Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 2377 ประลองหมาก

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 2377 ประลองหมาก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“โลกกระดานหมากหรือ” หลินสวินประหลาดใจ

เจ้าลิงเอ่ย “ใช่ กระดานหมากที่เจ้าคนลึกลับนั่นหลอมขึ้นด้วยมหามรรคของตัวเอง ภายในเหมือนโลกอันกว้างใหญ่ใบหนึ่ง พวกที่ถูกเขาลบความทรงจำทุกคนล้วนกลายเป็นหมากตัวหนึ่งในโลกอันกว้างใหญ่นั้น”

หลินสวินพยักหน้าเล็กน้อยแล้วเข้าไปในโลกต้นกำเนิดต่อไปกับเจ้าลิง

ฟ้าดินกว้างใหญ่ บนผืนดินเวิ้งว้างรกร้างเป็นที่สุด

ไม่มีภูเขา ไม่มีสายธาร และไม่มีต้นไม้ใบหญ้าสรรพสิ่ง อ้างว้างว่างเปล่า มีแต่ความวังเวง

แต่หลังจากเข้ามาที่นี่ เจ้าลิงกลับดูวิตกกังวลหาใดเทียบ ตัวสั่นงันงก ถึงกับไม่กล้าเอ่ยปากพูดอีก ทำเพียงส่งสายตาให้หลินสวิน ให้เขาระวังตัว

แววตาหลินสวินวับวาว พาเจ้าลิงเคลื่อนตัวไปข้างหน้า

โลกต้นกำเนิดแห่งนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ มีทัศนียภาพแห้งแล้งอ้างว้าง ราวกับสถานที่ที่สรรพสิ่งพังพินาศ

ถึงขนาดสัมผัสไอวิญญาณกับคลื่นมหามรรคไม่ได้

กระทั่งผ่านไปหนึ่งก้านธูป ต้นไม้แก่โล้นเตียนต้นหนึ่งปรากฏขึ้นบนเส้นขอบฟ้าไกลลิบ กิ่งก้านดุจดาบกระบี่ ชี้เวิ้งฟ้า รากต้นไม้ที่เผยออกมาบนพื้นดินเหมือนหินก้อนโต

เงาร่างผอมแห้งร่างหนึ่งนั่งอยู่หน้ารากต้นไม้ หนวดเคราเผ้าผมยุ่งเหยิง กำลังก้มมองกระดานหมากที่อยู่ตรงหน้า ไม่เคลื่อนไหวแม้สักนิดดุจรูปปั้นดินเหนียว

โลกทั้งใบมีต้นไม้หนึ่งต้น มนุษย์หนึ่งคน กระดานหมากหนึ่งกระดาน!

เห็นได้ชัดว่าเงาร่างผอมแห้งนั่นก็คือ ‘คนประหลาดลึกลับ’ ที่เจ้าลิงพูดถึง บุคคลน่ากลัวที่ลบความทรงจำของระดับจักรพรรดิเพียงชั่วดีดนิ้วได้

เจ้าลิงประหม่าจนตัวสั่นแล้ว ส่งสายตาให้หลินสวินอย่างต่อเนื่อง ให้เขาไม่ต้องสนใจ ตรงไปข้างหน้า

เพราะไม่ไกลจากด้านหลังต้นไม้เหี่ยวแห้งนั้นมีประตูดั่งความว่างเปล่าบานหนึ่ง ขอเพียงผ่านประตูบานนี้ไปก็จะไปถึงแกนกลางของต้นกำเนิดหมื่นมรรค!

หลินสวินคิดๆ ดู สุดท้ายก็ไม่ได้ใช้จิตรับรู้ไปสำรวจ เก็บสายตากลับมาและเดินไปยังที่ที่ประตูบานนั้นตั้งอยู่ตามการนำทางของเจ้าลิง

ฟ้าดินเงียบสงัด ไม่มีแม้แต่เสียงลม เงียบเชียบจนน่าอึดอัดใจ

แต่พอหลินสวินกับเจ้าลิงผ่านต้นไม้แห้งต้นนั้น ยังไม่ทันเดินไปไกลเท่าไร จู่ๆ เสียงแหบแห้งเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น

“ประลองหมากไหม”

เพียงสามคำกลับทำให้เจ้าลิงร่างอ่อนยวบราวกับถูกสายฟ้าฟาด ร้องเสียงหลงว่า “จบเห่แล้ว…”

หลินสวินผินหน้ามา ก็พบว่าใต้ต้นไม้แห้งนั้น เงาร่างผอมแห้งที่จ้องกระดานหมากอยู่ตลอดทอดสายตามองมาแล้ว

สายตานั้นบริสุทธิ์ราวกับทารก ใสกระจ่างไม่มีสิ่งใดเจือปน ทั้งยังสะท้อนหมื่นลักษณ์ฟ้าดาราได้เหมือนกระจกที่เผยภาพออกมาอย่างหมดจด

ทันทีที่ถูกเขาจับจ้อง ร่างของหลินสวินก็เกร็งขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็ผ่อนคลายลงทันที เอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “ทำไมต้องการประลองหมากกับข้า”

เงาร่างผอมแห้งชี้กระดานหมากตรงหน้า “สมัยต้นดึกดำบรรพ์ข้าก็เข้าไปที่นี่แล้ว ใช้พลังต้นกำเนิดหมื่นมรรคที่ได้จากการหยั่งรู้หลอมกระดานหมากนี้ออกมา ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดนี้ ด้วยการขัดเกลาและปรับแต่งไม่หยุดหย่อนของข้า ในกระดานหมากนี้ได้สั่งสมกลิ่นอายต้นกำเนิดหมื่นมรรคเอาไว้…”

นัยน์ตาหลินสวินหดรัด

เจ้าเฒ่านี่ถึงกับเป็นคนในยุคต้นดึกดำบรรพ์ ทั้งยังหลอมนัยเร้นลับต้นกำเนิดหมื่นมรรคเข้าไปในกระดานหมากกระดานหนึ่ง!

แค่ฝีมือเช่นนี้ก็เรียกได้ว่าน่าสะพรึงแล้ว!

“เจ้ามาคราวนี้คงเพื่อนัยเร้นลับแห่งต้นกำเนิดหมื่นมรรคนั่น แต่ข้าสามารถบอกเจ้าได้ว่าตอนนี้ไอวิญญาณฟื้นคืน นัยเร้นลับแกนกลางของต้นกำเนิดหมื่นมรรคปลดปล่อยออกมาไม่หยุด แผ่กระจายไปถึงโลกภายนอกมานานแล้ว”

“ตอนที่เจ้ามาคงสังเกตเห็นแล้วว่าไอวิญญาณที่โลกภายนอกปรากฏขึ้นอย่างบ้าคลั่ง วาสนามรรคต่างๆ ผุดออกมาราวกับหน่อไม้หลังฝน สภาพฟ้าดินเปลี่ยนแปลงฉับพลัน ประหนึ่งมหายุคอันหายากยิ่งไม่เคยมีมาก่อนกำลังจะมาเยือน…”

“นี่ก็คือพลังที่แกนกลางต้นกำเนิดหมื่นมรรคปลดปล่อยออกมา”

“และนี่ก็หมายความว่าการเดินทางของเจ้าครั้งนี้… ย่อมไม่อาจครอบครองกลิ่นอายต้นกำเนิดหมื่นมรรคโดยสมบูรณ์ได้อีก”

ยิ่งพูดมากเข้า เสียงของเงาร่างผอมแห้งก็เปลี่ยนจากแหบแห้งเป็นต่ำลึกกังวาน “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุใดไม่มาประลองหมากกับข้าสักกระดาน”

เจ้าลิงกังวลจนแทบพังทลาย เอ่ยเสียงพร่าว่า “จะรับปากไม่ได้นะ รับปากไม่ได้เด็ดขาด หาไม่แล้วจะต้องถูกลบความทรงจำ ตกเป็นหมากในกระดานหมากนั้น!”

เงาร่างผอมแห้งไม่สนใจเจ้าลิง ทำเพียงมองไปยังหลินสวิน

ด้านหลินสวินกลับจมสู่ความเงียบงัน

คำพูดของชายชราผอมแห้งทำให้เขาตระหนักเรื่องหนึ่งได้ทันที

ไอวิญญาณฟื้นคืน มหายุคมาเยือน ทำให้โลกชั้นล่างเปลี่ยนแปลงอย่างยิ่งใหญ่ เป็นเพราะเหตุใด

ชายชราผอมแห้งให้คำตอบแล้ว…

เป็นเพราะพลังแกนหลักของต้นกำเนิดหมื่นมรรคปลดปล่อยออกมาไม่หยุด!

แต่เมื่อเป็นเช่นนี้ก็หมายความว่า พลังแกนหลักของต้นกำเนิดหมื่นมรรคก็เหมือนกับหิมะน้ำแข็งที่ละลายไม่หยุดหย่อน ไม่คืนสู่สภาพสมบูรณ์มานานแล้ว กระทั่งว่าพอเวลาผ่านไป ไม่ช้าก็เร็วจะต้องเหี่ยวแห้งหายลับไปเข้าสักวัน!

ไม่ว่าเป็นใคร ในสถานการณ์เช่นนี้ย่อมไม่อาจหยั่งรู้นัยเร้นลับสมบูรณ์ของต้นกำเนิดหมื่นมรรคได้

พอคิดถึงตรงนี้หลินสวินก็ยกยิ้มมุมปากเยาะหยันตัวเองอย่างอดไม่ได้

หนึ่งเดือนมานี้ท่องไปในแดนลับต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ท้ายที่สุดกลับพบว่านัยเร้นลับสุดท้ายที่เสาะหากลายเป็นสิ่งที่ไม่อาจจับต้องได้ไปแล้ว ความรู้สึกเช่นนี้เหมือนกับใช้ตะกร้าไผ่ตักน้ำ

แต่หลินสวินกลับไม่ได้หงุดหงิดอะไร

ระหว่างทางนี้แค่ผลึกมรรคต้นกำเนิดที่เขารวบรวมได้ก็มีร้อยกว่าก้อนแล้ว มูลค่าเช่นนั้นไม่อาจประเมินได้โดยสิ้นเชิง

“ในเมื่อไม่อาจได้นัยเร้นลับแกนหลักของต้นกำเนิดหมื่นมรรค ข้าก็ไม่สนใจจะประลองหมากกับเจ้า” หลินสวินปฏิเสธ

กลับพบว่าเงาร่างผอมแห้งเอ่ย “ถ้าเจ้าชนะก็สามารถนำกระดานหมากที่ภายในมีกลิ่นอายต้นกำเนิดหมื่นมรรคนี้ไปได้ หากเจ้าแพ้ ก็ต้องเป็นหมากตัวหนึ่งในกระดานหมากนี้ก็เท่านั้น”

ประโยคเดียว แต่นัยที่แฝงอยู่ในนั้นสามารถทำให้บรรพจารย์จักรพรรดิทั่วหล้าบ้าคลั่งได้

หลินสวินอึ้งไปเช่นกัน เอ่ยว่า “ตั้งแต่ต้นยุคดึกดำบรรพ์จนตอนนี้ผ่านกาลเวลาไปไม่รู้เท่าไร ไม่ใช่ง่ายๆ กว่าจะหลอมกระดานหมากเช่นนี้ออกมาได้ ถ้าข้าประลองหมากชนะ เจ้าจะทำใจยอมแพ้แต่โดยดีได้จริงหรือ”

เงาร่างผอมแห้งเอ่ย “การประลองหมากมีแพ้มีชนะ ในกาลเวลาอันไร้สิ้นสุดนี้ข้านั่งเหี่ยวแห้งอยู่ที่นี่ จนตอนนี้ยังไม่มีใครเอาชนะและนำกระดานหมากนี้ไปได้”

ความหมายที่แฝงอยู่ก็คือ ตั้งแต่อดีตจนถึงตอนนี้ เขายังไม่เคยแพ้!

หลินสวินใคร่ครวญดูแล้วก็ยังปฏิเสธ ตั้งใจจะจากไป “เจ้าเดาผิดแล้ว ข้ามาคราวนี้เพียงเพื่อหาคนในตระกูลบางส่วน ไม่ได้มาเพื่อเสาะหาศุภโชคของต้นกำเนิดหมื่นมรรค”

“หาคนหรือ”

เงาร่างผอมแห้งอึ้งไป เอ่ยพึมพำว่า “บนโลกนี้ยังมีเรื่องใดสำคัญกว่าการหยั่งรู้มหามรรคอีกหรือ…”

หลินสวินไม่คิดจะสนใจเขาอีก

แต่เงาร่างผอมแห้งกลับพูดขึ้นว่า “ในนี้มีคนที่เจ้าหาอยู่หรือไม่”

กล่าวจบ ในห้วงอากาศปรากฏโลกอันเฟื่องฟูแห่งหนึ่ง มีเมืองอยู่นับไม่ถ้วน สรรพชีวิตมากมายพำนักอยู่ในนั้น ผู้คนหลากหลายชนชั้น ทั้งสูงต่ำล้วนก่อร่างสร้างภาพโลกมนุษย์แห่งหนึ่งขึ้นมา

หลินสวินเงยมองไป เพียงพริบตาเท่านั้นก็จับเงาร่างอันคุ้นเคยได้มากมาย

จ้าวไท่ไหล จ้าวซิงเย่ หลินจง หลินไหวหย่วน ท่านพญาแร้ง จูเหล่าซาน…

พวกเขาบ้างกลายเป็นอาจารย์ในห้องเรียนส่วนตัว บ้างเป็นข้ารับใช้ บ้างเป็นคุณชายในตระกูลชนชั้นสูง บ้าง…

ใน ‘โลกมนุษย์’ นั้น ใบหน้าที่คุ้นเคยที่สุดในตอนนั้นเหล่านี้กลับเหมือนสรรพชีวิตในโลกปุถุชน ต่างมีรักโลภโกรธหลง สุขทุกข์หวานขมเป็นของตัวเอง

แต่ยามหลินสวินหมายจะสัมผัสโดยละเอียด โลกที่ปรากฏออกมานี้ก็หายลับไป

“ดูท่าคนที่เจ้าต้องการหาก็อยู่ในนั้น” เงาร่างผอมแห้งเอ่ยปาก

ดวงตาดำของหลินสวินลุ่มลึก จับจ้องอีกฝ่าย “เป็นเจ้าลบความทรงจำของพวกเขา แปลงพวกเขาเป็นหมากในโลกกระดานหมากนั้นหรือ”

เงาร่างผอมแห้งเอ่ยเนิบนาบ “เจ้ามาประลองหมากกับข้า ถ้าชนะข้าก็จะบอกเจ้า”

หลินสวินเดินตรงไปข้างหน้า มาถึงเบื้องหน้าต้นไม้นั้น ประเมินเงาร่างที่ผมเผ้ายุ่งเหยิง ผอมแห้งมีแต่กระดูกผู้นี้ แล้วเอ่ยว่า “ประลองหมากอย่างไร”

ไกลออกไปเจ้าลิงอกสั่นขวัญหาย พอจะรับรู้ได้แล้วว่าคราวนี้หลินสวินประสบเคราะห์ยากหลบหนี

“ใช้ฟ้าดินแห่งนี้เป็นตารางหมาก ใช้มหามรรคที่ตัวเจ้ายึดครองเป็นหมาก”

เงาร่างผอมแห้งเอ่ย

ฟ้าดินรกร้างแห้งแล้งแห่งนี้พลันมีตารางหมากที่ตัดกันเป็นเส้นๆ อุบัติขึ้น ราวกับตาข่ายฟ้ามหึมาหาใดเทียบปากหนึ่ง

ครึ่งหนึ่งเป็นสีดำ ครึ่งหนึ่งเป็นสีขาว

แบ่งแยกชัดเจน

“ตารางหมากก็คือสนามรบประชันมหามรรค เจ้ากับข้าต่างถือฟ้าดินไว้คนละด้าน อาณาเขตของใครถูกยึดก็เท่ากับแพ้”

เงาร่างผอมแห้งลุกขึ้นเอ่ยว่า “เขตขาวดำทั้งสองเขตนี้ เจ้าเลือกได้เขตหนึ่ง”

หลินสวินพยักหน้า เงาร่างพริบไหวมายังฟ้าดินที่ปกคลุมด้วยตารางหมากสีดำ เผชิญหน้ากับเงาร่างผอมแห้งที่อยู่ไกลๆ นั้น “การประลองหมากสู้กัน มีกติกาหรือไม่”

เงาร่างผอมแห้งส่ายหัว “การประลองหมากขาวดำ การประชันมหามรรค เจ้าสามารถปลดปล่อยทุกสิ่งที่มี จู่โจมได้ตามใจ”

“ดี”

หลินสวินพยักหน้า

เงาร่างผอมแห้งสะบัดแขนเสื้อ “ทะยาน”

ตูม!

ในตารางหมากแต่ละช่องในโลกตารางหมากสีขาวใต้เท้าเขา ต่างมีดวงดาวที่ก่อตัวจากพลังมหามรรคปรากฏขึ้น

ดวงดาวแต่ละดวงล้วนควบรวมขึ้นจากกฎเกณฑ์มหามรรคแตกต่างกันไป เต็มไปด้วยกลิ่นอายสูงส่งไพศาล

ชั่วพริบตานั้นดวงดารานับไม่ถ้วนแต่งแต้ม เปล่งแสงเทพต่างๆ ออกมา ทำให้โลกสีขาวโชติช่วงตระการตา

ที่อัศจรรย์ที่สุดคือ แม้ว่าดวงดาราเหล่านี้จะอยู่ในตารางหมากต่างกันไป แต่กลับโคจรตามวงโคจรอันลึกลับซับซ้อนอย่างหนึ่ง เรียกหากันและกัน เป็นธรรมชาติโดยสมบูรณ์

ราวกับแสดงทัศนียภาพอันยิ่งใหญ่อย่าง ‘หมื่นมรรคสอดประสาน’

“หากสหายยุทธ์ทำลายโลกมหามรรคในตารางหมากสีขาวนี้ได้ ก็ถือว่าข้าแพ้”

เงาร่างผอมแห้งเสียงสงบนิ่งเสมอมา สิ่งที่เผยออกมามีแต่ความมั่นใจในตนเองถึงที่สุด ราวกับเทพผู้มองทะลุความจริงเท็จทั้งมวล ยืนอยู่เหนือโลกหล้า

หลินสวินขับเคลื่อนความคิด

โลกสีดำที่อยู่ใต้เท้าเขากลับปรากฏเตาหลอมหนึ่ง มีท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่ดับสูญชั่วนิรันดร์ โดดเด่นหนึ่งเดียวอยู่กลายๆ

เตาหลอมปกคลุมโลกสีดำ มีนัยเร้นลับมหามรรคมากมายสำแดงออกมาจากเตาหลอม

“ไม่เลว!”

ไกลออกไปดวงตาเงาร่างผอมแห้งเจิดจ้าดุจดวงตะวัน อุทานออกมา “ในกาลเวลานับไม่ถ้วนที่ผ่านมานี้ คนที่มีความเชี่ยวชาญด้านมหามรรคเช่นนี้ก็มีเพียงไม่กี่คน สหายยุทธ์ หวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง”

ระหว่างที่พูดเขาก็ดีดนิ้ว

ตูม!

แสงมรรคแถบหนึ่งพุ่งออกมาจากกลางวงโคจรของดวงดารานับไม่ถ้วน ควบรวมเป็นประทับมรรค มีอานุภาพน่าหวาดหวั่นที่สยบภูผาธาราทั่วหล้าได้อยู่ในที

ชั่วครู่สั้นๆ ก็พุ่งจู่โจมสะเทือนเลื่อนลั่นมายังโลกสีดำที่หลินสวินอยู่

“โอม!”

ดวงตาดำของหลินสวินดุจสายฟ้า เตาหลอมพลุ่งพล่าน กระบี่มรรคเล่มหนึ่งปรากฏแล้วฟาดฟันออกไป

เปรี๊ยะ!

ประทับมรรคแยกออกเป็นสองส่วน ระเบิดกระจุยสลายไป

เงาร่างผอมแห้งไม่ลนลาน เมื่อดีดนิ้วต่อเนื่อง ในโลกตารางหมากสีขาวใต้เท้าก็มีการโจมตีที่ควบรวมจากมหามรรคต่างๆ พุ่งออกมา

บ้างรวมตัวเป็นภูเขา บ้างจำแลงเป็นมหาสมุทร บ้างสำแดงเป็นศาสตรามรรค… พุ่งเข้าใส่โลกตารางหมากสีดำของหลินสวินด้วยอานุภาพผลักภูเขาพลิกสมุทร

ชั่วพริบตานั้นประหนึ่งหมื่นมรรครวมตัว ฟ้าดินล้วนอับแสง!

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 2377 ประลองหมาก

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 2377 ประลองหมาก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“โลกกระดานหมากหรือ” หลินสวินประหลาดใจ

เจ้าลิงเอ่ย “ใช่ กระดานหมากที่เจ้าคนลึกลับนั่นหลอมขึ้นด้วยมหามรรคของตัวเอง ภายในเหมือนโลกอันกว้างใหญ่ใบหนึ่ง พวกที่ถูกเขาลบความทรงจำทุกคนล้วนกลายเป็นหมากตัวหนึ่งในโลกอันกว้างใหญ่นั้น”

หลินสวินพยักหน้าเล็กน้อยแล้วเข้าไปในโลกต้นกำเนิดต่อไปกับเจ้าลิง

ฟ้าดินกว้างใหญ่ บนผืนดินเวิ้งว้างรกร้างเป็นที่สุด

ไม่มีภูเขา ไม่มีสายธาร และไม่มีต้นไม้ใบหญ้าสรรพสิ่ง อ้างว้างว่างเปล่า มีแต่ความวังเวง

แต่หลังจากเข้ามาที่นี่ เจ้าลิงกลับดูวิตกกังวลหาใดเทียบ ตัวสั่นงันงก ถึงกับไม่กล้าเอ่ยปากพูดอีก ทำเพียงส่งสายตาให้หลินสวิน ให้เขาระวังตัว

แววตาหลินสวินวับวาว พาเจ้าลิงเคลื่อนตัวไปข้างหน้า

โลกต้นกำเนิดแห่งนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ มีทัศนียภาพแห้งแล้งอ้างว้าง ราวกับสถานที่ที่สรรพสิ่งพังพินาศ

ถึงขนาดสัมผัสไอวิญญาณกับคลื่นมหามรรคไม่ได้

กระทั่งผ่านไปหนึ่งก้านธูป ต้นไม้แก่โล้นเตียนต้นหนึ่งปรากฏขึ้นบนเส้นขอบฟ้าไกลลิบ กิ่งก้านดุจดาบกระบี่ ชี้เวิ้งฟ้า รากต้นไม้ที่เผยออกมาบนพื้นดินเหมือนหินก้อนโต

เงาร่างผอมแห้งร่างหนึ่งนั่งอยู่หน้ารากต้นไม้ หนวดเคราเผ้าผมยุ่งเหยิง กำลังก้มมองกระดานหมากที่อยู่ตรงหน้า ไม่เคลื่อนไหวแม้สักนิดดุจรูปปั้นดินเหนียว

โลกทั้งใบมีต้นไม้หนึ่งต้น มนุษย์หนึ่งคน กระดานหมากหนึ่งกระดาน!

เห็นได้ชัดว่าเงาร่างผอมแห้งนั่นก็คือ ‘คนประหลาดลึกลับ’ ที่เจ้าลิงพูดถึง บุคคลน่ากลัวที่ลบความทรงจำของระดับจักรพรรดิเพียงชั่วดีดนิ้วได้

เจ้าลิงประหม่าจนตัวสั่นแล้ว ส่งสายตาให้หลินสวินอย่างต่อเนื่อง ให้เขาไม่ต้องสนใจ ตรงไปข้างหน้า

เพราะไม่ไกลจากด้านหลังต้นไม้เหี่ยวแห้งนั้นมีประตูดั่งความว่างเปล่าบานหนึ่ง ขอเพียงผ่านประตูบานนี้ไปก็จะไปถึงแกนกลางของต้นกำเนิดหมื่นมรรค!

หลินสวินคิดๆ ดู สุดท้ายก็ไม่ได้ใช้จิตรับรู้ไปสำรวจ เก็บสายตากลับมาและเดินไปยังที่ที่ประตูบานนั้นตั้งอยู่ตามการนำทางของเจ้าลิง

ฟ้าดินเงียบสงัด ไม่มีแม้แต่เสียงลม เงียบเชียบจนน่าอึดอัดใจ

แต่พอหลินสวินกับเจ้าลิงผ่านต้นไม้แห้งต้นนั้น ยังไม่ทันเดินไปไกลเท่าไร จู่ๆ เสียงแหบแห้งเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น

“ประลองหมากไหม”

เพียงสามคำกลับทำให้เจ้าลิงร่างอ่อนยวบราวกับถูกสายฟ้าฟาด ร้องเสียงหลงว่า “จบเห่แล้ว…”

หลินสวินผินหน้ามา ก็พบว่าใต้ต้นไม้แห้งนั้น เงาร่างผอมแห้งที่จ้องกระดานหมากอยู่ตลอดทอดสายตามองมาแล้ว

สายตานั้นบริสุทธิ์ราวกับทารก ใสกระจ่างไม่มีสิ่งใดเจือปน ทั้งยังสะท้อนหมื่นลักษณ์ฟ้าดาราได้เหมือนกระจกที่เผยภาพออกมาอย่างหมดจด

ทันทีที่ถูกเขาจับจ้อง ร่างของหลินสวินก็เกร็งขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็ผ่อนคลายลงทันที เอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “ทำไมต้องการประลองหมากกับข้า”

เงาร่างผอมแห้งชี้กระดานหมากตรงหน้า “สมัยต้นดึกดำบรรพ์ข้าก็เข้าไปที่นี่แล้ว ใช้พลังต้นกำเนิดหมื่นมรรคที่ได้จากการหยั่งรู้หลอมกระดานหมากนี้ออกมา ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดนี้ ด้วยการขัดเกลาและปรับแต่งไม่หยุดหย่อนของข้า ในกระดานหมากนี้ได้สั่งสมกลิ่นอายต้นกำเนิดหมื่นมรรคเอาไว้…”

นัยน์ตาหลินสวินหดรัด

เจ้าเฒ่านี่ถึงกับเป็นคนในยุคต้นดึกดำบรรพ์ ทั้งยังหลอมนัยเร้นลับต้นกำเนิดหมื่นมรรคเข้าไปในกระดานหมากกระดานหนึ่ง!

แค่ฝีมือเช่นนี้ก็เรียกได้ว่าน่าสะพรึงแล้ว!

“เจ้ามาคราวนี้คงเพื่อนัยเร้นลับแห่งต้นกำเนิดหมื่นมรรคนั่น แต่ข้าสามารถบอกเจ้าได้ว่าตอนนี้ไอวิญญาณฟื้นคืน นัยเร้นลับแกนกลางของต้นกำเนิดหมื่นมรรคปลดปล่อยออกมาไม่หยุด แผ่กระจายไปถึงโลกภายนอกมานานแล้ว”

“ตอนที่เจ้ามาคงสังเกตเห็นแล้วว่าไอวิญญาณที่โลกภายนอกปรากฏขึ้นอย่างบ้าคลั่ง วาสนามรรคต่างๆ ผุดออกมาราวกับหน่อไม้หลังฝน สภาพฟ้าดินเปลี่ยนแปลงฉับพลัน ประหนึ่งมหายุคอันหายากยิ่งไม่เคยมีมาก่อนกำลังจะมาเยือน…”

“นี่ก็คือพลังที่แกนกลางต้นกำเนิดหมื่นมรรคปลดปล่อยออกมา”

“และนี่ก็หมายความว่าการเดินทางของเจ้าครั้งนี้… ย่อมไม่อาจครอบครองกลิ่นอายต้นกำเนิดหมื่นมรรคโดยสมบูรณ์ได้อีก”

ยิ่งพูดมากเข้า เสียงของเงาร่างผอมแห้งก็เปลี่ยนจากแหบแห้งเป็นต่ำลึกกังวาน “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุใดไม่มาประลองหมากกับข้าสักกระดาน”

เจ้าลิงกังวลจนแทบพังทลาย เอ่ยเสียงพร่าว่า “จะรับปากไม่ได้นะ รับปากไม่ได้เด็ดขาด หาไม่แล้วจะต้องถูกลบความทรงจำ ตกเป็นหมากในกระดานหมากนั้น!”

เงาร่างผอมแห้งไม่สนใจเจ้าลิง ทำเพียงมองไปยังหลินสวิน

ด้านหลินสวินกลับจมสู่ความเงียบงัน

คำพูดของชายชราผอมแห้งทำให้เขาตระหนักเรื่องหนึ่งได้ทันที

ไอวิญญาณฟื้นคืน มหายุคมาเยือน ทำให้โลกชั้นล่างเปลี่ยนแปลงอย่างยิ่งใหญ่ เป็นเพราะเหตุใด

ชายชราผอมแห้งให้คำตอบแล้ว…

เป็นเพราะพลังแกนหลักของต้นกำเนิดหมื่นมรรคปลดปล่อยออกมาไม่หยุด!

แต่เมื่อเป็นเช่นนี้ก็หมายความว่า พลังแกนหลักของต้นกำเนิดหมื่นมรรคก็เหมือนกับหิมะน้ำแข็งที่ละลายไม่หยุดหย่อน ไม่คืนสู่สภาพสมบูรณ์มานานแล้ว กระทั่งว่าพอเวลาผ่านไป ไม่ช้าก็เร็วจะต้องเหี่ยวแห้งหายลับไปเข้าสักวัน!

ไม่ว่าเป็นใคร ในสถานการณ์เช่นนี้ย่อมไม่อาจหยั่งรู้นัยเร้นลับสมบูรณ์ของต้นกำเนิดหมื่นมรรคได้

พอคิดถึงตรงนี้หลินสวินก็ยกยิ้มมุมปากเยาะหยันตัวเองอย่างอดไม่ได้

หนึ่งเดือนมานี้ท่องไปในแดนลับต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ท้ายที่สุดกลับพบว่านัยเร้นลับสุดท้ายที่เสาะหากลายเป็นสิ่งที่ไม่อาจจับต้องได้ไปแล้ว ความรู้สึกเช่นนี้เหมือนกับใช้ตะกร้าไผ่ตักน้ำ

แต่หลินสวินกลับไม่ได้หงุดหงิดอะไร

ระหว่างทางนี้แค่ผลึกมรรคต้นกำเนิดที่เขารวบรวมได้ก็มีร้อยกว่าก้อนแล้ว มูลค่าเช่นนั้นไม่อาจประเมินได้โดยสิ้นเชิง

“ในเมื่อไม่อาจได้นัยเร้นลับแกนหลักของต้นกำเนิดหมื่นมรรค ข้าก็ไม่สนใจจะประลองหมากกับเจ้า” หลินสวินปฏิเสธ

กลับพบว่าเงาร่างผอมแห้งเอ่ย “ถ้าเจ้าชนะก็สามารถนำกระดานหมากที่ภายในมีกลิ่นอายต้นกำเนิดหมื่นมรรคนี้ไปได้ หากเจ้าแพ้ ก็ต้องเป็นหมากตัวหนึ่งในกระดานหมากนี้ก็เท่านั้น”

ประโยคเดียว แต่นัยที่แฝงอยู่ในนั้นสามารถทำให้บรรพจารย์จักรพรรดิทั่วหล้าบ้าคลั่งได้

หลินสวินอึ้งไปเช่นกัน เอ่ยว่า “ตั้งแต่ต้นยุคดึกดำบรรพ์จนตอนนี้ผ่านกาลเวลาไปไม่รู้เท่าไร ไม่ใช่ง่ายๆ กว่าจะหลอมกระดานหมากเช่นนี้ออกมาได้ ถ้าข้าประลองหมากชนะ เจ้าจะทำใจยอมแพ้แต่โดยดีได้จริงหรือ”

เงาร่างผอมแห้งเอ่ย “การประลองหมากมีแพ้มีชนะ ในกาลเวลาอันไร้สิ้นสุดนี้ข้านั่งเหี่ยวแห้งอยู่ที่นี่ จนตอนนี้ยังไม่มีใครเอาชนะและนำกระดานหมากนี้ไปได้”

ความหมายที่แฝงอยู่ก็คือ ตั้งแต่อดีตจนถึงตอนนี้ เขายังไม่เคยแพ้!

หลินสวินใคร่ครวญดูแล้วก็ยังปฏิเสธ ตั้งใจจะจากไป “เจ้าเดาผิดแล้ว ข้ามาคราวนี้เพียงเพื่อหาคนในตระกูลบางส่วน ไม่ได้มาเพื่อเสาะหาศุภโชคของต้นกำเนิดหมื่นมรรค”

“หาคนหรือ”

เงาร่างผอมแห้งอึ้งไป เอ่ยพึมพำว่า “บนโลกนี้ยังมีเรื่องใดสำคัญกว่าการหยั่งรู้มหามรรคอีกหรือ…”

หลินสวินไม่คิดจะสนใจเขาอีก

แต่เงาร่างผอมแห้งกลับพูดขึ้นว่า “ในนี้มีคนที่เจ้าหาอยู่หรือไม่”

กล่าวจบ ในห้วงอากาศปรากฏโลกอันเฟื่องฟูแห่งหนึ่ง มีเมืองอยู่นับไม่ถ้วน สรรพชีวิตมากมายพำนักอยู่ในนั้น ผู้คนหลากหลายชนชั้น ทั้งสูงต่ำล้วนก่อร่างสร้างภาพโลกมนุษย์แห่งหนึ่งขึ้นมา

หลินสวินเงยมองไป เพียงพริบตาเท่านั้นก็จับเงาร่างอันคุ้นเคยได้มากมาย

จ้าวไท่ไหล จ้าวซิงเย่ หลินจง หลินไหวหย่วน ท่านพญาแร้ง จูเหล่าซาน…

พวกเขาบ้างกลายเป็นอาจารย์ในห้องเรียนส่วนตัว บ้างเป็นข้ารับใช้ บ้างเป็นคุณชายในตระกูลชนชั้นสูง บ้าง…

ใน ‘โลกมนุษย์’ นั้น ใบหน้าที่คุ้นเคยที่สุดในตอนนั้นเหล่านี้กลับเหมือนสรรพชีวิตในโลกปุถุชน ต่างมีรักโลภโกรธหลง สุขทุกข์หวานขมเป็นของตัวเอง

แต่ยามหลินสวินหมายจะสัมผัสโดยละเอียด โลกที่ปรากฏออกมานี้ก็หายลับไป

“ดูท่าคนที่เจ้าต้องการหาก็อยู่ในนั้น” เงาร่างผอมแห้งเอ่ยปาก

ดวงตาดำของหลินสวินลุ่มลึก จับจ้องอีกฝ่าย “เป็นเจ้าลบความทรงจำของพวกเขา แปลงพวกเขาเป็นหมากในโลกกระดานหมากนั้นหรือ”

เงาร่างผอมแห้งเอ่ยเนิบนาบ “เจ้ามาประลองหมากกับข้า ถ้าชนะข้าก็จะบอกเจ้า”

หลินสวินเดินตรงไปข้างหน้า มาถึงเบื้องหน้าต้นไม้นั้น ประเมินเงาร่างที่ผมเผ้ายุ่งเหยิง ผอมแห้งมีแต่กระดูกผู้นี้ แล้วเอ่ยว่า “ประลองหมากอย่างไร”

ไกลออกไปเจ้าลิงอกสั่นขวัญหาย พอจะรับรู้ได้แล้วว่าคราวนี้หลินสวินประสบเคราะห์ยากหลบหนี

“ใช้ฟ้าดินแห่งนี้เป็นตารางหมาก ใช้มหามรรคที่ตัวเจ้ายึดครองเป็นหมาก”

เงาร่างผอมแห้งเอ่ย

ฟ้าดินรกร้างแห้งแล้งแห่งนี้พลันมีตารางหมากที่ตัดกันเป็นเส้นๆ อุบัติขึ้น ราวกับตาข่ายฟ้ามหึมาหาใดเทียบปากหนึ่ง

ครึ่งหนึ่งเป็นสีดำ ครึ่งหนึ่งเป็นสีขาว

แบ่งแยกชัดเจน

“ตารางหมากก็คือสนามรบประชันมหามรรค เจ้ากับข้าต่างถือฟ้าดินไว้คนละด้าน อาณาเขตของใครถูกยึดก็เท่ากับแพ้”

เงาร่างผอมแห้งลุกขึ้นเอ่ยว่า “เขตขาวดำทั้งสองเขตนี้ เจ้าเลือกได้เขตหนึ่ง”

หลินสวินพยักหน้า เงาร่างพริบไหวมายังฟ้าดินที่ปกคลุมด้วยตารางหมากสีดำ เผชิญหน้ากับเงาร่างผอมแห้งที่อยู่ไกลๆ นั้น “การประลองหมากสู้กัน มีกติกาหรือไม่”

เงาร่างผอมแห้งส่ายหัว “การประลองหมากขาวดำ การประชันมหามรรค เจ้าสามารถปลดปล่อยทุกสิ่งที่มี จู่โจมได้ตามใจ”

“ดี”

หลินสวินพยักหน้า

เงาร่างผอมแห้งสะบัดแขนเสื้อ “ทะยาน”

ตูม!

ในตารางหมากแต่ละช่องในโลกตารางหมากสีขาวใต้เท้าเขา ต่างมีดวงดาวที่ก่อตัวจากพลังมหามรรคปรากฏขึ้น

ดวงดาวแต่ละดวงล้วนควบรวมขึ้นจากกฎเกณฑ์มหามรรคแตกต่างกันไป เต็มไปด้วยกลิ่นอายสูงส่งไพศาล

ชั่วพริบตานั้นดวงดารานับไม่ถ้วนแต่งแต้ม เปล่งแสงเทพต่างๆ ออกมา ทำให้โลกสีขาวโชติช่วงตระการตา

ที่อัศจรรย์ที่สุดคือ แม้ว่าดวงดาราเหล่านี้จะอยู่ในตารางหมากต่างกันไป แต่กลับโคจรตามวงโคจรอันลึกลับซับซ้อนอย่างหนึ่ง เรียกหากันและกัน เป็นธรรมชาติโดยสมบูรณ์

ราวกับแสดงทัศนียภาพอันยิ่งใหญ่อย่าง ‘หมื่นมรรคสอดประสาน’

“หากสหายยุทธ์ทำลายโลกมหามรรคในตารางหมากสีขาวนี้ได้ ก็ถือว่าข้าแพ้”

เงาร่างผอมแห้งเสียงสงบนิ่งเสมอมา สิ่งที่เผยออกมามีแต่ความมั่นใจในตนเองถึงที่สุด ราวกับเทพผู้มองทะลุความจริงเท็จทั้งมวล ยืนอยู่เหนือโลกหล้า

หลินสวินขับเคลื่อนความคิด

โลกสีดำที่อยู่ใต้เท้าเขากลับปรากฏเตาหลอมหนึ่ง มีท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่ดับสูญชั่วนิรันดร์ โดดเด่นหนึ่งเดียวอยู่กลายๆ

เตาหลอมปกคลุมโลกสีดำ มีนัยเร้นลับมหามรรคมากมายสำแดงออกมาจากเตาหลอม

“ไม่เลว!”

ไกลออกไปดวงตาเงาร่างผอมแห้งเจิดจ้าดุจดวงตะวัน อุทานออกมา “ในกาลเวลานับไม่ถ้วนที่ผ่านมานี้ คนที่มีความเชี่ยวชาญด้านมหามรรคเช่นนี้ก็มีเพียงไม่กี่คน สหายยุทธ์ หวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง”

ระหว่างที่พูดเขาก็ดีดนิ้ว

ตูม!

แสงมรรคแถบหนึ่งพุ่งออกมาจากกลางวงโคจรของดวงดารานับไม่ถ้วน ควบรวมเป็นประทับมรรค มีอานุภาพน่าหวาดหวั่นที่สยบภูผาธาราทั่วหล้าได้อยู่ในที

ชั่วครู่สั้นๆ ก็พุ่งจู่โจมสะเทือนเลื่อนลั่นมายังโลกสีดำที่หลินสวินอยู่

“โอม!”

ดวงตาดำของหลินสวินดุจสายฟ้า เตาหลอมพลุ่งพล่าน กระบี่มรรคเล่มหนึ่งปรากฏแล้วฟาดฟันออกไป

เปรี๊ยะ!

ประทับมรรคแยกออกเป็นสองส่วน ระเบิดกระจุยสลายไป

เงาร่างผอมแห้งไม่ลนลาน เมื่อดีดนิ้วต่อเนื่อง ในโลกตารางหมากสีขาวใต้เท้าก็มีการโจมตีที่ควบรวมจากมหามรรคต่างๆ พุ่งออกมา

บ้างรวมตัวเป็นภูเขา บ้างจำแลงเป็นมหาสมุทร บ้างสำแดงเป็นศาสตรามรรค… พุ่งเข้าใส่โลกตารางหมากสีดำของหลินสวินด้วยอานุภาพผลักภูเขาพลิกสมุทร

ชั่วพริบตานั้นประหนึ่งหมื่นมรรครวมตัว ฟ้าดินล้วนอับแสง!

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+