Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 2374 เสาะหาและเก็บเกี่ยว

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 2374 เสาะหาและเก็บเกี่ยว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

‘ไม่เลว คิดไม่ถึงว่าสำรวจแดนลับบัวเขียวคราวนี้จะได้วาสนาเช่นนี้ไปด้วย…’

นัยตาดำของหลินสวินเปล่งประกาย

ในผลึกเพลิงอสนีใหญ่เท่ากำปั้นนี้มีพลังแก่นแท้ต้นกำเนิดของมหามรรคอสนีและอัคคีสะสมอยู่ แม้บกพร่องเช่นกัน แต่เหนือธรรมดาไม่อาจเทียบเทียบอย่างเห็นได้ชัด

นัยเร้นลับที่ประทับอยู่ในนั้น ต่อให้เป็นการหยั่งรู้มหามรรคในตอนนี้ของเขาก็ยังมีคุณประโยชน์ใหญ่หลวง!

‘ภายในบรรจุพลังต้นกำเนิดมหามรรค สิ่งนี้ย่อมเรียกได้ว่าเป็นผลึกมรรคต้นกำเนิด’

หลินสวินอ้าปากกินสิ่งนี้เข้าไปในร่าง หล่อเลี้ยงอยู่ในโลกจักรพรรดิบริสุทธิ์

พอเป็นเช่นนี้ย่อมไม่ต้องหยั่งรู้อีก เมื่อกาลเวลาผันผ่านไป นัยเร้นลับมหามรรคที่อยู่ภายในก็จะถูกหลอมไม่หยุด

หลินสวินยืนมองจากที่สูง

เทือกเขาสีโลหิตอันไพศาลนั้นยังอยู่ แต่ในจิตรับรู้ของหลินสวินกลับพบว่าบริเวณต่างๆ ของเทือกเขานี้มีซากศพต่างๆ กระจายอยู่ บ้างเป็นซากผู้ฝึกปราณ บ้างเป็นซากกระดูกสัตว์อสูร…

ด้วยผ่านกาลเวลาไร้สิ้นสุด ซากกระดูกที่หล่นเกลื่อนเหล่านี้ต่างผุพังยับเยินไปหมดแล้ว

ในใจหลินสวินเกิดความกระจ่างแจ้งอย่างหนึ่ง

โลกชั้นล่างเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนรกร้างโบราณ เป็นแกนกลางของต้นกำเนิดหมื่นมรรค เกรงว่าเมื่อนานมาแล้วเจ้าของซากศพเหล่านี้ก็เคยลองสำรวจต้นกำเนิดหมื่นมรรค แต่กลับโชคร้ายสิ้นชีพลงที่นี่

จิตวิญญาณ เจตจำนง เลือดเนื้อที่พวกเขาหลงเหลือไว้… ผ่านการเปลี่ยนแปลงของกาลเวลาอันเนิ่นนานไม่อาจนับได้ หลอมรวมเข้าไปในพลังมหามรรคต้นกำเนิด และเปลี่ยนเป็นเงาร่างสีโลหิตเมื่อครู่นั้น

ก็มีแต่เป็นเช่นนี้ถึงอธิบายได้ว่าเหตุใดเงาร่างสีโลหิตเมื่อครู่ถึงแสดงรูปลักษณ์ ‘หมื่นวิญญาณสรรพชีวิต’!

ผ่านไปสักพัก

หลินสวินร้องเอ๊ะเบาๆ เงาร่างพริบไหว ครู่ต่อมาก็ปรากฏตัวในส่วนลึกของเทือกเขาสีโลหิตแห่งนั้น

ที่นี่คือใต้ยอดเขาแห่งหนึ่ง มีหินผามหึมาก้อนหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ กลิ่นอายเปลวเพลิงและสายฟ้าเป็นริ้วๆ อบอวลออกมาจากพื้นผิวหินผา

นิ้วมือหลินสวินกดลงบนหินผานี้เบาๆ สงบใจสัมผัส

ชั่วพริบตานัยเร้นลับมหามรรคอันลึกลับต่างๆ ก็ผุดขึ้นในใจ นัยเร้นลับมหามรรคเหล่านี้เกี่ยวข้องกับมหามรรคอัคคีและอสนี สำแดงท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์แก่นแท้ดั่งปฐมกาลเช่นกัน

‘หรือว่าผลึกมรรคต้นกำเนิดที่มีอยู่ที่นี่จะเกี่ยวกับหินผานี่’

หลินสวินครุ่นคิด นิ้วมือพลันออกแรง

ด้วยพลังของเขาในตอนนี้สามารถยกภูเขาเทพลูกหนึ่งขึ้นได้สบาย แต่ที่น่าตกตะลึงก็คือหินผานี้กลับไม่ไหวติง!

หลินสวินยิ่งรับรู้ได้ว่าหินผานี้ไม่ธรรดา

แต่หลังจากผ่านการทดลองมากมายแล้วกลับทำให้เขาพบว่า หินผานี้ก็เหมือน ‘ราก’ ของโลกใบนี้ เทียบกำลังกับมันก็เหมือนเข้าต่อต้านทั้งโลก!

ในที่สุดหลินสวินก็ยอมแพ้

เขาประเมินรอบๆ “ที่นี่ไอวิญญาณฟ้าดินเข้มข้น ทั้งยังมีพลังต้นกำเนิดมหามรรค เป็นสถานที่เหมาะฝึกปราณเป็นอย่างยิ่ง”

“เจ้าคางคก เจ้าอยู่ฝึกปราณที่นี่ก็น่าจะทะลวงระดับจักรพรรดิได้แล้ว”

หลินสวินเรียกเจ้าคางคกออกมา

“ที่ดีเลยนี่!”

เจ้าคางคกประเมินคร่าวๆ ตาก็เปล่งประกายเช่นกัน

หลินสวินยิ้มน้อยๆ ไอวิญญาณที่กระจายอยู่ในแดนลับแห่งนี้ถาโถมดั่งกระแสธาร เทียบได้กับถ้ำสวรรค์แดนมงคลแห่งหนึ่ง และหินผาลึกลับก่อนนี้ก็ทำให้ผู้ฝึกปราณเข้าสู่สภาวะหยั่งรู้มรรคได้ทันที

ด้วยรากฐานพลังของเจ้าคางคก เลือกบรรลุที่นี่เหมาะที่สุดแล้ว

น่าเสียดายที่เหมาะให้ฝึกปราณคนเดียวเท่านั้น ถ้ามีมาเพิ่มอีกคน พลังในแดนลับแห่งนี้ก็จะเบาบางเกินไป

“รอเมื่อมหาเคราะห์บรรลุจักรพรรดิมาเยือน ข้าจะมาคุ้มครองเจ้าเอง”

หลินสวินกำชับรอบหนึ่งแล้วหันหลังจากไป

หนึ่งเค่อผ่านไป

เงาร่างหลินสวินปรากฏขึ้นนอกวังวนขุ่นมัวเหมือนรังผึ้งมหึมานั้นอีกครั้ง

‘ผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณประสบเคราะห์ไปแล้ว ต่อไปก็ควรไปหาคนตระกูลหลินเหล่านั้นแล้ว…’

หลินสวินจ้องวังวนขุ่นมัวแล้วประเมินช่องทางรูพรุนแน่นขนัดที่อยู่ในนั้นโดยละเอียด

เขาตัดช่องทางรูพรุนที่เคยถูกหมิงหยาสำรวจพวกนั้นไปก่อนเป็นอย่างแรก

แต่จำนวนของช่องทางรูพรุนที่เหลืออยู่เหล่านั้นยังเรียกได้ว่าน่าตกใจ คิดจะสำรวจแดนลับที่อยู่ด้านหลังช่องทางรูพรุนเหล่านี้ให้หมดในเวลาอันสั้น เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว

แต่หลินสวินก็ไม่ได้กระวนกระวาย

กลับมาโลกชั้นล่างคราวนี้ เขาทำภารกิจของศิษย์พี่รองจ้งชิวสำเร็จ กำราบศิษย์พี่สี่หลิงเสวียนจื่อไปแล้ว ตอนนี้เรื่องเร่งด่วนที่สุดก็คือหาสมาชิกตระกูลหลินเหล่านั้นให้เจอ!

สวบ!

ไม่นานนักเงาร่างหลินสวินพริบไหวแล้วเข้าไปในช่องทางรูพรุนที่ถูกหมิงหยาระบุว่า ‘อันตรายเป็นอย่างยิ่ง’ แห่งหนึ่ง

ภายในนั้นก็เป็นแดนลับแห่งหนึ่งเช่นกัน แต่ทิวทัศน์กลับแตกต่างโดยสิ้นเชิง น้ำแข็งหิมะเต็มฟ้าดิน ลมหนาวเสียดกระดูก

พลังน้ำแข็งหิมะน่ากลัวยิ่งยวด หากผู้แข็งแกร่งระดับกึ่งจักรพรรดิเข้าไปในนั้นก็จะรู้สึกได้ถึงความหนาวเหน็บเสียดกระดูก ถูกแช่แข็งจนตัวแข็งทื่อ

ตอนแรกที่หมิงหยามาที่นี่ ยืนหยัดอยู่ไม่ถึงหนึ่งเค่อก็ต้องถอนตัว

น้ำแข็งหิมะที่ปลิวว่อนกลางฟ้าดินก็เหมือนคมดาบปราณกระบี่อันเย็นเยียบ มีพลังน่ากลัวที่ตัดสะบั้นจิตวิญญาณ แทงทะลุกระดูก

แต่ทุกอย่างนี้ไม่ส่งผลอะไรกับหลินสวิน

ครึ่งชั่วยามผ่านไป

เงาร่างเขาปรากฏตัวอยู่หน้าทะเลสาบหิมะน้ำแข็งอันกว้างใหญ่แห่งหนึ่ง ชั้นน้ำแข็งหนาๆ รวมตัวอยู่บนทะเลสาบ หิมะลูกใหญ่พัดว่อน

แต่พอพินิจดูโดยละเอียดก็พบว่าที่นี่อบอวลไปด้วยไอวิญญาณฟ้าดินอันพิสุทธิ์ รวมถึงกลิ่นอายมหามรรคแห่งน้ำที่ประหนึ่งปฐมกาล

พินิจพิเคราะห์อยู่ครู่หนึ่ง หลินสวินยืนอยู่กลางอากาศแล้วชกหมัดหนึ่งออกไป

ตูม!

ทะเลสาบที่เยือกแข็งมาไม่รู้นานเท่าไรถูกพลังหมัดอันน่ากลัวเจาะเป็นโพรงมหึมาอย่างจัง รอบๆ โพรงมีรอยแตกแน่นขนัดยืดขยายออกไปรอบทิศ

เพียงชั่วพริบตาชั้นน้ำแข็งทั้งผิวทะเลสาบก็ระเบิดกระจุยกึกก้อง ฟองคลื่นซัดขึ้นคับฟ้า

ในขณะเดียวกันเงาร่างสีน้ำเงินเข้มดั่งภาพมายาร่างหนึ่งก็พุ่งออกมา จู่โจมใส่หลินสวิน ความเร็วในการเคลื่อนไหว ความน่ากลัวของพลัง คล้ายว่าไม่ด้อยกว่าเงาร่างสีโลหิตที่หลินสวินได้พบก่อนหน้านี้

แต่สำหรับหลินสวินแล้วยังไม่พอให้หวั่นเกรง

เขาเหมือนปรุงยา ฉวยคอเงาร่างนี้ไว้ทันที พลังดัชนีประหนึ่งภูเขาถล่มทะเลคำรน บดขยี้เงาร่างสีน้ำเงินเข้มนี้ทุกกระเบียด

ในที่สุดกลางฝ่ามือก็มีผลึกมรรคต้นกำเนิดขนาดเท่ากำปั้นเพิ่มขึ้นมาอีกก้อน!

“เป็นเช่นนี้ดังคาด ดูท่าในแดนลับแต่ละแห่ง หลังจากหลับใหลมาเนิ่นนานต่างมี ‘สิ่งมีชีวิต’ ทำนองนี้ก่อตัวขึ้น ขอเพียงสังหารพวกเขาได้ก็จะได้ผลึกมรรคต้นกำเนิด”

หลินสวินชูมือขึ้นกลืนสมบัตินี้เข้าไป จากนั้นก็ก้าวออกไปก้าวหนึ่ง พุ่งตัวเข้าสู่ทะเลสาบ

ก้นทะเลสาบ

แนวหิมะน้ำแข็งนูนเด่นสายหนึ่งปรากฏ กลิ่นอายต้นกำเนิดของมหามรรคธาตุน้ำเป็นริ้วๆ ตลบอบอวลออกมา

แทบจะเหมือนกับหินผาประหลาดที่ได้เห็นในเทือกเขาโลหิตก่อนหน้านี้ คงจะเป็นที่อยู่ของ ‘ต้นกำเนิด’ แดนลับแห่งนี้!

“อาหลู่ เจ้าอยู่ฝึกปราณที่นี่”

ทันใดนั้นหลินสวินก็ปล่อยอาหลู่ออกมาจากเจดีย์ไร้สิ้นสุด อธิบายนิดหน่อยอาหลู่ก็รับปากอย่างดีอกดีใจ

ด้านหลินสวินตรงดิ่งจากไป ปรากฏตัวที่นอกวังวนขุ่นมัวคล้ายรังผึ้งนั้นอีกครั้งหนึ่ง

“ที่ต่อไป”

หลินสวินไม่หยุดฝีเท้า เลือกช่องทางรูพรุนอีกแห่งแล้วเข้าไปในนั้น

ที่นี่เป็นแดนลับที่เปี่ยมไปด้วยแก่นพิเศษธาตุทอง หินผาต้นไม้ใบหญ้าต่างแผ่กลิ่นอายมหามรรคธาตุทองหนาวสะท้านออกมาทั้งนั้น

ครึ่งชั่วยามผ่านไป

เงาร่างของเขากลับมา แต่ภายในร่างกลับมีผลึกมรรคต้นกำเนิดที่มีนัยเร้นลับแก่นแท้มหามรรคธาตุทองเพิ่มขึ้นมาก้อนหนึ่ง ส่วนเสี่ยวอิ๋นอยู่ฝึกปราณที่แดนลับแห่งนั้น

ก็เช่นนี้ หลินสวินเข้าๆ ออกๆ ช่องทางรูพรุนที่อยู่ในวังวนขุ่นมัวนั้น สำรวจไม่หยุด

ทุกครั้งที่เข้าสู่แดนลับก็จะหยั่งรู้แก่นแท้ต้นกำเนิดมหามรรคได้ชนิดสองชนิด สังหาร ‘สิ่งมีชีวิต’ ประหลาดที่รวมตัวขึ้นจากการหลับใหลเนิ่นนาน และได้ผลึกมรรคต้นกำเนิดมาก้อนหนึ่ง…

ส่วนพวกเจ้าคางคก อาหลู่ เสี่ยวอิ๋น เสี่ยวเทียนที่ตามหลินสวินมา ต่างก็ถูกหลินสวินจัดแจงให้ฝึกปราณในแดนลับต่างๆ เหล่านั้น

ในระหว่างที่สำรวจ หลินสวินไม่ได้พบเจอกับอุปสรรคหรืออันตรายมากมายนัก ดูราบเรียบไร้คลื่นลม

กระทั่งหนึ่งวันผ่านไป

ช่องทางรูพรุนที่หมิงหยาระบุว่า ‘อันตรายเป็นอย่างยิ่ง’ ถูกหลินสวินตรวจสอบทั้งหมดแล้ว ได้ผลึกมรรคต้นกำเนิดทั้งสิ้นสามสิบเก้าก้อน แต่ละก้อนต่างประทับนัยเร้นลับมหามรรคอันเป็นแก่นแท้แรกเริ่ม มีที่คุณสมบัติเหมือนกัน แล้วก็มีที่คุณสมบัติต่างกัน

ผลเก็บเกี่ยวเช่นนี้ต้องเรียกว่าใหญ่โต อย่างน้อยด้วยมรรควิถีของหลินสวินในตอนนี้ก็ไม่อาจหลอมผลึกมรรคต้นกำเนิดเหล่านี้ได้ทั้งหมดในช่วงเวลาสั้นๆ

ทว่าก่อนหลินสวินบรรลุบรรพจารย์จักรพรรดิ ผลึกมรรคต้นกำเนิดเหล่านี้ต่างก็มีคุณประโยชน์ยิ่งยวดต่อการฝึกปราณของเขา ยิ่งมีมากยิ่งดี

สิ่งเดียวที่ทำให้หลินสวินนิ่วหน้าก็คือ

ในวันนี้แดนลับที่เขาสำรวจมีเกือบสี่สิบแห่งแล้ว แต่กลับไม่พบเบาะแสใดๆ ของสมาชิกตระกูลหลิน

‘ดูท่าจะทำได้แค่ไปดูแดนลับที่ยังไม่ถูกหมิงหยาสำรวจพวกนั้น…’

หลินสวินครุ่นคิด ถ้าเข้าไปในแดนลับที่ยังไม่รู้จักเหล่านั้น ความทรงจำของหมิงหยาก็ไม่อาจช่วยเหลืออะไรได้อีกแล้ว

นี่ก็หมายความว่าการสำรวจต่อๆ ไปจะต้องเต็มไปด้วยเรื่องที่ไม่อาจล่วงรู้ อาจจะเป็นอันตรายหาใดเทียบ หรืออาจจะไม่มีอันตรายสักนิดเลยก็ได้

แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรหลินสวินก็จำเป็นต้องไป

หลังจากใช้เวลาหนึ่งวันฟื้นฟูพลังปราณของตัวเองจนอยู่ในสภาพสูงสุด หลินสวินก็เริ่มคลื่อนไหวอีกครั้งหนึ่ง

“หืม?”

หลังจากเข้าไปในแดนลับที่ยังไม่เคยถูกสำรวจที่ถูกตนเลือกเป็นแห่งแรกนั้น หลินสวินก็สังเกตได้ทันทีว่าแดนลับแห่งนี้แตกต่างจากที่ได้พบก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง

เพราะหลังจากมาถึงที่นี่ พลังปราณที่ถูกกดข่มกลับคืนเป็นระดับระดับจักรพรรดิขั้นสามในคราวเดียว!

เห็นได้ชัดว่าแดนลับแห่งนี้ยิ่งเข้าใกล้แกนกลางต้นกำเนิดหมื่นมรรค!

‘น่าสนใจ นี่จะหมายความว่าผลึกมรรคต้นกำเนิดที่รวมอยู่ที่นี่จะพิเศษมากใช่หรือเปล่า’

จิตรับรู้หลินสวินแผ่ขยาย ประเมินฟ้าดินแห่งนี้พลางเคลื่อนตัวไปข้างหน้า

พอมีประสบการณ์สำรวจหลายครั้งก็ทำให้เขารู้ว่า ในแดนลับแห่งนี้จะต้องมีพื้นที่แกนกลางสักแห่งที่เหมือนเป็น ‘ต้นกำเนิด’ ของแดนลับอยู่

ขอเพียงหาที่นั่นพบ ก็จะได้รับวาสนาที่ไม่อาจคาดคิด

‘หนึ่งชนิด สองชนิด สามชนิด… ห้าชนิดหรือ!’

หลินสวินเดินหน้ามาตลอดทาง และค้นพบอย่างน่าตะลึงว่ากลิ่นอายต้นกำเนิดมหามรรคที่มีอยู่ในแดนลับแห่งนี้ถึงกับมีห้าชนิด!

นี่ยังเป็นครั้งแรกตั้งแต่หลินสวินสำรวจมาจนถึงตอนนี้ ที่ได้พบกับแดนลับที่มีเอกลักษณ์เช่นนี้

กระทั่งหนึ่งถ้วยชาผ่านไป

หุบเหวที่ลึกสุดหยั่งแห่งหนึ่งปรากฏขึ้นกลางผืนดิน มีขอบเขตหมื่นจั้ง ส่วนลึกของหุบเหวมีหมอกดำถาโถม แสงสว่างฉายวาบเป็นครั้งคราว ไหววูบแล้วหายลับไปราวกับดาวหาง

เงาร่างหลินสวินยืนอยู่กลางอากาศ ระหว่างที่เขารับรู้และประเมินไม่หยุด สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นทีละน้อย

กระทั่งหว่างคิ้วปรากฏแววเคร่งเครียดขึ้นมาอย่างเงียบๆ แล้ว!

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 2374 เสาะหาและเก็บเกี่ยว

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 2374 เสาะหาและเก็บเกี่ยว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

‘ไม่เลว คิดไม่ถึงว่าสำรวจแดนลับบัวเขียวคราวนี้จะได้วาสนาเช่นนี้ไปด้วย…’

นัยตาดำของหลินสวินเปล่งประกาย

ในผลึกเพลิงอสนีใหญ่เท่ากำปั้นนี้มีพลังแก่นแท้ต้นกำเนิดของมหามรรคอสนีและอัคคีสะสมอยู่ แม้บกพร่องเช่นกัน แต่เหนือธรรมดาไม่อาจเทียบเทียบอย่างเห็นได้ชัด

นัยเร้นลับที่ประทับอยู่ในนั้น ต่อให้เป็นการหยั่งรู้มหามรรคในตอนนี้ของเขาก็ยังมีคุณประโยชน์ใหญ่หลวง!

‘ภายในบรรจุพลังต้นกำเนิดมหามรรค สิ่งนี้ย่อมเรียกได้ว่าเป็นผลึกมรรคต้นกำเนิด’

หลินสวินอ้าปากกินสิ่งนี้เข้าไปในร่าง หล่อเลี้ยงอยู่ในโลกจักรพรรดิบริสุทธิ์

พอเป็นเช่นนี้ย่อมไม่ต้องหยั่งรู้อีก เมื่อกาลเวลาผันผ่านไป นัยเร้นลับมหามรรคที่อยู่ภายในก็จะถูกหลอมไม่หยุด

หลินสวินยืนมองจากที่สูง

เทือกเขาสีโลหิตอันไพศาลนั้นยังอยู่ แต่ในจิตรับรู้ของหลินสวินกลับพบว่าบริเวณต่างๆ ของเทือกเขานี้มีซากศพต่างๆ กระจายอยู่ บ้างเป็นซากผู้ฝึกปราณ บ้างเป็นซากกระดูกสัตว์อสูร…

ด้วยผ่านกาลเวลาไร้สิ้นสุด ซากกระดูกที่หล่นเกลื่อนเหล่านี้ต่างผุพังยับเยินไปหมดแล้ว

ในใจหลินสวินเกิดความกระจ่างแจ้งอย่างหนึ่ง

โลกชั้นล่างเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนรกร้างโบราณ เป็นแกนกลางของต้นกำเนิดหมื่นมรรค เกรงว่าเมื่อนานมาแล้วเจ้าของซากศพเหล่านี้ก็เคยลองสำรวจต้นกำเนิดหมื่นมรรค แต่กลับโชคร้ายสิ้นชีพลงที่นี่

จิตวิญญาณ เจตจำนง เลือดเนื้อที่พวกเขาหลงเหลือไว้… ผ่านการเปลี่ยนแปลงของกาลเวลาอันเนิ่นนานไม่อาจนับได้ หลอมรวมเข้าไปในพลังมหามรรคต้นกำเนิด และเปลี่ยนเป็นเงาร่างสีโลหิตเมื่อครู่นั้น

ก็มีแต่เป็นเช่นนี้ถึงอธิบายได้ว่าเหตุใดเงาร่างสีโลหิตเมื่อครู่ถึงแสดงรูปลักษณ์ ‘หมื่นวิญญาณสรรพชีวิต’!

ผ่านไปสักพัก

หลินสวินร้องเอ๊ะเบาๆ เงาร่างพริบไหว ครู่ต่อมาก็ปรากฏตัวในส่วนลึกของเทือกเขาสีโลหิตแห่งนั้น

ที่นี่คือใต้ยอดเขาแห่งหนึ่ง มีหินผามหึมาก้อนหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ กลิ่นอายเปลวเพลิงและสายฟ้าเป็นริ้วๆ อบอวลออกมาจากพื้นผิวหินผา

นิ้วมือหลินสวินกดลงบนหินผานี้เบาๆ สงบใจสัมผัส

ชั่วพริบตานัยเร้นลับมหามรรคอันลึกลับต่างๆ ก็ผุดขึ้นในใจ นัยเร้นลับมหามรรคเหล่านี้เกี่ยวข้องกับมหามรรคอัคคีและอสนี สำแดงท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์แก่นแท้ดั่งปฐมกาลเช่นกัน

‘หรือว่าผลึกมรรคต้นกำเนิดที่มีอยู่ที่นี่จะเกี่ยวกับหินผานี่’

หลินสวินครุ่นคิด นิ้วมือพลันออกแรง

ด้วยพลังของเขาในตอนนี้สามารถยกภูเขาเทพลูกหนึ่งขึ้นได้สบาย แต่ที่น่าตกตะลึงก็คือหินผานี้กลับไม่ไหวติง!

หลินสวินยิ่งรับรู้ได้ว่าหินผานี้ไม่ธรรดา

แต่หลังจากผ่านการทดลองมากมายแล้วกลับทำให้เขาพบว่า หินผานี้ก็เหมือน ‘ราก’ ของโลกใบนี้ เทียบกำลังกับมันก็เหมือนเข้าต่อต้านทั้งโลก!

ในที่สุดหลินสวินก็ยอมแพ้

เขาประเมินรอบๆ “ที่นี่ไอวิญญาณฟ้าดินเข้มข้น ทั้งยังมีพลังต้นกำเนิดมหามรรค เป็นสถานที่เหมาะฝึกปราณเป็นอย่างยิ่ง”

“เจ้าคางคก เจ้าอยู่ฝึกปราณที่นี่ก็น่าจะทะลวงระดับจักรพรรดิได้แล้ว”

หลินสวินเรียกเจ้าคางคกออกมา

“ที่ดีเลยนี่!”

เจ้าคางคกประเมินคร่าวๆ ตาก็เปล่งประกายเช่นกัน

หลินสวินยิ้มน้อยๆ ไอวิญญาณที่กระจายอยู่ในแดนลับแห่งนี้ถาโถมดั่งกระแสธาร เทียบได้กับถ้ำสวรรค์แดนมงคลแห่งหนึ่ง และหินผาลึกลับก่อนนี้ก็ทำให้ผู้ฝึกปราณเข้าสู่สภาวะหยั่งรู้มรรคได้ทันที

ด้วยรากฐานพลังของเจ้าคางคก เลือกบรรลุที่นี่เหมาะที่สุดแล้ว

น่าเสียดายที่เหมาะให้ฝึกปราณคนเดียวเท่านั้น ถ้ามีมาเพิ่มอีกคน พลังในแดนลับแห่งนี้ก็จะเบาบางเกินไป

“รอเมื่อมหาเคราะห์บรรลุจักรพรรดิมาเยือน ข้าจะมาคุ้มครองเจ้าเอง”

หลินสวินกำชับรอบหนึ่งแล้วหันหลังจากไป

หนึ่งเค่อผ่านไป

เงาร่างหลินสวินปรากฏขึ้นนอกวังวนขุ่นมัวเหมือนรังผึ้งมหึมานั้นอีกครั้ง

‘ผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณประสบเคราะห์ไปแล้ว ต่อไปก็ควรไปหาคนตระกูลหลินเหล่านั้นแล้ว…’

หลินสวินจ้องวังวนขุ่นมัวแล้วประเมินช่องทางรูพรุนแน่นขนัดที่อยู่ในนั้นโดยละเอียด

เขาตัดช่องทางรูพรุนที่เคยถูกหมิงหยาสำรวจพวกนั้นไปก่อนเป็นอย่างแรก

แต่จำนวนของช่องทางรูพรุนที่เหลืออยู่เหล่านั้นยังเรียกได้ว่าน่าตกใจ คิดจะสำรวจแดนลับที่อยู่ด้านหลังช่องทางรูพรุนเหล่านี้ให้หมดในเวลาอันสั้น เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว

แต่หลินสวินก็ไม่ได้กระวนกระวาย

กลับมาโลกชั้นล่างคราวนี้ เขาทำภารกิจของศิษย์พี่รองจ้งชิวสำเร็จ กำราบศิษย์พี่สี่หลิงเสวียนจื่อไปแล้ว ตอนนี้เรื่องเร่งด่วนที่สุดก็คือหาสมาชิกตระกูลหลินเหล่านั้นให้เจอ!

สวบ!

ไม่นานนักเงาร่างหลินสวินพริบไหวแล้วเข้าไปในช่องทางรูพรุนที่ถูกหมิงหยาระบุว่า ‘อันตรายเป็นอย่างยิ่ง’ แห่งหนึ่ง

ภายในนั้นก็เป็นแดนลับแห่งหนึ่งเช่นกัน แต่ทิวทัศน์กลับแตกต่างโดยสิ้นเชิง น้ำแข็งหิมะเต็มฟ้าดิน ลมหนาวเสียดกระดูก

พลังน้ำแข็งหิมะน่ากลัวยิ่งยวด หากผู้แข็งแกร่งระดับกึ่งจักรพรรดิเข้าไปในนั้นก็จะรู้สึกได้ถึงความหนาวเหน็บเสียดกระดูก ถูกแช่แข็งจนตัวแข็งทื่อ

ตอนแรกที่หมิงหยามาที่นี่ ยืนหยัดอยู่ไม่ถึงหนึ่งเค่อก็ต้องถอนตัว

น้ำแข็งหิมะที่ปลิวว่อนกลางฟ้าดินก็เหมือนคมดาบปราณกระบี่อันเย็นเยียบ มีพลังน่ากลัวที่ตัดสะบั้นจิตวิญญาณ แทงทะลุกระดูก

แต่ทุกอย่างนี้ไม่ส่งผลอะไรกับหลินสวิน

ครึ่งชั่วยามผ่านไป

เงาร่างเขาปรากฏตัวอยู่หน้าทะเลสาบหิมะน้ำแข็งอันกว้างใหญ่แห่งหนึ่ง ชั้นน้ำแข็งหนาๆ รวมตัวอยู่บนทะเลสาบ หิมะลูกใหญ่พัดว่อน

แต่พอพินิจดูโดยละเอียดก็พบว่าที่นี่อบอวลไปด้วยไอวิญญาณฟ้าดินอันพิสุทธิ์ รวมถึงกลิ่นอายมหามรรคแห่งน้ำที่ประหนึ่งปฐมกาล

พินิจพิเคราะห์อยู่ครู่หนึ่ง หลินสวินยืนอยู่กลางอากาศแล้วชกหมัดหนึ่งออกไป

ตูม!

ทะเลสาบที่เยือกแข็งมาไม่รู้นานเท่าไรถูกพลังหมัดอันน่ากลัวเจาะเป็นโพรงมหึมาอย่างจัง รอบๆ โพรงมีรอยแตกแน่นขนัดยืดขยายออกไปรอบทิศ

เพียงชั่วพริบตาชั้นน้ำแข็งทั้งผิวทะเลสาบก็ระเบิดกระจุยกึกก้อง ฟองคลื่นซัดขึ้นคับฟ้า

ในขณะเดียวกันเงาร่างสีน้ำเงินเข้มดั่งภาพมายาร่างหนึ่งก็พุ่งออกมา จู่โจมใส่หลินสวิน ความเร็วในการเคลื่อนไหว ความน่ากลัวของพลัง คล้ายว่าไม่ด้อยกว่าเงาร่างสีโลหิตที่หลินสวินได้พบก่อนหน้านี้

แต่สำหรับหลินสวินแล้วยังไม่พอให้หวั่นเกรง

เขาเหมือนปรุงยา ฉวยคอเงาร่างนี้ไว้ทันที พลังดัชนีประหนึ่งภูเขาถล่มทะเลคำรน บดขยี้เงาร่างสีน้ำเงินเข้มนี้ทุกกระเบียด

ในที่สุดกลางฝ่ามือก็มีผลึกมรรคต้นกำเนิดขนาดเท่ากำปั้นเพิ่มขึ้นมาอีกก้อน!

“เป็นเช่นนี้ดังคาด ดูท่าในแดนลับแต่ละแห่ง หลังจากหลับใหลมาเนิ่นนานต่างมี ‘สิ่งมีชีวิต’ ทำนองนี้ก่อตัวขึ้น ขอเพียงสังหารพวกเขาได้ก็จะได้ผลึกมรรคต้นกำเนิด”

หลินสวินชูมือขึ้นกลืนสมบัตินี้เข้าไป จากนั้นก็ก้าวออกไปก้าวหนึ่ง พุ่งตัวเข้าสู่ทะเลสาบ

ก้นทะเลสาบ

แนวหิมะน้ำแข็งนูนเด่นสายหนึ่งปรากฏ กลิ่นอายต้นกำเนิดของมหามรรคธาตุน้ำเป็นริ้วๆ ตลบอบอวลออกมา

แทบจะเหมือนกับหินผาประหลาดที่ได้เห็นในเทือกเขาโลหิตก่อนหน้านี้ คงจะเป็นที่อยู่ของ ‘ต้นกำเนิด’ แดนลับแห่งนี้!

“อาหลู่ เจ้าอยู่ฝึกปราณที่นี่”

ทันใดนั้นหลินสวินก็ปล่อยอาหลู่ออกมาจากเจดีย์ไร้สิ้นสุด อธิบายนิดหน่อยอาหลู่ก็รับปากอย่างดีอกดีใจ

ด้านหลินสวินตรงดิ่งจากไป ปรากฏตัวที่นอกวังวนขุ่นมัวคล้ายรังผึ้งนั้นอีกครั้งหนึ่ง

“ที่ต่อไป”

หลินสวินไม่หยุดฝีเท้า เลือกช่องทางรูพรุนอีกแห่งแล้วเข้าไปในนั้น

ที่นี่เป็นแดนลับที่เปี่ยมไปด้วยแก่นพิเศษธาตุทอง หินผาต้นไม้ใบหญ้าต่างแผ่กลิ่นอายมหามรรคธาตุทองหนาวสะท้านออกมาทั้งนั้น

ครึ่งชั่วยามผ่านไป

เงาร่างของเขากลับมา แต่ภายในร่างกลับมีผลึกมรรคต้นกำเนิดที่มีนัยเร้นลับแก่นแท้มหามรรคธาตุทองเพิ่มขึ้นมาก้อนหนึ่ง ส่วนเสี่ยวอิ๋นอยู่ฝึกปราณที่แดนลับแห่งนั้น

ก็เช่นนี้ หลินสวินเข้าๆ ออกๆ ช่องทางรูพรุนที่อยู่ในวังวนขุ่นมัวนั้น สำรวจไม่หยุด

ทุกครั้งที่เข้าสู่แดนลับก็จะหยั่งรู้แก่นแท้ต้นกำเนิดมหามรรคได้ชนิดสองชนิด สังหาร ‘สิ่งมีชีวิต’ ประหลาดที่รวมตัวขึ้นจากการหลับใหลเนิ่นนาน และได้ผลึกมรรคต้นกำเนิดมาก้อนหนึ่ง…

ส่วนพวกเจ้าคางคก อาหลู่ เสี่ยวอิ๋น เสี่ยวเทียนที่ตามหลินสวินมา ต่างก็ถูกหลินสวินจัดแจงให้ฝึกปราณในแดนลับต่างๆ เหล่านั้น

ในระหว่างที่สำรวจ หลินสวินไม่ได้พบเจอกับอุปสรรคหรืออันตรายมากมายนัก ดูราบเรียบไร้คลื่นลม

กระทั่งหนึ่งวันผ่านไป

ช่องทางรูพรุนที่หมิงหยาระบุว่า ‘อันตรายเป็นอย่างยิ่ง’ ถูกหลินสวินตรวจสอบทั้งหมดแล้ว ได้ผลึกมรรคต้นกำเนิดทั้งสิ้นสามสิบเก้าก้อน แต่ละก้อนต่างประทับนัยเร้นลับมหามรรคอันเป็นแก่นแท้แรกเริ่ม มีที่คุณสมบัติเหมือนกัน แล้วก็มีที่คุณสมบัติต่างกัน

ผลเก็บเกี่ยวเช่นนี้ต้องเรียกว่าใหญ่โต อย่างน้อยด้วยมรรควิถีของหลินสวินในตอนนี้ก็ไม่อาจหลอมผลึกมรรคต้นกำเนิดเหล่านี้ได้ทั้งหมดในช่วงเวลาสั้นๆ

ทว่าก่อนหลินสวินบรรลุบรรพจารย์จักรพรรดิ ผลึกมรรคต้นกำเนิดเหล่านี้ต่างก็มีคุณประโยชน์ยิ่งยวดต่อการฝึกปราณของเขา ยิ่งมีมากยิ่งดี

สิ่งเดียวที่ทำให้หลินสวินนิ่วหน้าก็คือ

ในวันนี้แดนลับที่เขาสำรวจมีเกือบสี่สิบแห่งแล้ว แต่กลับไม่พบเบาะแสใดๆ ของสมาชิกตระกูลหลิน

‘ดูท่าจะทำได้แค่ไปดูแดนลับที่ยังไม่ถูกหมิงหยาสำรวจพวกนั้น…’

หลินสวินครุ่นคิด ถ้าเข้าไปในแดนลับที่ยังไม่รู้จักเหล่านั้น ความทรงจำของหมิงหยาก็ไม่อาจช่วยเหลืออะไรได้อีกแล้ว

นี่ก็หมายความว่าการสำรวจต่อๆ ไปจะต้องเต็มไปด้วยเรื่องที่ไม่อาจล่วงรู้ อาจจะเป็นอันตรายหาใดเทียบ หรืออาจจะไม่มีอันตรายสักนิดเลยก็ได้

แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรหลินสวินก็จำเป็นต้องไป

หลังจากใช้เวลาหนึ่งวันฟื้นฟูพลังปราณของตัวเองจนอยู่ในสภาพสูงสุด หลินสวินก็เริ่มคลื่อนไหวอีกครั้งหนึ่ง

“หืม?”

หลังจากเข้าไปในแดนลับที่ยังไม่เคยถูกสำรวจที่ถูกตนเลือกเป็นแห่งแรกนั้น หลินสวินก็สังเกตได้ทันทีว่าแดนลับแห่งนี้แตกต่างจากที่ได้พบก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง

เพราะหลังจากมาถึงที่นี่ พลังปราณที่ถูกกดข่มกลับคืนเป็นระดับระดับจักรพรรดิขั้นสามในคราวเดียว!

เห็นได้ชัดว่าแดนลับแห่งนี้ยิ่งเข้าใกล้แกนกลางต้นกำเนิดหมื่นมรรค!

‘น่าสนใจ นี่จะหมายความว่าผลึกมรรคต้นกำเนิดที่รวมอยู่ที่นี่จะพิเศษมากใช่หรือเปล่า’

จิตรับรู้หลินสวินแผ่ขยาย ประเมินฟ้าดินแห่งนี้พลางเคลื่อนตัวไปข้างหน้า

พอมีประสบการณ์สำรวจหลายครั้งก็ทำให้เขารู้ว่า ในแดนลับแห่งนี้จะต้องมีพื้นที่แกนกลางสักแห่งที่เหมือนเป็น ‘ต้นกำเนิด’ ของแดนลับอยู่

ขอเพียงหาที่นั่นพบ ก็จะได้รับวาสนาที่ไม่อาจคาดคิด

‘หนึ่งชนิด สองชนิด สามชนิด… ห้าชนิดหรือ!’

หลินสวินเดินหน้ามาตลอดทาง และค้นพบอย่างน่าตะลึงว่ากลิ่นอายต้นกำเนิดมหามรรคที่มีอยู่ในแดนลับแห่งนี้ถึงกับมีห้าชนิด!

นี่ยังเป็นครั้งแรกตั้งแต่หลินสวินสำรวจมาจนถึงตอนนี้ ที่ได้พบกับแดนลับที่มีเอกลักษณ์เช่นนี้

กระทั่งหนึ่งถ้วยชาผ่านไป

หุบเหวที่ลึกสุดหยั่งแห่งหนึ่งปรากฏขึ้นกลางผืนดิน มีขอบเขตหมื่นจั้ง ส่วนลึกของหุบเหวมีหมอกดำถาโถม แสงสว่างฉายวาบเป็นครั้งคราว ไหววูบแล้วหายลับไปราวกับดาวหาง

เงาร่างหลินสวินยืนอยู่กลางอากาศ ระหว่างที่เขารับรู้และประเมินไม่หยุด สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นทีละน้อย

กระทั่งหว่างคิ้วปรากฏแววเคร่งเครียดขึ้นมาอย่างเงียบๆ แล้ว!

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+