Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 521 หวนกลับตงหลิน

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 521 หวนกลับตงหลิน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 521 หวนกลับตงหลิน
โดย

จ้าวไท่ไหล่เพิ่งกลับไปไม่ทันไร เสิ่นทั่วได้ยินข่าวจึงมาหา เห็นได้ชัดว่าเขาก็จับตาดูความเคลื่อนไหวของหลินสวินอยู่ตลอด

นี่เป็นรูปธรรมของ ‘การได้รับความสำคัญ’ กระมัง

แต่ก่อนหลินสวินยากนักที่จะได้รับการปฏิบัติเช่นนี้

“สำเร็จแล้วหรือ”

เสิ่นทั่วก็รู้สาเหตุที่หลินสวินปิดด่านเก็บตัวครั้งนี้ดี แต่เห็นได้ชัดว่าเขาก็รู้ดีว่ากระถางสมบัติเก้ามังกรถือเป็นความลับ ไม่สามารถซักไซ้มากมายได้

หลินสวินพยักหน้า ไม่ได้ปิดบังแต่อย่างใด

เห็นเช่นนี้ ต่อให้เสิ่นทั่วเตรียมใจไว้แล้วก็ยังอดสั่นไหวตกตะลึงไม่ได้ สีหน้าเหม่อลอย ครู่ใหญ่จึงทอดถอนใจออกมาว่า “ช่างเป็น…ปาฏิหาริย์นัก!”

ใช่แล้ว ใครจะไปคาดคิดได้ว่าเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น หลินสวินจะหลอมชุดศึกสลักวิญญาณสำเร็จอีกครั้ง ทั้งไม่เคยล้มเหลวด้วย!

ที่ต้องรู้ก็คือ ตอนนั้นในงานแถลงของอาสัญสลาย หลัวเฟิงผู้เป็นปฐมาจารย์ชั้นแนวหน้าในแวดวงสลักวิญญาณเคยพูดเองว่า ที่หลินสวินหลอมอาสัญสลายออกมาได้เป็นเพราะโชคช่วยล้วนๆ ภายภาคหน้าไม่มีทางโชคดีเช่นนี้แล้ว

ตอนนั้นยังก่อให้เกิดความวุ่นวายขัดแย้งรอบหนึ่งด้วย!

หากหลัวเฟิงรู้ว่าหลินสวินในตอนนี้สามารถทำได้สำเร็จอีกครั้ง น่ากลัวจะแก้มร้อนผ่าว ใบหน้าชราหม่นหมองกระมัง

เสิ่นทั่วทอดถอนใจอยู่นานถึงได้คืนสติกลับมา ครั้งนี้ที่เขามาหาหลินสวินไม่ได้มาเพียงเพื่อทอดถอนใจ หากแต่มีเรื่องจริงจังจะแจ้ง

ที่แท้ในช่วงสองเดือนที่หลินสวินปิดด่านเก็บตัว มีผู้ฝึกปราณหลายคนมาส่งข่าวเกี่ยวกับยาแก้พิษมารพบเคราะห์มากมายไม่ขาดสาย

เพียงแต่น่าเสียดายที่เมื่อเสิ่นทั่วตรวจสอบแยกแยะทีละอัน ข่าวเหล่านั้นแทบไม่เป็นความจริง ข่าวเดียวที่น่าเชื่อได้ก็ดูไม่สมจริงอย่างมาก

ข่าวนั้นกล่าวว่าหากต้องการจะสลายมารพบเคราะห์ ทำได้เพียงไปยังจุดลึกสุดของราชสำนักจักรวรรดิมืด เพราะมารพบเคราะห์ก็แพร่ออกมาจากที่นั่น

นี่ช่างเป็นคำพูดไร้สาระที่ถูกต้องอย่างยิ่ง แม้รู้ชัดว่าข่าวนี้ย่อมไม่ใช่ข่าวเท็จ แต่ในตอนนี้จักรวรรดิจื่อเย่ากับจักรวรรดิมืดเหมือนศัตรูคู่อาฆาต อย่าว่าแต่เข้าไปในส่วนลึกเลย น่ากลัวว่าเพียงเข้าใกล้ก็จะพบกับจิตสังหารมหาศาลแล้ว

เมื่อหลินสวินได้ยินทั้งหมดนี้ก็อดตะลึงไปไม่ได้ เวลานี้เขาถึงรับรู้ได้ว่าคิดจะแก้มารพบเคราะห์ยากลำบากกว่าที่ตนคิดไว้มากมายนัก

“หรือว่าจะไม่มีวิธีอื่นแล้วขอรับ” เขาอดถามไม่ได้

ที่เกินความคาดหมายก็คือ เสิ่นทั่วกลับเอ่ยว่า “มี ได้ยินว่าลึกลงไปในทะเลกลืนวิญญาณ มีโอสถวิญญาณชนิดหนึ่งนามว่า ‘ดอกหลอมวิญญาณมหาสมุทร’ สามารถขจัดพิษประหลาดนานาชนิดในใต้หล้าได้ เพียงแต่อย่างไรก็เป็นข่าวลือ ใครก็ไม่มีทางชี้ชัดได้ว่าจริงหรือเท็จ”

เขาหยุดไปครู่หนึ่งแล้วพูดต่อว่า “อีกทั้งในทะเลกลืนวิญญาณก็อันตรายยิ่งนัก เทียบกันแล้วก็พอๆ กับเดินทางไปจักรวรรดิมืด ในนั้นเต็มไปด้วยภัยพิบัติและเภทภัยมากมาย อสูรทะเลน่าหวั่นกลัว ขนาดมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติก็ไม่กล้าย่างกรายเข้าไปในนั้นโดยง่าย”

เมื่อหลินสวินได้รู้เรื่องเหล่านี้ก็จนใจไปครู่หนึ่ง รับรู้ได้ว่าคิดจะช่วยขจัดพิษของมารพบเคราะห์ที่อยู่ในกายพญาแร้งในเวลาอันสั้นนั้นเป็นไปไม่ได้เลย

แต่ในใจ เขากลับจดจำชื่อดอกหลอมวิญญาณมหาสมุทรนี้ไว้

“จริงด้วย หลายวันก่อนมีจดหมายลับฉบับหนึ่งส่งมา บอกว่าเป็นเพื่อนเก่าส่งมา ต้องส่งให้เจ้าอ่านด้วยตัวเอง”

เสิ่นทั่วพูดพลางนำจดหมายงดงามราวหยกซองหนึ่งที่ถูกผนึกไว้โดยสมบูรณ์ยิ่งออกมา

เพื่อนเก่าหรือ

หลินสวินอึ้งไป หยิบซองจดหมายมาฉีกผนึก จากนั้นก็ดึงจดหมายออกมา

แวบแรกที่เห็นเนื้อหาบนกระดาษ หลินสวินก็หรี่ตาลง หว่างคิ้วพลันเต็มไปด้วยความอึมครึมเย็นยะเยือก

เห็นบนนั้นเพียงเขียนไว้ว่า ‘ชีวิตทั้งผู้ใหญ่และเด็กหมู่บ้านเฟยอวิ๋นล้วนตกอยู่ในกำมือข้า หากเจ้าไม่อยากให้พวกเขาตาย สามวันให้หลังข้าจะรอเจ้าที่เมืองตงหลิน!’

‘จำไว้ว่าเจ้าต้องมาคนเดียว หากถูกข้าพบว่าเจ้ามีผู้ช่วย เช่นนั้นภายหลังเจ้าก็อย่าคิดว่าจะได้พบคนหมู่บ้านเฟยอวิ๋นเหล่านั้นอีกเลย!’

ผู้ส่ง: เหลียนเฟย

เหลียนเฟย!

เป็นเพื่อนเก่าคนหนึ่งจริง หลินสวินจะลืมได้อย่างไร

เหลียนหรูเฟิงบิดาของเหลียนเฟยเคยเป็นหัวหน้าผู้พิทักษ์หมู่บ้านเฟยอวิ๋น ละโมบโลภมาก หมายจะช่วงชิงทรัพย์สินทั้งหมดของหมู่บ้าน สร้างความโกรธแค้นให้ผู้คน ภายหลังถูกหลินสวินฆ่าตาย

กระทั่งยามหลินสวินเข้าเมืองตงหลิน เหลียนเฟยอาศัยอำนาจของเหยาซู่ซู่กับเหยาทั่วไห่ลอบสังหารหลินสวินหลายครั้งเพื่อแก้แค้นเขา

‘เพื่อนเก่า’ เช่นนี้ หลินสวินจะไปลืมได้อย่างไร

เพียงแต่หลินสวินไม่คิดเลยว่า ผ่านไปหลายปี เมื่อได้ข่าวเหลียนเฟยอีกครั้งจะเป็นเรื่องเช่นนี้ได้!

เขาถึงกับใช้ชีวิตของคนทั้งหมู่บ้านเฟยอวิ๋นมาข่มขู่บีบบังคับให้หลินสวินมาเจอเขาตามลำพัง ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่ต้องเป็นกับดักแน่!

อีกทั้งหลินสวินถึงกับมั่นใจว่า จากความกล้าของเหลียนเฟยย่อมไม่มีทางกล้าทำเช่นนี้ เบื้องหลังเขาต้องมีเหยาทั่วไห่ชักไยอยู่แน่

ทว่าหลินสวินยังคงไม่เข้าใจว่า เหยาทั่วไห่ผู้เป็นมหายุทธ์ระดับหยั่งสัจจะคนหนึ่งในมณฑลซีหนานของจักรวรรดิ ทำไมถึงกล้าเป็นอริกับเขาตอนนี้

หรืออีกฝ่ายไม่รู้ว่า ด้วยอำนาจที่หลินสวินมีในตอนนี้ก็สามารถทำลายเขาและขุมอำนาจที่อยู่เบื้องหลังเขาลงอย่างง่ายดายได้?

สีหน้าหลินสวินปกคลุมไปด้วยหมอกทะมึน เขาไม่เข้าใจอยู่บ้าง หากกล่าวว่าเป็นความแค้น แน่นอนว่าระหว่างเขา เหลียนเฟย และเหยาทั่วไห่ย่อมเป็นความแค้นใหญ่หลวง

แต่ตอนนี้พวกเขาลงมือกับชาวบ้านหมู่บ้านเฟยอวิ๋นอย่างฉับพลัน ใช้สิ่งนี้มาข่มขู่ตน หรือจะมีแผนอะไรอีก

ต้องไม่ใช่แค่การล้างแค้นธรรมดาแน่!

อิงตามอุบายและวิธีการที่เหยาทั่วไห่แสดงออกมา เขาต้องรู้ดีอยู่ก่อนแล้วว่า เวลานี้การเปิดหน้าสู้กับตนจะได้รับผลตอบแทนที่รุนแรงขนาดไหน

แต่เขายังกล้าทำเช่นนี้ เบื้องหลังต้องวางแผนอะไรไว้แน่

‘พวกเหลียนเฟยทำเช่นนี้ จะเป็นเพราะได้การสนับสนุนอย่างลับๆ จากขุมอำนาจสามตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูง ตระกูลฉือ จั่วและฉินหรือเปล่า’ หลินสวินสงบใจได้ยากอยู่บ้าง

หมู่บ้านเฟยอวิ๋น!

ที่นั่นเปรียบเสมือนบ้านหลังแรกในจักรวรรดิของหลินสวิน ชาวบ้านที่นั่นก็มองเขาเป็นเหมือนคนของตัวเอง เหมือนเป็นญาติมาโดยตลอด

แต่ตอนนี้ชีวิตของชาวบ้านทุกคนในหมู่บ้านเฟยอวิ๋นกลับถูกคุกคามเพราะเขา นี่จะทำให้เด็กหนุ่มสงบใจได้อย่างไร

‘เหลียนเฟย…เหยาทั่วไห่…ดูท่าความแค้นในอดีตก็ควรทำให้จบสิ้นได้แล้ว!’ เนิ่นนาน หลินสวินสูดหายใจลึก ในดวงตาสีดำมีจิตสังหารเข้มข้นหาใดเทียบเผยออกมาแวบหนึ่งก่อนหายวับไป

“หลินสวิน เป็นอะไรหรือ” เสินทั่วที่อยู่ข้างๆ ถามขึ้น เขารับรู้ได้อย่างฉับไวว่าสีหน้าของหลินสวินออกจะผิดปกติ

“ไม่มีอะไรขอรับ”

หลินสวินเก็บจดหมาย พูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “ผู้อาวุโส ข้าอาจจะต้องจากไปสักพัก ในช่วงนี้อยากให้ท่านช่วยข้าปิดเป็นความลับไม่ให้ใครรู้ว่าข้าจากไปแล้ว”

เขาตัดสินใจจะเคลื่อนไหวคนเดียวจริงๆ ด้วยไม่กล้าเสี่ยง หากใช้อำนาจอื่นแล้วถูกเหลียนเฟยสังเกตเห็นเข้า ชีวิตชาวบ้านหมู่บ้านเฟยอวิ๋นต้องน่าเป็นห่วงแน่!

เสิ่นทั่วเห็นหลินสวินสีหน้าเคร่งขรึมไม่ได้ล้อเล่น ก็รับรู้ได้ว่าหลินสวินน่าจะเจอเรื่องที่รับมือได้ยาก อีกทั้งไม่ต้องการให้ผู้อื่นยื่นมือเข้ามา

เขาพยักหน้าแล้วพูดทันใดว่า “ได้ ข้าจัดการเอง แต่หากเจ้าประสบความยุ่งยากที่ไม่อาจสะสางได้ ต้องบอกข้านะ”

หลินสวินยิ้มให้แล้วพยักหน้ารับ

……

ในวันนั้นเอง หลินสวินพาซย่าจื้อออกจากสำนักศึกษามฤคมรกตอย่างเงียบเชียบกลับไปยังภูเขาชำระจิต หลังจากเล่าเรื่องให้หลินจงกับพญาแร้งฟังอย่างกระชับเรียบง่าย ก็เลือกจากมาเพียงคนเดียวโดยไม่ลังเล

ไม่มีใครปรามได้ รวมถึงพญาแร้งกับหลินจงก็ทำไม่ได้ พวกเขาทำได้เพียงเตรียมพร้อมอย่างลับๆ ทันทีที่รับรู้ว่าหลินสวินเกิดเหตุไม่คาดฝันก็จะเคลื่อนไหวทันที

ส่วนซย่าจื้อ ก็ถูกทิ้งไว้ที่ภูเขาชำระจิตเช่นกัน

นางเพิ่งแปรสภาพจากการจุติครั้งแรก เท่ากับว่าต้องฝึกปราณใหม่ตั้งแต่ต้น เดินทางไปกับหลินสวินย่อมไม่เป็นการดี

ย่ำค่ำ หลินสวินออกจากนครต้องห้ามเพียงลำพัง

นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาออกจากนครต้องห้ามหลังจากเข้ามาได้หนึ่งปี

แทบไม่มีคนรู้เลยว่า หลินสวิน ปฐมาจารย์สลักวิญญาณวัยเยาว์ที่ชื่อเสียงระบือนครต้องห้ามในขณะนี้ เลือกออกจากเมืองคนเดียวอย่างกะทันหันในวันนี้

แต่ตัวหลินสวินรู้ดีว่า ในนครต้องห้ามต้องมีคนจับตามองขุมอำนาจทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับตนอย่างลับๆ อยู่แน่นอน

ไม่ว่าจะเป็นภูเขาชำระจิต สำนักศึกษามฤคมรกต หรือเหล่าขุมอำนาจอย่างอัครการค้า ตระกูลหนิง ตระกูลเย่ ทันทีที่เกิดการเคลื่อนไหวผิดปกติ ต้องถูกศัตรูที่อยู่ในความมืดรับรู้ได้ จากนั้นก็แพร่งพรายไปถึงหูของพวกเหลียนเฟยที่อยู่ไกลออกไปในเมืองตงหลิน

แม้หลินสวินจะไม่รู้ชัดว่าศัตรูที่ซ่อนตัวในความมืดเหล่านี้เป็นใคร แต่เขาไม่กล้าเสี่ยง ทั้งไม่ได้ขอความช่วยเหลือจากผู้ใดจริงๆ ดังนั้นจึงไม่กังวลว่าพวกเหลียนเฟยจะพลิกลิ้น

……

สองวันต่อมา

เมืองตงหลิน ชายแดนมณฑลซีหนานแห่งจักรวรรดิ

ยามเที่ยง รถรับส่งสลักวิญญาณที่ออกจากเมืองหมอกอำพรางซึ่งเป็นเมืองเอกของมณฑลซีหนานคันหนึ่งบดขยี้ชั้นเมฆ พลางส่งเสียงครั่นครืนแสบแก้วหู ก่อนจะลงจอดที่นอกเมืองตงหลินอย่างช้าๆ

เด็กหนุ่มซึ่งแต่งกายชุดสีขาวนวลทั้งตัว รูปลักษณ์ธรรมดาไม่พิเศษเดินออกมาจากรถรับส่งสลักวิญญาณ

คนผู้นี้ย่อมเป็นหลินสวินที่ปลอมตัวมา

กลับสู่เมืองตงหลินอีกครั้งหลังจากไปนานเกือบสามปี ทำให้เด็กหนุ่มอดทอดถอนใจและรู้สึกซับซ้อนขึ้นมาไม่ได้

เมืองแรกที่เดินทางไปหลังออกจากหมู่บ้านเฟยอวิ๋น ก็คือเมืองตงหลินที่อยู่ตรงหน้า

ที่นี่ หลินสวินพำนักอยู่ในเขตพลเรือนที่โกลาหลวุ่นวาย ก่อตั้งโถงทองคำ ได้รู้จักสองพ่อลูกกู่เยี่ยนผิงและกู่เหลียง

ที่นี่ เขาก่อเหตุสังหารนองเลือดครั้งแล้วครั้งเล่ากับขุมอำนาจที่เป็นศัตรูคู่แค้นอย่างตระกูลอู๋ เหลียนเฟย พรรคพยัคฆ์ทมิฬ

และก็เป็นที่นี่ ที่เขาถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม ถูกเหยาทั่วไห่จงใจเพ่งเล็งและกำราบในการทดสอบระดับอำเภอที่จัดขึ้นประจำปี หากไม่ใช่ราชินีรัตติกาลผู้ลึกลับท่านนั้นมาเยือน เขากับซย่าจื้อก็เกือบตายด้วยน้ำมือของเหยาทั่วไห่!

หลินสวินในตอนนั้นเป็นเพียงเด็กหนุ่มที่อยู่ในระดับกำลังภายในผู้หนึ่ง ตัวคนเดียวทั้งพลังยังอ่อนแอ ข้างกายมีเพียงซย่าจื้อ

แต่ตอนนี้เมื่อหลินสวินหวนกลับมาเมืองตงหลินอีกครั้งหนึ่ง ศัตรูในตอนนั้นยังคงอยู่ดังเดิม เพียงแต่เขาเปลี่ยนไปไม่เหมือนแต่ก่อนอย่างสิ้นเชิงแล้ว

‘ความแค้นที่เมืองตงหลิน ต้องตัดขาดเสียที…’

หลินสวินยืนนิ่งครุ่นคิดอยู่นาน ในที่สุดก็ไม่ลังเลอีก ก้าวเท้าเดินเข้าเมืองตงหลินไป

หอสุราตงหลิน

นี่เป็นหอสุราที่ใหญ่ที่สุดในเมืองตงหลิน กิจการดีมาโดยตลอด ในหอสุรามีอาหารชั้นเลิศนานาชนิดจากหมู่เขาสามพันคีรี ได้รับความนิยมจากผู้ฝึกปราณอย่างยิ่ง

ยามเที่ยงตรงหอสุราตงหลินยังคึกคักเหมือนในอดีต มีผู้ฝึกปราณรวมตัวไม่น้อย ดื่มเหล้าพลางสนทนาเรื่องที่โด่งดังที่สุดในเมืองตงหลิน

ที่ข้างหน้าต่างชั้นสองของหอสุรา หลินสวินสั่งอาหารและสุรามาจำนวนหนึ่ง แล้วลงมือดื่มกินคนเดียว

บนจดหมายของเหลียนเฟยเขียนไว้ว่าให้เขามาพบที่เมืองตงหลิน ‘สามวันให้หลัง’ ทั้งไม่บอกสถานที่แน่ชัดว่าจะเจอกันที่ไหน

หลินสวินย่อมไม่มีทางปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามจูงจมูก เขามาถึงล่วงหน้าหนึ่งวันก็เพราะต้องการเตรียมการและรับมือในสิ่งที่จำเป็น

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด