Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 2352 มหายุคเปลี่ยนผัน

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 2352 มหายุคเปลี่ยนผัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2352 มหายุคเปลี่ยนผัน

ยามจิตใจหลินสวินสั่นไหว เงาร่างของจักรพรรดิสงครามอู๋ยางฟุ้งกระจายเป็นละอองแสงเปล่งประกายหลากสายโดยไร้สุ้มเสียง

“สหายยุทธ์!”

นัยน์ตาหลินสวินหดรัด

“ที่แห่งนี้มีสหายน้อยอยู่ ข้าก็วางใจได้แล้ว วันหน้าหากมีวาสนา ย่อมได้เจอกันที่ฟากฝั่งฟ้าดารา”

เสียงเลือนรางเหมือนขลุ่ยกระจ่างดังก้องอยู่กลางฟ้าดิน

พอมองเงาร่างของจอมมุนีซิงเจียอีกครั้ง ทุกอย่างก็เปลี่ยนเป็นว่างเปล่าโดยไร้สุ้มเสียง

หลินสวินประสานหมัดโค้งคำนับ

ในบรรดาผู้แกล้วกล้าที่เขารู้จักทั้งหมด ผู้เก่งกาจในรุ่นจักรพรรดิกระบี่ไท่เสวียน จักรพรรดิสงครามอู๋ยาง จอมมุนีซิงเจียล้วนมีจิตใจเที่ยงธรรม เป็นห่วงคนในใต้หล้า พาให้คนเคารพเลื่อมใส

หลังจากนั้นหลินสวินตรวจสอบแท่นมรรคหมื่นจั้งแห่งนี้รอบหนึ่ง กลับพบว่าแท่นมรรคเสียหายร้ายแรงเกินไป ไม่มีโอกาสฟื้นฟูแล้ว

ถึงขั้นไม่จำเป็นต้องให้ศัตรูล้อมโจมตี ใช้เวลาไม่นานแท่นมรรคแห่งนี้ก็จะพังทลายอย่างสมบูรณ์!

‘ก่อนที่แท่นมรรคนี้จะพังทลาย จำเป็นต้องล้างบางวิญญาณอาฆาตในสุสานสมุทรฝังมรรคนี้ให้ราบคาบแล้ว’

หลินสวินตัดสินใจ

ฟุ่บๆๆ

กายมรรคทั้งห้าพุ่งโฉบมาแต่ไกล

เพียงชั่วขณะหลินสวินก็รู้ว่าในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ กายมรรคทั้งห้ากำจัดวิญญาณอาฆาตระดับจักพรรดิไปทั้งหมดสามสิบเจ็ดตน

ผลงานเช่นนี้เรียกได้ว่าเกริกก้องแล้ว

แต่สำหรับหลินสวินที่เคยสังหารมหาจักรพรรดิที่แท้จริงมานับไม่ถ้วน ย่อมไม่นับว่าเป็นอะไร

“อาหู พวกเจ้าเฝ้าที่นี่ไว้ ข้าจะไปสังหารศัตรู”

หลินสวินปล่อยพวกอาหูออกมา หลังจากแจ้งข่าวที่รู้จากปากของจักรพรรดิสงครามอู๋ยางก่อนหน้านี้ออกมาทั้งหมด ก็ตัดสินใจเคลื่อนไหวทันที

พวกอาหู เจ้าคางคก อาหลู่ก็ตระหนักได้ว่าเวลากระชั้นแล้วจึงรีบพยักหน้า

หลินสวินยังไม่วางใจ ทิ้งกายมรรคทั้งห้าไว้เฝ้าพิทักษ์แท่นมรรคเช่นกัน ส่วนร่างต้นของเขาก็เคลื่อนแหวกอากาศไป

นับจากวันนี้ในสุสานสมุทรฝังมรรค วิญญาณอาฆาตนับไม่ถ้วนประสบเคราะห์ ขอเพียงถูกหลินสวินพบเจอล้วนถูกสังหารสิ้น ไม่ออมมือแม้แต่น้อย

ต่อให้ซ่อนตัวอยู่ใต้น้ำทะเลก็ถูกหลินสวินจับตัวมาฆ่าทีละตน

สามวันต่อมา

หลินสวินยืนอยู่ในหมอกควันสีดำแถบหนึ่ง หลอมโอสถเทพเสริมพลังกายที่ผลาญไปพลางมองสำรวจโดยรอบ

ผ่านมาสามวันแล้ว วิญญาณอาฆาตที่สังหารมาตลอดทางอย่างน้อยก็มีมากถึงหนึ่งแสน แต่เกือบทั้งหมดล้วนเป็นพวกตัวเล็กตัวน้อย ไม่คู่ควรให้พูดถึง แค่ดีดนิ้วก็กำจัดได้

ส่วนวิญญาณอาฆาตที่มีกลิ่นอายระดับจักรพรรดิก็เหมือนสลายไปจากโลก เพิ่งถูกหลินสวินเจอแค่สองตน ทั้งความสามารถยังไม่เอาไหนยิ่งนัก

‘พวกที่มีสติปัญญาเหล่านั้นไปซ่อนอยู่ที่ไหนกันแน่…’

หลินสวินขมวดคิ้ว

เขารับรู้ได้ว่าพวกน่าหวาดกลัวที่ล้อมโจมตีแท่นมรรคก่อนหน้านี้ จนถึงปัจจุบันยังไม่เจอสักตน เห็นชัดว่าพากันซ่อนตัวอยู่ก่อนแล้ว

หากไม่ฆ่าพวกเขาให้หมด รอเมื่อแท่นมรรคพังทลาย พวกนี้ต้องหนีรอดไปได้ในพริบตาแน่!

แต่สิ่งที่ทำให้หลินสวินคิดไม่ถึงคือสุสานสมุทรฝังมรรคกว้างใหญ่เป็นอย่างยิ่ง สามารถเทียบได้กับโลกแห่งหนึ่ง ซ้ำยังมีหมอกดำทบเป็นชั้นๆ

จนถึงตอนนี้หลินสวินยังไม่อาจค้นหาร่องรอยของวิญญาณอาฆาตระดับจักรพรรดิพวกนั้นได้

‘ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องจับตัวพวกเขาออกมาให้ได้!’

เมื่อพลังกายฟื้นคืน หลินสวินสูดหายใจลึก เริ่มกวาดล้างต่อไป

ขณะเดียวกัน…

ในส่วนลึกสุดของสุสานสมุทรฝังมรรค ใต้น้ำทะเลมีภูเขาเทพแดงก่ำลูกหนึ่งจมอยู่ในนั้น

ภูเขาลูกนี้แปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง ปลดปล่อยกลิ่นอายลึกลับออกมา ทำให้บริเวณใกล้เคียงตัดขาดจากโลกภายนอก ต่อให้ใช้จิตรับรู้ตรวจสอบก็ไม่อาจค้นพบอย่างสิ้นเชิง

วิญญาณอาฆาตระดับจักรพรรดิมากมายรวมตัวอยู่ใกล้ภูเขาเทพแดงก่ำลูกนี้

“รออีกหน่อย แท่นมรรคนั้นถูกพวกเราทำลายถึงขั้นใกล้พังทลายแล้ว ใช้เวลาไม่นานพวกเราก็หลุดพ้นจากที่นี่ได้!”

เงาร่างที่สะพายกระบี่ศึกไว้ตรงเอว หมอกควันอบอวลไปทั้งตัวเอ่ยปากด้วยเสียงต่ำลึก “ขอแค่หลุดพ้น ด้วยพลังของพวกเรา ย่อมสามารถวิวัฒน์ไปอีกขั้นในช่วงที่ไอวิญญาณซึ่งปกคลุมใต้หล้านี้ฟื้นคืนกลับมา ถึงตอนนั้น…”

พูดถึงตรงนี้เสียงของเขาเจือความตื่นเต้นเสี้ยวหนึ่ง “แดนใจกลางต้นกำเนิดหมื่นมรรคนี้ต้องมีพวกเราเป็นผู้นำแน่!”

บริเวณใกล้เคียงเกิดความไม่สงบ วิญญาณอาฆาตระดับจักรพรรดิพวกนั้นก็ตื่นเต้นขึ้นมา

“แต่มกุฎมหาจักรพรรดิหนุ่มนั่นยังไม่ตาย ภายหน้าต่อให้พวกเราหลุดพ้นก็เกรงว่าคงกินไม่ได้นอนไม่หลับ”

เสียงทอดถอนใจแหบพร่าหนึ่งดังก้องขึ้น

ทำให้วิญญาณอาฆาตระดับจักรพรรดิตนอื่นตกอยู่ในความเงียบเหมือนถูกน้ำเย็นสาด บรรยากาศก็เปลี่ยนเป็นกดดันขึ้นมา

มกุฎมหาจักรพรรดิหนุ่มนั่นแข็งแกร่งเกินไปจริงๆ ทำให้พวกเขาต่างรู้สึกหนาวเยือกในใจและหวาดกลัว ไม่อาจจินตนาการได้แต่แรกว่าบนโลกนี้มีบุคคลเช่นนี้ได้อย่างไร

“ไม่ต้องกังวล รอพวกเราหลุดพ้นค่อยไปติดต่อกำลังพลแต่ละดินแดนของพวกเรา ถึงตอนนั้นทัพพันธมิตรแปดดินแดนค่อยมาที่นี่ด้วยกัน ย่อมสามารถยึดครองโลกชั้นล่างที่ก้าวออกมาจากการหลับใหลและฟื้นคืนกลับมานี้ได้แน่!”

เงาร่างที่สะพายกระบี่ศึกไว้ตรงเอวกล่าว “ส่วนมกุฎมหาจักรพรรดิหนุ่มนั่น… มีหรือจะต้านการฆ่าฟันของพวกเราทัพพันธมิตรแปดดินแดนได้”

วิญญาณอาฆาตระดับจักรพรรดิทั้งหมดได้ยินดังนี้แล้วผ่อนคลายลงไม่น้อย

เวลานี้เองเสียงราบเรียบหนึ่งพลันดังขึ้น…

“ทัพพันธมิตรแปดดินแดน? คิดฝันเลิศเลอเสียจริง!”

ประโยคเดียวเหมือนฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ ทำให้วิญญาณอาฆาตระดับจักรพรรดิพวกนั้นตกใจจนไม่มีใครไม่หน้าเปลี่ยนสี เจ้าหนุ่มนั่นมาหาถึงที่แล้ว!?

เขาทำได้อย่างไร

ตูม!

ปราณกระบี่ที่เจิดจรัสไร้ขอบเขตสายหนึ่งพลันฟันลงมาจากผิวทะเล น้ำทะเลถูกแบ่งออกทันที หมอกควันโหมกระหน่ำเหือดระเหย

ก็เห็นภูเขาเทพแดงก่ำที่จมอยู่ในทะเลนั้นถูกกระบี่เดียวนี้ผ่าออก พังทลายดังสนั่น สภาพอากาศแปรปรวนดุดันโหมกระหน่ำออกมา

วิญญาณอาฆาตระดับจักรพรรดิที่หลบซ่อนอยู่ใกล้เคียงไม่มีใครไม่ตกใจ เลือกหนีตายในพริบตาเหมือนคลุ้มคลั่ง

ไม่มีใครอยากไปต่อสู้กับหลินสวินอีก พวกเขาล้วนรู้ว่าการทำเช่นนี้ไม่ต่างอะไรกับหาที่ตาย

พวกเขาคิดแค่จะหนี

เพียงหนีพ้นเคราะห์นี้ไปได้ รอแท่นมรรคนั้นพังทลายอย่างสมบูรณ์ พวกเขาก็มีโอกาสหนีรอดไปได้!

แต่ในช่วงอลหม่านเกินทนนี้ เสียงราบเรียบของหลินสวินกลับดังขึ้นเนิบช้า “เสี่ยวอู่ ตาเจ้าแล้ว”

จากนั้นคลื่นพลังผนึกน่ากลัวปกคลุมน่านน้ำแถบนี้ไว้อย่างสมบูรณ์ราวกับบังฟ้าคลุมตะวัน สัญลักษณ์และลายมรรคที่เจิดจรัสนับไม่ถ้วนส่องประกาย แผ่กลิ่นอายน่าหวาดกลัวที่สามารถทำให้บรรพจารย์จักรพรรดิขวัญหนีดีฝ่อออกมา

กระบวนค่ายกลมรรคสิ้นฟ้าอาสัญ!

แม้ว่าวิญญาณอาฆาตระดับจักรพรรดิพวกนั้นจะหนีไปคนละทาง แต่น่านน้ำแถบนี้ล้วนถูกปกคลุมและปิดผนึก เมื่อพวกเขาได้สติกลับมาก็ติดอยู่ในกระบวนค่ายกลแล้ว

“แย่แล้ว!”

“บัดซบ เจ้าหนุ่มนั่นต่ำช้าเกินไปแล้ว ถึงกับวางกระบวนค่ายกลผนึกไว้ล่วงหน้า!”

“ฆ่า รีบฝ่าออกไป!”

เสียงคำรามกรุ่นโกรธระลอกหนึ่งดังก้องขึ้น วิญญาณอาฆาตระดับจักรพรรดิพวกนั้นเหมือนคลุ้มคลั่ง ใช้พลังทั้งหมดทำลายกระบวนค่ายกลเต็มกำลัง

ส่วนนอกกระบวนค่ายกล เสี่ยวอู่ยิ้มอย่างดูถูกแล้วดีดนิ้วเปาะหนึ่ง

ตูม!

กระบวนค่ายกลมรรคสิ้นฟ้าอาสัญถูกโคจรถึงขีดสุด เพียงชั่วขณะก็เกิดฟ้าผ่ารุนแรง กระแสอสนีว่ายเวียน ไอสังหารน่าหวาดกลัววิวัฒน์เป็นปรากฏการณ์ประหลาดมหามรรคนานัปการ ทยอยปรากฏในกระบวนค่ายกลมรรคสิ้นฟ้าอาสัญ

ไม่นานเสียงกรีดร้องโหยหวนและไม่ยินยอมก็ดังขึ้น

ห่างออกไปหลินสวินเห็นภาพนี้แล้วอดเป่าปากโล่งอกไม่ได้

เมื่อสองวันก่อนเขาใช้วิชาลับ ‘เปิดตาทิพย์’ ของศิษย์พี่ปู่ซ่วนจื่อจนสังเกตเห็นภูเขาเทพแดงก่ำที่จมอยู่ในก้นสมุทรลูกนั้น ทั้งพบวิญญาณอาฆาตระดับจักรพรรดิพวกนั้นด้วย

ทว่าเขาไม่ได้เริ่มเคลื่อนไหว หากแต่กำชับเสี่ยวอู่ให้วางกระบวนค่ายกล เป้าหมายก็เพื่อฆ่าเจ้าพวกนี้ให้หมด ป้องกันไม่ให้มีปลาหลุดจากแห

และตอนนี้ก็ได้เวลาเก็บแหแล้ว!

โครมครืน… กระบวนค่ายกลมรรคสิ้นฟ้าอาสัญส่งเสียงกึกก้อง ฟ้าดินสั่นคลอน เพียงไม่นานวิญญาณอาฆาตระดับจักรพรรดิสิบเก้าตนที่ติดอยู่ในนั้นล้วนถูกฆ่าจนเกลี้ยง

“พี่ใหญ่ ไม่รอดสักตัว!” เสี่ยวอู่เผยรอยยิ้มสดใสมาแต่ไกล

เขาเคยชินกับการเรียกหลินสวินว่า ‘พี่ใหญ่’ เหมือนพวกเจ้าคางคกกับอาหลู่แล้ว

“ทำได้ไม่เลว”

หลินสวินพยักหน้าน้อยๆ

หลายวันหลังจากนั้นหลินสวินเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง สุสานสมุทรฝังมรรคที่กว้างใหญ่ไพศาลถูกหลินสวินกวาดล้างไปรอบหนึ่ง

“หืม?”

วันนี้หลินสวินสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง ทอดสายตามองไปรอบๆ

ตูม!

บนผืนฟ้าของสุสานสมุทรฝังมรรคนี้ราวกับมีพลังที่มองไม่เห็นชั้นหนึ่งถูกซัดเป็นเสี่ยงๆ ส่งเสียงกัมปนาทเสียดหูอย่างรุนแรง

จากนั้นแสงที่ใสสะอาดปลอดโปร่งพลันมาเยือน หมอกควันสีดำที่เดิมปกคลุมอยู่ในน่านน้ำแถบนี้กลายเป็นจางหายปั่นป่วน ฟุ้งกระจายอย่างต่อเนื่องทันที

ราวกับหิมะละลายกลายเป็นน้ำ

หลินสวินรับรู้ได้ทันทีว่าแท่นมรรคที่กำราบอาณาเขตนี้ไว้ เกรงว่าคงพังทลายอย่างสมบูรณ์แล้ว

ยังดีที่เหล่าวิญญาณอาฆาตซึ่งติดอยู่ที่นี่มาหลายปีถูกหลินสวินสังหารหมู่ไม่มีเหลือไปแล้ว ต่อให้ยังเหลือรอดก็ก่อคลื่นลมอะไรไม่ได้แน่

‘ได้เวลาจากไปแล้ว…’ หลินสวินหันกลับไปยังสถานที่ซึ่งแท่นมรรคเก่าแก่นั้นตั้งอยู่เดิมโดยไม่หยุดพักอีก

เขาเก็บกายมรรคทั้งห้า เล่าเรื่องที่กำจัดวิญญาณอาฆาตบางส่วนให้พวกอาหูกับเจ้าคางคกฟัง ก่อนจะพาทุกคนไปยังทะเลกลืนวิญญาณที่อยู่ห่างไกลทันที

ออกเดินทางกลับสู่จักรวรรดิจื่อเย่า!

วันนี้ทายาทหมื่นเผ่าดึกดำบรรพ์ที่อาศัยอยู่ในส่วนลึกของทะเลกลืนวิญญาณมานานปี ล้วนค้นพบอย่างน่าตกใจ ว่าสุสานสมุทรฝังมรรคที่ถูกพวกเขามองเป็นเขตต้องห้ามน่าหวาดกลัวนั้นหายไปแล้ว

ความปั่นป่วนโกลาหลเกิดขึ้นทันที สิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนพลุ่งพล่าน

สาเหตุอยู่ที่ช่วงเวลาที่ผ่านมา การมีอยู่ของสุสานสมุทรฝังมรรคราวกับแนวปิดล้อมสายหนึ่ง ทำให้ขุมอำนาจของทายาทหมื่นเผ่าดึกดำบรรพ์พวกนี้ไม่กล้าก้าวล่วงอย่างสิ้นเชิง

แต่ปัจจุบันแนวปิดล้อมเส้นนี้ได้หายไปแล้ว ภายหน้าต่อให้ออกห่างทะเลกลืนวิญญาณไปขยายอิทธิพลก็ไม่ใช่เรื่องยากอีก!

“ไอวิญญาณฟื้นคืน มหายุคมาแล้ว! ตัวแปรที่ไม่เคยมีมาก่อนจะล้มล้างแบบแผนทั้งหมดในอดีต!”

“นี่คือการล้างไพ่ใหม่อีกครั้ง โอกาสของสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนในใต้หล้าล้วนเท่าเทียมกัน อยู่ที่ใครสามารถผงาดในยุครุ่งโรจน์เช่นนี้และเป็นผู้นำแห่งยุคสมัยได้!”

“มหายุค เวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของพวกเรา!”

…บุคคลรุ่นอาวุโสนับไม่ถ้วนใจสั่น ตั้งข้อสันนิษฐานนานัปการเช่นนี้

หลังออกจากสุสานสมุทรฝังมรรค หลินสวินไม่ได้นั่งยานขนส่งอวกาศอีก หากแต่ใช้วิธีเคลื่อนย้ายไปบนทะเลกลืนวิญญาณโดยตรง

รวดเร็วปานสายฟ้าแลบตลอดทาง

‘ในทะเลกลืนวิญญาณนี้ถึงกับมีกลิ่นอายน่าหวาดกลัวมากมาย! ดูท่าว่าหลังจากไอวิญญาณฟื้นคืนกลับมา ทะเลกลืนวิญญาณนี้ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เช่นกัน…’

จิตรับรู้ที่ยิ่งใหญ่ของหลินสวินกวาดมองตลอดทาง เห็นกลุ่มเผ่าพันธุ์และสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในทะเลนับไม่ถ้วน ถึงขั้นมีกลิ่นอายระดับกึ่งจักรพรรดิกันไม่น้อย

หลินสวินถึงขั้นยังสังเกตเห็นว่ามีกลิ่นอายระดับจักรพรรดิซุ่มตัวอยู่ แต่มีจำนวนน้อยหาใดเปรียบ

ระหว่างทางนี้ก็มีกลิ่นอายระดับจักรพรรดิแค่สามสายที่ถูกหลินสวินพบเจอ เห็นชัดว่าทั้งหมดกำลังปิดด่านฝึกปราณ จำศีลอยู่ในส่วนลึกสุด คล้ายกำลังรอโอกาสบางอย่างแล้วค่อยปรากฏตัวบนโลก

นี่ทำให้หลินสวินทอดถอนใจอย่างอดไม่ได้ ไม่ได้กลับมาหลายปี โลกชั้นล่างนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากเกินไปแล้วจริงๆ

อย่างน้อยก่อนหน้านี้ในทะเลกลืนวิญญาณนี่ ย่อมไม่มีกลิ่นอายที่แข็งแกร่งมากเช่นนี้แน่

ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะพลังใจกลางต้นกำเนิดหมื่นมรรคนั้นตื่นขึ้น จึงทำให้ไอวิญญาณทั่วหล้าฟื้นคืนกลับมาจากความเงียบสงบ ถือกำเนิดอย่างบ้าคลั่ง!

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 2352 มหายุคเปลี่ยนผัน

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 2352 มหายุคเปลี่ยนผัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2352 มหายุคเปลี่ยนผัน

ยามจิตใจหลินสวินสั่นไหว เงาร่างของจักรพรรดิสงครามอู๋ยางฟุ้งกระจายเป็นละอองแสงเปล่งประกายหลากสายโดยไร้สุ้มเสียง

“สหายยุทธ์!”

นัยน์ตาหลินสวินหดรัด

“ที่แห่งนี้มีสหายน้อยอยู่ ข้าก็วางใจได้แล้ว วันหน้าหากมีวาสนา ย่อมได้เจอกันที่ฟากฝั่งฟ้าดารา”

เสียงเลือนรางเหมือนขลุ่ยกระจ่างดังก้องอยู่กลางฟ้าดิน

พอมองเงาร่างของจอมมุนีซิงเจียอีกครั้ง ทุกอย่างก็เปลี่ยนเป็นว่างเปล่าโดยไร้สุ้มเสียง

หลินสวินประสานหมัดโค้งคำนับ

ในบรรดาผู้แกล้วกล้าที่เขารู้จักทั้งหมด ผู้เก่งกาจในรุ่นจักรพรรดิกระบี่ไท่เสวียน จักรพรรดิสงครามอู๋ยาง จอมมุนีซิงเจียล้วนมีจิตใจเที่ยงธรรม เป็นห่วงคนในใต้หล้า พาให้คนเคารพเลื่อมใส

หลังจากนั้นหลินสวินตรวจสอบแท่นมรรคหมื่นจั้งแห่งนี้รอบหนึ่ง กลับพบว่าแท่นมรรคเสียหายร้ายแรงเกินไป ไม่มีโอกาสฟื้นฟูแล้ว

ถึงขั้นไม่จำเป็นต้องให้ศัตรูล้อมโจมตี ใช้เวลาไม่นานแท่นมรรคแห่งนี้ก็จะพังทลายอย่างสมบูรณ์!

‘ก่อนที่แท่นมรรคนี้จะพังทลาย จำเป็นต้องล้างบางวิญญาณอาฆาตในสุสานสมุทรฝังมรรคนี้ให้ราบคาบแล้ว’

หลินสวินตัดสินใจ

ฟุ่บๆๆ

กายมรรคทั้งห้าพุ่งโฉบมาแต่ไกล

เพียงชั่วขณะหลินสวินก็รู้ว่าในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ กายมรรคทั้งห้ากำจัดวิญญาณอาฆาตระดับจักพรรดิไปทั้งหมดสามสิบเจ็ดตน

ผลงานเช่นนี้เรียกได้ว่าเกริกก้องแล้ว

แต่สำหรับหลินสวินที่เคยสังหารมหาจักรพรรดิที่แท้จริงมานับไม่ถ้วน ย่อมไม่นับว่าเป็นอะไร

“อาหู พวกเจ้าเฝ้าที่นี่ไว้ ข้าจะไปสังหารศัตรู”

หลินสวินปล่อยพวกอาหูออกมา หลังจากแจ้งข่าวที่รู้จากปากของจักรพรรดิสงครามอู๋ยางก่อนหน้านี้ออกมาทั้งหมด ก็ตัดสินใจเคลื่อนไหวทันที

พวกอาหู เจ้าคางคก อาหลู่ก็ตระหนักได้ว่าเวลากระชั้นแล้วจึงรีบพยักหน้า

หลินสวินยังไม่วางใจ ทิ้งกายมรรคทั้งห้าไว้เฝ้าพิทักษ์แท่นมรรคเช่นกัน ส่วนร่างต้นของเขาก็เคลื่อนแหวกอากาศไป

นับจากวันนี้ในสุสานสมุทรฝังมรรค วิญญาณอาฆาตนับไม่ถ้วนประสบเคราะห์ ขอเพียงถูกหลินสวินพบเจอล้วนถูกสังหารสิ้น ไม่ออมมือแม้แต่น้อย

ต่อให้ซ่อนตัวอยู่ใต้น้ำทะเลก็ถูกหลินสวินจับตัวมาฆ่าทีละตน

สามวันต่อมา

หลินสวินยืนอยู่ในหมอกควันสีดำแถบหนึ่ง หลอมโอสถเทพเสริมพลังกายที่ผลาญไปพลางมองสำรวจโดยรอบ

ผ่านมาสามวันแล้ว วิญญาณอาฆาตที่สังหารมาตลอดทางอย่างน้อยก็มีมากถึงหนึ่งแสน แต่เกือบทั้งหมดล้วนเป็นพวกตัวเล็กตัวน้อย ไม่คู่ควรให้พูดถึง แค่ดีดนิ้วก็กำจัดได้

ส่วนวิญญาณอาฆาตที่มีกลิ่นอายระดับจักรพรรดิก็เหมือนสลายไปจากโลก เพิ่งถูกหลินสวินเจอแค่สองตน ทั้งความสามารถยังไม่เอาไหนยิ่งนัก

‘พวกที่มีสติปัญญาเหล่านั้นไปซ่อนอยู่ที่ไหนกันแน่…’

หลินสวินขมวดคิ้ว

เขารับรู้ได้ว่าพวกน่าหวาดกลัวที่ล้อมโจมตีแท่นมรรคก่อนหน้านี้ จนถึงปัจจุบันยังไม่เจอสักตน เห็นชัดว่าพากันซ่อนตัวอยู่ก่อนแล้ว

หากไม่ฆ่าพวกเขาให้หมด รอเมื่อแท่นมรรคพังทลาย พวกนี้ต้องหนีรอดไปได้ในพริบตาแน่!

แต่สิ่งที่ทำให้หลินสวินคิดไม่ถึงคือสุสานสมุทรฝังมรรคกว้างใหญ่เป็นอย่างยิ่ง สามารถเทียบได้กับโลกแห่งหนึ่ง ซ้ำยังมีหมอกดำทบเป็นชั้นๆ

จนถึงตอนนี้หลินสวินยังไม่อาจค้นหาร่องรอยของวิญญาณอาฆาตระดับจักรพรรดิพวกนั้นได้

‘ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องจับตัวพวกเขาออกมาให้ได้!’

เมื่อพลังกายฟื้นคืน หลินสวินสูดหายใจลึก เริ่มกวาดล้างต่อไป

ขณะเดียวกัน…

ในส่วนลึกสุดของสุสานสมุทรฝังมรรค ใต้น้ำทะเลมีภูเขาเทพแดงก่ำลูกหนึ่งจมอยู่ในนั้น

ภูเขาลูกนี้แปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง ปลดปล่อยกลิ่นอายลึกลับออกมา ทำให้บริเวณใกล้เคียงตัดขาดจากโลกภายนอก ต่อให้ใช้จิตรับรู้ตรวจสอบก็ไม่อาจค้นพบอย่างสิ้นเชิง

วิญญาณอาฆาตระดับจักรพรรดิมากมายรวมตัวอยู่ใกล้ภูเขาเทพแดงก่ำลูกนี้

“รออีกหน่อย แท่นมรรคนั้นถูกพวกเราทำลายถึงขั้นใกล้พังทลายแล้ว ใช้เวลาไม่นานพวกเราก็หลุดพ้นจากที่นี่ได้!”

เงาร่างที่สะพายกระบี่ศึกไว้ตรงเอว หมอกควันอบอวลไปทั้งตัวเอ่ยปากด้วยเสียงต่ำลึก “ขอแค่หลุดพ้น ด้วยพลังของพวกเรา ย่อมสามารถวิวัฒน์ไปอีกขั้นในช่วงที่ไอวิญญาณซึ่งปกคลุมใต้หล้านี้ฟื้นคืนกลับมา ถึงตอนนั้น…”

พูดถึงตรงนี้เสียงของเขาเจือความตื่นเต้นเสี้ยวหนึ่ง “แดนใจกลางต้นกำเนิดหมื่นมรรคนี้ต้องมีพวกเราเป็นผู้นำแน่!”

บริเวณใกล้เคียงเกิดความไม่สงบ วิญญาณอาฆาตระดับจักรพรรดิพวกนั้นก็ตื่นเต้นขึ้นมา

“แต่มกุฎมหาจักรพรรดิหนุ่มนั่นยังไม่ตาย ภายหน้าต่อให้พวกเราหลุดพ้นก็เกรงว่าคงกินไม่ได้นอนไม่หลับ”

เสียงทอดถอนใจแหบพร่าหนึ่งดังก้องขึ้น

ทำให้วิญญาณอาฆาตระดับจักรพรรดิตนอื่นตกอยู่ในความเงียบเหมือนถูกน้ำเย็นสาด บรรยากาศก็เปลี่ยนเป็นกดดันขึ้นมา

มกุฎมหาจักรพรรดิหนุ่มนั่นแข็งแกร่งเกินไปจริงๆ ทำให้พวกเขาต่างรู้สึกหนาวเยือกในใจและหวาดกลัว ไม่อาจจินตนาการได้แต่แรกว่าบนโลกนี้มีบุคคลเช่นนี้ได้อย่างไร

“ไม่ต้องกังวล รอพวกเราหลุดพ้นค่อยไปติดต่อกำลังพลแต่ละดินแดนของพวกเรา ถึงตอนนั้นทัพพันธมิตรแปดดินแดนค่อยมาที่นี่ด้วยกัน ย่อมสามารถยึดครองโลกชั้นล่างที่ก้าวออกมาจากการหลับใหลและฟื้นคืนกลับมานี้ได้แน่!”

เงาร่างที่สะพายกระบี่ศึกไว้ตรงเอวกล่าว “ส่วนมกุฎมหาจักรพรรดิหนุ่มนั่น… มีหรือจะต้านการฆ่าฟันของพวกเราทัพพันธมิตรแปดดินแดนได้”

วิญญาณอาฆาตระดับจักรพรรดิทั้งหมดได้ยินดังนี้แล้วผ่อนคลายลงไม่น้อย

เวลานี้เองเสียงราบเรียบหนึ่งพลันดังขึ้น…

“ทัพพันธมิตรแปดดินแดน? คิดฝันเลิศเลอเสียจริง!”

ประโยคเดียวเหมือนฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ ทำให้วิญญาณอาฆาตระดับจักรพรรดิพวกนั้นตกใจจนไม่มีใครไม่หน้าเปลี่ยนสี เจ้าหนุ่มนั่นมาหาถึงที่แล้ว!?

เขาทำได้อย่างไร

ตูม!

ปราณกระบี่ที่เจิดจรัสไร้ขอบเขตสายหนึ่งพลันฟันลงมาจากผิวทะเล น้ำทะเลถูกแบ่งออกทันที หมอกควันโหมกระหน่ำเหือดระเหย

ก็เห็นภูเขาเทพแดงก่ำที่จมอยู่ในทะเลนั้นถูกกระบี่เดียวนี้ผ่าออก พังทลายดังสนั่น สภาพอากาศแปรปรวนดุดันโหมกระหน่ำออกมา

วิญญาณอาฆาตระดับจักรพรรดิที่หลบซ่อนอยู่ใกล้เคียงไม่มีใครไม่ตกใจ เลือกหนีตายในพริบตาเหมือนคลุ้มคลั่ง

ไม่มีใครอยากไปต่อสู้กับหลินสวินอีก พวกเขาล้วนรู้ว่าการทำเช่นนี้ไม่ต่างอะไรกับหาที่ตาย

พวกเขาคิดแค่จะหนี

เพียงหนีพ้นเคราะห์นี้ไปได้ รอแท่นมรรคนั้นพังทลายอย่างสมบูรณ์ พวกเขาก็มีโอกาสหนีรอดไปได้!

แต่ในช่วงอลหม่านเกินทนนี้ เสียงราบเรียบของหลินสวินกลับดังขึ้นเนิบช้า “เสี่ยวอู่ ตาเจ้าแล้ว”

จากนั้นคลื่นพลังผนึกน่ากลัวปกคลุมน่านน้ำแถบนี้ไว้อย่างสมบูรณ์ราวกับบังฟ้าคลุมตะวัน สัญลักษณ์และลายมรรคที่เจิดจรัสนับไม่ถ้วนส่องประกาย แผ่กลิ่นอายน่าหวาดกลัวที่สามารถทำให้บรรพจารย์จักรพรรดิขวัญหนีดีฝ่อออกมา

กระบวนค่ายกลมรรคสิ้นฟ้าอาสัญ!

แม้ว่าวิญญาณอาฆาตระดับจักรพรรดิพวกนั้นจะหนีไปคนละทาง แต่น่านน้ำแถบนี้ล้วนถูกปกคลุมและปิดผนึก เมื่อพวกเขาได้สติกลับมาก็ติดอยู่ในกระบวนค่ายกลแล้ว

“แย่แล้ว!”

“บัดซบ เจ้าหนุ่มนั่นต่ำช้าเกินไปแล้ว ถึงกับวางกระบวนค่ายกลผนึกไว้ล่วงหน้า!”

“ฆ่า รีบฝ่าออกไป!”

เสียงคำรามกรุ่นโกรธระลอกหนึ่งดังก้องขึ้น วิญญาณอาฆาตระดับจักรพรรดิพวกนั้นเหมือนคลุ้มคลั่ง ใช้พลังทั้งหมดทำลายกระบวนค่ายกลเต็มกำลัง

ส่วนนอกกระบวนค่ายกล เสี่ยวอู่ยิ้มอย่างดูถูกแล้วดีดนิ้วเปาะหนึ่ง

ตูม!

กระบวนค่ายกลมรรคสิ้นฟ้าอาสัญถูกโคจรถึงขีดสุด เพียงชั่วขณะก็เกิดฟ้าผ่ารุนแรง กระแสอสนีว่ายเวียน ไอสังหารน่าหวาดกลัววิวัฒน์เป็นปรากฏการณ์ประหลาดมหามรรคนานัปการ ทยอยปรากฏในกระบวนค่ายกลมรรคสิ้นฟ้าอาสัญ

ไม่นานเสียงกรีดร้องโหยหวนและไม่ยินยอมก็ดังขึ้น

ห่างออกไปหลินสวินเห็นภาพนี้แล้วอดเป่าปากโล่งอกไม่ได้

เมื่อสองวันก่อนเขาใช้วิชาลับ ‘เปิดตาทิพย์’ ของศิษย์พี่ปู่ซ่วนจื่อจนสังเกตเห็นภูเขาเทพแดงก่ำที่จมอยู่ในก้นสมุทรลูกนั้น ทั้งพบวิญญาณอาฆาตระดับจักรพรรดิพวกนั้นด้วย

ทว่าเขาไม่ได้เริ่มเคลื่อนไหว หากแต่กำชับเสี่ยวอู่ให้วางกระบวนค่ายกล เป้าหมายก็เพื่อฆ่าเจ้าพวกนี้ให้หมด ป้องกันไม่ให้มีปลาหลุดจากแห

และตอนนี้ก็ได้เวลาเก็บแหแล้ว!

โครมครืน… กระบวนค่ายกลมรรคสิ้นฟ้าอาสัญส่งเสียงกึกก้อง ฟ้าดินสั่นคลอน เพียงไม่นานวิญญาณอาฆาตระดับจักรพรรดิสิบเก้าตนที่ติดอยู่ในนั้นล้วนถูกฆ่าจนเกลี้ยง

“พี่ใหญ่ ไม่รอดสักตัว!” เสี่ยวอู่เผยรอยยิ้มสดใสมาแต่ไกล

เขาเคยชินกับการเรียกหลินสวินว่า ‘พี่ใหญ่’ เหมือนพวกเจ้าคางคกกับอาหลู่แล้ว

“ทำได้ไม่เลว”

หลินสวินพยักหน้าน้อยๆ

หลายวันหลังจากนั้นหลินสวินเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง สุสานสมุทรฝังมรรคที่กว้างใหญ่ไพศาลถูกหลินสวินกวาดล้างไปรอบหนึ่ง

“หืม?”

วันนี้หลินสวินสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง ทอดสายตามองไปรอบๆ

ตูม!

บนผืนฟ้าของสุสานสมุทรฝังมรรคนี้ราวกับมีพลังที่มองไม่เห็นชั้นหนึ่งถูกซัดเป็นเสี่ยงๆ ส่งเสียงกัมปนาทเสียดหูอย่างรุนแรง

จากนั้นแสงที่ใสสะอาดปลอดโปร่งพลันมาเยือน หมอกควันสีดำที่เดิมปกคลุมอยู่ในน่านน้ำแถบนี้กลายเป็นจางหายปั่นป่วน ฟุ้งกระจายอย่างต่อเนื่องทันที

ราวกับหิมะละลายกลายเป็นน้ำ

หลินสวินรับรู้ได้ทันทีว่าแท่นมรรคที่กำราบอาณาเขตนี้ไว้ เกรงว่าคงพังทลายอย่างสมบูรณ์แล้ว

ยังดีที่เหล่าวิญญาณอาฆาตซึ่งติดอยู่ที่นี่มาหลายปีถูกหลินสวินสังหารหมู่ไม่มีเหลือไปแล้ว ต่อให้ยังเหลือรอดก็ก่อคลื่นลมอะไรไม่ได้แน่

‘ได้เวลาจากไปแล้ว…’ หลินสวินหันกลับไปยังสถานที่ซึ่งแท่นมรรคเก่าแก่นั้นตั้งอยู่เดิมโดยไม่หยุดพักอีก

เขาเก็บกายมรรคทั้งห้า เล่าเรื่องที่กำจัดวิญญาณอาฆาตบางส่วนให้พวกอาหูกับเจ้าคางคกฟัง ก่อนจะพาทุกคนไปยังทะเลกลืนวิญญาณที่อยู่ห่างไกลทันที

ออกเดินทางกลับสู่จักรวรรดิจื่อเย่า!

วันนี้ทายาทหมื่นเผ่าดึกดำบรรพ์ที่อาศัยอยู่ในส่วนลึกของทะเลกลืนวิญญาณมานานปี ล้วนค้นพบอย่างน่าตกใจ ว่าสุสานสมุทรฝังมรรคที่ถูกพวกเขามองเป็นเขตต้องห้ามน่าหวาดกลัวนั้นหายไปแล้ว

ความปั่นป่วนโกลาหลเกิดขึ้นทันที สิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนพลุ่งพล่าน

สาเหตุอยู่ที่ช่วงเวลาที่ผ่านมา การมีอยู่ของสุสานสมุทรฝังมรรคราวกับแนวปิดล้อมสายหนึ่ง ทำให้ขุมอำนาจของทายาทหมื่นเผ่าดึกดำบรรพ์พวกนี้ไม่กล้าก้าวล่วงอย่างสิ้นเชิง

แต่ปัจจุบันแนวปิดล้อมเส้นนี้ได้หายไปแล้ว ภายหน้าต่อให้ออกห่างทะเลกลืนวิญญาณไปขยายอิทธิพลก็ไม่ใช่เรื่องยากอีก!

“ไอวิญญาณฟื้นคืน มหายุคมาแล้ว! ตัวแปรที่ไม่เคยมีมาก่อนจะล้มล้างแบบแผนทั้งหมดในอดีต!”

“นี่คือการล้างไพ่ใหม่อีกครั้ง โอกาสของสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนในใต้หล้าล้วนเท่าเทียมกัน อยู่ที่ใครสามารถผงาดในยุครุ่งโรจน์เช่นนี้และเป็นผู้นำแห่งยุคสมัยได้!”

“มหายุค เวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของพวกเรา!”

…บุคคลรุ่นอาวุโสนับไม่ถ้วนใจสั่น ตั้งข้อสันนิษฐานนานัปการเช่นนี้

หลังออกจากสุสานสมุทรฝังมรรค หลินสวินไม่ได้นั่งยานขนส่งอวกาศอีก หากแต่ใช้วิธีเคลื่อนย้ายไปบนทะเลกลืนวิญญาณโดยตรง

รวดเร็วปานสายฟ้าแลบตลอดทาง

‘ในทะเลกลืนวิญญาณนี้ถึงกับมีกลิ่นอายน่าหวาดกลัวมากมาย! ดูท่าว่าหลังจากไอวิญญาณฟื้นคืนกลับมา ทะเลกลืนวิญญาณนี้ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เช่นกัน…’

จิตรับรู้ที่ยิ่งใหญ่ของหลินสวินกวาดมองตลอดทาง เห็นกลุ่มเผ่าพันธุ์และสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในทะเลนับไม่ถ้วน ถึงขั้นมีกลิ่นอายระดับกึ่งจักรพรรดิกันไม่น้อย

หลินสวินถึงขั้นยังสังเกตเห็นว่ามีกลิ่นอายระดับจักรพรรดิซุ่มตัวอยู่ แต่มีจำนวนน้อยหาใดเปรียบ

ระหว่างทางนี้ก็มีกลิ่นอายระดับจักรพรรดิแค่สามสายที่ถูกหลินสวินพบเจอ เห็นชัดว่าทั้งหมดกำลังปิดด่านฝึกปราณ จำศีลอยู่ในส่วนลึกสุด คล้ายกำลังรอโอกาสบางอย่างแล้วค่อยปรากฏตัวบนโลก

นี่ทำให้หลินสวินทอดถอนใจอย่างอดไม่ได้ ไม่ได้กลับมาหลายปี โลกชั้นล่างนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากเกินไปแล้วจริงๆ

อย่างน้อยก่อนหน้านี้ในทะเลกลืนวิญญาณนี่ ย่อมไม่มีกลิ่นอายที่แข็งแกร่งมากเช่นนี้แน่

ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะพลังใจกลางต้นกำเนิดหมื่นมรรคนั้นตื่นขึ้น จึงทำให้ไอวิญญาณทั่วหล้าฟื้นคืนกลับมาจากความเงียบสงบ ถือกำเนิดอย่างบ้าคลั่ง!

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด