Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 428 การโจมตีที่โลกตกตะลึง

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 428 การโจมตีที่โลกตกตะลึง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 428 การโจมตีที่โลกตกตะลึง
โดย

ตูม!

หลิงเทียนโหวฉวยโอกาสตอนที่หลินสวินบาดเจ็บวาดง้าวออกไป แสงประกายสีทองสาดกระจายไปทั่ว ปกคลุมฟ้า เผยไอสังหารอันน่าสะพรึงกลัว

หลินสวินหลบเลี่ยง ไม่ฝืนเข้าไปรับอีก

ทำแบบนี้กลับถูกหลิงเทียนโหวมองว่าเป็นสัญญาณที่แสดงให้เห็นว่าต้านทานไม่ไหวแล้ว จึงโจมตีรุนแรงกว่าเดิม

ง้าวสีทองของเขาเหมือนแฝงพลังทำลายล้างมหาศาล ระเบิดแสงสีทองลึกลับไร้ที่เปรียบ อานุภาพเกรียงไกร ทุกคนที่เห็นล้วนอุทานด้วยความตกใจไม่ขาดสาย

แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!

ในฐานะบุคคลชั้นยอดในระดับมหาสมุทรวิญญาณ พลังที่หลิงเทียนโหวแสดงออกมา เพียงพอที่จะทำให้ผู้ฝึกปราณมากมายในระดับเดียวกันละอายใจ!

ส่วนหลินสวินก็ดูเหมือนจะต้านทานไม่ไหวแล้วจริงๆ หลบเลี่ยงออกไปเรื่อยๆ

เขาถึงขั้นฉวยโอกาสช่องว่างตอนหลบหนี ยกสุราชั้นดีของราชวัง ‘เก้ามังกรสยบวิญญาณ’ ขึ้นมาดื่ม!

หลายคนเห็นภาพนี้แล้วอดส่งเสียงฮือฮาไม่ได้ เช่นนี้หมายความว่าก่อนหน้านี้หลินสวินแสร้งทำเป็นผึ่งผายไม่ใช่หรือ ยามนี้เห็นได้ชัดว่าเสียแรงไปมาก จึงจำต้องเสริมกำลัง

“ก่อนหน้านี้เด็กคนนี้เพิ่งจะประลองกับฉือฉางเฟิง ตอนนี้ก็มาฟาดฟันกับหลิงเทียนโหว พลังในร่างกายย่อมต้องหมดเป็นธรรมดา มิเช่นนั้นคงไม่สะบักสะบอมเช่นนี้”

“เหอะๆ เอาสุราเก้ามังกรสยบวิญญาณมาเสริมกำลัง ฤทธิ์ยานั่นรุนแรงยิ่งใหญ่นัก เขาไม่กลัวตายหรือไง!”

“เขากำลังเล่นกับไฟ ถ้าไม่สามารถหลอมรวมพลังได้ อย่าว่าแต่ฟื้นพลังกายเลย อาจสามารถธาตุไฟเข้าแทรกได้ นี่มันในระหว่างการประลองนะ ใครจะกล้าเสี่ยงแบบนี้”

ทุกคนต่างเผยสีหน้าสงสาร หลินสวินไม่เพียงบาดเจ็บ ยังใช้สุรายาในการเสริมกำลัง จึงถูกพวกเขามองเป็นสัญญาณว่ายืนหยัดต่อไปไม่ไหว

“ฮ่าๆๆ หลินสวิน เจ้าคุกเข่ายอมแพ้ตอนนี้ ข้าจะไม่ทำให้เจ้าลำบากไปมากกว่านี้ เป็นอย่างไร?”

หลิงเทียนโหวหัวเราะลั่น สายตาราวกับเทพสังหารผู้หยิ่งผยองไร้ผู้เทียบเทียม

เขากุมง้าวพุ่งโจมตีเข้าใส่ บีบจนหลินสวินไร้ที่หลบแล้ว

ฟุ่บ!

หลินสวินโยนกาสุราออกไปแทบจะในเวลาเดียวกัน จากนั้นเขาก็พลันพุ่งขึ้นหน้า ไม่คิดหลบหนีอีก!

ยังคงใช้มือเปล่าดังเดิม เสื้อผ้ายังคงเปื้อนเลือดดังเดิม

แต่เขาในตอนนี้เหมือนอยากสู้จนตัวตายก็ไม่ปาน ยื่นมือออกไปฉับพลัน คว้าจับง้าวที่กวาดวาดเข้ามาทั้งอย่างนั้น!

“เขาต้องการให้บาดเจ็บทั้งสองฝ่ายหรือ”

หลายคนอุทานอย่างตกใจ

ปัง!

พลังอันน่าหวาดหวั่นพวยพุ่งออกจากง้าวใหญ่ราวเขื่อนแตก

มุมปากของหลิงเทียนโหวเผยความเย็นชา การโจมตีนี้รวบรวมพลังทั้งหมดของเขาเอาไว้ หลินสวินกล้าเอามือมาจับ จะต้องบาดเจ็บอย่างหนักแน่!

ทุกคนต่างดูออกว่าการโจมตีนี้รุนแรงเกินไป การกระทำของหลินสวินเหมือนเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง รนหาที่ตายชัดๆ!

หลิ่วชิงเยียนหัวใจหล่นไปอยู่ตาตุ่มทันที ตื่นเต้นกังวลอย่างที่สุด ถึงขึ้นที่ทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว

แต่ภาพอันเหนือความคาดหมายได้ปรากฏขึ้น ง้าวใหญ่สีทองน่าสะพรึงของหลิงเทียนโหวกลับถูกหลินสวินจับไว้มั่น ถึงขั้นที่ไม่ได้ล่าถอยออกไปแม้แต่ครึ่งก้าว!

หือ?

ทุกคนอึ้งงัน นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน

แทบจะในเวลาเดียวกัน ความเย็นชาบนมุมปากของหลิงเทียนโหวก็แข็งทื่อไป นี่มัน…

ตูม!

พลันเห็นบนร่างหลินสวินแผ่อานุภาพน่าหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ทั้งตัวเขาราวกับเกิดใหม่ท่ามกลางกองเพลิง เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้แล้ว พลังเพิ่มขึ้นไม่เพียงแค่เท่าตัว!

ไม่ได้การแล้ว!

หลิงเทียนโหวสัมผัสได้ถึงความอันตรายโดยพลัน เขาทะยานตัวขึ้นกลางอากาศอย่างแทบจะมาจากจิตใต้สำนึก ขาขวาขยับเหวี่ยง ราวกับเสาหินสีทองต้นหนึ่งที่มีพลานุภาพในการกวาดล้างจักรวาล กระแทกใส่ศีรษะของหลินสวินอย่างจัง

ถ้าถูกเขาฟาดโดนจริงๆ ศีรษะจะต้องแหลกละเลือด กลายเป็นศพไม่มีหัวอย่างแน่นอน!

กลับเห็นว่าหลินสวินใช้มือขวาจับง้าวไว้แน่น มือซ้ายกำเป็นหมัด ทุบใส่ขาขวาของหลิงเทียนโหวราวกับค้อนเหล็กก็ไม่ปาน

ปึง!

เสียงกระแทกดังลั่น แสงประกายล้นทะลัก พลันเห็นหลิงเทียนโหวร้องโอดครวญ ขาขวามีเสียงกระดูกแตกหักดังกร๊อบคราหนึ่ง

ทุกคนตะลึงงัน ไม่อาจเชื่อสายตาของตัวเอง!

หลินสวินก่อนหน้านี้เห็นได้ชัดว่าอ่อนแรงใกล้จะยันไว้ไม่อยู่ กำลังจะพ่ายแพ้อยู่แล้ว ใครจะคิดว่าเขาไม่เพียงจับง้าวของหลิงเทียนโหวได้ ยังถึงขนาดสามารถหักขาขวาของหลิงเทียนโหวได้ด้วย!

นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

กลับเห็นว่าภายใต้สถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงกะทันหันนี้ หลิงเทียนโหวทะยานถอยหลังโดยไม่ลังเล ออกแรงที่มือหมายจะชิงง้าวกลับไป

ทว่าใครจะคิดว่าหลินสวินจะกระชับแรงที่จับง้าวเอาไว้โดยพลัน จนพาร่างของหลิงเทียนโหวให้ลอยขึ้น ก่อนจะกระแทกลงพื้นอย่างจัง!

เสียงปังดังสนั่น หลิงเทียนโหวกระแทกลงพื้นโดยไม่ทันได้ตั้งตัว เศษฝุ่นคละคลุ้ง

เขากระอักเลือด ใบหน้างดงามราวปีศาจเปลี่ยนเป็นซีดเซียว

เฮือก

ทุกคนสูดหายใจอย่างตกใจ นี่มันโหดร้ายเกินไปแล้วกระมัง

“ความสามารถแค่นี้ ยังจะกล้าให้ข้าคุกเข่า?”

หลินสวินพูดเสียงเรียบ เงาร่างพุ่งไปข้างหน้า จับง้าวสีทองของหลิงเทียนโหวฟาดลงไป

“เขาบรรลุขั้นปราณแล้ว! บรรลุสู่ระดับมหาสมุทรวิญญาณขั้นปลายแล้ว!”

ในที่สุดก็มีคนใหญ่คนโตมองต้นสายปลายเหตุออก สีหน้าเปลี่ยนไปทันควัน ไม่อาจรักษาความนิ่งสงบไว้ได้อีกต่อไป

เรื่องการบรรลุพลังปราณระหว่างต่อสู้ใช่ว่าจะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่เป็นเรื่องที่สุ่มเสี่ยงอย่างมาก หากไม่ระวังก็อาจร่างแหลกพลังยุทธ์สลายได้

แต่เห็นได้ชัดว่าหลินสวินทำสำเร็จแล้ว!

“ถึงว่าจู่ๆ พลังการต่อสู้ของเขาก็เปลี่ยนเป็นน่ากลัวขึ้นขนาดนั้น ที่แท้…ที่แท้ก็บรรลุพลังปราณแล้ว!”

“ตัวประหลาด! เด็กคนนี้ผิดมนุษย์มนาเกินไปแล้ว!”

“ข้าเข้าใจแล้วว่าเหตุใดเมื่อครู่นี้เขาถึงดื่ม ‘เก้ามังกรสยบวิญญาณ’ ไม่ใช่เพื่อเสริมกำลัง แต่เป็นการช่วยให้บรรลุพลังปราณ!”

ทุกคนฮือฮา ตื่นตะลึงกันถ้วนหน้า

ไม่ว่าใครก็ไม่อาจจินตนาการได้ว่า ในระหว่างที่ประลองกับหลิงเทียนโหว หลินสวินกลับคิดจะใช้โอกาสนี้บรรลุพลังปราณ!

ก่อนหน้านี้เขาดูเหมือนถูกกดดันจนยากจะโต้ตอบ แต่การต่อสู้ท่ามกลางความเป็นความตายเช่นนี้กลับทำให้เขาได้กระตุ้นพลังแฝง ทำลายกำแพงแห่งพลังปราณ บรรลุสู่ขั้นใหม่!

“ที่แท้ที่เขาไม่ยอมใช้อาวุธก็เพราะต้องการเคี่ยวกรำพลังปราณระหว่างการต่อสู้ เพื่อบรรลุเป้าหมายของการทะลวงขั้นปราณ…”

หลิ่วชิงเยียนอึ้งงัน นางไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าหลินสวินจะใจกล้าขนาดนี้ หรือว่าเขาไม่กลัวว่าจะเกิดข้อผิดพลาดจนร่างแหลกพลังยุทธ์สลาย?

แน่นอนว่าหลินสวินในตอนนี้บรรลุขั้นสำเร็จแล้ว แต่เมื่อหวนคิดถึงความอันตรายที่เขาได้ประสบแล้ว ก็พาให้รู้สึกอกสั่นขวัญแขวน

“ไสหัวไป!”

หลิงเทียนโหวที่ล้มอยู่บนพื้นหัวเสีย ผมยาวปลิวสยาย กระโจนตัวลุกขึ้นโดยไม่รอให้หลินสวินโจมตีมาอีก อ้าปากกระอักเลือดอย่างน่าสะพรึงกลัว

แสงเลือดถูกปกคลุมไปด้วยลวดลายลึกลับแน่นขนัด ราวกับโครงกระดูกขาว ส่งกลิ่นคาวเลือดน่าสยดสยอง จนห้วงอากาศย้อมกลิ่นเลือด

หลินสวินเลิกคิ้วพลางวาดง้าว

พลันได้ยินเสียงกระแทกดัง หลินสวินรู้สึกเพียงว่าเจ็บแขนขวา ง้าวสีทองนั่นก็ถูกกระแทกจนหลุดมือไป

หลังจากการโจมตีนี้ ในที่สุดหลินสวินก็มองเห็นชัดเจนแล้วว่า แสงเลือดน่าพรั่นพรึงนั่นที่แท้เป็นยันต์ เป็นอาวุธสังหารน่าหวาดหวั่นเหมือนไข่มุกสะเทือนสวรรค์ในมือตน

โชคดีที่ของเล่นพรรค์นี้ใช้ได้เพียงแค่ครั้งเดียว

ตูม!

ยามนี้หลิงเทียนโหวก็ฉวยโอกาสแย่งง้าวกลับมา แสงประกายสีทองขับเคลื่อนอยู่รอบกาย พลังกลับคืนสู่สภาพเดิม

“สามารถทำให้ข้าเสียยันต์เลือดวิญญาณไปอันหนึ่งได้ เจ้าหนูอย่างเจ้าสามารถพ่ายแพ้โดยไม่ต้องเสียใจได้แล้ว!”

สีหน้าของเขาเย็นเยียบ เดือดดาลอย่างที่สุด โจมตีราวพายุโหมกระหน่ำ

ต้องยอมรับว่าพลังต่อสู้ของหลิงเทียนโหวน่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง แม้เมื่อครู่นี้เพิ่งถูกหลินสวินจู่โจมโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ก็ไม่ทำให้เขาตกเป็นรอง

ฆ่า!

หลินสวินในยามนี้ก็แผลงฤทธิ์เช่นกัน เงาอันรางเลือนของชือน้ำแข็งปรากฏขึ้นเบื้องหลังเขา ดูองอาจราวเทพเซียน แฝงพลังทำลายล้างสรรพสิ่ง

ทั้งสองพุ่งปะทะกันอีกครั้ง ทุกคนในที่นั้นต่างหัวใจเต้นระทึก กลั้นหายใจเพ่งสมาธิ สีหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง

แข็งแกร่งยิ่งแล้ว!

ศึกครั้งนี้ของหลินสวินและหลิงเทียนโหวเป็นการแย่งชิงกันระหว่างผู้กล้ายิ่งใหญ่สองคน พลังที่สำแดงออกมาสามารถใช้คำว่าฟ้าดินตะลึงภูตผีร่ำไห้มาเปรียบเทียนได้แล้ว

“บรรลุแล้วอย่างไร ยังไม่มีคุณสมบัติมาสู้กับข้าอยู่ดี!”

หลิงเทียนโหวตะคอก นัยน์ตาเย็นเยียบไร้ใดเปรียบ กดดันบีบคั้นราวกับสายฟ้าสีเลือด ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม

แต่หลินสวินเองก็ดูถูกไม่ได้เช่นเดียวกัน การบรรลุสู่ระดับมหาสมุทรวิญญาณขั้นปลายทำให้ความสามารถโดยรวมของเขาเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

เขากำลังพยายามปรับตัวและควบคุมพลังใหม่นี้ โดยใช้หลิงเทียนโหวเป็นตัวขัดเกลา!

ครู่ต่อมา

โครม!

ง้าววาดฟัน หลิงเทียนโหวยิ่งสู้ยิ่งแกร่ง เส้นผมของเขาพลิ้วไหว แสงสีทองรอบกายโหมคลั่ง เปล่งประกายแสบตาน่าสะพรึงกลัว

“พ่ายไปซะ!”

เขาตะคอก ง้าวใหญ่ส่งเสียงกึกก้องกังวานราวมีวิญญาณ ก้มตัวแทงใส่หลินสวินตรงๆ ด้วยการโจมตีอย่างรุนแรงที่สุด หมายจะแทงร่างหลินสวินให้ทะลุ

อากาศสั่นสะเทือน แปรปรวนอย่างต่อเนื่อง

การโจมตีนี้ชวนตะลึงจนเหมือนสามารถช่วงชิงใต้หล้าได้!

หลายคนต่างนั่งไม่ติด สีหน้าตะลึงไม่เหลือสภาพ แม้แต่เหล่าผู้ยิ่งใหญ่ยังหัวใจสะท้าน ความแข็งแกร่งของหลิงเทียนโหวนั้นเหนือความคาดหมายของพวกเขาจริงๆ

สีหน้าของหลินสวินเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาเองก็คิดไม่ถึงว่าพลังที่หลิงเทียนโหวซ่อนไว้จะน่ากลัวขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าตอนที่ปะทะกับตนเมื่อครู่นี้ เขายังไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด

เหมือนว่าการโจมตีนี้หลอมรวมไปกับฟ้าดิน ราวกับแฝงไว้ด้วยอานุภาพแห่งจักรวาล ถึงขั้นเจือพลังแห่งสัจจะอยู่รางๆ!

อะไรคือคำว่าคนและฟ้ารวมเป็นหนึ่ง?

ก็คือเช่นนี้อย่างไรเล่า มิเช่นนั้นเพียงการโจมตีเดียวจะชวนตะลึงและแฝงอานุภาพมากถึงเพียงนี้ได้อย่างไร

เสียงตูมดังสนั่น หลินสวินโต้กลับ ทว่าเพียงชั่วขณะเดียวเท่านั้นก็แพ้พ่ายให้กับการโจมตีนี้ ง้าวใหญ่สีทองนั่นพุ่งเข้าหาหลินสวินด้วยพลังทำลายล้างอันรวดเร็ว

“เจ้าจะเอาอะไรมาสู้กับข้า”

หลิงเทียนโหวตะเบ็งเสียง

เขาบรรลุสู่ระดับมหาสมุทรวิญญาณขั้นสมบูรณ์มาตั้งนานแล้ว อยู่ในจุดที่แข็งแกร่งที่สุดของระดับนี้ ประสบการณ์ห้าปีแห่งการฟาดฟันในสนามรบ ทำให้เขามีความมั่นใจว่าตนไม่ใช่คนที่ผู้ฝึกปราณในระดับเดียวกันจะสู้ได้

ชิ้ง!

ยามนี้ในที่สุดหลินสวินก็เคลื่อนไหว งัดสมบัติวิญญาณระดับปฐพีที่ตนหลอมขึ้นเองออกมา…ดาบวิญญาณม่วง!

“ในที่สุดเด็กนั่นก็ใช้สมบัติวิญญาณแล้ว!”

หลายคนอุทานด้วยความตกใจ

หลังจากปะทะกับฉือฉางเฟิงจวบจนถึงตอนนี้ หลินสวินใช้หมัดเปล่ามาโดยตลอด ทำให้หลายคนสงสัยว่าเขาไม่เคยเตรียมอาวุธไว้

แต่ตอนนี้ทุกคนต่างได้รู้ว่า หลินสวินใช่ว่าจะไม่มีสมบัติวิญญาณ เพียงแค่ไม่เคยเอาออกมาใช้ก็เท่านั้น!

“เพิ่งจะใช้ตอนนี้? สายไปแล้ว คุกเข่าให้ข้า!”

เสียงของหลิงเทียนโหวเย็นยะเยือก พลานุภาพยิ่งใหญ่ แสงเลือดบนร่างพุ่งขึ้นออกมา เบียดแทรกเต็มฟ้าดิน ราวกับเทพสังหารที่ทะลวงฆ่าสรรพสิ่ง

เขาในยามนี้น่ากลัวอย่างมากจริงๆ การขับเคลื่อนของพลังพุ่งไปยังหลินสวิน หมายจะสยบอีกฝ่าย

วู้ม~

แต่แทบจะในเวลาเดียวกัน ปลายดาบเล่มหนึ่งตวัดวาบ พริบตานั้นราวกับคืนนิรันดร์มาเยือน ดวงดารานับไม่ถ้วนร่วงหล่น กรีดตัดแสงอันระยิบระยับพวกนั้น

โลกและสรรพสิ่งประหนึ่งล่มสลายจมลึกในวินาทีนี้!

กระบวนท่าคว้าดารา!

ยามนี้ในที่สุดหลินสวินก็ใช้ท่าไม้ตายของตน

ทั้งลานเงียบสงัด ต่างตื่นตะลึงกันถ้วนหน้า ดวงตาเบิกโพลง นี่มันวิชาดาบอันใดกัน กลิ่นอายช่างน่าสะพรึงกลัว!

โครม!

ไม่รอให้ตั้งสติได้ เสียงชนกระแทกราวโลกสะเทือนพลันดังขึ้น บรรยากาศในลานแสดงยุทธ์ตกอยู่ท่ามกลางความตื่นตะลึง ค่ายกลวิญญาณหมุนเคลื่อน ปรากฏสัญลักษณ์ยันต์รอยสลักวิญญาณที่เป็นประกาย กำลังคลี่คลายและลบล้างการโจมตีอันน่าสะพรึงกลัวนี้

ไม่รอให้ตั้งสติได้ ท่ามกลางฝุ่นควันที่คละคลุ้งพลันได้ยินเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของหลิงเทียนโหว ส่วนร่างเขากระเด็นออกไปอย่างแรง ปากกระอักเลือด

ในขณะเดียวกันน้ำเสียงราบเรียบของหลินสวินก็ดังขึ้น “ข้าอยากเห็นนัก ว่าใครจะคุกเข่าก่อน!”

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด