Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 2970 ออกเดินทาง

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 2970 ออกเดินทาง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2970 ออกเดินทาง

หนึ่งปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว

วันนี้หลินสวินตื่นจากสมาธิ หัวคิ้วขมวดขึ้นเล็กน้อย

ตั้งแต่ครึ่งปีก่อนเขาหลอมระเบียบนิพพานได้ถึงเก้าส่วน แต่ครึ่งปีต่อมากลับไม่ขยับแม้แต่นิด!

แกนพลังหนึ่งส่วนที่เหลือนั้น ไม่ว่าเขาทุ่มเทหลอมอย่างไรล้วนไม่อาจสั่นคลอนสักเสี้ยว

‘ดูท่าว่านี่จะเป็นคอขวด ใช่ว่าใช้เวลาและความทุ่มเมไปแล้วจะจัดการได้…’

หลินสวินสันนิษฐาน

‘อู๋ซวง’

เขาคิดในใจ เงาร่างของอู๋ซวงปรากฏตัวกะทันหัน “นายท่านมีเรื่องใดสั่งความหรือ”

ตอนนั้นยามพาคนตระกูลลั่วกลับมาจากน่านฟ้าที่หก อู๋ซวงก็ถูกหลินสวินพากลับมาด้วย

“จากมุมมองของเจ้า อานุภาพกฎเกณฑ์อมตะของข้าตอนนี้เป็นอย่างไร”

หลินสวินถาม

อู๋ซวงคือวิญญาณระเบียบมรรคสวรรค์ของโลกต้นกำเนิดในยุคก่อน ผ่านเคราะห์แห่งยุคสมัยจนรอดมาถึงปัจจุบัน มีอานุภาพน่าเหลือเชื่อเป็นอย่างยิ่ง

จากคำพูดของนาง ตอนนางรุ่งเรืองที่สุดอานุภาพที่ครอบครองไม่ด้อยไปกว่าระเบียบระดับเทพ

นัยเร้นลับที่แฝงอยู่ในระเบียบระดับเทพบนโลกล้วนเกี่ยวข้องกับมรรคนิรันดร์ พลังระเบียบที่แฝงอยู่ไม่ต่างอะไรกับพลังกฎระเบียบ

หรือพูดได้ว่ายามอู๋ซวงอยู่ในสภาพยอดเยี่ยม พลังที่ครอบครองล้วนไม่ต่างกับกฎระเบียบมรรคสวรรค์

อู๋ซวงกล่าวเสียงกระจ่างใส “กฎเกณฑ์อมตะของนายท่านไม่ด้อยไปกว่าระเบียบระดับเทพแล้ว กระทั่งแข็งแกร่งกว่าระเบียบระดับเทพ แต่กฎเกณฑ์อมตะของนายท่าน สุดท้ายแล้วก็เป็นพลังกฎเกณฑ์ ไม่ใช่มรรคนิรันดร์ที่แท้จริง”

นางเว้นช่วงไปก่อนกล่าวอย่างใคร่ครวญ “ในความเห็นข้า สาเหตุที่เป็นเช่นนี้เป็นเพราะถูกจำกัดด้วยพลังปราณของนายท่าน หากนายท่านแจ้งมรรคนิรันดร์ กฎเกณฑ์อมตะทั้งตัวนี้ต้องเปลี่ยนเป็นกฎเกณฑ์นิรันดร์ที่น่าเหลือเชื่อแน่ เพราะเดิมทีกฎเกณฑ์นิรันดร์ก็ไม่ต่างกับกฎระเบียบฟ้าดิน”

หลินสวินพยักหน้า “ดูท่าว่าสิ่งที่ข้าสันนิษฐานไว้คงไม่ผิด ต่อให้กฎเกณฑ์อมตะเย้ยฟ้าแค่ไหน สุดท้ายก็เป็นพลังบนมรรคาอมตะ ถูกจำกัดด้วยระดับมรรควิถีของข้า ย่อมไม่มีทางเกิดการเปลี่ยนแปลงใหม่ทั้งหมดได้อีก”

เขาเข้าใจกระจ่างแล้ว

แกนพลังหนึ่งส่วนที่เหลืออยู่ของระเบียบนิพพานนี้ ไม่ใช่สิ่งที่ระดับของเขาในตอนนี้สามารถหลอมได้ แต่ต้องรอเขาแจ้งมรรคนิรันดร์จึงจะมีคุณสมบัติไปหลอมมันได้อย่างสมบูรณ์

“นายท่าน กฎเกณฑ์อมตะของท่านเรียกได้ว่าเป็นสิ่งต้องห้ามแล้ว เทียบกับระเบียบระดับเทพแล้วมีแต่จะเหนือกว่า นี่หมายความว่ามรรควิถีของท่านตอนนี้สามารถต้านทานพลังของกฎระเบียบฟ้าดินได้”

เสียงของอู๋ซวงกังวานเสนาะหู

หลินสวินยิ้มพลางกล่าว “ปากหวานขนาดนี้ คงไม่ใช่ว่าคิดจะเอาพลังระเบียบจากข้าอีกกระมัง”

ใบหน้าเล็กไร้เดียงสาเหมือนเด็กสาวของอู๋ซวงเผยแววเขินอายพลางกล่าว “นายท่าน ซวงเอ๋อร์ขาดแค่ก้าวเดียวก็ฟื้นคืนสภาพยอดเยี่ยมได้แล้ว…”

ไม่รอให้พูดจบ หลินสวินก็โยนระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้าห้าสายออกมา “เอาไปเถอะ”

นัยน์ตางามเป็นประกายของอู๋ซวงพราวระยับ กระโดดโลดเต้นกล่าว “ขอบคุณนายท่าน รู้อยู่แล้วว่านายท่านรักซวงเอ๋อร์ที่สุด”

หลินสวินยิ้มออกมา

แม้รู้ว่าอู๋ซวงไร้ความรู้สึกและสติปัญญา การกระทำและสีหน้าท่าทางตอนนี้ล้วนวิวัฒน์ออกมาจากพลังระเบียบของนาง แต่เหมือนไม่แสร้งทำสักนิด ดูเป็นธรรมชาติและมีจิตวิญญาณนัก

หลินสวินเก็บอู๋ซวงลงไปแล้วจมสู่ห้วงคิด

ตอนนี้บนตัวเขายังมีพลังระเบียบไม่น้อย แต่ระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้าที่หายากเหลือเพียงน้ำเต้าม่วงเขียวคู่หนึ่งแล้ว

นอกจากนี้ยังมีอู๋ซวง เสี่ยวหมิง เสี่ยวเซียน รวมถึงระเบียบระดับเทพปฐมด้วย

ในนั้น ระเบียบปฐมกำราบได้มาจากแดนมารสิบทิศ แฝงด้วยมรรคนิรันดร์แรกเริ่มสุด

จากคำพูดของอู๋ซวง ตอนนั้นระเบียบปฐมเพิ่งก่อเกิด เหมือนเด็กที่เป็นดั่งกระดาษขาว มีศักยภาพแฝงไร้สิ้นสุดให้ขุดค้น

หลายปีมานี้ระเบียบปฐมถูกกฎเกณฑ์นิพพานทั้งตัวหลินสวินหล่อเลี้ยงตลอด มองกฎเกณฑ์นิพพานเป็นผู้ให้กำเนิด หลายปีนี้ยังฟื้นคืนและเกิดใหม่อย่างต่อเนื่อง

แต่สุดท้ายจะเปลี่ยนไปเป็นอย่างไร แม้แต่ตัวหลินสวินก็ไม่รู้แน่ชัด

แต่สิ่งที่หลินสวินแน่ใจได้คือพลังของระเบียบนิพพาน สามารถดำเนินการนิพพานและสร้าง ‘ระเบียบระดับเทพ’ ขึ้นใหม่ได้!

เหมือนตอนนี้ที่ระเบียบระดับเทพปฐมถูกหล่อเลี้ยงในกฎเกณฑ์อมตะของหลินสวินตลอดเวลา

เมื่อหลินสวินแจ้งมรรคนิรันดร์ก็จะหลอมมันได้ ควบรวมเป็นกฎเกณฑ์นิรันดร์ของตน

แน่นอนว่าเก็บระเบียบระดับเทพนี้ไว้ได้ด้วย ถ้าเป็นเช่นนี้ภายหน้าย่อมสามารถสร้างขุมอำนาจที่คงอยู่ชั่วนิรันดร์แห่งหนึ่งขึ้นมาได้

ครู่ใหญ่หลินสวินจึงตื่นจากห้วงความคิด

‘ควรเดินทางกลับทางเดินโบราณฟ้าดาราแล้ว…’

เขาหยัดร่างขึ้นและออกจากถ้ำสถิตไป

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง

หลินสวินมาพบหัวหน้าหอแรกนภาเสวียนเฟยหลิงกับหัวหน้าหอแรกมายาตู๋กูยงที่เรือนมรรคกลาง พูดถึงเรื่องที่ตนตัดสินใจมุ่งหน้าไปทางเดินโบราณฟ้าดารากับทั้งสองคน

ทั้งสองต่างพยักหน้ารับคำ

สำหรับหลินสวินในตอนนี้ นอกเสียจากว่าร่างต้นระดับนิรันดร์ลงมือ มิฉะนั้นบนโลกนี้ก็แทบไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของเขา

ยิ่งไปกว่านั้นสถานที่อย่างทางเดินโบราณฟ้าดารา เป็นแค่เพียงดินแดนแห่งหนึ่งในโลกพันจักรวาล ทั้งตกต่ำมานานแล้ว ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดที่ผ่านมานี้แทบจะถูกโลกยอดนิรันดร์ลืมเลือน

สถานที่เช่นนี้ไหนเลยจะมีคู่ต่อสู้ที่เป็นภัยคุกคามต่อหลินสวินปรากฏตัว

“แม้ทางเดินโบราณฟ้าดาราจะตกต่ำมานาน แต่กลับมีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์หนึ่งในจตุโบราณสถาน สถานที่ซึ่งเชื่อมต่อกับแหล่งสถานคุนหลุน กล่าวได้ว่าสภาพแวดล้อมเอื้ออำนวย”

เสวียนเฟยหลิงมาจากตระกูลเสวียน ย่อมรู้สถานการณ์ของทางเดินโบราณฟ้าดาราอย่างดี “สิ่งที่น่าเสียดายคือแม้ว่าแหล่งสถานคุนหลุนจะมีวาสนาและศุภโชคเช่นกัน แต่ส่วนใหญ่ถูกชิงไปนานแล้ว ตอนนี้จึงกลายเป็นสถานที่แก่งแย่งแห่งหนึ่งยามยุคสมัยผันเปลี่ยน มีเพียงเฒ่าดึกดำบรรพ์ระดับนิรันดร์ที่มีคุณสมบัติฟันฝ่าอยู่ในนั้น อันตรายเกินไป”

“แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ยังเป็นสถานที่ซึ่งสำนักคีรีดวงกมลของพวกเจ้าตั้งอยู่ เรียกว่าเป็นแดนต้นกำเนิดมหามรรคของทั่วหล้าหมื่นพิภพ หากย้อนทวนต้นกำเนิด โลกยอดนิรันดร์นี้ก็มีความสัมพันธ์บางอย่างกับแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน”

“แต่เมื่อนานมาแล้วพลังต้นกำเนิดของแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์หมดกำลัง ไม่อย่างนั้นคีรีดวงกมลของพวกเจ้าคงไม่มีทางถูกศัตรูเหยียบย่ำโดยง่าย”

หลินสวินได้ยินถึงตรงนี้แล้วนึกถึง ‘ซากคีรีดวงกมล’ ที่เคยเห็นในแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์เมื่อตอนนั้น เขาพลันทอดถอนใจอย่างอดไม่อยู่

“ผู้อาวุโสรู้เรื่องตอนนั้นด้วยหรือ”

หลินสวินกล่าว

เสวียนเฟยหลิงกล่าว “แน่นอน ทว่าความพินาศย่อยยับตรงประตูทางเข้าคีรีดวงกมลของพวกเจ้าไม่เกี่ยวกับความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของศัตรู แต่เป็นเจ้าแห่งคีรีดวงกมลสังเกตเห็นว่าพลังต้นกำเนิดของแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์อ่อนกำลังตั้งแต่ช่วงต้นดึกดำบรรพ์ จึงได้ย้ายสำนักไปอยู่แหล่งสถานคุนหลุนก่อนแล้ว” ไอรีนโนเวล

“มิน่าเล่า”

หลินสวินพยักหน้า เขารู้อยู่ก่อนแล้วว่ากำลังพลที่ทำให้ประตูทางเข้าคีรีดวงกมลพินาศย่อยยับนั้น มาจากหกเรือนมรรคใหญ่แห่งทางเดินโบราณฟ้าดารา

แต่ตอนนี้ดูท่าว่าประตูคีรีดวงกมลที่ถูกพวกเขาเหยียบย่ำเมื่อปีนั้นคงเป็นแค่เปลือกแล้ว ไม่ว่าใครก็สามารถทำได้

“จริงสิ หากเจ้าจากไปครั้งนี้ ช่วยพาลื่อคนนั้นของข้าไปด้วย”

เสวียนเฟยหลิงพลันกล่าว

หลินสวินกล่าว “ผู้อาวุโสก็คิดพาคนตระกูลตนมาแดนแรกเริ่มหรือ”

เสวียนเฟยหลิงพยักหน้ายิ้มกล่าว “ไม่ผิด เดิมข้าคิดรออีกสองสามปีค่อยไปเยือนทางเดินโบราณฟ้าดารา แต่หากมีเจ้าไปแทน ข้าคงไม่ต้องเสียเวลาไปกลับ”

หลินสวินรับคำอย่างยินดี

หลังจากบอกลาเสวียนเฟยหลิงกับตู๋กูยง เขาก็ไปหาเสวียนจิ่วอิ้นกับจินเทียนเสวียนเยวี่ย

หอแรกนภา เรือนเมฆาคลั่ง

เมื่อเห็นหลินสวิน เสวียนจิ่วอิ้นยิ้มระรื่นกล่าว “ข้าก็ว่าอยู่ว่าเป็นใคร ที่แท้ก็เป็นใต้เท้าหลินหัวหน้าหอแรกพิสุทธิ์ที่ชื่อเสียงสะเทือนใต้หล้า”

หลินสวินใช้มือข้างหนึ่งตบบ่าเขา “เจอหัวหน้าหอทำไมไม่คารวะ”

เสวียนจิ่วอิ้นเจ็บจนแยกเขี้ยวยิงฟัน รีบร้องขอความเมตตาไม่หยุด

หลินสวินยิ้มอย่างอดไม่ได้ กล่าวว่า “เตรียมตัวกลับไปทางเดินโบราณฟ้าดาราพร้อมข้า”

“ข้าไปด้วย”

ห่างไปไม่ไกลจินเทียนเสวียนเยวี่ยอดกล่าวไม่ได้

“แน่นอนว่าไม่มีทางทิ้งเจ้าไว้โดยไม่สนใจ”

หลินสวินยิ้มพลางมองจินเทียนเสวียนเยวี่ย

อาภรณ์ขาวของนางพลิ้วไหว เอวคาดเข็มขัดทอง งามผุดผ่องดั่งภาพวาด บุคลิกเยียบเย็นดุจน้ำแข็ง งดงามขึ้นเรื่อยๆ

ตอนนี้นางเหมือนกับเสวียนจิ่วอิ้น ล้วนก้าวสู่มรรคาอมตะอย่างราบรื่นตั้งแต่สิบกว่าปีก่อนแล้ว ปัจจุบันต่างมีมรรควิถีขั้นอายุขัยเทียมฟ้า

เปรียบเทียบกับหลินสวินแล้ว การเลื่อนขั้นไม่อาจพูดได้ว่าเร็วมากนัก

แต่เทียบกับคนอื่นแล้วเรียกได้ว่ามีพัฒนาการรวดเร็ว

ไม่นานหลินสวินก็พาเสวียนจิ่วอิ้นและจินเทียนเสวียนเยวี่ยกลับมาถ้ำสถิตพร้อมกัน

“ซย่าจื้อ พวกเราควรออกเดินทางแล้ว”

ซย่าจื้อกำลังแทะเมล็ดแตง ได้ยินดังนั้นแล้วขานรับว่าอืมก่อนลุกขึ้นกล่าว “ไปเถอะ”

ไม่เคยมีความลังเลหรือใคร่ครวญใดๆ เป็นธรรมชาติจนเหมือนแค่ออกไปเดินเล่นรอบหนึ่ง

หลินสวินทิ้งกายมรรคทั้งห้าไว้ให้คอยดูแลลัทธิแรกกำเนิดและจัดการทุกเรื่องในสำนักได้ตลอดเวลา

เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งยังถูกหลินสวินทิ้งไว้ด้วย มีกายมรรคเพลิงแดง กายมรรคไม้เขียว กายมรรคทองขาวช่วยหลอมด้วยกัน

เจตวัตถุและวัตถุดิบเทพที่ชิงมาจากสิบยักษ์ใหญ่อมตะเหล่านั้น สามารถยกระดับอานุภาพของเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งได้อีกช่วงใหญ่

สรุปคือตอนนี้ไม่ว่าหลินสวินทำเรื่องใด เวลาที่ถูกใช้ไปล้วนไม่สิ้นเปลืองแม้แต่น้อย

วันนั้นหลินสวิน ซย่าจื้อ เสวียนจิ่วอิ้น จินเทียนเสวียนเยวี่ยออกจากแดนแรกเริ่มไปพร้อมกัน

ฟุ่บ!

ในเขตแดนฟ้าดารานอกเวิ้งฟ้า ยานน้อยลำหนึ่งนำพวกหลินสวินเดินทางไปด้วยความเร็วว่องไว แสงวาบเดียวก็ข้ามผ่านฟ้าดาราแห่งหนึ่งราวแล่นผ่านห้วงมิติ ทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนดาวเคลื่อนดาราคล้อย

เพียงไม่กี่ชั่วยาม

ประตูสีทองมหึมากว้างพันจั้งบานหนึ่งปรากฏในครรลองสายตา ราวกับสะพานรุ้งสีทองสายหนึ่งพาดขวางกลางอากาศ

นี่คือหนึ่งในประตูซึ่งเชื่อมต่อจาก ‘เมืองจรดฟ้า’ ด่านนภาอมตะที่สี่สิบเก้าของแดนใหญ่พันศึกมายังโลกยอดนิรันดร์

เมื่อหลินสวินขับเคลื่อนยานมาถึงก็ผ่านบานประตูสีทองนี้อย่างราบรื่น ทัศนวิสัยพลันแปรเปลี่ยน มาถึงในเมืองจรดฟ้าทันที

เมืองจรดฟ้า!

ในฐานะที่เป็นด่านสุดท้ายของแดนใหญ่พันศึก เมืองจรดฟ้าเป็นศูนย์กลางสำคัญในการเชื่อมต่อกับโลกยอดนิรันดร์ 艾琳小說

ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดที่ผ่านมามีขุมอำนาจจากโลกยอดนิรันดร์มากมายตั้งถิ่นฐานที่เมืองนี้ เปิดกิจการสารพัดเพื่อรับซื้อสมบัตินานัปการที่หาได้แค่ในแดนใหญ่พันศึก

เช่นสมบัติอย่างมุกยมโลกและมุกบรรจุมรรค หากอยู่ในโลกยอดนิรันดร์ก็เป็นทรัพยากรในการฝึกปราณที่ขายดีอย่างยิ่ง

นอกจากนี้ยังมีเผ่าจักรพรรดิอมตะมากมายลงหลักปักฐาน ควบคุมดูแลอยู่ที่นี่โดยเฉพาะ เป้าหมายคือเพื่อเชิญชวนอัจฉริยบุคคลให้ได้เร็วที่สุด!

ต้องรู้ว่าขอแค่เป็นผู้เข้าสู่แดนใหญ่พันศึก ทั้งผ่านการเข่นฆ่าและนองเลือดนับไม่ถ้วนจนมาถึงด่านนภาอมตะที่สี่สิบเก้านี้ได้ ย่อมเป็นผู้แข็งแกร่งระดับในหมื่นคนยังหาไม่ได้ทั้งสิ้น

ปีนั้นหลินสวินก็เคยบุกฝ่าจากด่านนภาอมตะด่านแรก มาถึงเมืองจรดฟ้าด่านนภาอมตะที่สี่สิบเก้านี้ตลอดทาง

ตอนนั้นเขาเป็นระดับมกุฎจักรพรรดิ

แต่ตอนนี้เมื่อมาอีกครั้ง เขาเป็นระดับอมตะขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์แล้ว!

เมื่อมาถึงเมืองนี้ในใจหลินสวินอดนึกถึงความทรงจำมากมายในปีนั้นไม่ได้ เขาเก็บยานน้อยลงไปพลางกล่าว “ทุกคน เดินเล่นในเมืองนี้เป็นเพื่อนข้าหน่อยเป็นอย่างไร”

………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด