Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 2260 อานุภาพแห่งบรรพชน

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 2260 อานุภาพแห่งบรรพชน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อสองปีก่อน หลินสวินก็สังเกตเห็นกระบี่ไร้รูปในมือจักรพรรดิมังกรมายาแล้ว เพียงแต่ตอนนั้นจู่ๆ ก็ถูกผู้อาวุโสประหัตวิญญาณโจมตีกะทันหัน จึงไม่อาจชิงสมบัตินี้มาได้

และบัดนี้จักรพรรดิมังกรมายาตายไปแล้ว ภายหน้ากระบี่นี้ก็เท่ากับตกเป็นของหลินสวิน

จนถึงตอนนี้ในบรรดาเก้าศาสตราจักรพรรดิแห่งคุนหลุน เหลือเพียงเกราะไร้บกพร่องที่หลินสวินยังไม่ได้มา

พอได้รับกระบี่ไร้รูป หลินสวินก็ทะลวงเข้าต่อสู้อีกครั้ง

อันที่จริงการต่อสู้ในยามนี้กำลังจะจบลงแล้ว สัตว์ประหลาดเฒ่าที่ดูแลวังมหามรรคหมื่นมังกรเหลือเพียงไม่กี่คนที่ยังยื้ออยู่ ดิ้นรนอย่างยากลำบาก

แต่ก็ในตอนนี้เอง…

“พวกเจ้ากล้าดีนักนะ! สองปีก่อนให้พวกเจ้าเก็บชีวิตต่ำๆ ไว้ได้ คราวนี้ข้ารับรองว่าพวกเจ้าจะหนีไปไม่ได้อีก!”

ทันทีที่เสียงเย็นชาแข็งกระด้างดังขึ้น ห้วงอากาศพลันปั่นป่วน เงาร่างประหนึ่งนายเหนือหัวร่างหนึ่งแหวกอากาศออกมา ปรากฏเป็นเงาร่างเหมือนเด็กหนุ่มผู้หนึ่ง

เป็นจักรพรรดิมังกรประหัตวิญญาณ คนรุ่นบรรพชนรุ่นแรกที่ยังอยู่ในเผ่าเจินหลงจนถึงปัจจุบัน

ครืน!

ฟ้าดินแถบนี้สั่นสะเทือน ไหวกระเพื่อมเหมือนมหาสมุทร

ทุกคนในที่นั้นต่างหายใจติดขัด รู้สึกถึงอันตรายที่ไม่เคยมีมาก่อน ต่างพากันหยุดสิ่งที่ทำอยู่ เริ่มระมัดระวังตัว

“ผู้อาวุโส ในที่สุดท่านก็มาแล้ว!”

“เจ้าเดรัจฉานแซ่หลินคนนี้กับคนทรยศอย่างอ๋าวซิงถังสมคบคิดกัน ทำลายวังมหามรรคหมื่นมังกรของเผ่าเรา!”

“ขอผู้อาวุโสลงมือ สังหารสารเลวพวกนี้ด้วย!”

ผู้แข็งแกร่งเผ่าเจินหลงที่ดิ้นรนอย่างยากลำบากซึ่งเหลืออยู่ไม่กี่คนนั้นต่างเผยสีหน้าปรีดาและตื่นเต้น เสียงยังสะอึกสะอื้น

สายตาผู้อาวุโสประหัตวิญญาณกวาดไปรอบๆ สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นอึมครึมเป็นพิเศษ

ที่นี่ยับเยิน ได้รับความเสียหายชนิดพังพินาศ วังมหามรรคหมื่นมังกรอันกว้างใหญ่ไพศาลกลับเปลี่ยนเป็นแหลกเละไปทั้งแถบ

นี่ทำให้ไฟโทสะของผู้อาวุโสประหัตวิญญาณลุกโชน ประกายน่าตระหนกฉายวาบในดวงตา

“ซิงถัง ตอนนั้นแม้เจ้าทำผิดไม่อาจอภัย แต่ถึงอย่างไรภายในกายเจ้าก็มีเลือดเจินหลงไหลเวียนอยู่… จะตอบแทนเผ่าของตัวเองเช่นนี้หรือ” เขาสีหน้าน่าสะพรึง กลิ่นอายที่แผ่ออกจากร่างปั่นป่วนลมเมฆ ราวกับเทพเทวาพิโรธ

“ข้ารู้แต่ว่าตั้งแต่เจ้าควบคุมดูแลเผ่า วังมังกรแห่งนี้ก็มีแต่พวกต่ำช้าไร้ยางอาย ประจบสอพลอน่าขยะแขยง ถึงกับละทิ้งบรรพชนอย่างโหดร้ายได้เพื่อเอาชีวิตรอด!”

อ๋าวซิงถังสีหน้าเย็นชา ในดวงตาไม่ปิดความแค้นสักนิด “และเจ้ายังเป็นศัตรูที่ฆ่าพ่อข้าด้วย!”

เสียงดังชัดถ้อยชัดคำ เผยความเคียดแค้นชิงชังเข้ากระดูก

“ไร้เดียงสา! ถ้าไม่ใช่ข้า เผ่าเจินหลงคงล่มสลายไปพร้อมกับความผิดของใต้เท้าบรรพชนไปนานแล้ว ถ้าไม่ใช่ข้าฆ่าพ่อเจ้าในตอนนั้น เผ่าเราคงถูกตระกูลลั่วอีกฟากฝั่งมองเป็นศัตรูไปนานแล้ว!”

ผู้อาวุโสประหัตวิญญาณแค่นหัวเราะ สีหน้าเปี่ยมไปด้วยความเหี้ยมเกรียม “ทำไมเจ้าถึงไม่เอาอย่างพี่ชายเจ้าสักหน่อย หัดคิดเพื่อเผ่าเสียบ้างเล่า”

พูดถึงตรงนี้เขาก็ถอนหายใจเบาๆ “ตอนนี้พูดเรื่องพวกนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์แล้ว คราวนี้… เจ้าก็ไปตายกับสารเลวพวกนั้นเถอะ!”

โครม!

พอผู้อาวุโสประหัตวิญญาณสะบัดแขนเสื้อ ฟ้าดินพลิกตลบ พลังกฎระเบียบไร้สิ้นสุดสะท้านสะเทือน ชั่วพริบตาก็ผนึกพื้นที่แถบนี้ไว้โดยสมบูรณ์

แขนเสื้อเขาโบกพลิ้ว แววตาลุ่มลึกกวาดมองพวกหลินสวินประหนึ่งนายเหนือหัวสูงสุด “ข้าเคยบอกแล้วว่าอยู่ที่นี่ข้าก็คือฟ้า! มิอาจขัดขืน ใครฝ่าฝืนต้องตาย!”

นี่เป็นความเชื่อมั่นเด็ดขาด คล้ายผู้ควบคุมความเป็นตาย วาจาดั่งประกาศิต ในแววตา วาจาและการกระทำ มีแต่ความดูแคลนและไร้ปรานี

ความจริงแล้วสิ่งที่ผู้อาวุโสประหัตวิญญาณพูดก็เป็นเรื่องถูก เขาที่ควบคุมระเบียบต้นกำเนิดของแดนวังมังกร แทบไม่ต่างอะไรกับ ‘ฟ้า’ ของโลกแห่งนี้

พวกหลินสวินสีหน้าสงบนิ่ง ไม่มีความกระวนกระวายสักนิด ถึงกับไม่มีใครมีความคิดหรือเตรียมตัวต่อต้าน

นี่ทำให้ผู้อาวุโสประหัตวิญญาณประหลาดใจอยู่บ้าง หรือเจ้าสารเลวพวกนี้จะยอมแพ้แล้ว

ไม่ใช่!

ทันใดนั้นผู้อาวุโสประหัตวิญญาณเริ่มนิ่วหน้า สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นไม่น่าดู เพราะพบว่าสายตาที่พวกหลินสวินมองมา อย่างกับมอง… คนโง่คนหนึ่ง!

“ตาย!” เขาลงมืออย่างไม่ลังเลสักนิด!

ตูม!

พลังระเบียบหาใดเทียบแปลงเป็นกระแสธารเข้ากลบพวกหลินสวินดั่งภูผาถล่มสมุทรคำราม กลิ่นอายที่อบอวลน่ากลัวหาใดเทียบ

ผู้อาวุโสประหัตวิญญาณมั่นใจว่าโลกนี้ไม่มีใครต้านการโจมตีชนิดทำลายล้างระดับนี้ได้!

แต่ครู่ต่อมาตาเขาก็แทบหลุดจากเบ้า!

ก็เห็นพวกหลินสวินปลอดภัยดี ส่วนพลังระเบียบหาใดเทียบกลับชะงักอยู่ตรงนั้น ไม่อาจเข้าใกล้แม้สักนิด

เกิดอะไรขึ้น

ผู้อาวุโสประหัตวิญญาณกำลังจะกระตุ้นพลังอีกครั้ง กลับพบอย่างน่าตระหนกว่าพลังระเบียบของแดนวังมังกรแห่งนี้ ไม่ว่าเขาจะใช้อย่างไรก็ไม่กล้าเข้าใกล้พวกหลินสวินอีกสักก้าว!

ราวกับกำลังกลัวอะไรอยู่…

ผู้อาวุโสประหัตวิญญาณขนลุกในใจ รู้สึกไม่เข้าทีโดยพลัน ก็ในตอนนี้เองที่เสียงแหบพร่าฟังยากเสียงหนึ่งดังขึ้น

“อาจิ่ว ตอนนั้นข้าถือหางเจ้าเป็นที่สุด แต่ตอนนี้เจ้ากลับทำให้ข้าผิดหวัง…”

พร้อมกับเสียงนี้ เงาร่างคลุมเครือที่โก่งงอผอมแห้งร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นกลางห้วงอากาศ ทั้งร่างอบอวลไปด้วยกลิ่นอายเจนโลกอันหนาแน่น

ผู้อาวุโสประหัตวิญญาณเหมือนถูกสายฟ้าฟาด พูดเสียงหลงว่า “ใต้เท้าบรรพชน!?”

เงาร่างคลุมเครือหลังโก่งผอมแห้งนั้น คือบรรพชนเผ่าเจินหลงที่เคยถูกศิลามรรคค้ำสมุทรกำราบมายาวนานผู้นั้น!

“ประหลาดใจมากหรือ คิดไม่ถึงว่าข้าจะยังมีชีวิตมาปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าได้หรือ” บรรพชนเจินหลงเสียงต่ำลึก ไร้คลื่นอารมณ์แม้สักนิด

ผู้อาวุโสประหัตวิญญาณใจสั่นระรัวขึ้นมา หน้าเปลี่ยนสียิ่งยวด ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้ว ว่าเหตุใดพวกหลินสวิน อ๋าวซิงถังถึงกล้าบุกเข้ามาในแดนวังมังกรอีกครั้งหนึ่ง

ครู่หนึ่งเขาพลันชี้พวกหลินสวิน อ๋าวซิงถัง คำรามกราดเกรี้ยวว่า “พวกเจ้าถึงกับกล้าทำลายกระบวนผนึกศิลามรรคค้ำสมุทรที่ตระกูลลั่วอีกฟากฝั่งวางไว้… สมควรแล่เนื้อหนังเป็นพันหมื่นชิ้นนัก!”

นี่ทำให้คนรู้สึกเหลวไหลนิ่ง บรรพชนเจินหลง นั่นเป็นถึงบรรพชนของผู้อาวุโสประหัตวิญญาณ แต่ตอนนี้เขากลับกำลังตำหนิที่พวกหลินสวินช่วยบรรพชนเจินหลงออกมา!

“อาจิ่ว เจ้าทำให้ข้ายิ่งผิดหวังแล้ว…” บรรพชนเจินหลงถอนหายใจยาว เหมือนเสียใจอย่างหาที่สุดมิได้

ผู้อาวุโสประหัตวิญญาณสีหน้าแปรเปลี่ยนไม่ว่างเว้น กัดฟันเอ่ยว่า “ใต้เท้าบรรพชน ข้าก็ทำเพื่อช่วยเผ่าพวกเรา ท่านควรรู้ดีกว่าข้าว่าตระกูลลั่วอีกฟากฝั่งน่ากลัวปานไหน ถ้าตอนนั้นพวกเราช่วยท่านออกมา เผ่าของพวกเราจะต้องถูกทำลายแน่!”

บรรพชนเจินหลงเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “กับเรื่องนี้ข้าไม่ได้โทษเจ้า”

ผู้อาวุโสประหัตวิญญาณคล้ายลอบถอนใจเฮือกหนึ่ง แววตาไหววูบเอ่ยว่า “ใต้เท้าบรรพชน หากท่านคิดถึงการดำรงอยู่ของเฟ่า ขอให้ท่าน… ขอให้ท่านกลับไปอยู่ใต้ทะเลปีศาจเก้าพันจั้งด้วย!”

“หาไม่แล้วไม่ช้าก็เร็วตระกูลลั่วอีกฟากฝั่งจะต้องมาสร้างความยากลำบากให้เผ่าเรา ท่านคงไม่อยากมองดูลูกหลานตัวเองประสบเคราะห์ไปต่อหน้าต่อตากระมัง”

พวกหลินสวินยังอึ้งไป คำพูดไร้ยางอายเช่นนี้ เจ้าหมอนี่ดันพูดออกมาได้ด้วยหรือ

อ๋าวซิงถังโกรธจนหน้าเขียว “พอแล้ว ในใจเจ้าตระกูลลั่วอีกฟากฝั่งสำคัญยิ่งกว่าชีวิตของบรรพชนเผ่าเราหรือ”

ผู้อาวุโสประหัตวิญญาณไม่สนใจสักนิด สายตาเพียงมองที่บรรพชนเจินหลง เอ่ยว่า “ใต้เท้าบรรพชน ต่อไปเผ่าเราใช่จะไม่มีโอกาสหลุดออกจากการควบคุมของตระกูลลั่วอีกฟากฝั่ง อย่างตอนนี้เผ่าเราก็มีเด็กที่มีพรสวรรค์สายเลือดบรรพชนมังกรกับหุบเหวกลืนกินกำลังจะถือกำเนิดขึ้น ขอเพียงให้โอกาสเขาได้เติบโต ภายหน้าความสำเร็จบนมรรคาของเขาจะต้องเหนือล้ำกว่าเมธีเผ่าเราในอดีตทั้งปวงแน่”

เขาหยุดไปแล้วกล่าวต่อ “ถึงตอนนั้น มีเด็กคนนี้ควบคุมดูแลเผ่าเรา จะกลัวตระกูลลั่วอีกฟากฝั่งนั่นไปไย”

หลินสวินได้ยินดังนี้ไฟโทสะในอกก็แทบปะทุออกมา พูดเสียงแข็งว่า “เดรัจฉานเฒ่า เด็กคนนั้นกลายเป็นคนของเผ่าพวกเจ้าไปตั้งแต่เมื่อไร”

“อะไรเรียกต่ำช้า อะไรเรียกไร้ยางอาย วันนี้ข้าได้เห็นแล้ว!” ต้าหวงยังโกรธจนกัดฟัน นึกไม่ถึงว่าคนเช่นผู้อาวุโสประหัตวิญญาณจะกระทำเรื่องต่ำช้าเพียงนี้

“อาจิ่ว เจ้าพูดจบหรือยัง”

บรรพชนเจินหลงไร้คลื่นอารมณ์แม้สักนิด เสียงยิ่งต่ำลึก

“ใต้เท้าบรรพชน โอกาสมีเพียงครั้งเดียว ยังขอให้ท่านทำให้เผ่าเราสมปรารถนาด้วย!” ผู้อาวุโสประหัตวิญญาณสูดหายใจลึก เอ่ยเสียงเครียด

สายตาพวกหลินสวินต่างมองบรรพชนเจินหลง ฝ่ายหลังเงียบไปครู่สั้นๆ จากนั้นทั้งร่างก็แผ่กลิ่นอายน่าสะพรึงหาใดเทียบออกมา ดวงตาจับจ้องผู้อาวุโสประหัตวิญญาณ เอ่ยชัดถ้อยชัดคำว่า “เจ้าทำให้ข้าผิดหวังโดยสิ้นเชิงจริงๆ!”

ผู้อาวุโสประหัตวิญญาณตกตะลึงเป็นอย่างแรก จากนั้นก็เผยสีหน้าคลุ้มคลั่ง “ใต้เท้า ถ้าข้าดูไม่ผิด ต่อให้ท่านถูกช่วยออกมาแต่มรรควิถีทั้งตัวก็เหลือไม่เท่าไรเพราะถูกกำราบมาไม่รู้กี่กาลเวลา ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไยไม่สละตัวเองเพื่อทำให้ทั้งเผ่าสมปรารถนาเล่า”

“เจ้าสมควรตาย!”

บรรพชนเจินหลงก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว เงาร่างงองุ้มคลุมเครือพลันยืดตรง ชั่วพริบตานี้เหมือนมีพลังน่ากลัวตื่นขึ้นจากความเงียบงันภายในร่างของเขา

“ข้าสมควรตายหรือ ข้าไม่ใช่ทำเพื่อทั้งเผ่าหรอกหรือ”

ผู้อาวุโสประหัตวิญญาณคล้ายสัมผัสได้ว่าไม่เข้าทีเช่นกัน ยอมเสี่ยงอย่างที่สุด “ใต้เท้า หากท่านยังลุ่มหลงไม่ตื่น ก็อย่าโทษที่ข้ากำราบท่านเองเลย!”

พวกหลินสวินต่างอึ้งไปอย่างอดไม่ได้ คนผู้หนึ่งจะเสียสติได้ปานไหน ถึงกล้าตัดสินใจทำเรื่องผิดครรลองปานนี้ได้

“ฮ่าๆๆ เจ้าอ๋าวจิ่วอี๋ช่างดีนัก! เจ้าทำให้ข้าเปิดโลกเสียจริง!”

บรรพชนเจินหลงแหงนหน้าหัวเราะ แต่เสียงหัวเราะนั้นเผยความเศร้าโศกไร้สิ้นสุดอย่างเห็นได้ชัด “คิดไม่ถึง คิดไม่ถึงจริงๆ…”

“เรื่องพวกนี้เป็นท่านบีบข้าทั้งนั้น! ขอเพียงเผ่าดำรงอยู่ต่อไปได้ ต่อให้ข้าอ๋าวจิ่วอี๋ต้องแบกรับชื่อเสียงไปชั่วกาลว่าฆ่าบรรพชนแล้วจะอย่าไงร ใต้เท้า ขออภัยด้วย!”

ภายใต้เสียงแน่วแน่ทั้งยังคลุ้มคลั่ง ผู้อาวุโสประหัตวิญญาณส่งเสียงคำรามลั่น พลังระเบียบเต็มฟ้าเหมือนกระแสธารรวมตัว ถูกเขาควบคุมให้พุ่งไปหาบรรพชนเจินหลงที่อยู่ไกลออกไป

“ที่เจ้าพูดก็ถูก มรรควิถีของข้าเหลือไม่เท่าไรจริงๆ…”

บรรพชนเจินหลงเสียงต่ำลึก “แต่ก่อนตาย ถ้ากำจัดเนื้อร้ายของเผ่าอย่างเจ้าได้ ก็คุ้มค่าแล้ว!”

เมื่อเสียงดังขึ้น เงาร่างคลุมเครือของเขาก็รวมตัวกันแน่นขึ้นทีละนิด กลิ่นอายก็เพิ่มพูนขึ้นทีละน้อย

กระทั่งสิ้นเสียง เขาก็ประหนึ่งนายเหนือหัวที่ฟื้นคืนอานุภาพในอดีต พัดโหมลมเมฆ หยิ่งผยองเหนือใต้หล้า

ยามเขาก้าวเดิน ฟ้าดินปั่นป่วน ละอองแสงระเบียบไร้สิ้นสุดปลิวว่อน สะท้อนให้เงาร่างของเขาเกรียงไกรสูงส่งดั่งช่วงต้นยุคดึกดำบรรพ์

ตูม…

พลังระเบียบถาโถมเข้าปกคลุม แต่ยังไม่ทันเข้าใกล้ก็ถูกกลิ่นอายบนร่างบรรพชนเจินหลงบดขยี้ระเบิดกระจุยแหลก

ผู้อาวุโสประหัตวิญญาณหน้าเปลี่ยนสีทันที แววตาเจือความฉงนเหมือนทำใจเชื่อได้ยาก

“แดนวังมังกรแห่งนี้ เดิมทีก็แปลงมาจาก ‘มุกมังกรบริสุทธิ์’ ของข้า อาจิ่วเจ้ายังกล้ามาแตะต้อง ไม่ประมาณพลังตัวเองเกินไปแล้ว!”

ภายใต้เสียงน่าเกรงขาม บรรพชนเจินหลงยื่นมือไปคว้าจับห้วงอากาศเบาๆ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 2260 อานุภาพแห่งบรรพชน

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 2260 อานุภาพแห่งบรรพชน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อสองปีก่อน หลินสวินก็สังเกตเห็นกระบี่ไร้รูปในมือจักรพรรดิมังกรมายาแล้ว เพียงแต่ตอนนั้นจู่ๆ ก็ถูกผู้อาวุโสประหัตวิญญาณโจมตีกะทันหัน จึงไม่อาจชิงสมบัตินี้มาได้

และบัดนี้จักรพรรดิมังกรมายาตายไปแล้ว ภายหน้ากระบี่นี้ก็เท่ากับตกเป็นของหลินสวิน

จนถึงตอนนี้ในบรรดาเก้าศาสตราจักรพรรดิแห่งคุนหลุน เหลือเพียงเกราะไร้บกพร่องที่หลินสวินยังไม่ได้มา

พอได้รับกระบี่ไร้รูป หลินสวินก็ทะลวงเข้าต่อสู้อีกครั้ง

อันที่จริงการต่อสู้ในยามนี้กำลังจะจบลงแล้ว สัตว์ประหลาดเฒ่าที่ดูแลวังมหามรรคหมื่นมังกรเหลือเพียงไม่กี่คนที่ยังยื้ออยู่ ดิ้นรนอย่างยากลำบาก

แต่ก็ในตอนนี้เอง…

“พวกเจ้ากล้าดีนักนะ! สองปีก่อนให้พวกเจ้าเก็บชีวิตต่ำๆ ไว้ได้ คราวนี้ข้ารับรองว่าพวกเจ้าจะหนีไปไม่ได้อีก!”

ทันทีที่เสียงเย็นชาแข็งกระด้างดังขึ้น ห้วงอากาศพลันปั่นป่วน เงาร่างประหนึ่งนายเหนือหัวร่างหนึ่งแหวกอากาศออกมา ปรากฏเป็นเงาร่างเหมือนเด็กหนุ่มผู้หนึ่ง

เป็นจักรพรรดิมังกรประหัตวิญญาณ คนรุ่นบรรพชนรุ่นแรกที่ยังอยู่ในเผ่าเจินหลงจนถึงปัจจุบัน

ครืน!

ฟ้าดินแถบนี้สั่นสะเทือน ไหวกระเพื่อมเหมือนมหาสมุทร

ทุกคนในที่นั้นต่างหายใจติดขัด รู้สึกถึงอันตรายที่ไม่เคยมีมาก่อน ต่างพากันหยุดสิ่งที่ทำอยู่ เริ่มระมัดระวังตัว

“ผู้อาวุโส ในที่สุดท่านก็มาแล้ว!”

“เจ้าเดรัจฉานแซ่หลินคนนี้กับคนทรยศอย่างอ๋าวซิงถังสมคบคิดกัน ทำลายวังมหามรรคหมื่นมังกรของเผ่าเรา!”

“ขอผู้อาวุโสลงมือ สังหารสารเลวพวกนี้ด้วย!”

ผู้แข็งแกร่งเผ่าเจินหลงที่ดิ้นรนอย่างยากลำบากซึ่งเหลืออยู่ไม่กี่คนนั้นต่างเผยสีหน้าปรีดาและตื่นเต้น เสียงยังสะอึกสะอื้น

สายตาผู้อาวุโสประหัตวิญญาณกวาดไปรอบๆ สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นอึมครึมเป็นพิเศษ

ที่นี่ยับเยิน ได้รับความเสียหายชนิดพังพินาศ วังมหามรรคหมื่นมังกรอันกว้างใหญ่ไพศาลกลับเปลี่ยนเป็นแหลกเละไปทั้งแถบ

นี่ทำให้ไฟโทสะของผู้อาวุโสประหัตวิญญาณลุกโชน ประกายน่าตระหนกฉายวาบในดวงตา

“ซิงถัง ตอนนั้นแม้เจ้าทำผิดไม่อาจอภัย แต่ถึงอย่างไรภายในกายเจ้าก็มีเลือดเจินหลงไหลเวียนอยู่… จะตอบแทนเผ่าของตัวเองเช่นนี้หรือ” เขาสีหน้าน่าสะพรึง กลิ่นอายที่แผ่ออกจากร่างปั่นป่วนลมเมฆ ราวกับเทพเทวาพิโรธ

“ข้ารู้แต่ว่าตั้งแต่เจ้าควบคุมดูแลเผ่า วังมังกรแห่งนี้ก็มีแต่พวกต่ำช้าไร้ยางอาย ประจบสอพลอน่าขยะแขยง ถึงกับละทิ้งบรรพชนอย่างโหดร้ายได้เพื่อเอาชีวิตรอด!”

อ๋าวซิงถังสีหน้าเย็นชา ในดวงตาไม่ปิดความแค้นสักนิด “และเจ้ายังเป็นศัตรูที่ฆ่าพ่อข้าด้วย!”

เสียงดังชัดถ้อยชัดคำ เผยความเคียดแค้นชิงชังเข้ากระดูก

“ไร้เดียงสา! ถ้าไม่ใช่ข้า เผ่าเจินหลงคงล่มสลายไปพร้อมกับความผิดของใต้เท้าบรรพชนไปนานแล้ว ถ้าไม่ใช่ข้าฆ่าพ่อเจ้าในตอนนั้น เผ่าเราคงถูกตระกูลลั่วอีกฟากฝั่งมองเป็นศัตรูไปนานแล้ว!”

ผู้อาวุโสประหัตวิญญาณแค่นหัวเราะ สีหน้าเปี่ยมไปด้วยความเหี้ยมเกรียม “ทำไมเจ้าถึงไม่เอาอย่างพี่ชายเจ้าสักหน่อย หัดคิดเพื่อเผ่าเสียบ้างเล่า”

พูดถึงตรงนี้เขาก็ถอนหายใจเบาๆ “ตอนนี้พูดเรื่องพวกนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์แล้ว คราวนี้… เจ้าก็ไปตายกับสารเลวพวกนั้นเถอะ!”

โครม!

พอผู้อาวุโสประหัตวิญญาณสะบัดแขนเสื้อ ฟ้าดินพลิกตลบ พลังกฎระเบียบไร้สิ้นสุดสะท้านสะเทือน ชั่วพริบตาก็ผนึกพื้นที่แถบนี้ไว้โดยสมบูรณ์

แขนเสื้อเขาโบกพลิ้ว แววตาลุ่มลึกกวาดมองพวกหลินสวินประหนึ่งนายเหนือหัวสูงสุด “ข้าเคยบอกแล้วว่าอยู่ที่นี่ข้าก็คือฟ้า! มิอาจขัดขืน ใครฝ่าฝืนต้องตาย!”

นี่เป็นความเชื่อมั่นเด็ดขาด คล้ายผู้ควบคุมความเป็นตาย วาจาดั่งประกาศิต ในแววตา วาจาและการกระทำ มีแต่ความดูแคลนและไร้ปรานี

ความจริงแล้วสิ่งที่ผู้อาวุโสประหัตวิญญาณพูดก็เป็นเรื่องถูก เขาที่ควบคุมระเบียบต้นกำเนิดของแดนวังมังกร แทบไม่ต่างอะไรกับ ‘ฟ้า’ ของโลกแห่งนี้

พวกหลินสวินสีหน้าสงบนิ่ง ไม่มีความกระวนกระวายสักนิด ถึงกับไม่มีใครมีความคิดหรือเตรียมตัวต่อต้าน

นี่ทำให้ผู้อาวุโสประหัตวิญญาณประหลาดใจอยู่บ้าง หรือเจ้าสารเลวพวกนี้จะยอมแพ้แล้ว

ไม่ใช่!

ทันใดนั้นผู้อาวุโสประหัตวิญญาณเริ่มนิ่วหน้า สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นไม่น่าดู เพราะพบว่าสายตาที่พวกหลินสวินมองมา อย่างกับมอง… คนโง่คนหนึ่ง!

“ตาย!” เขาลงมืออย่างไม่ลังเลสักนิด!

ตูม!

พลังระเบียบหาใดเทียบแปลงเป็นกระแสธารเข้ากลบพวกหลินสวินดั่งภูผาถล่มสมุทรคำราม กลิ่นอายที่อบอวลน่ากลัวหาใดเทียบ

ผู้อาวุโสประหัตวิญญาณมั่นใจว่าโลกนี้ไม่มีใครต้านการโจมตีชนิดทำลายล้างระดับนี้ได้!

แต่ครู่ต่อมาตาเขาก็แทบหลุดจากเบ้า!

ก็เห็นพวกหลินสวินปลอดภัยดี ส่วนพลังระเบียบหาใดเทียบกลับชะงักอยู่ตรงนั้น ไม่อาจเข้าใกล้แม้สักนิด

เกิดอะไรขึ้น

ผู้อาวุโสประหัตวิญญาณกำลังจะกระตุ้นพลังอีกครั้ง กลับพบอย่างน่าตระหนกว่าพลังระเบียบของแดนวังมังกรแห่งนี้ ไม่ว่าเขาจะใช้อย่างไรก็ไม่กล้าเข้าใกล้พวกหลินสวินอีกสักก้าว!

ราวกับกำลังกลัวอะไรอยู่…

ผู้อาวุโสประหัตวิญญาณขนลุกในใจ รู้สึกไม่เข้าทีโดยพลัน ก็ในตอนนี้เองที่เสียงแหบพร่าฟังยากเสียงหนึ่งดังขึ้น

“อาจิ่ว ตอนนั้นข้าถือหางเจ้าเป็นที่สุด แต่ตอนนี้เจ้ากลับทำให้ข้าผิดหวัง…”

พร้อมกับเสียงนี้ เงาร่างคลุมเครือที่โก่งงอผอมแห้งร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นกลางห้วงอากาศ ทั้งร่างอบอวลไปด้วยกลิ่นอายเจนโลกอันหนาแน่น

ผู้อาวุโสประหัตวิญญาณเหมือนถูกสายฟ้าฟาด พูดเสียงหลงว่า “ใต้เท้าบรรพชน!?”

เงาร่างคลุมเครือหลังโก่งผอมแห้งนั้น คือบรรพชนเผ่าเจินหลงที่เคยถูกศิลามรรคค้ำสมุทรกำราบมายาวนานผู้นั้น!

“ประหลาดใจมากหรือ คิดไม่ถึงว่าข้าจะยังมีชีวิตมาปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าได้หรือ” บรรพชนเจินหลงเสียงต่ำลึก ไร้คลื่นอารมณ์แม้สักนิด

ผู้อาวุโสประหัตวิญญาณใจสั่นระรัวขึ้นมา หน้าเปลี่ยนสียิ่งยวด ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้ว ว่าเหตุใดพวกหลินสวิน อ๋าวซิงถังถึงกล้าบุกเข้ามาในแดนวังมังกรอีกครั้งหนึ่ง

ครู่หนึ่งเขาพลันชี้พวกหลินสวิน อ๋าวซิงถัง คำรามกราดเกรี้ยวว่า “พวกเจ้าถึงกับกล้าทำลายกระบวนผนึกศิลามรรคค้ำสมุทรที่ตระกูลลั่วอีกฟากฝั่งวางไว้… สมควรแล่เนื้อหนังเป็นพันหมื่นชิ้นนัก!”

นี่ทำให้คนรู้สึกเหลวไหลนิ่ง บรรพชนเจินหลง นั่นเป็นถึงบรรพชนของผู้อาวุโสประหัตวิญญาณ แต่ตอนนี้เขากลับกำลังตำหนิที่พวกหลินสวินช่วยบรรพชนเจินหลงออกมา!

“อาจิ่ว เจ้าทำให้ข้ายิ่งผิดหวังแล้ว…” บรรพชนเจินหลงถอนหายใจยาว เหมือนเสียใจอย่างหาที่สุดมิได้

ผู้อาวุโสประหัตวิญญาณสีหน้าแปรเปลี่ยนไม่ว่างเว้น กัดฟันเอ่ยว่า “ใต้เท้าบรรพชน ข้าก็ทำเพื่อช่วยเผ่าพวกเรา ท่านควรรู้ดีกว่าข้าว่าตระกูลลั่วอีกฟากฝั่งน่ากลัวปานไหน ถ้าตอนนั้นพวกเราช่วยท่านออกมา เผ่าของพวกเราจะต้องถูกทำลายแน่!”

บรรพชนเจินหลงเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “กับเรื่องนี้ข้าไม่ได้โทษเจ้า”

ผู้อาวุโสประหัตวิญญาณคล้ายลอบถอนใจเฮือกหนึ่ง แววตาไหววูบเอ่ยว่า “ใต้เท้าบรรพชน หากท่านคิดถึงการดำรงอยู่ของเฟ่า ขอให้ท่าน… ขอให้ท่านกลับไปอยู่ใต้ทะเลปีศาจเก้าพันจั้งด้วย!”

“หาไม่แล้วไม่ช้าก็เร็วตระกูลลั่วอีกฟากฝั่งจะต้องมาสร้างความยากลำบากให้เผ่าเรา ท่านคงไม่อยากมองดูลูกหลานตัวเองประสบเคราะห์ไปต่อหน้าต่อตากระมัง”

พวกหลินสวินยังอึ้งไป คำพูดไร้ยางอายเช่นนี้ เจ้าหมอนี่ดันพูดออกมาได้ด้วยหรือ

อ๋าวซิงถังโกรธจนหน้าเขียว “พอแล้ว ในใจเจ้าตระกูลลั่วอีกฟากฝั่งสำคัญยิ่งกว่าชีวิตของบรรพชนเผ่าเราหรือ”

ผู้อาวุโสประหัตวิญญาณไม่สนใจสักนิด สายตาเพียงมองที่บรรพชนเจินหลง เอ่ยว่า “ใต้เท้าบรรพชน ต่อไปเผ่าเราใช่จะไม่มีโอกาสหลุดออกจากการควบคุมของตระกูลลั่วอีกฟากฝั่ง อย่างตอนนี้เผ่าเราก็มีเด็กที่มีพรสวรรค์สายเลือดบรรพชนมังกรกับหุบเหวกลืนกินกำลังจะถือกำเนิดขึ้น ขอเพียงให้โอกาสเขาได้เติบโต ภายหน้าความสำเร็จบนมรรคาของเขาจะต้องเหนือล้ำกว่าเมธีเผ่าเราในอดีตทั้งปวงแน่”

เขาหยุดไปแล้วกล่าวต่อ “ถึงตอนนั้น มีเด็กคนนี้ควบคุมดูแลเผ่าเรา จะกลัวตระกูลลั่วอีกฟากฝั่งนั่นไปไย”

หลินสวินได้ยินดังนี้ไฟโทสะในอกก็แทบปะทุออกมา พูดเสียงแข็งว่า “เดรัจฉานเฒ่า เด็กคนนั้นกลายเป็นคนของเผ่าพวกเจ้าไปตั้งแต่เมื่อไร”

“อะไรเรียกต่ำช้า อะไรเรียกไร้ยางอาย วันนี้ข้าได้เห็นแล้ว!” ต้าหวงยังโกรธจนกัดฟัน นึกไม่ถึงว่าคนเช่นผู้อาวุโสประหัตวิญญาณจะกระทำเรื่องต่ำช้าเพียงนี้

“อาจิ่ว เจ้าพูดจบหรือยัง”

บรรพชนเจินหลงไร้คลื่นอารมณ์แม้สักนิด เสียงยิ่งต่ำลึก

“ใต้เท้าบรรพชน โอกาสมีเพียงครั้งเดียว ยังขอให้ท่านทำให้เผ่าเราสมปรารถนาด้วย!” ผู้อาวุโสประหัตวิญญาณสูดหายใจลึก เอ่ยเสียงเครียด

สายตาพวกหลินสวินต่างมองบรรพชนเจินหลง ฝ่ายหลังเงียบไปครู่สั้นๆ จากนั้นทั้งร่างก็แผ่กลิ่นอายน่าสะพรึงหาใดเทียบออกมา ดวงตาจับจ้องผู้อาวุโสประหัตวิญญาณ เอ่ยชัดถ้อยชัดคำว่า “เจ้าทำให้ข้าผิดหวังโดยสิ้นเชิงจริงๆ!”

ผู้อาวุโสประหัตวิญญาณตกตะลึงเป็นอย่างแรก จากนั้นก็เผยสีหน้าคลุ้มคลั่ง “ใต้เท้า ถ้าข้าดูไม่ผิด ต่อให้ท่านถูกช่วยออกมาแต่มรรควิถีทั้งตัวก็เหลือไม่เท่าไรเพราะถูกกำราบมาไม่รู้กี่กาลเวลา ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไยไม่สละตัวเองเพื่อทำให้ทั้งเผ่าสมปรารถนาเล่า”

“เจ้าสมควรตาย!”

บรรพชนเจินหลงก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว เงาร่างงองุ้มคลุมเครือพลันยืดตรง ชั่วพริบตานี้เหมือนมีพลังน่ากลัวตื่นขึ้นจากความเงียบงันภายในร่างของเขา

“ข้าสมควรตายหรือ ข้าไม่ใช่ทำเพื่อทั้งเผ่าหรอกหรือ”

ผู้อาวุโสประหัตวิญญาณคล้ายสัมผัสได้ว่าไม่เข้าทีเช่นกัน ยอมเสี่ยงอย่างที่สุด “ใต้เท้า หากท่านยังลุ่มหลงไม่ตื่น ก็อย่าโทษที่ข้ากำราบท่านเองเลย!”

พวกหลินสวินต่างอึ้งไปอย่างอดไม่ได้ คนผู้หนึ่งจะเสียสติได้ปานไหน ถึงกล้าตัดสินใจทำเรื่องผิดครรลองปานนี้ได้

“ฮ่าๆๆ เจ้าอ๋าวจิ่วอี๋ช่างดีนัก! เจ้าทำให้ข้าเปิดโลกเสียจริง!”

บรรพชนเจินหลงแหงนหน้าหัวเราะ แต่เสียงหัวเราะนั้นเผยความเศร้าโศกไร้สิ้นสุดอย่างเห็นได้ชัด “คิดไม่ถึง คิดไม่ถึงจริงๆ…”

“เรื่องพวกนี้เป็นท่านบีบข้าทั้งนั้น! ขอเพียงเผ่าดำรงอยู่ต่อไปได้ ต่อให้ข้าอ๋าวจิ่วอี๋ต้องแบกรับชื่อเสียงไปชั่วกาลว่าฆ่าบรรพชนแล้วจะอย่าไงร ใต้เท้า ขออภัยด้วย!”

ภายใต้เสียงแน่วแน่ทั้งยังคลุ้มคลั่ง ผู้อาวุโสประหัตวิญญาณส่งเสียงคำรามลั่น พลังระเบียบเต็มฟ้าเหมือนกระแสธารรวมตัว ถูกเขาควบคุมให้พุ่งไปหาบรรพชนเจินหลงที่อยู่ไกลออกไป

“ที่เจ้าพูดก็ถูก มรรควิถีของข้าเหลือไม่เท่าไรจริงๆ…”

บรรพชนเจินหลงเสียงต่ำลึก “แต่ก่อนตาย ถ้ากำจัดเนื้อร้ายของเผ่าอย่างเจ้าได้ ก็คุ้มค่าแล้ว!”

เมื่อเสียงดังขึ้น เงาร่างคลุมเครือของเขาก็รวมตัวกันแน่นขึ้นทีละนิด กลิ่นอายก็เพิ่มพูนขึ้นทีละน้อย

กระทั่งสิ้นเสียง เขาก็ประหนึ่งนายเหนือหัวที่ฟื้นคืนอานุภาพในอดีต พัดโหมลมเมฆ หยิ่งผยองเหนือใต้หล้า

ยามเขาก้าวเดิน ฟ้าดินปั่นป่วน ละอองแสงระเบียบไร้สิ้นสุดปลิวว่อน สะท้อนให้เงาร่างของเขาเกรียงไกรสูงส่งดั่งช่วงต้นยุคดึกดำบรรพ์

ตูม…

พลังระเบียบถาโถมเข้าปกคลุม แต่ยังไม่ทันเข้าใกล้ก็ถูกกลิ่นอายบนร่างบรรพชนเจินหลงบดขยี้ระเบิดกระจุยแหลก

ผู้อาวุโสประหัตวิญญาณหน้าเปลี่ยนสีทันที แววตาเจือความฉงนเหมือนทำใจเชื่อได้ยาก

“แดนวังมังกรแห่งนี้ เดิมทีก็แปลงมาจาก ‘มุกมังกรบริสุทธิ์’ ของข้า อาจิ่วเจ้ายังกล้ามาแตะต้อง ไม่ประมาณพลังตัวเองเกินไปแล้ว!”

ภายใต้เสียงน่าเกรงขาม บรรพชนเจินหลงยื่นมือไปคว้าจับห้วงอากาศเบาๆ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+