Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 2285 บุกฆ่าออกนอกเมือง

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 2285 บุกฆ่าออกนอกเมือง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมฆาเคราะห์โหมกระหน่ำ กลิ่นอายด่านเคราะห์ต้องห้ามที่แผ่ออกมาแปลกประหลาดหาใดเปรียบ

ไม่รอให้หลินสวินตอบสนอง อสนีเคราะห์ที่เจิดจรัสยิ่งยวดกลายเป็นกระบี่เทพตกลงมาติดต่อกัน ทุกกระบี่ล้วนฟันไปทางโครงอาวุธที่ใกล้ก่อตัวเป็นรูปร่างในเพลิงมรรคอัศจรรย์นั้น

ตูม! ตูม! ตูม!

ชั่วพริบตาเพลิงมรรคอัศจรรย์ที่เหมือนเตาหลอมมีท่าทีว่าจะแตกซ่าน กระบี่เทพอสนีเคราะห์มากมายนั้นมีอานุภาพยิ่งใหญ่ เกินการคาดเดาของหลินสวินอย่างสิ้นเชิง

ที่สำคัญที่สุดคือการหลอมอาวุธของหลินสวินครั้งนี้ใช้มหามรรคแห่งตนเป็นกระบวน ใช้วิชาแห่งตนเป็นลายมรรค ในโครงอาวุธที่ใกล้จะควบรวมออกมานั้น เท่ากับหลอมมรรควิถีทั้งตัวของเขาไว้

ยามนี้เมื่อเจอด่านเคราะห์ย่อมทำให้หลินสวินถูกสะท้อนกลับเช่นกัน จิตใจของร่างต้นและกายมรรคทั้งห้าราวกับถูกพลังดุจเขาถล่มสมุทรคำรามจู่โจม

แค่ชั่วขณะหลินสวินก็กระอักเลือดออกมา

แต่เขาเหมือนไม่รับรู้อะไร ควบคุมเพลิงมรรคอัศจรรย์อย่างเอาเป็นเอาตาย สำแดงกระบวนค่ายกลลายมรรคอย่างต่อเนื่อง หลอมโครงอาวุธออกมา

สิ่งที่เขาทำได้ในตอนนี้ก็มีแค่เรื่องพวกนี้เท่านั้น

ตูม!

พลังของเมฆาเคราะห์น่ากลัวยิ่งกว่าเดิมแล้ว กลายเป็นสายฟ้าและประกายอสนีที่บาดตาอย่างยิ่ง แผ่กลิ่นอายประหนึ่งสิ่งต้องห้าม ทิ้งตัวถล่มลงมาอย่างต่อเนื่อง

นี่พาให้คนสิ้นหวัง ศาสตราจักรพรรดิบริสุทธิ์ที่ยังไม่ก่อตัวเป็นรูปร่างชิ้นหนึ่ง กลับชักนำด่านเคราะห์ที่เรียกได้ว่ายากพบเห็นตั้งแต่อดีตกาลเช่นนี้มาให้ หากเรื่องนี้กระจายออกไปเกรงว่าคงไม่มีใครกล้าเชื่อ

หลินสวินไม่อาจคิดมากความ แววตาเขาเด็ดเดี่ยวเจือความคลุ้มคลั่ง ทุ่มเทกายใจทั้งหมดไปกับการหลอมอาวุธ ต้านอสนีเคราะห์ที่ยิ่งทวีความน่ากลัวนั้น

ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่อาจยอมให้การหลอมอาวุธครั้งนี้ล้มเหลว!

ไม่มีทาง!

แต่ตามเวลาที่ล่วงเลย พลังของอสนีเคราะห์นั้นกลับแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เหมือนว่าไม่มีจุดสิ้นสุด เมื่อถูกถล่มเช่นนี้ ไม่ใช่แค่เพลิงมรรคอัศจรรย์และโครงอาวุธซึ่งไม่เป็นรูปร่างนั้นที่มีสัญญาณว่าจะพังทลาย แม้แต่สีหน้าของหลินสวินก็ซีดเผือดขึ้นเรื่อยๆ มุมปากหลั่งเลือดไม่หยุด

“ไปช่วยเขา”

ในส่วนลึกที่สุดของโลกทะเลเพลิงที่อยู่ใต้แดนลับ ไข่ยักษ์ที่อบอวลด้วยเพลิงเทพหงส์ไฟไร้สิ้นสุดนั้นมีเสียงต่ำลึกเลือนรางหนึ่งดังออกมา

จักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิงที่อยู่ด้านข้างอึ้งไป “หากไม่มีพลังของข้า ในช่วงสุดท้ายที่เจ้าตื่นจากนิพพาน เป็นไปได้สูงว่า…”

“ช่วยเขา” เสียงต่ำลึกเลือนรางนั้นดังออกมาจากไข่ยักษ์อีกครั้ง เผยนัยไม่ยอมให้ปฏิเสธ

จักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิงสูดหายใจเข้าลึกๆ พลางกล่าว “เพราะมารดาของเขาคือลั่วชิงสวินใช่ไหม ช่างเถอะ ในเมื่อเจ้าตั้งใจไว้แล้ว เช่นนั้นข้าก็จะทุ่มสุดตัว หลอมอาวุธให้เขา!”

ครู่ต่อมาเงาร่างแดงเพลิงของนางก็กลายเป็นเปลวไฟที่มีท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์เหมือนไอแรกกำเนิด โผทะยานออกไป

ตูม!

อสนีเคราะห์สายหนึ่งผ่าลงมาอีกครั้ง กลายเป็นค้อนอสนีเต้าหนึ่ง เปล่งประกายอสนีสีเทาบาดตา

มาถึงตอนนี้เตาหลอมที่วิวัฒน์จากเพลิงมรรคอัศจรรย์แตกร้าวแล้ว สามารถพังทลายได้ตลอดเวลา ทำให้คนอดเป็นห่วงไม่ได้ว่ามันจะต้านการโจมตีนี้อยู่หรือไม่

อันที่จริงหลอมอาวุธมาถึงตอนนี้ หลินสวินก็จนปัญญาแล้ว ได้แต่ฝืนทนไว้

ในเวลานี้เอง

เพลิงเทพงามตระการเจิดจ้าแถบหนึ่งปรากฏกลางอากาศ ชิงตัดหน้าค้อนอสนีเคราะห์เต้านั้น โผเข้าไปในเตาหลอมที่วิวัฒน์จากเพลิงมรรคอัศจรรย์

ตูม!

เพลิงเทพโหมกระหน่ำ ค้อนอสนีที่แผ่กลิ่นอายประหลาดชวนประหวั่นนั้นถึงกับถูกเผาในพริบตา

นัยน์ตาดำของหลินสวินหดรัด เสียงของจักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิงดังขึ้นข้างหู ‘เจ้าจดจ่อกับการหลอมอาวุธให้เต็มที่ ด่านเคราะห์นี้ข้าช่วยเจ้าต้านทานเอง!’

พลันเห็นว่าเพลิงมรรคอัศจรรย์เหมือนมีเทพช่วย คลื่นอัคคีไร้สิ้นสุดพวยพุ่ง พราวตาแผดจ้า เจิดจรัสไร้ขอบเขต

ต้องรู้ว่าร่างเดิมของจักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิง เดิมทีก็เป็นเพลิงมรรคฟ้าประทานของเตามารดาหลอมสมบัติ เวลานี้ยามเสริมทัพช่วยเพลิงมรรคอัศจรรย์หลอมอาวุธ อานุภาพมีหรือจะธรรมดา

หลินสวินใจสะท้าน จดจ่อกับการวางกระบวนและหลอมโครงอาวุธโดยไม่ลังเล

ครืน…

เมฆาเคราะห์พลิกตลบ ปลดปล่อยอสนีเคราะห์ซัดสาด แต่ทันทีที่ทิ้งตัวลงมาก็ถูกพลังของจักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิงต้าน หลังจากพลังด่านเคราะห์นั้นถูกสลาย ทั้งหมดยังซึมซาบเข้าไปในเพลิงมรรคอัศจรรย์ด้วย ทำให้ความเร็วในการหลอมอาวุธของหลินสวินพลันยกระดับขึ้นอีกช่วงใหญ่

เวลาสั้นๆ แค่หนึ่งถ้วยชาเท่านั้น โครงอาวุธชิ้นหนึ่งก็ถูกหลอมจนเสร็จ!

มันรูปร่างคล้ายเตาหลอมใบหนึ่ง มีสามขาสองหู ลักษณะเหมือนเตาหลอมที่วิวัฒน์จากรูปจำลองเจตจำนงในห้วงนิมิตของหลินสวินเกือบทุกประการ

บนเรือนเตานั้นประทับกระบวนค่ายกลมหามรรคนานัปการ ในเตาหลอมกลับพรั่งไปด้วยสัญลักษณ์ลายมรรคที่วิวัฒน์จากวิชาทั้งปวง

แม้ว่ายังเป็นแค่ต้นแบบ แต่กลับทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนว่าคงอยู่มาตั้งแต่ต้นบรรพกาล เต็มไปด้วยกลิ่นอายอมตะที่อัศจรรย์ยากบรรยาย

แน่นอนว่าตอนนี้ยังเป็นแค่ต้นแบบ รูปลักษณ์ที่แท้จริงยังต้องรอให้หลอมเสร็จจึงจะปรากฏอย่างชัดเจน

ยามนี้หลินสวินไม่กล้าประมาทแต่อย่างใด จิตใจจมอยู่กับการหลอมอาวุธอย่างสมบูรณ์ หลงลืมตัวตน ไม่มีความคิดฟุ้งซ่านอีกเพียงเสี้ยว

ตามเวลาที่ล่วงเลย ต้นแบบโครงอาวุธนั้นก็ปรับเปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่องทีละน้อย เผยความอัศจรรย์นานัปการออกมา…

เมืองจักรพรรดิหมื่นเพลิง กระบวนผนึกลายมรรคส่งเสียงกึกก้อง เมืองอันดับหนึ่งของแดนหงส์เซียนที่เก่าแก่และกว้างใหญ่ไพศาลแห่งนี้ เวลานี้กำลังถูกโจมตีอย่างรุนแรง

นอกเมือง ระดับจักรพรรดิห้าสิบคนของเผ่าเสือขาวและเต่าดำเปิดฉากการโจมตีรอบด้าน ภายใต้คำสั่งของบรรพจารย์จักรพรรดิวั่นหลิวและบรรพจารย์จักรพรรดิเฉียนอิ่น

เพียงชั่วขณะก็เห็นวิชามรรคราวกระแสน้ำ สมบัติจักรพรรดิดุจสายฝน สาดแสงศักดิ์สิทธิ์พร่างพรายหาใดเปรียบ บุกจู่โจมเมืองจักรพรรดิหมื่นเพลิงด้วยอานุภาพมืดฟ้ามัวดิน

โครมครืน…

กระบวนค่ายกลผนึกที่ปกคลุมรอบเมืองจักรพรรดิหมื่นเพลิงส่งเสียงกัมปนาท ดังกระหึ่มครั่นครืนดุจอสนีบาต พลิกม้วนดั่งกระแสน้ำหลากหมายทำลายล้างม้วนกลืน ก่อให้เกิดแสงเทพล้นฟ้า

ภาพนี้เรียกได้ว่าชวนประหวั่นอย่างไม่ต้องสงสัย

ต้องรู้ว่าระดับจักรพรรดิคนเดียว แค่ดีดนิ้วก็เผาภูผาต้มสมุทร ทำลายเมืองแห่งหนึ่งได้ อานุภาพไร้จำกัด

แต่ตอนนี้สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับจักรพรรดิห้าสิบคนกลับร่วมมือกัน ใช้มรรควิถีและศาสตราจักรพรรดิของตนจู่โจมเมืองแห่งหนึ่งเต็มกำลัง!

ไม่จำเป็นต้องสงสัย หากไม่ใช่ว่าในกาลเวลาไร้สิ้นสุดที่ผ่านมา เผ่าจักรพรรดิช่างเทพเคยวางกระบวนค่ายกลผนึกเก่าแก่มากมายไว้ในเมืองจักรพรรดิหมื่นเพลิง ย่อมไม่มีทางต้านการโจมตีเช่นนี้ได้แน่

รอบเมืองจักรพรรดิหมื่นเพลิงตอนนี้เหมือนมีรัศมีแสงที่วิวัฒน์จากกระบวนค่ายกลผนึกสายหนึ่ง แม้หักล้างและสลายทุกการโจมตีที่มาจากทั่วสารทิศนั้นได้ แต่มันกลับสะเทือนรุนแรง ทำให้คนอดเป็นห่วงไม่ได้ว่ากระบวนค่ายกลผนึกที่เหมือนรัศมีแสงนี้จะยืนหยัดภายใต้การโจมตีเช่นนี้ได้ถึงเมื่อไหร่

ในเมือง หวงชางเทียนหน้านิ่วคิ้วขมวด สีหน้าจริงจัง

สีหน้าของเหล่าเฒ่าดึกดำบรรพ์แห่งเผ่าหงส์เซียนที่อยู่ใกล้เขาต่างอึมครึม ในใจมีหมอกทะมึนชั้นหนึ่งแล้ว

“กระบวนค่ายกลใหญ่ของเมืองนี้ยังยืนหยัดได้นานเท่าไหร่” หวงชางเทียนถาม

“อย่างมาก… สามวัน”

เลี่ยนชิงฉีผู้อาวุโสของเผ่าจักรพรรดิช่างเทพกล่าวอย่างลังเลเล็กน้อย “ใต้เท้า จากที่ข้าดู ถ้าแค่บุกโจมตีก็ไม่ต้องกังวลอะไร แต่ข้าห่วงว่าพวกเขาจะส่งปฐมาจารย์สลักลายมรรคมาทำลายกระบวนค่ายกล”

หวงชางเทียนขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม ครั้งนี้เห็นชัดว่าเผ่าเสือขาวและเต่าดำเตรียมการมาก่อน มีหรือจะไม่รู้ว่ากระบวนค่ายกลผนึกของเมืองจักรพรรดิหมื่นเพลิงแข็งแกร่งแค่ไหน

ถึงขั้นที่ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจลอบระดมพลปฐมาจารย์สลักลายมรรคอยู่ก่อนแล้ว อนุมานและหาช่องโหว่ทำลายกระบวนค่ายกลผนึกแห่งเมืองจักรพรรดิหมื่นเพลิง!

“หัวหน้าเผ่า ตามข่าวแจ้งว่าตอนนี้พวกที่บุกเมืองมีแค่ทัพหน้าของเผ่าเต่าดำและเสือขาวเท่านั้น เมื่อผู้ยิ่งใหญ่แห่งตระกูลลั่วอีกฟากฝั่งคนนั้นมาถึง พวกเขาสองเผ่าก็จะนำกำลังพลทั้งหมดเข้าโจมตี”

มีคนกล่าวอย่างกังวล “หากพวกเรายังเป็นฝ่ายป้องกันเช่นนี้ ยิ่งยืดเยื้อสถานการณ์ก็จะยิ่งรุนแรง…”

ในสถานการณ์เช่นนี้ทุกคนต่างรู้ดี แต่กลับไม่มีวิธีแก้ปัญหาอะไร

เพียงชั่วขณะบรรยากาศเปลี่ยนเป็นกดดันและหนักหน่วงยิ่งกว่าเดิม

สิ่งที่ทำให้พวกเขาอึดอัดและเดือดดาลหาใดเปรียบคือ ยามเผ่าเสือขาวและเต่าดำโจมตีเมืองเต็มกำลัง ยังส่งเสียงข่มขู่และเยาะเย้ยอย่างต่อเนื่อง คำพูดเต็มไปด้วยความหยามเหยียด

ทันใดนั้นเสียงใสเย็นหนึ่งพลันดังขึ้น

“ทำไมไม่บุกฆ่าออกไป”

ก็เห็นว่าในจุดที่ห่างไกล ซี ซย่าจื้อ ต้าหวงเดินมาทางนี้ภายใต้การนำทางของเลี่ยนจิ่วเซียว

คนที่เอ่ยปากคือซีนั่นเอง

หวงชางเทียนและผู้อาวุโสของเผ่าหงส์เซียนต่างอึ้งไป แววตาเจือความสงสัย

เมื่อรู้ว่าพวกซีคือคนที่มาพร้อมกับหลินสวินจากปากของเลี่ยนจิ่วเซียว ทุกคนล้วนเผยสีหน้ากระจ่างอย่างอดไม่ได้

“นอกเมืองถูกเผ่าเสือขาวและเต่าดำปิดผนึกแล้ว เวลานี้หากบุ่มบ่ามบุกออกไป ย่อมมีโอกาสสูงที่จะตกอยู่ในการปิดล้อมแน่นหนา”

หวงชางเทียนอธิบาย “และตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาเปิดศึกกับอีกฝ่ายอย่างสมบูรณ์”

เขากำลังรอ รอบรรพชนหงส์เซียนตื่นจากนิพพาน! เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว บางทีก็อาจพลิกสถานการณ์ในตอนนี้ได้อย่างสิ้นเชิง

ตูม!

เวลานี้ใกล้กำแพงเมืองที่ห่างออกไป กระบวนค่ายกลผนึกส่งเสียงกึกก้องสะท้านฟ้าสะเทือนดิน ถึงกับมีสัญญาณว่าจะถูกทำลาย

“แย่แล้ว พวกเขากำลังพังกระบวนค่ายกล!” สัตว์ประหลาดเฒ่าเผ่าจักรพรรดิช่างเทพคนหนึ่งที่ควบคุมและโคจรกระบวนค่ายกลใหญ่ในเมืองร้องเสียงหลง

เพียงชั่วขณะทุกคนต่างหน้าเปลี่ยนสี

ทำลายกระบวนค่ายกลใหญ่!

เหตุการณ์ที่พวกเขาไม่อยากเห็นที่สุดเกิดขึ้นแล้ว!

“ฆ่าคนพังกระบวนค่ายกลทิ้งก็สิ้นเรื่อง”

ต้าหวงเอ่ยปาก แววตาล้ำลึก มันอยากลิ้มรสชาติของเสือขาวและเต่าดำจนทนไม่ไหวแล้ว

“ไม่ได้ หากออกไปเข่นฆ่านอกเมืองมีแต่จะยิ่งเสี่ยง!” คนมากมายต่างห้ามปราม

“อันตราย?” ต้าหวงกล่าวเยาะเย้ย “ข้าว่าพวกเจ้าระวังตัวเกินไปแล้ว ช่างเถอะ ข้าไปฆ่าศัตรูเพียงลำพังก็พอ”

ส่วนการตอบสนองของซียิ่งตรงไปตรงมา ไม่กล่าวอันใด พุ่งตรงไปยังจุดที่กำแพงเมืองใกล้ถูกทำลายซึ่งอยู่ห่างไกลนั้น

ซย่าจื้อกับต้าหวงเห็นดังนี้ก็ไล่ตามไปโดยไม่ลังเล

“เหลวไหล! พวกเขาคิดจริงหรือว่าพวกเราใจเสาะ นี่พวกเราหวังดีกับพวกเขานะ!” มีเฒ่าดึกดำบรรพ์ของเผ่าหงส์เซียนกล่าวอย่างเดือดดาล

“หัวหน้าเผ่า รีบขวางพวกเขาเร็วเข้า ถ้าพวกเขาเกิดเหตุอะไรไป คงให้คำตอบกับหลินสวินนั่นลำบากแล้ว”

มีคนกล่าวเตือนอย่างร้อนรน

แต่ไม่รอให้หวงชางเทียนเปล่งเสียง ซี ซย่าจื้อ ต้าหวงก็พุ่งออกไปนอกเมืองแล้ว

“พวกเขา…”

ทุกคนเห็นดังนี้แล้วทั้งร้อนรนทั้งเกิดโทสะ นี่มันเวลาไหนแล้ว ยังก่อกวนเช่นนี้อีก ถ้าเกิดเรื่องขึ้นมา ไม่ใช่ว่าต้องให้พวกเขาเผ่าหงส์เซียนเสี่ยงอันตรายเข้าไปช่วยหรือ

ขณะเดียวกันที่นอกเมืองก็มีเสียงโห่ร้องยินดีเหมือนฟ้าผ่าดังขึ้น

“ออกมาแล้ว! ในที่สุดพวกเต่าหดหัวนั่นก็นั่งไม่ติดแล้ว!”

“เร็วเข้า ฆ่าพวกเขาซะ!”

“ฮ่าๆๆ คนของเผ่าหงส์เซียนตายเรียบแล้วรึ ถึงได้ส่งผู้หญิงสองคนกับหมาหนึ่งตัวออกมาหาที่ตาย”

เมื่อเห็นภาพนี้ บรรพจารย์จักรพรรดิวั่นหลิวและบรรพจารย์จักรพรรดิเฉียนอิ่นต่างเผยรอยยิ้มถากถางอย่างอดไม่ได้ ยามคนเราถูกบีบจวนตัว เรื่องโง่เขลาอะไรล้วนทำได้จริงๆ!

เมื่อเห็นภาพนี้ สีหน้าของพวกหวงชางเทียนต่างปรวนแปรไม่หยุดไปพักหนึ่ง

หวงชางเทียนพลันสูดหายใจลึกแล้วออกคำสั่ง “ช่างเถอะ เตรียมการช่วยเหลือให้พร้อมสรรพ ไม่ว่าอย่างไรสหายยุทธ์สามคนนี้ก็สู้เพื่อเผ่าหงส์เซียนของพวกเรา อย่าให้พวกเขาประสบเคราะห์เช่นนี้… หืม?”

แต่ยังพูดไม่ทันจบ นอกเมืองก็มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 2285 บุกฆ่าออกนอกเมือง

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 2285 บุกฆ่าออกนอกเมือง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมฆาเคราะห์โหมกระหน่ำ กลิ่นอายด่านเคราะห์ต้องห้ามที่แผ่ออกมาแปลกประหลาดหาใดเปรียบ

ไม่รอให้หลินสวินตอบสนอง อสนีเคราะห์ที่เจิดจรัสยิ่งยวดกลายเป็นกระบี่เทพตกลงมาติดต่อกัน ทุกกระบี่ล้วนฟันไปทางโครงอาวุธที่ใกล้ก่อตัวเป็นรูปร่างในเพลิงมรรคอัศจรรย์นั้น

ตูม! ตูม! ตูม!

ชั่วพริบตาเพลิงมรรคอัศจรรย์ที่เหมือนเตาหลอมมีท่าทีว่าจะแตกซ่าน กระบี่เทพอสนีเคราะห์มากมายนั้นมีอานุภาพยิ่งใหญ่ เกินการคาดเดาของหลินสวินอย่างสิ้นเชิง

ที่สำคัญที่สุดคือการหลอมอาวุธของหลินสวินครั้งนี้ใช้มหามรรคแห่งตนเป็นกระบวน ใช้วิชาแห่งตนเป็นลายมรรค ในโครงอาวุธที่ใกล้จะควบรวมออกมานั้น เท่ากับหลอมมรรควิถีทั้งตัวของเขาไว้

ยามนี้เมื่อเจอด่านเคราะห์ย่อมทำให้หลินสวินถูกสะท้อนกลับเช่นกัน จิตใจของร่างต้นและกายมรรคทั้งห้าราวกับถูกพลังดุจเขาถล่มสมุทรคำรามจู่โจม

แค่ชั่วขณะหลินสวินก็กระอักเลือดออกมา

แต่เขาเหมือนไม่รับรู้อะไร ควบคุมเพลิงมรรคอัศจรรย์อย่างเอาเป็นเอาตาย สำแดงกระบวนค่ายกลลายมรรคอย่างต่อเนื่อง หลอมโครงอาวุธออกมา

สิ่งที่เขาทำได้ในตอนนี้ก็มีแค่เรื่องพวกนี้เท่านั้น

ตูม!

พลังของเมฆาเคราะห์น่ากลัวยิ่งกว่าเดิมแล้ว กลายเป็นสายฟ้าและประกายอสนีที่บาดตาอย่างยิ่ง แผ่กลิ่นอายประหนึ่งสิ่งต้องห้าม ทิ้งตัวถล่มลงมาอย่างต่อเนื่อง

นี่พาให้คนสิ้นหวัง ศาสตราจักรพรรดิบริสุทธิ์ที่ยังไม่ก่อตัวเป็นรูปร่างชิ้นหนึ่ง กลับชักนำด่านเคราะห์ที่เรียกได้ว่ายากพบเห็นตั้งแต่อดีตกาลเช่นนี้มาให้ หากเรื่องนี้กระจายออกไปเกรงว่าคงไม่มีใครกล้าเชื่อ

หลินสวินไม่อาจคิดมากความ แววตาเขาเด็ดเดี่ยวเจือความคลุ้มคลั่ง ทุ่มเทกายใจทั้งหมดไปกับการหลอมอาวุธ ต้านอสนีเคราะห์ที่ยิ่งทวีความน่ากลัวนั้น

ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่อาจยอมให้การหลอมอาวุธครั้งนี้ล้มเหลว!

ไม่มีทาง!

แต่ตามเวลาที่ล่วงเลย พลังของอสนีเคราะห์นั้นกลับแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เหมือนว่าไม่มีจุดสิ้นสุด เมื่อถูกถล่มเช่นนี้ ไม่ใช่แค่เพลิงมรรคอัศจรรย์และโครงอาวุธซึ่งไม่เป็นรูปร่างนั้นที่มีสัญญาณว่าจะพังทลาย แม้แต่สีหน้าของหลินสวินก็ซีดเผือดขึ้นเรื่อยๆ มุมปากหลั่งเลือดไม่หยุด

“ไปช่วยเขา”

ในส่วนลึกที่สุดของโลกทะเลเพลิงที่อยู่ใต้แดนลับ ไข่ยักษ์ที่อบอวลด้วยเพลิงเทพหงส์ไฟไร้สิ้นสุดนั้นมีเสียงต่ำลึกเลือนรางหนึ่งดังออกมา

จักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิงที่อยู่ด้านข้างอึ้งไป “หากไม่มีพลังของข้า ในช่วงสุดท้ายที่เจ้าตื่นจากนิพพาน เป็นไปได้สูงว่า…”

“ช่วยเขา” เสียงต่ำลึกเลือนรางนั้นดังออกมาจากไข่ยักษ์อีกครั้ง เผยนัยไม่ยอมให้ปฏิเสธ

จักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิงสูดหายใจเข้าลึกๆ พลางกล่าว “เพราะมารดาของเขาคือลั่วชิงสวินใช่ไหม ช่างเถอะ ในเมื่อเจ้าตั้งใจไว้แล้ว เช่นนั้นข้าก็จะทุ่มสุดตัว หลอมอาวุธให้เขา!”

ครู่ต่อมาเงาร่างแดงเพลิงของนางก็กลายเป็นเปลวไฟที่มีท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์เหมือนไอแรกกำเนิด โผทะยานออกไป

ตูม!

อสนีเคราะห์สายหนึ่งผ่าลงมาอีกครั้ง กลายเป็นค้อนอสนีเต้าหนึ่ง เปล่งประกายอสนีสีเทาบาดตา

มาถึงตอนนี้เตาหลอมที่วิวัฒน์จากเพลิงมรรคอัศจรรย์แตกร้าวแล้ว สามารถพังทลายได้ตลอดเวลา ทำให้คนอดเป็นห่วงไม่ได้ว่ามันจะต้านการโจมตีนี้อยู่หรือไม่

อันที่จริงหลอมอาวุธมาถึงตอนนี้ หลินสวินก็จนปัญญาแล้ว ได้แต่ฝืนทนไว้

ในเวลานี้เอง

เพลิงเทพงามตระการเจิดจ้าแถบหนึ่งปรากฏกลางอากาศ ชิงตัดหน้าค้อนอสนีเคราะห์เต้านั้น โผเข้าไปในเตาหลอมที่วิวัฒน์จากเพลิงมรรคอัศจรรย์

ตูม!

เพลิงเทพโหมกระหน่ำ ค้อนอสนีที่แผ่กลิ่นอายประหลาดชวนประหวั่นนั้นถึงกับถูกเผาในพริบตา

นัยน์ตาดำของหลินสวินหดรัด เสียงของจักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิงดังขึ้นข้างหู ‘เจ้าจดจ่อกับการหลอมอาวุธให้เต็มที่ ด่านเคราะห์นี้ข้าช่วยเจ้าต้านทานเอง!’

พลันเห็นว่าเพลิงมรรคอัศจรรย์เหมือนมีเทพช่วย คลื่นอัคคีไร้สิ้นสุดพวยพุ่ง พราวตาแผดจ้า เจิดจรัสไร้ขอบเขต

ต้องรู้ว่าร่างเดิมของจักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิง เดิมทีก็เป็นเพลิงมรรคฟ้าประทานของเตามารดาหลอมสมบัติ เวลานี้ยามเสริมทัพช่วยเพลิงมรรคอัศจรรย์หลอมอาวุธ อานุภาพมีหรือจะธรรมดา

หลินสวินใจสะท้าน จดจ่อกับการวางกระบวนและหลอมโครงอาวุธโดยไม่ลังเล

ครืน…

เมฆาเคราะห์พลิกตลบ ปลดปล่อยอสนีเคราะห์ซัดสาด แต่ทันทีที่ทิ้งตัวลงมาก็ถูกพลังของจักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิงต้าน หลังจากพลังด่านเคราะห์นั้นถูกสลาย ทั้งหมดยังซึมซาบเข้าไปในเพลิงมรรคอัศจรรย์ด้วย ทำให้ความเร็วในการหลอมอาวุธของหลินสวินพลันยกระดับขึ้นอีกช่วงใหญ่

เวลาสั้นๆ แค่หนึ่งถ้วยชาเท่านั้น โครงอาวุธชิ้นหนึ่งก็ถูกหลอมจนเสร็จ!

มันรูปร่างคล้ายเตาหลอมใบหนึ่ง มีสามขาสองหู ลักษณะเหมือนเตาหลอมที่วิวัฒน์จากรูปจำลองเจตจำนงในห้วงนิมิตของหลินสวินเกือบทุกประการ

บนเรือนเตานั้นประทับกระบวนค่ายกลมหามรรคนานัปการ ในเตาหลอมกลับพรั่งไปด้วยสัญลักษณ์ลายมรรคที่วิวัฒน์จากวิชาทั้งปวง

แม้ว่ายังเป็นแค่ต้นแบบ แต่กลับทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนว่าคงอยู่มาตั้งแต่ต้นบรรพกาล เต็มไปด้วยกลิ่นอายอมตะที่อัศจรรย์ยากบรรยาย

แน่นอนว่าตอนนี้ยังเป็นแค่ต้นแบบ รูปลักษณ์ที่แท้จริงยังต้องรอให้หลอมเสร็จจึงจะปรากฏอย่างชัดเจน

ยามนี้หลินสวินไม่กล้าประมาทแต่อย่างใด จิตใจจมอยู่กับการหลอมอาวุธอย่างสมบูรณ์ หลงลืมตัวตน ไม่มีความคิดฟุ้งซ่านอีกเพียงเสี้ยว

ตามเวลาที่ล่วงเลย ต้นแบบโครงอาวุธนั้นก็ปรับเปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่องทีละน้อย เผยความอัศจรรย์นานัปการออกมา…

เมืองจักรพรรดิหมื่นเพลิง กระบวนผนึกลายมรรคส่งเสียงกึกก้อง เมืองอันดับหนึ่งของแดนหงส์เซียนที่เก่าแก่และกว้างใหญ่ไพศาลแห่งนี้ เวลานี้กำลังถูกโจมตีอย่างรุนแรง

นอกเมือง ระดับจักรพรรดิห้าสิบคนของเผ่าเสือขาวและเต่าดำเปิดฉากการโจมตีรอบด้าน ภายใต้คำสั่งของบรรพจารย์จักรพรรดิวั่นหลิวและบรรพจารย์จักรพรรดิเฉียนอิ่น

เพียงชั่วขณะก็เห็นวิชามรรคราวกระแสน้ำ สมบัติจักรพรรดิดุจสายฝน สาดแสงศักดิ์สิทธิ์พร่างพรายหาใดเปรียบ บุกจู่โจมเมืองจักรพรรดิหมื่นเพลิงด้วยอานุภาพมืดฟ้ามัวดิน

โครมครืน…

กระบวนค่ายกลผนึกที่ปกคลุมรอบเมืองจักรพรรดิหมื่นเพลิงส่งเสียงกัมปนาท ดังกระหึ่มครั่นครืนดุจอสนีบาต พลิกม้วนดั่งกระแสน้ำหลากหมายทำลายล้างม้วนกลืน ก่อให้เกิดแสงเทพล้นฟ้า

ภาพนี้เรียกได้ว่าชวนประหวั่นอย่างไม่ต้องสงสัย

ต้องรู้ว่าระดับจักรพรรดิคนเดียว แค่ดีดนิ้วก็เผาภูผาต้มสมุทร ทำลายเมืองแห่งหนึ่งได้ อานุภาพไร้จำกัด

แต่ตอนนี้สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับจักรพรรดิห้าสิบคนกลับร่วมมือกัน ใช้มรรควิถีและศาสตราจักรพรรดิของตนจู่โจมเมืองแห่งหนึ่งเต็มกำลัง!

ไม่จำเป็นต้องสงสัย หากไม่ใช่ว่าในกาลเวลาไร้สิ้นสุดที่ผ่านมา เผ่าจักรพรรดิช่างเทพเคยวางกระบวนค่ายกลผนึกเก่าแก่มากมายไว้ในเมืองจักรพรรดิหมื่นเพลิง ย่อมไม่มีทางต้านการโจมตีเช่นนี้ได้แน่

รอบเมืองจักรพรรดิหมื่นเพลิงตอนนี้เหมือนมีรัศมีแสงที่วิวัฒน์จากกระบวนค่ายกลผนึกสายหนึ่ง แม้หักล้างและสลายทุกการโจมตีที่มาจากทั่วสารทิศนั้นได้ แต่มันกลับสะเทือนรุนแรง ทำให้คนอดเป็นห่วงไม่ได้ว่ากระบวนค่ายกลผนึกที่เหมือนรัศมีแสงนี้จะยืนหยัดภายใต้การโจมตีเช่นนี้ได้ถึงเมื่อไหร่

ในเมือง หวงชางเทียนหน้านิ่วคิ้วขมวด สีหน้าจริงจัง

สีหน้าของเหล่าเฒ่าดึกดำบรรพ์แห่งเผ่าหงส์เซียนที่อยู่ใกล้เขาต่างอึมครึม ในใจมีหมอกทะมึนชั้นหนึ่งแล้ว

“กระบวนค่ายกลใหญ่ของเมืองนี้ยังยืนหยัดได้นานเท่าไหร่” หวงชางเทียนถาม

“อย่างมาก… สามวัน”

เลี่ยนชิงฉีผู้อาวุโสของเผ่าจักรพรรดิช่างเทพกล่าวอย่างลังเลเล็กน้อย “ใต้เท้า จากที่ข้าดู ถ้าแค่บุกโจมตีก็ไม่ต้องกังวลอะไร แต่ข้าห่วงว่าพวกเขาจะส่งปฐมาจารย์สลักลายมรรคมาทำลายกระบวนค่ายกล”

หวงชางเทียนขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม ครั้งนี้เห็นชัดว่าเผ่าเสือขาวและเต่าดำเตรียมการมาก่อน มีหรือจะไม่รู้ว่ากระบวนค่ายกลผนึกของเมืองจักรพรรดิหมื่นเพลิงแข็งแกร่งแค่ไหน

ถึงขั้นที่ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจลอบระดมพลปฐมาจารย์สลักลายมรรคอยู่ก่อนแล้ว อนุมานและหาช่องโหว่ทำลายกระบวนค่ายกลผนึกแห่งเมืองจักรพรรดิหมื่นเพลิง!

“หัวหน้าเผ่า ตามข่าวแจ้งว่าตอนนี้พวกที่บุกเมืองมีแค่ทัพหน้าของเผ่าเต่าดำและเสือขาวเท่านั้น เมื่อผู้ยิ่งใหญ่แห่งตระกูลลั่วอีกฟากฝั่งคนนั้นมาถึง พวกเขาสองเผ่าก็จะนำกำลังพลทั้งหมดเข้าโจมตี”

มีคนกล่าวอย่างกังวล “หากพวกเรายังเป็นฝ่ายป้องกันเช่นนี้ ยิ่งยืดเยื้อสถานการณ์ก็จะยิ่งรุนแรง…”

ในสถานการณ์เช่นนี้ทุกคนต่างรู้ดี แต่กลับไม่มีวิธีแก้ปัญหาอะไร

เพียงชั่วขณะบรรยากาศเปลี่ยนเป็นกดดันและหนักหน่วงยิ่งกว่าเดิม

สิ่งที่ทำให้พวกเขาอึดอัดและเดือดดาลหาใดเปรียบคือ ยามเผ่าเสือขาวและเต่าดำโจมตีเมืองเต็มกำลัง ยังส่งเสียงข่มขู่และเยาะเย้ยอย่างต่อเนื่อง คำพูดเต็มไปด้วยความหยามเหยียด

ทันใดนั้นเสียงใสเย็นหนึ่งพลันดังขึ้น

“ทำไมไม่บุกฆ่าออกไป”

ก็เห็นว่าในจุดที่ห่างไกล ซี ซย่าจื้อ ต้าหวงเดินมาทางนี้ภายใต้การนำทางของเลี่ยนจิ่วเซียว

คนที่เอ่ยปากคือซีนั่นเอง

หวงชางเทียนและผู้อาวุโสของเผ่าหงส์เซียนต่างอึ้งไป แววตาเจือความสงสัย

เมื่อรู้ว่าพวกซีคือคนที่มาพร้อมกับหลินสวินจากปากของเลี่ยนจิ่วเซียว ทุกคนล้วนเผยสีหน้ากระจ่างอย่างอดไม่ได้

“นอกเมืองถูกเผ่าเสือขาวและเต่าดำปิดผนึกแล้ว เวลานี้หากบุ่มบ่ามบุกออกไป ย่อมมีโอกาสสูงที่จะตกอยู่ในการปิดล้อมแน่นหนา”

หวงชางเทียนอธิบาย “และตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาเปิดศึกกับอีกฝ่ายอย่างสมบูรณ์”

เขากำลังรอ รอบรรพชนหงส์เซียนตื่นจากนิพพาน! เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว บางทีก็อาจพลิกสถานการณ์ในตอนนี้ได้อย่างสิ้นเชิง

ตูม!

เวลานี้ใกล้กำแพงเมืองที่ห่างออกไป กระบวนค่ายกลผนึกส่งเสียงกึกก้องสะท้านฟ้าสะเทือนดิน ถึงกับมีสัญญาณว่าจะถูกทำลาย

“แย่แล้ว พวกเขากำลังพังกระบวนค่ายกล!” สัตว์ประหลาดเฒ่าเผ่าจักรพรรดิช่างเทพคนหนึ่งที่ควบคุมและโคจรกระบวนค่ายกลใหญ่ในเมืองร้องเสียงหลง

เพียงชั่วขณะทุกคนต่างหน้าเปลี่ยนสี

ทำลายกระบวนค่ายกลใหญ่!

เหตุการณ์ที่พวกเขาไม่อยากเห็นที่สุดเกิดขึ้นแล้ว!

“ฆ่าคนพังกระบวนค่ายกลทิ้งก็สิ้นเรื่อง”

ต้าหวงเอ่ยปาก แววตาล้ำลึก มันอยากลิ้มรสชาติของเสือขาวและเต่าดำจนทนไม่ไหวแล้ว

“ไม่ได้ หากออกไปเข่นฆ่านอกเมืองมีแต่จะยิ่งเสี่ยง!” คนมากมายต่างห้ามปราม

“อันตราย?” ต้าหวงกล่าวเยาะเย้ย “ข้าว่าพวกเจ้าระวังตัวเกินไปแล้ว ช่างเถอะ ข้าไปฆ่าศัตรูเพียงลำพังก็พอ”

ส่วนการตอบสนองของซียิ่งตรงไปตรงมา ไม่กล่าวอันใด พุ่งตรงไปยังจุดที่กำแพงเมืองใกล้ถูกทำลายซึ่งอยู่ห่างไกลนั้น

ซย่าจื้อกับต้าหวงเห็นดังนี้ก็ไล่ตามไปโดยไม่ลังเล

“เหลวไหล! พวกเขาคิดจริงหรือว่าพวกเราใจเสาะ นี่พวกเราหวังดีกับพวกเขานะ!” มีเฒ่าดึกดำบรรพ์ของเผ่าหงส์เซียนกล่าวอย่างเดือดดาล

“หัวหน้าเผ่า รีบขวางพวกเขาเร็วเข้า ถ้าพวกเขาเกิดเหตุอะไรไป คงให้คำตอบกับหลินสวินนั่นลำบากแล้ว”

มีคนกล่าวเตือนอย่างร้อนรน

แต่ไม่รอให้หวงชางเทียนเปล่งเสียง ซี ซย่าจื้อ ต้าหวงก็พุ่งออกไปนอกเมืองแล้ว

“พวกเขา…”

ทุกคนเห็นดังนี้แล้วทั้งร้อนรนทั้งเกิดโทสะ นี่มันเวลาไหนแล้ว ยังก่อกวนเช่นนี้อีก ถ้าเกิดเรื่องขึ้นมา ไม่ใช่ว่าต้องให้พวกเขาเผ่าหงส์เซียนเสี่ยงอันตรายเข้าไปช่วยหรือ

ขณะเดียวกันที่นอกเมืองก็มีเสียงโห่ร้องยินดีเหมือนฟ้าผ่าดังขึ้น

“ออกมาแล้ว! ในที่สุดพวกเต่าหดหัวนั่นก็นั่งไม่ติดแล้ว!”

“เร็วเข้า ฆ่าพวกเขาซะ!”

“ฮ่าๆๆ คนของเผ่าหงส์เซียนตายเรียบแล้วรึ ถึงได้ส่งผู้หญิงสองคนกับหมาหนึ่งตัวออกมาหาที่ตาย”

เมื่อเห็นภาพนี้ บรรพจารย์จักรพรรดิวั่นหลิวและบรรพจารย์จักรพรรดิเฉียนอิ่นต่างเผยรอยยิ้มถากถางอย่างอดไม่ได้ ยามคนเราถูกบีบจวนตัว เรื่องโง่เขลาอะไรล้วนทำได้จริงๆ!

เมื่อเห็นภาพนี้ สีหน้าของพวกหวงชางเทียนต่างปรวนแปรไม่หยุดไปพักหนึ่ง

หวงชางเทียนพลันสูดหายใจลึกแล้วออกคำสั่ง “ช่างเถอะ เตรียมการช่วยเหลือให้พร้อมสรรพ ไม่ว่าอย่างไรสหายยุทธ์สามคนนี้ก็สู้เพื่อเผ่าหงส์เซียนของพวกเรา อย่าให้พวกเขาประสบเคราะห์เช่นนี้… หืม?”

แต่ยังพูดไม่ทันจบ นอกเมืองก็มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+