเล็กน้อย ราชันกึ่งระดับเริ่มเกาะกลุ่มเคลื่อนไหว นี่ไม่ใช่ลางดีอะไร เป็นการยืนยันว่าเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬเริ่มเอาจริงขึ้นมาแล้ว

ชิ้ง!

หลินสวินเรียกดาบหักออกมา เงาร่างพุ่งไปข้างหน้า เปิดฉากการต่อสู้ดุเดือด

เขาไม่มีความคิดที่จะหนี ตอนนี้พลังปราณของเขาพัฒนาขึ้นอย่างมาก ทั้งยังสามารถหยั่งถึงเจตจำนงแห่งมรรค กำลังกังวลว่าจะไม่มีคู่ต่อสู้ให้เคี่ยวกรำฝึกฝนอยู่พอดี

อีกอย่าง หลินสวินเองก็อยากลองดูว่าดาบหักที่ควบคุมโดยมรดกอักษร ‘ปฐม’ แห่งค่ายกลลายมรรค หลังจากหลอมรวมเจตจำนงแห่งมรรคธาตุน้ำเข้าไปแล้ว อานุภาพจะน่ากลัวแค่ไหน!

……

ในหุบเขาลึกที่เต็มไปด้วยหินรูปทรงประหลาดแห่งหนึ่ง โก่วซวีสิงเอามือไพล่หลัง ยืนอยู่ภายใต้รัตติกาลด้วยสีหน้าเยียบเย็น

ข้างๆ เขายังมีผู้อาวุโสสองคนนั่งขัดสมาธิอยู่ ต่างสวมเสื้อคลุมสีดำ ท่าทางแก่ชราไม่กระฉับกระเฉง แต่เพียงนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างง่ายๆ ก็มีกลิ่นอายกดดันอันสะท้านขวัญที่ชวนหายใจไม่ออก

พวกเขามีนามว่าโก่วหยางป๋อและโก่วหยางทง ล้วนเป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชัน ชื่อเสียงเลื่องลือมานานปี ศักยภาพแข็งแกร่งกว่าโก่วขุ่ยที่ตายในมือหลินสวิน

สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับนี้ โดยทั่วไปน้อยมากที่จะปรากฏบนโลกอีก หากไม่ปิดด่านหยั่งรู้ความลับแห่งอมตะ ก็เตรียมความพร้อมเพื่อข้ามอมตะเคราะห์ เรื่องธรรมดาทั่วไปไม่สามารถเชิญพวกเขามาออกหน้าได้

เพียงแต่ตอนนี้พวกเขากลับต้องมา!

เหตุผลง่ายมาก ในฐานะที่เป็นราชันคนหนึ่งของเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ โก่วขุ่ยกลับตายอนาถอยู่ข้างนอกโดยไม่มีแม้แต่ศพให้เห็น ทำให้เผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬทั้งเผ่าสั่นสะเทือน ไม่สามารถกล้ำกลืนความเคียดแค้นนี้ได้

นอกจากนี้ในช่วงที่ผ่านมา หลายที่ในแดนฐิติประจิมแพร่ข่าวกันกระฉ่อนว่าหลินสวินนั่นสยบยอดฝีมือเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬอย่างต่อเนื่องเพียงลำพัง ทำให้เกิดคลื่นโกลาหลฮือฮาอย่างที่สุด และทำให้ชื่อเสียงของหลินสวินโด่งดังขึ้นมา เกียรติศักดิ์เพิ่มพูนขึ้นอย่างมาก

แต่สำหรับเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬของพวกเขาแล้ว นี่กลับเป็นความอัปยศอดสูใหญ่หลวงอย่างไม่ต้องสงสัย!

หากไม่ฆ่าหลินสวิน ก็หมายความว่าเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬที่ยิ่งใหญ่ของพวกเขา แม้แต่เด็กหนุ่มระดับหยั่งสัจจะคนหนึ่งยังสู้ไม่ได้มิใช่หรือ นี่จะให้พวกเขามีที่ยืนในแดนฐิติประจิมได้อย่างไร

“สังหารสุนัขมายาทมิฬทั่วหล้างั้นหรือ เด็กนี่… หลงระเริงจนไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงแล้วจริงๆ ครั้งนี้จะต้องป่นกระดูกเขาเป็นผงให้ได้!”

โก่วหยางป๋อพูดอย่างเย็นชา ร่างกายของเขาผอมซูบ ดวงตาเรียวยาว กลิ่นอายเย็นเยียบและเหี้ยมโหด

“ผ่านไปหลายวันขนาดนี้ กลับยังไม่ได้ยินข่าวว่าเขาถูกฆ่าเสียที ซวีสิง การคาดการณ์ของเจ้าผิดพลาดหรือเปล่า”

อีกด้านโก่วหยางทงขมวดคิ้วพูด ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยริ้วรอย ดวงตาขุ่นมัว ดูแก่ชราอย่างมาก แต่ถ้าพูดถึงอานุภาพกลับไม่ด้อยไปกว่าโก่วหยางป๋อ

“ไม่มีทาง”

โก่วซวีสิงตอบอย่างเด็ดเดี่ยว “คราวก่อนที่เขาหนีไปได้ ล้วนเป็นเพราะในมือเขามียานสำเภาที่น่าจะเป็นสมบัติอริยะ อีกทั้งที่ใต้เท้าโก่วขุ่ยประสบเคราะห์ก็เพราะบาดเจ็บสาหัสจากราชันอสูรเนตรทองนอเดียว หาใช่ฝีมือเด็กนี่”

“ใช่ ราชันกึ่งระดับทั้งสองอย่างโก่วซานและโก่วไห่ก็ล้วนถูกอสูรเนตรทองนอเดียวฆ่า หากลงมือจริงๆ เด็กนั่นไม่ใช่คู่มือของเราแน่!”

พูดถึงตรงนี้ความอัดอั้นและชิงชังอันยากจะอธิบายก็พลุ่งพล่านขึ้นในใจโก่วซวีสิง คราวก่อนแพ้อย่างน่าอนาถเกินไปแล้ว!

ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะเด็กนั่น หากสู้กันซึ่งๆ หน้า แม้เจ้าหมอนั่นมีร้อยชีวิตก็คงไม่พอฆ่า

“แต่เหตุใดผ่านไปหลายวันขนาดนี้แล้ว จนตอนนี้ไม่เพียงไม่สามารถจับกุมเจ้านั่นได้ กลับเป็นฝั่งเราที่สูญเสียคนในเผ่ามากมายขนาดนั้น”

โก่วหยางทงสีหน้าเย็นชา “ซวีสิง ความผิดพลาดที่เจ้าก่อไว้ครั้งที่แล้วรุนแรงเกินไป หากไม่ใช่เพราะท่านปู่ของเจ้ามาร้องขอว่าให้โอกาสเจ้าทำความดีหักล้างความผิด เผ่าคงปลดตำแหน่งนายน้อยของเจ้าไปตั้งนานแล้ว และลงโทษขั้นรุนแรง”

เขาหยุดไปครู่ค่อยพูดต่อว่า “หากเจ้าไม่คว้าโอกาสนี้ไว้ ความรุนแรงของผลลัพธ์ไม่ต้องให้ข้าพูดเจ้าก็คงรู้”

โก่วซวีสิงหนักอึ้งในใจขึ้นมา เอ่ยอย่างหน้าเขียวชิงชัง “ข้ารู้ เมื่อครู่นี้ข้าส่งราชันกึ่งระดับห้าคนเคลื่อนกำลังพร้อมกันแล้ว ในคืนนี้จะต้องเด็ดหัวเด็กนั่นมาได้แน่!”

โก่วหยางทงพูดเรียบๆ “หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น หากเจ้าทำไม่ได้ ก็มีแต่ต้องให้พวกเราลงมือ เพียงแต่ถึงตอนนั้น กลัวว่าเจ้าคงไม่สามารถทำความดีลบล้างความผิดแล้ว…”

โก่วซวีสิงหัวใจหดเกร็ง สีหน้ายิ่งโกรธจนเขียวขึ้นไปอีก

ครั้งนี้ในเผ่าส่งราชันสองคนอย่างโก่วหยางป๋อและโก่วหยางทงมา ดูไปแล้วเหมือนจะมาช่วยเขาสังหารหลินสวินด้วยกัน แต่ความจริงกลับไม่ได้ง่ายขนาดนั้น!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด