Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 2991 กฎระเบียบแปรโลหิต

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 2991 กฎระเบียบแปรโลหิต at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2991 กฎระเบียบแปรโลหิต

หลิงเสวียนจื่ออึ้งไป รีบร้อนตามแล้วเอ่ยว่า “ศิษย์น้อง นี่เจ้าไม่ใช่บุ่มบ่ามเกินไปหรือเปล่า”

“ศิษย์พี่ เดี๋ยวท่านก็รู้แล้ว”

หลินสวินยิ้มพูดพลางทะยานขึ้นไปในอากาศ เคลื่อนตัวไปยังภูเขาอิ๋งโจว

“ไม่ได้เจอกันไม่กี่ปีก็เปลี่ยนเป็นโอหังเช่นนี้แล้วหรือ”

หลิงเสวียนจื่อเลิกคิ้ว เห็นว่าเงาร่างหลินสวินกำลังจะหายลับไป เขาไม่กล้าคิดอะไรอีก ทะยานตัวไปเช่นกันพร้อมทั้งเรียกเจดีย์ไร้สิ้นสุดออกมา

ไม่ว่าจะพูดอย่างไรหลินสวินก็เป็นศิษย์น้องของเขา ในฐานะศิษย์พี่ เขาย่อมไม่อาจเห็นหลินสวินไปบุกภูเขาเทพอิ๋งโจวที่อันตรายหาใดเทียบนั้นตามลำพัง

ภูเขาเทพอิ๋งโจวใหญ่โตยิ่งนัก พาดผ่านฟ้าดินสามหมื่นลี้ ตัวเขาสูงต่ำสลับกัน ประกายโลหิตอบอวล

เมื่อหลินสวินเข้าไปใกล้ก็พลันสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังกฎระเบียบที่พิสดารคลุมเครือได้ทันที อย่างกับสายน้ำหนักแน่นปกคลุมทุกกระเบียดของภูเขาอิ๋งโจว

หลิงเสวียนจื่อเอ่ยเตือน “ศิษย์น้อง นี่ก็คือหนึ่งในห้าระเบียบแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ เป็นหนึ่งในกฎระเบียบต้นกำเนิดแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ เจ้าสามารถเรียกมันว่า ‘กฎระเบียบแปรโลหิต’ ได้เช่นกัน ถ้าเจ้าบุกไปเช่นนี้จะถูกกฎระเบียบแปรโลหิตโจมตี ถึงตอนนั้น…”

ไม่ทันพูดจบก็พบว่ากฎเกณฑ์อมตะบนตัวหลินสวินไหลเวียน ลบล้างพลังของกฎระเบียบแปรโลหิตได้อย่างง่ายดาย เหยียบย่างลงบนภูเขาอิ๋งโจวในก้าวเดียว

สบายจนเหมือนเดินเล่นในสวน

หลิงเสวียนจื่ออึ้งค้างไปแล้ว แววตาแข็งทื่อ จู่ๆ เขาก็อยากกระตุกมุมปากตัวเอง กฎระเบียบแปรโลหิตแล้วอย่างไร จำเป็นต้องกังวลแทนศิษย์น้องเล็กของตนด้วยหรือ

ดูสิ ตอนนี้ถูกตบหน้าแล้วกระมัง

“ศิษย์พี่สี่ ทำไมไม่เดินมาล่ะ” หลินสวินผินหน้ามาแล้วเอ่ยอย่างฉงน

หลิงเสวียนจื่อร้องเอ้อคำหนึ่ง เพิ่งสังเกตได้ตอนนี้ว่ากฎเกณฑ์อมตะบนตัวหลินสวินโคจร ลบล้างกฎระเบียบแปรโลหิตที่อยู่ใกล้เคียงไปหมด เกิดเป็นพื้นที่ว่างขึ้นมา

เช่นนี้ก็ทำให้ตนเข้าไปได้โดยไร้ซึ่งสิ่งกีดขวาง

“ศิษย์น้อง กฎเกณฑ์อมตะนี้ของเจ้าถึงกับสามารถต่อต้านพลังกฎระเบียบด้วยหรือ” หลิงเสวียนจื่อเดินไปพลางเอ่ยขึ้นอย่างอดไม่อยู่

หลินสวินพยักหน้า กับศิษย์พี่ของตนเห็นได้ชัดว่าเปิดเผยนัก เอ่ยว่า “หลังจากหลอมพลังส่วนใหญ่ของระเบียบนิพพาน กฎเกณฑ์อมตะของข้านี้ก็แตกต่างจากคนอื่น อืม ไม่ด้อยกว่าระเบียบระดับเทพแล้ว”

นี่หลินสวินยังถ่อมตน

ระหว่างทางมาแดนฝังมรรคแห่งนี้ เขาหลอมพลังกฎเกณฑ์นิรันดร์ที่รวบรวมได้เหล่านั้นไม่หยุด ทำให้กฎเกณฑ์อมตะเปลี่ยนแปลงไปอีกขั้น เทียบกับระเบียบระดับเทพทั่วไปมีแต่จะเหนือกว่า

แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้หลิงเสวียนจื่อก็ยังคงสูดหายใจสะท้านอย่างอดไม่ได้เช่นเดิม “สุดยอดระเบียบนิพพาน เจ้านี่… ทำข้าอิจฉาตาร้อนแล้วจริงๆ”

เขาพูดจริง

ก่อนหลินสวินเข้าคีรีดวงกมล ในศิษย์ร่วมสำนัก เขาหลิงเสวียนจื่อมีพรสวรรค์ที่สุด แก่นกระดูกแข็งแกร่งที่สุด ฉายาว่า ‘เป็นเลิศในหมื่นกาล’

แต่ว่า…

ตั้งแต่มีหลินสวิน ‘เป็นเลิศในหมื่นกาล’ อย่างเขาก็ยังดูไม่เตะตาแล้ว

‘เปรียบเทียบกับผู้อื่นแล้วน่าโมโหเสียจริง…’ หลิงเสวียนจื่อพึมพำกับตนเอง

“ศิษย์พี่สี่ ท่านทะลวงระดับเร็วกว่าข้า ความสามารถในการหยั่งรู้มากกว่าข้า ถ้าไม่ถูกอาจารย์กำราบมาในกาลเวลาไร้สิ้นสุด มรรควิถีตอนนี้ต้องไม่อยู่เพียงเท่านี้แน่”

หลินสวินยิ้มเอ่ยพลางเดินไปตามทางภูเขาอันขรุขระคดเคี้ยวนั้น

หลิงเสวียนจื่อพลันสบายใจขึ้นไม่น้อย หัวเราะแหะๆ เอ่ยว่า “ศิษย์น้อง คำพูดนี้ของเจ้าถูกต้องเลย”

พูดถึงตรงนี้เขาก็หน้าเปลี่ยนสีทันที “ศิษย์น้องระวัง!”

กลางหมอกไม่ไกล จู่ๆ ก็มีเงามายาสายหนึ่งพริบวาบผ่าน กลิ่นอายน่าครั่นคร้ามไร้สิ้นสุด เป็นวิญญาณร้ายโลหิตที่แปลงมาจากเลือดลมของระดับนิรันดร์!

ขณะพูดหลิงเสวียนจื่อก็พุ่งออกมาตามจิตใต้สำนึกแล้ว กระตุ้นเจดีย์ไร้สิ้นสุดหมายจะช่วยหลินสวินสังหารศัตรู

การเคลื่อนไหวโดยไม่ตั้งใจนี้ทำให้หลินสวินอบอุ่นใจ

สวบ!

วิญญาณร้ายโลหิตสายนั้นโจมตีมาเหมือนกับสายฟ้าแลบแดงฉาน รูปลักษณ์คลุมเครือ ทั้งร่างควบรวมจากแสงเงาสีเลือด เมื่อพุ่งมาไอสังหารโหดเหี้ยมแผ่ออกมาด้วย ทำเอาหลินสวินยังขนลุกเกรียว

เป็นอย่างที่ศิษย์พี่สี่ว่าไว้ อานุภาพร้ายกาจของวิญญาณร้ายโลหิตแข็งแกร่งกว่ารูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์เป็นสิบเท่า

อย่าว่าแต่เขาตอนนี้มีแค่ร่างต้น ต่อให้รวมกายมรรคทั้งห้าด้วยก็เกรงว่าจะไม่ใช่คู่ต่อสู้!

วู้ม!

เจดีย์ไร้สิ้นสุดโฉบพุ่งออกมา เปล่งแสงสีขาวโพลน เมื่อวิญญาณร้ายโลหิตกระโจนเข้ามาก็ถูกขังอยู่ในนั้นทันที เปล่งเสียงคำรามกราดเกรี้ยว

หลินสวินเห็นอย่างชัดเจนว่าวิญญาณร้ายโลหิตนี้ดิ้นรนอย่างบ้าคลั่งไปก็ไม่ช่วยอะไร ถูกพลังของเจดีย์ไร้สิ้นสุดตรึงไว้มั่น ไม่กี่พริบตาก็ถูกกำราบอยู่ในเจดีย์ไร้สิ้นสุด

“คิดไม่ถึงว่าเจดีย์ไร้สิ้นสุดยังมีอานุภาพเช่นนี้ด้วย” หลินสวินอุทานชื่นชม

ก่อนหน้านี้สมัยเจดีย์ไร้สิ้นสุดอยู่ในมือเขาก็เหมือนกับคลังเก็บของขนาดใหญ่ ไม่ได้สำแดงอานุภาพออกมามากมายนัก

หลิงเสวียนจื่อใช้มือรองเจดีย์ไร้สิ้นสุด ยิ้มเอ่ยว่า “ศิษย์น้อง นี่ก็โทษเจ้าไม่ได้ พลังของเจดีย์ไร้สิ้นสุดถูกอาจารย์ผนึกไว้ ที่เจ้าใช้ได้ในช่วงหลายปีนั้นเป็นเพียงพลังของ ‘แสงมรรคทองนิลกาฬ’ ของชั้นหนึ่งในสมบัตินี้เท่านั้น อานุภาพย่อมมีจำกัด”

“แต่หลังจากรูปจำลองเจตจำนงที่อาจารย์ทิ้งไว้ในเจดีย์นี้ถูกปลุกขึ้นที่นอกโบราณสถานทวยเทพในตอนนั้น พลังผนึกของเจดีย์สมบัตินี้ก็ถูกปลดออกไปด้วย อย่างตอนนี้สิ่งที่ข้าใช้ก็คือพลัง ‘แสงมรรคขาวกลบ’ ที่ชั้นสามสิบเก้าของเจดีย์นี้ สามารถรับมือวิญญาณร้ายโลหิตได้อย่างง่ายดาย”

“ข้อด้อยเพียงอย่างเดียวก็คือด้วยมรรควิถีของข้าในตอนนี้ อย่างมากสุดก็ใช้ได้หกครั้ง แต่ละครั้งกำราบวิญญาณร้ายโลหิตได้แค่ตนเดียว”

พูดถึงตรงนี้หลิงเสวียนจื่อก็ทำปากจิ๊จ๊ะด้วยความเสียดายอย่างอดไม่ได้

“เจดีย์ไร้สิ้นสุดมีทั้งหมดกี่ชั้นหรือ” หลินสวินถามอย่างอดไม่ได้

“สี่สิบเก้าชั้น” หลิงเสวียนจื่อเอ่ย “อาจารย์ของพวกเราไม่ว่าจะทำเรื่องใดก็จะมีจำนวนมหามรรคเป็นพื้นฐานอยู่เสมอ อย่างเช่นเจดีย์ไร้สิ้นสุดนี้มีทั้งหมดสี่สิบเก้าชั้น ทั้งตัวเจดีย์เป็นตัวแทนชั้นที่ ‘ห้าสิบ’ ดังว่ามหามรรคห้าสิบ อุบัติฟ้าสี่สิบเก้า รอดพ้นเพียงหนึ่งก็เป็นเช่นนี้”

“อย่างที่คีรีดวงกมลของพวกเรา เดิมก็มาจากสี่สิบเก้าถ้ำสวรรค์แดนมงคล มีสี่สิบเก้าผู้สืบทอด”

พูดถึงตรงนี้หลิงเสวียนจื่อมองหลินสวินปราดหนึ่ง “ศิษย์น้อง ตอนนี้เจ้าเข้าใจแล้วกระมังว่าการถูกอาจารย์รับเป็นศิษย์ได้ เจ้าเป็นคนที่พิเศษปานไหน”

หลินสวินครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วเอ่ยว่า “แม้ข้าจะเคารพอาจารย์ แต่กลับไม่สนใจเรื่องพวกนี้ ไม่ว่าจะเป็นฟ้าลิขิตอย่างลับๆ หรือไม่ และไม่ว่าจำนวนมหามรรคจะเปลี่ยนแปลงไปเช่นไร ตั้งแต่เริ่มฝึกปราณถึงตอนนี้ ข้าไขว่คว้าเพียงมรรคของตน สำหรับข้าแล้วเรื่องอื่นเหมือนเมฆลอย”

หลิงเสวียนจื่อยกนิ้วโป้ง “พูดได้ดี ฝึกปราณอย่างไรก็เป็นเรื่องของตัวเอง อาจารย์ก็พูดไว้ ว่าศิษย์ไม่จำเป็นต้องสู้อาจารย์ไม่ได้ เรื่องที่กำหนดไว้ไม่จำเป็นว่าศิษย์อย่างพวกเราจะต้องเชื่อฟังเสมอไป หาไม่แล้วภายหน้าจะมีช่วงเวลาที่จะโดดเด่นกว่าอาจารย์ได้อย่างไร”

เขาเต็มไปด้วยความทอดถอนใจ “เพียงแต่ศิษย์อย่างพวกเราอยากเหนือกว่าความสูงส่งของอาจารย์ในตอนนี้… เกรงว่าหนทางยังอีกยาวไกลยิ่งนัก”

ขณะพูดหลินสวินที่อยู่ข้างๆ นัยน์ตาหดรัดลง จู่ๆ ทางข้างหน้าก็มีกลิ่นอายโหดเหี้ยมน่ากลัวยิ่งเป็นสายๆ ปรากฏขึ้น มีถึงสิบกว่าสาย!

หลิงเสวียนจื่อผงะไป ร้อนรนทันที ร้องว่า “ข้าก็บอกแล้วว่าเหยียบภูเขาอิ๋งโจวแห่งนี้จะดึงดูดวิญญาณร้ายโลหิตให้รวมตัวกันโจมตีเข้ามาได้ง่ายๆ พวกเรารีบไป!”

ขณะพูดก็จะกระโจนออกไปจากภูเขาอิ๋งโจว

ฝูงวิญญาณร้ายโลหิตแบบนี้โจมตีมา ต่อให้เป็นเจดีย์ไร้สิ้นสุดก็เอาไม่อยู่!

แต่ตอนนี้หลินสวินกลับตาเป็นประกาย ไม่เพียงไม่ไป แต่กลับสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง “ศิษย์พี่ ให้ข้าจัดการเถอะ”

ฟุ่บๆๆ!

เงาร่างวิญญาณร้ายโลหิตสิบกว่าสายพุ่งโจมตีมาทางนี้ แต่ละตนต่างมีไอโลหิตคับฟ้า กลิ่นอายที่ปลดปล่อยออกมาโหดเหี้ยมน่าครั่นคร้าม

ภาพเช่นนั้นทำให้หลิงเสวียนจื่อยังหน้าเขียว ร้องลั่นว่า “ศิษย์น้อง นี่เจ้ากำลังเล่นกับไฟนะ! ไปเร็วๆ!”

กลับพบว่าหลินสวินไม่ขยับ กระทั่งตอนที่วิญญาณร้ายโลหิตสิบกว่าสายนั้นพุ่งโจมตีมา เขาก็ใช้อภินิหารประตูเนรเทศโดยไม่ลังเลสักนิด

ครืน!

ประตูมิติที่มีรัศมีพันจั้งผุดออก ประตูใหญ่ราวกับเชื่อมไปสู่หุบเหวนรกเปิดออกในยามนี้ แผ่แสงน่าหวาดหวั่นออกมา

ครู่ต่อมาวิญญาณร้ายโลหิตสิบกว่าสายนั้นก็พุ่งเข้าไปในประตูเนรเทศ คล้ายฝูงปลาที่ว่ายเข้าไปติดแหเอง ชั่วพริบตาก็หายลับไปไร้ร่องรอย

หลิงเสวียนจื่อที่เดิมกระวนกระวายหาใดเทียบ เตรียมตัวจะลงมือเต็มกำลังแล้วตกตะลึงอ้าปากค้าง พูดตะกุกตะกักว่า “นี่… นี่เจ้าใช้พลังอภินิหารอะไร”

ชั่วพริบตาเดียว วิญญาณร้ายโลหิตสิบกว่าสายที่น่ากลัวจนถึงขั้นสังหารพวกเขาศิษย์พี่ศิษย์น้องได้อย่างง่ายดายเหล่านั้นก็หายลับไปเช่นนี้แล้ว นี่ทำให้หลิงเสวียนจื่อยังรู้สึกงุนงงอยู่บ้างไปชั่วขณะ

นี่จะง่ายเกินไปแล้วกระมัง!?

“ประตูเนรเทศ อภินิหารพรสวรรค์ขั้นที่สี่ของหุบเหวกลืนกิน”

หลินสวินเอ่ยอธิบาย เขาย่อประตูเนรเทศให้เป็นเงาแสงสายหนึ่ง “ศิษย์พี่ ฉวยโอกาสที่พลังอภินิหารของข้ายังไม่หายไป พวกเรารีบทำเวลา ยังอาจจะเก็บเหยื่อได้มากขึ้น”

ขณะพูดก็ทะยานตัวไปข้างหน้า

หลิงเสวียนจื่อมุมปากเกร็งกระตุก จนถึงตอนนี้เขาถึงเข้าใจอย่างถ่องแท้ ว่าเหตุใดหลินสวินจึงกล้าขึ้นภูเขาอิ๋งโจวอย่างโอหังปานนี้

กฎเกณฑ์อมตะทั้งตัวเขาต้านกฎระเบียบแปรโลหิตได้

พลังอภินิหารที่เขาครอบครองยังเหมือนแหจับปลาใหญ่ เก็บวิญญาณร้ายโลหิตเหล่านั้นไปอย่างง่ายดาย!

สำหรับคนอื่นแล้ว ภูเขาอิ๋งโจวเป็นสถานที่ที่อันตรายยิ่งยวดนัก รูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์มายังไม่ต่างอะไรกับรนหาที่ตาย

แต่สำหรับหลินสวินแล้ว…

ก็เป็นลานล่าสัตว์ที่เขาจะโลดแล่นอย่างไรก็ได้โดยสิ้นเชิง มิหนำซ้ำเหยื่อพวกนั้นยังว่ายมาติดแหเองด้วย!

“ศิษย์น้อง รอข้าด้วย”

หลังจากหลิงเสวียนจื่อสงบลง ใจก็เปลี่ยนเป็นร้อนเร่าขึ้นมา

หลายปีนี้เขาหลบซ่อนอยู่ในหุบเขาที่อยู่ห่างจากภูเขาอิ๋งโจวอย่างยากลำบากมาโดยตลอด รอจนในที่สุดการเปลี่ยนแปลงน่าตกตะลึงของแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ก็มาเยือน กลับพบว่าหากต้องการล่าวิญญาณร้ายโลหิต ต้องเผชิญความยากลำบากและอันตรายมากมาย

เขาทำได้เพียงหลบอยู่นอกภูเขาอิ๋งโจว ล่อวิญญาณร้ายโลหิตเหมือนตกปลาหย่อนเบ็ด มิหนำซ้ำอาจไม่สำเร็จในทุกครั้ง จำเป็นต้องอดทนรอครั้งต่อไป

บางครั้งโชคดี หนึ่งชั่วยามก็จะจับวิญญาณร้ายโลหิตได้ตนหนึ่ง

แต่ส่วนใหญ่ต่อให้เขาเสียเวลาเป็นครึ่งเดือนก็ใช่ว่าจะจับวิญญาณร้ายโลหิตได้สักตน

ทว่าตอนนี้ความสามารถของหลินสวินกลับทำให้หลิงเสวียนจื่อสัมผัสได้ถึงโอกาสหนึ่ง…

โอกาสที่จะกวาดล้างเหยื่อได้อย่างกำเริบเสิบสานโดยสิ้นเชิง!

‘กวาดล้างวิญญาณร้ายโลหิตบนภูเขาอิ๋งโจวนี้แล้ว ยังมีศพคลั่งนิรันดร์บนภูเขาเผิงไหล วิญญาณร้ายไร้ดับบนภูเขาฟางหู ภูตมหามรรคบนภูเขาไต้อวี้ ศาสตราร้ายนิรันดร์บนภูเขาหยวนเจี้ยว… เป็นเช่นนี้ต่อไป วาสนาบนห้าภูเขาในแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์นี้… จะไม่เป็นของพวกเราศิษย์พี่ศิษย์น้องหรือ’

หลิงเสวียนจื่อยิ่งคิดใจก็ยิ่งตื่นเต้น คล้ายเห็นแววแจ้งมรรคนิรันดร์รำไรกำลังโบกมือให้ตนแล้ว

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด