Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 2379 กระดานหมากหมื่นมรรค

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 2379 กระดานหมากหมื่นมรรค at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ไกลออกไป เจ้าลิงอึ้งอยู่เช่นนั้น

ชนะแล้วหรือ

เจ้าหมอนี่มีที่มาที่ไปอย่างไรกันแน่ เหตุใดถึงมีมรรควิถีน่ากลัวเช่นนี้

เนื่องจากการประลองหมากก่อนหน้านี้น่าสะพรึงเกินไป พลังจิตของเจ้าลิงจึงตกอยู่ในสภาวะว่างเปล่าเพราะหวาดหวั่น

แต่พอได้เห็นเงาร่างผอมแห้งนั้นคารวะยอมแพ้ เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเจ้าคนที่เรียกตัวเองว่าจักรพรรดิเต้ายวนชนะการประลองหมากอย่างราบคาบ!

“ในเมื่อการประลองหมากจบแล้ว ก็ขอให้สหายยุทธ์ทำตามสัญญาด้วย”

หลินสวินลอยลงมาจากกลางอากาศ สายตามองเงาร่างผอมแห้งนั้น

“นี่ย่อมแน่นอนอยู่แล้ว”

ขณะที่เงาร่างผอมแห้งพูดก็สะบัดแขนเสื้อครั้งหนึ่ง กระดานหมากกระดานหนึ่งปรากฏ เมื่อแสงมรรคไหลเวียน โลกอันเฟื่องฟูราวกับโลกมนุษย์หมื่นจั้งนั้นก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง

และหลังจากหลินสวินระบุตัว เงาร่างผอมแห้งก็โคจรกระดานหมาก ปล่อยสมาชิกราชวงศ์ รวมถึงเหล่าคนตระกูลหลินที่ถูกขังอยู่ในนั้นออกมาทั้งหมด

สมาชิกราชวงศ์อย่างจ้าวซิงเย่ จ้าวไม่ไหลมีสี่ส่วน ส่วนคนตระกูลหลินอย่างหลินจง หลินไหวหย่วนมีหกส่วน

หลินสวินถึงกับยังเห็นเจ้าตัวจิ๋วอย่างจิ๊บๆ ที่กลมเกลี้ยงเหมือนลูกหนังน้อยด้วย

รวมเข้าด้วยกันมีถึงหลักพัน!

ทว่าแต่ละคนต่างเหมือนหลับใหลไม่รู้ตัว

“สหายยุทธ์ไม่ต้องกังวล ไม่ถึงสามวันพวกเขาก็จะฟื้นความทรงจำกลับมา”

เงาร่างผอมแห้งเอ่ย

หลินสวินตรวจดูรอบหนึ่งถึงค่อยรับสมาชิกราชวงศ์กับคนตระกูลหลินที่ถูกช่วยเหลือเหล่านี้มา

ชั่วพริบตานี้ในใจเขาก็ผ่อนคลายเหมือนยกภูเขาออกจากอก

“ก่อนหน้านี้พวกเขาอาศัยพลังของป้ายคำสั่งที่พี่ชายข้ามอบให้จึงมาถึงที่นี่ได้ทันที สำหรับพวกเขาแล้ว ประสบการณ์ในโลกกระดานหมากก่อนหน้านี้ก็ถือเป็นศุภโชคชิ้นหนึ่ง รอหลังจากฟื้นขึ้นมา พวกเขาก็จะหยั่งรู้นัยเร้นลับมหามรรคที่แตกต่างกันไป”

เงาร่างผอมแห้งเอ่ย

“พี่ชายเจ้าหรือ” หลินสวินประหลาดใจ

เงาร่างผอมแห้งเอ่ย “ไม่ผิด เขาเป็นผู้ฝึกปราณจากต้นยุคดึกดำบรรพ์เหมือนกับข้า เพียงแต่พวกเราสองคนแสวงหามหามรรคต่างกันไป หลังจากข้าปิดด่านอยู่ที่นี่ก็ไม่ได้พบเขาอีก แต่ข้ายังจำป้ายคำสั่งของเขาได้”

“ให้ข้าดูป้ายคำสั่งนั้นได้หรือไม่” หลินสวินถาม

เงาร่างผอมแห้งยิ้มเอ่ย “ย่อมได้” ก่อนยื่นมือเอาป้ายคำสั่งป้ายหนึ่งออกมา บนนั้นมีร่องรอยอักษรอันเหิมเกริมอหังการแถวหนึ่งสลักไว้

ผู้ละทิ้งมรรค เฒ่าโดดเดี่ยว!

หลินสวินอึ้งไป “เฒ่าโดดเดี่ยวเป็นพี่ชายเจ้าหรือ”

เงาร่างผอมแห้งพยักหน้า “เขามีนามว่าเป้าซิง เรียกตัวเองว่าเฒ่าโดดเดี่ยว ส่วนข้ามีนามว่าเหมียนเยวี่ย เรียกตัวเองว่า ‘เฒ่าประลองหมาก’”

ในที่สุดหลินสวินก็เข้าใจ

สาเหตุที่ราชวงศ์แห่งจักรวรรดิกับคนในตระกูลหลินเหล่านั้นสามารถเข้ามาในรังมารดาต้นกำเนิด มาถึงโลกต้นกำเนิดแห่งนี้ได้อย่างราบรื่น ย่อมเป็นเพราะป้ายคำสั่งที่เฒ่าโดดเดี่ยวมอบให้

พูดอีกอย่างก็คือ ตอนนั้นยามเฒ่าโดดเดี่ยวออกจากจักรวรรดิจื่อเย่า เกรงว่าจะคาดเดาได้แล้วว่ายุคที่ไอวิญญาณฟื้นคืนกำลังจะมาเยือน!

“เป้าซิงเหมียนเยวี่ย (โอบดารานิทราบุหลัน)…”

หลินสวินลอบเอ่ย “เช่นนี้แล้ว เฒ่าโดดเดี่ยวคงรู้ความลับของต้นกำเนิดหมื่นมรรคมาตั้งนานแล้ว ดังนั้นจึงเลือกจำศีลในโลกชั้นล่างมาตลอด”

“ดูท่าสหายยุทธ์ก็รู้จักพี่ชายข้า” เฒ่าประลองหมากเอ่ย

หลินสวินพยักหน้า เล่าเรื่องที่ตนได้รู้จักเฒ่าโดดเดี่ยวบางส่วนให้ฟัง

“เขาจากไปแล้วหรือ…”

เฒ่าประลองหมากพึมพำ “เช่นนี้ก็ดี ละทิ้งมหามรรค ไขว่คว้าเพียงตัวเอง อาจจะมีเพียงฟากฝั่งฟ้าดาราแห่งนั้นที่ทำให้เขาสมหวังเรื่องมหามรรคได้กระมัง…”

ขณะที่พูดเขาก็ส่งกระดานหมากในมือให้หลินสวิน “สหายยุทธ์ ยังขอให้รับกระดานหมากนี้ไว้ด้วย”

กระดานหมากด้านนอกกลมด้านในเหลี่ยม ราวกับหล่อขึ้นจากทองถม ตารางหมากบนนั้นตัดสลับ ประหนึ่งร่องรอยมหามรรคปรากฏขึ้นบนนั้น

กลิ่นอายแรกกำเนิดเป็นริ้วๆ แผ่อวลขึ้นจากกระดานหมาก คลื่นมหามรรคอันลึกลับต่างๆ ไหลเวียน ดูลึกลับยิ่ง

หลินสวินกลับส่ายหัวปฏิเสธ

กระดานหมากนี้เป็นสิ่งที่เฒ่าประลองหมากทุ่มเทกายใจหลอมขึ้นมาในกาลเวลาไร้สิ้นสุด ภายในมีกลิ่นอายต้นกำเนิดหมื่นมรรค เรียกได้ว่าเป็นสมบัติอันประเมินค่ามิได้ สูงค่ามากเกินไป

แต่เฒ่าประลองหมากกลับไม่สนใจคำคัดค้าน ยัดเยียดกระดานหมากให้หลินสวิน “รับไว้เถอะ ข้อแรกเพราะคิดจะพนันก็ต้องยอมรับความพ่ายแพ้ ข้อสองเพราะข้ารู้ชัดแล้วว่าหากยึดติดอยู่กับการอนุมานสิ่งนี้ สุดท้ายก็จะติดอยู่ที่เดิมตลอดกาล หากเจ้าไม่ต้องการ ข้าก็จะทำลายมันเสียตอนนี้”

หลินสวินถึงตกลงรับกระดานหมากนี้ไว้

เฒ่าประลองหมากชี้แนะว่า “สิ่งที่สั่งสมอยู่ในกระดานหมากนี้ แม้มีเพียงกลิ่นอายของต้นกำเนิดหมื่นมรรค แต่ความมหัศจรรย์ที่ประทับไว้ในนั้นมากพอจะทำให้สหายยุทธ์หยั่งรู้นัยเร้นลับแห่งระดับบรรพจารย์จักรพรรดิได้”

ขณะที่พูดเขาก็ชี้ไปที่บานประตูซึ่งคล้ายว่างเปล่าที่อยู่ไกลออกไป เอ่ยว่า “หากเข้าไปในนั้นก็จะถึงแดนแห่งต้นกำเนิดหมื่นมรรค เพียงแต่ภายในนั้นเต็มไปด้วยพลังระเบียบกดข่ม ไม่ว่าใครก็ไม่อาจนำเอาพลังต้นกำเนิดหมื่นมรรคนั้นไปได้”

“แต่ด้วยพลังปราณของเจ้าในตอนนี้ ฝึกปราณเพิ่มเติมในนั้นสักพักก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่”

พูดถึงตรงนี้สายตาของเฒ่าประลองหมากก็กวาดมองเจ้าลิงที่อยู่ไกลออกไป จู่ๆ ก็เอ่ยขึ้นว่า “ลิงวิญญาณแดนผีนี่เจ้าจะให้ข้าพาไปได้หรือไม่”

หลินสวินอึ้งไป “ต้องการมันไปเพื่อการใด”

เฒ่าประลองหมากยิ้มเอ่ยว่า “ผีร้ายในใจคนไม่แน่นอนเป็นที่สุด ลิงวิญญาณนี้แยะแยะใจคนได้ละเอียด ข้าเลยอยากใช้พรสวรรค์ของเขามาพินิจจิตมรรคของข้าเสียหน่อย”

หลินสวินพยักหน้าอย่างยินดี

เมื่อเฒ่าประลองหมากกวักมือ พลังจิตของเจ้าลิงนั่นก็พุ่งมาที่ฝ่ามือเขา จากนั้นก็เขาก็หมุนตัวเดินจากไปไกลลิบ

“สหายยุทธ์ ขอลาแล้ว” เสียงเลื่อนลอย

หลินสวินถามอย่างอดไม่ได้ “ทำไมสหายยุทธ์ถึงรีบร้อนจากไป”

“ทำลายกรงขัง ได้รับอิสระอีกครั้ง จะยังอยู่ที่บ้าๆ นี่ไปทำไม ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดที่ผ่านมานี้… ข้าพลาดมามากเกินไปแล้ว…”

เสียงเจือความทอดถอนใจยังแผ่กระจายอยู่ เงาร่างของเฒ่าประลองหมากก็หายลับไปแล้ว

หลินสวินยืนอยู่ตามลำพังครู่หนึ่ง ถึงค่อยเก็บ ‘กระดานหมากหมื่นมรรค’ ที่หลอมขึ้นโดยเฒ่าประลองหมากนั้นไว้ จากนั้นก็ทอดสายตามองไปที่ประตูว่างเปล่าที่อยู่ไกลออกไปบานนนั้น

“ช่างเถอะ กลับไปภูเขาชำระจิตสักครั้งก่อน รอจัดการเรื่องราวต่างๆ ได้เรียบร้อยค่อยไปสำรวจแดนต้นกำเนิดหมื่นมรรคก็ไม่สาย”

หลินสวินตัดสินใจก่อนหมุนตัวกลับไปตามทางเดิม

……

ภูเขาชำระจิต

จู่ๆ ดอกบัวเขียวหนึ่งต้นที่อยู่กลางสระก็ไหวกระเพื่อมเป็นภาพลายมรรคนับไม่ถ้วน ร่างขึ้นเป็นประตูบานหนึ่งอย่างช้าๆ

ภาพนี้พลันปลุกให้เสี่ยวอู่ที่เฝ้ายามอยู่ที่นี่มาตลอดระแวดระวังขึ้นมา

ยามได้เห็นว่าเงาร่างสูงโปร่งของหลินสวินเดินออกมา เขาจึงผ่อนคลายลง เผยรอยยิ้มสดใส “พี่ใหญ่ เดินทางคราวนี้ราบรื่นดีไหม”

หลินสวินยิ้มพลางพยักหน้า

ขณะเดียวกันจิตรับรู้ของเขาแผ่กระจาย ชั่วพริบตาก็สัมผัสได้ถึงที่อยู่ของกายมรรคทั้งห้า

สวบๆๆ!

เพียงครู่เดียวกายมรรคทั้งห้าก็กลับเข้ามาในร่างต้น ประสบการณ์และความทรงจำในช่วงนี้ของร่างแยกทั้งห้าต่างผุดเข้าไปในใจหลินสวินด้วย

“หนึ่งเดือนมานี้ถึงกับเกิดเรื่องมากมายขนาดนี้…”

สักพักหลินสวินจึงทำความเข้าใจได้หมด

หนึ่งเดือนก่อน ในนครต้องห้ามแห่งนี้เมื่อขุมอำนาจดินแดนรกร้างโบราณต่างๆ ถูกถอนรากถอนโคน ภูเขาชำระจิตที่มีหลินสวินควบคุมดูแลก็กลายเป็นที่ที่ถูกจับตามองในใต้หล้า

ในช่วงที่หลินสวินจากมานี้ มีผู้ฝึกปราณไม่รู้เท่าไรมาเยี่ยมเยียนทุกวัน เรียกได้ว่าหัวกระไดไม่แห้ง รุ่งเรืองอย่างไม่เคยไม่เป็นมาก่อน

ทั้งยังมีขุมอำนาจใหญ่มากมายมาคารวะ หมายจะขออยู่ใต้อาณัติภูเขาชำระจิต เพื่อจะได้รับการปกป้องจากหลินสวิน

แต่ต่างถูกพวกอาหูออกหน้าปฏิเสธทันทีโดยไม่มีข้อยกเว้น

กระนั้นนี่ก็ไม่ได้ขจัดความกระตือรือร้นของผู้ฝึกปราณเหล่านั้นไปโดยสมบูรณ์ ทุกวันยังมีผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนมาจากทั่วสารทิศ บ้างมาเพื่อหาเส้นสาย บ้างมาเพื่อกราบอาจารย์ บ้างมาเพื่อดูเรื่องสนุกล้วนๆ…

หลินสวินเองก็คร้านจะถือสาเรื่องยิบย่อยพวกนี้

สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของเขาได้อย่างแท้จริงมีอยู่สองเรื่อง

เรื่องแรก ขุมอำนาจเผ่าต่างๆ ในทะเลกลืนวิญญาณจับมือกัน รวมตัวเป็น ‘พันธมิตรสงครามหมื่นอสูรมาร’ ทั้งใช้ชื่อพันธมิตรสงครามหมื่นอสูรมารเข้าสู่แดนหมื่นมรรค เสาะแสวงศุภโชคมหายุค แย่งชิงถ้ำสวรรค์แดนมงคล

ทั้งหมดนี้ทำให้สถานการณ์บริเวณทะเลตะวันออกตึงเครียดขึ้นอีกครั้ง

กล่าวกันว่าในพันธมิตรสงครามหมื่นอสูรมารมีมหาจักรพรรดิมากมายรวมตัวกันอยู่ รากฐานพลังแกร่งกล้าหาใดเทียบ สาเหตุที่พวกเขารวมตัวเป็นพันธมิตร ก็เพื่อร่วมกันต้านภัยคุกคามจากหลินสวิน!

ต้นเหตุก็เพราะพลังที่หลินสวินเผยออกมาในศึกล้างบางขุมอำนาจดินแดนรกร้างโบราณน่าสะพรึงเกินไป ไม่ว่าใครก็รู้สึกกดดันถึงขีดสุด

และหากเผ่าต่างๆ ในทะเลกลืนวิญญาณต้องการไปเสาะแสวงศุภโชคและวาสนาในแดนหมื่นมรรค จะต้องเกิดการต่อสู้และเข่นฆ่ามากมายอย่างแน่นอน

ในช่วงสั้นๆ อาจจะไม่กระทบมาถึงหลินสวิน แต่พอนานเข้า หากเกิดความขัดแย้งอะไร เช่นนั้นก็ไม่ดีแล้ว

และเพราะใคร่ครวญถึงระยะยาวเช่นนี้ พันธมิตรสงครามหมื่นอสูรมารจึงเกิดขึ้นมา

หลินสวินไม่ได้สนใจเรื่องนี้

ไอวิญญาณฟื้นคืนในโลกชั้นล่างนี้ วาสนาต่างๆ จะทะลักออกมาไม่หยุด เกรงว่าไม่ว่าใครก็ต้องไปช่วงชิงอย่างอดไม่ได้

แต่จักรวรรดิจื่อเย่าเปลี่ยนเป็นแดนหมื่นมรรคมานานแล้ว อาณาเขตขยายขึ้นร้อยเท่าพันเท่า ภายหน้าไม่ช้าก็เร็วจะต้องแปรเปลี่ยนเป็นโลกอันกว้างใหญ่ไพศาลที่เทียบได้กับแคว้นกลางมรรค

ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ อาศัยเพียงพลังที่ภูเขาชำระจิตมี ไม่มีทางควบคุมทั้งแดนหมื่นมรรคได้อยู่แล้ว

ยิ่งไปกว่านั้นหลินสวินก็ไม่มีความคิดจะปกครองใต้หล้า ครอบครองวาสนาทั้งหมดไว้เพียงผู้เดียว ขอเพียงควบคุม ‘แดนศักดิ์สิทธิ์หมื่นมรรค’ ของนครต้องห้ามแห่งนี้ไว้มั่นก็พอแล้ว

และขอเพียงไม่มาหาเรื่องบนหัวเขา การเข่นฆ่าและแย่งชิงที่เกิดขึ้นในแดนหมื่นมรรค เขาย่อมไม่ใส่ใจอะไรมากมายอยู่แล้ว

ส่วนเรื่องที่สองก็คือ ช่วงนี้มีข่าวมากมายกระจายออกมาในนครต้องห้าม ว่าขุมอำนาจดินแดนรกร้างโบราณจะหวนกลับมาในอีกไม่นาน!

กำลังคนที่ส่งมาคราวนี้จะแข็งแกร่งเกินจินตนาการ

ไม่ต้องเดาสักนิดก็รู้ว่าตอนที่กำลังพลของขุมอำนาจใหญ่ดินแดนรกร้างโบราณเหล่านี้บุกมา จะต้องมาล้างแค้นกับภูเขาชำระจิต!

“ดูท่าเพื่อควบคุมโลกชั้นล่างที่ไอวิญญาณฟื้นคืนนี้ ขุมอำนาจดินแดนรกร้างโบราณเหล่านั้นคงคลุ้มคลั่งจนไม่สนว่าจะต้องจ่ายค่าตอบแทนทั้งหมดแล้ว…”

นัยน์ตาดำของหลินสวินเย็นชาลงเล็กน้อย

แต่เขายังไม่สนใจเหมือนเคย

โลกชั้นล่างแห่งนี้ยังอยู่ระหว่างการเปลี่ยนแปลง ตอนนี้รับพลังได้เพียงระดับจักรพรรดิขั้นหนึ่งสัมบูรณ์เท่านั้น

นี่ก็หมายความว่า ไม่ว่าจะเป็นระดับจักรพรรดิคนใด ขอเพียงปรากฏตัวในแดนหมื่นมรรคแห่งนี้ พลังปราณก็จะต้องถูกข่มอยู่ที่ระดับจักรพรรดิขั้นหนึ่ง

สำหรับหลินสวินแล้ว แค่ใช้พลังของกายมรรคทั้งห้าก็สามารถเคลื่อนกวาดทั้งแดนหมื่นมรรคได้แล้ว!

ไม่นานนักหลินสวินก็มาถึงยอดภูเขาชำระจิต

เขาสะบัดแขนเสื้อ ปล่อยสมาชิกราชวงศ์กับคนตระกูลหลินเหล่านั้นที่ช่วยกลับมาออกจากเจดีย์ไร้สิ้นสุด

ระหว่างที่กลับมาจากโลกภายนอก พวกจ้าวไท่ไหล หลินจงก็ฟื้นแล้ว เพียงแต่ยังไม่เข้าใจสถานการณ์ สับสนงุนงงไปหมด

กระทั่งตอนนี้พออยู่ในโถงใหญ่แห่งนี้ มองดูหลินสวินที่ยืนยิ้มอยู่ไกลๆ ทุกคนยังตาเบิกกว้างอย่างอดไม่ได้ คล้ายนึกว่าฝันไปจริงๆ…

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 2379 กระดานหมากหมื่นมรรค

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 2379 กระดานหมากหมื่นมรรค at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ไกลออกไป เจ้าลิงอึ้งอยู่เช่นนั้น

ชนะแล้วหรือ

เจ้าหมอนี่มีที่มาที่ไปอย่างไรกันแน่ เหตุใดถึงมีมรรควิถีน่ากลัวเช่นนี้

เนื่องจากการประลองหมากก่อนหน้านี้น่าสะพรึงเกินไป พลังจิตของเจ้าลิงจึงตกอยู่ในสภาวะว่างเปล่าเพราะหวาดหวั่น

แต่พอได้เห็นเงาร่างผอมแห้งนั้นคารวะยอมแพ้ เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเจ้าคนที่เรียกตัวเองว่าจักรพรรดิเต้ายวนชนะการประลองหมากอย่างราบคาบ!

“ในเมื่อการประลองหมากจบแล้ว ก็ขอให้สหายยุทธ์ทำตามสัญญาด้วย”

หลินสวินลอยลงมาจากกลางอากาศ สายตามองเงาร่างผอมแห้งนั้น

“นี่ย่อมแน่นอนอยู่แล้ว”

ขณะที่เงาร่างผอมแห้งพูดก็สะบัดแขนเสื้อครั้งหนึ่ง กระดานหมากกระดานหนึ่งปรากฏ เมื่อแสงมรรคไหลเวียน โลกอันเฟื่องฟูราวกับโลกมนุษย์หมื่นจั้งนั้นก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง

และหลังจากหลินสวินระบุตัว เงาร่างผอมแห้งก็โคจรกระดานหมาก ปล่อยสมาชิกราชวงศ์ รวมถึงเหล่าคนตระกูลหลินที่ถูกขังอยู่ในนั้นออกมาทั้งหมด

สมาชิกราชวงศ์อย่างจ้าวซิงเย่ จ้าวไม่ไหลมีสี่ส่วน ส่วนคนตระกูลหลินอย่างหลินจง หลินไหวหย่วนมีหกส่วน

หลินสวินถึงกับยังเห็นเจ้าตัวจิ๋วอย่างจิ๊บๆ ที่กลมเกลี้ยงเหมือนลูกหนังน้อยด้วย

รวมเข้าด้วยกันมีถึงหลักพัน!

ทว่าแต่ละคนต่างเหมือนหลับใหลไม่รู้ตัว

“สหายยุทธ์ไม่ต้องกังวล ไม่ถึงสามวันพวกเขาก็จะฟื้นความทรงจำกลับมา”

เงาร่างผอมแห้งเอ่ย

หลินสวินตรวจดูรอบหนึ่งถึงค่อยรับสมาชิกราชวงศ์กับคนตระกูลหลินที่ถูกช่วยเหลือเหล่านี้มา

ชั่วพริบตานี้ในใจเขาก็ผ่อนคลายเหมือนยกภูเขาออกจากอก

“ก่อนหน้านี้พวกเขาอาศัยพลังของป้ายคำสั่งที่พี่ชายข้ามอบให้จึงมาถึงที่นี่ได้ทันที สำหรับพวกเขาแล้ว ประสบการณ์ในโลกกระดานหมากก่อนหน้านี้ก็ถือเป็นศุภโชคชิ้นหนึ่ง รอหลังจากฟื้นขึ้นมา พวกเขาก็จะหยั่งรู้นัยเร้นลับมหามรรคที่แตกต่างกันไป”

เงาร่างผอมแห้งเอ่ย

“พี่ชายเจ้าหรือ” หลินสวินประหลาดใจ

เงาร่างผอมแห้งเอ่ย “ไม่ผิด เขาเป็นผู้ฝึกปราณจากต้นยุคดึกดำบรรพ์เหมือนกับข้า เพียงแต่พวกเราสองคนแสวงหามหามรรคต่างกันไป หลังจากข้าปิดด่านอยู่ที่นี่ก็ไม่ได้พบเขาอีก แต่ข้ายังจำป้ายคำสั่งของเขาได้”

“ให้ข้าดูป้ายคำสั่งนั้นได้หรือไม่” หลินสวินถาม

เงาร่างผอมแห้งยิ้มเอ่ย “ย่อมได้” ก่อนยื่นมือเอาป้ายคำสั่งป้ายหนึ่งออกมา บนนั้นมีร่องรอยอักษรอันเหิมเกริมอหังการแถวหนึ่งสลักไว้

ผู้ละทิ้งมรรค เฒ่าโดดเดี่ยว!

หลินสวินอึ้งไป “เฒ่าโดดเดี่ยวเป็นพี่ชายเจ้าหรือ”

เงาร่างผอมแห้งพยักหน้า “เขามีนามว่าเป้าซิง เรียกตัวเองว่าเฒ่าโดดเดี่ยว ส่วนข้ามีนามว่าเหมียนเยวี่ย เรียกตัวเองว่า ‘เฒ่าประลองหมาก’”

ในที่สุดหลินสวินก็เข้าใจ

สาเหตุที่ราชวงศ์แห่งจักรวรรดิกับคนในตระกูลหลินเหล่านั้นสามารถเข้ามาในรังมารดาต้นกำเนิด มาถึงโลกต้นกำเนิดแห่งนี้ได้อย่างราบรื่น ย่อมเป็นเพราะป้ายคำสั่งที่เฒ่าโดดเดี่ยวมอบให้

พูดอีกอย่างก็คือ ตอนนั้นยามเฒ่าโดดเดี่ยวออกจากจักรวรรดิจื่อเย่า เกรงว่าจะคาดเดาได้แล้วว่ายุคที่ไอวิญญาณฟื้นคืนกำลังจะมาเยือน!

“เป้าซิงเหมียนเยวี่ย (โอบดารานิทราบุหลัน)…”

หลินสวินลอบเอ่ย “เช่นนี้แล้ว เฒ่าโดดเดี่ยวคงรู้ความลับของต้นกำเนิดหมื่นมรรคมาตั้งนานแล้ว ดังนั้นจึงเลือกจำศีลในโลกชั้นล่างมาตลอด”

“ดูท่าสหายยุทธ์ก็รู้จักพี่ชายข้า” เฒ่าประลองหมากเอ่ย

หลินสวินพยักหน้า เล่าเรื่องที่ตนได้รู้จักเฒ่าโดดเดี่ยวบางส่วนให้ฟัง

“เขาจากไปแล้วหรือ…”

เฒ่าประลองหมากพึมพำ “เช่นนี้ก็ดี ละทิ้งมหามรรค ไขว่คว้าเพียงตัวเอง อาจจะมีเพียงฟากฝั่งฟ้าดาราแห่งนั้นที่ทำให้เขาสมหวังเรื่องมหามรรคได้กระมัง…”

ขณะที่พูดเขาก็ส่งกระดานหมากในมือให้หลินสวิน “สหายยุทธ์ ยังขอให้รับกระดานหมากนี้ไว้ด้วย”

กระดานหมากด้านนอกกลมด้านในเหลี่ยม ราวกับหล่อขึ้นจากทองถม ตารางหมากบนนั้นตัดสลับ ประหนึ่งร่องรอยมหามรรคปรากฏขึ้นบนนั้น

กลิ่นอายแรกกำเนิดเป็นริ้วๆ แผ่อวลขึ้นจากกระดานหมาก คลื่นมหามรรคอันลึกลับต่างๆ ไหลเวียน ดูลึกลับยิ่ง

หลินสวินกลับส่ายหัวปฏิเสธ

กระดานหมากนี้เป็นสิ่งที่เฒ่าประลองหมากทุ่มเทกายใจหลอมขึ้นมาในกาลเวลาไร้สิ้นสุด ภายในมีกลิ่นอายต้นกำเนิดหมื่นมรรค เรียกได้ว่าเป็นสมบัติอันประเมินค่ามิได้ สูงค่ามากเกินไป

แต่เฒ่าประลองหมากกลับไม่สนใจคำคัดค้าน ยัดเยียดกระดานหมากให้หลินสวิน “รับไว้เถอะ ข้อแรกเพราะคิดจะพนันก็ต้องยอมรับความพ่ายแพ้ ข้อสองเพราะข้ารู้ชัดแล้วว่าหากยึดติดอยู่กับการอนุมานสิ่งนี้ สุดท้ายก็จะติดอยู่ที่เดิมตลอดกาล หากเจ้าไม่ต้องการ ข้าก็จะทำลายมันเสียตอนนี้”

หลินสวินถึงตกลงรับกระดานหมากนี้ไว้

เฒ่าประลองหมากชี้แนะว่า “สิ่งที่สั่งสมอยู่ในกระดานหมากนี้ แม้มีเพียงกลิ่นอายของต้นกำเนิดหมื่นมรรค แต่ความมหัศจรรย์ที่ประทับไว้ในนั้นมากพอจะทำให้สหายยุทธ์หยั่งรู้นัยเร้นลับแห่งระดับบรรพจารย์จักรพรรดิได้”

ขณะที่พูดเขาก็ชี้ไปที่บานประตูซึ่งคล้ายว่างเปล่าที่อยู่ไกลออกไป เอ่ยว่า “หากเข้าไปในนั้นก็จะถึงแดนแห่งต้นกำเนิดหมื่นมรรค เพียงแต่ภายในนั้นเต็มไปด้วยพลังระเบียบกดข่ม ไม่ว่าใครก็ไม่อาจนำเอาพลังต้นกำเนิดหมื่นมรรคนั้นไปได้”

“แต่ด้วยพลังปราณของเจ้าในตอนนี้ ฝึกปราณเพิ่มเติมในนั้นสักพักก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่”

พูดถึงตรงนี้สายตาของเฒ่าประลองหมากก็กวาดมองเจ้าลิงที่อยู่ไกลออกไป จู่ๆ ก็เอ่ยขึ้นว่า “ลิงวิญญาณแดนผีนี่เจ้าจะให้ข้าพาไปได้หรือไม่”

หลินสวินอึ้งไป “ต้องการมันไปเพื่อการใด”

เฒ่าประลองหมากยิ้มเอ่ยว่า “ผีร้ายในใจคนไม่แน่นอนเป็นที่สุด ลิงวิญญาณนี้แยะแยะใจคนได้ละเอียด ข้าเลยอยากใช้พรสวรรค์ของเขามาพินิจจิตมรรคของข้าเสียหน่อย”

หลินสวินพยักหน้าอย่างยินดี

เมื่อเฒ่าประลองหมากกวักมือ พลังจิตของเจ้าลิงนั่นก็พุ่งมาที่ฝ่ามือเขา จากนั้นก็เขาก็หมุนตัวเดินจากไปไกลลิบ

“สหายยุทธ์ ขอลาแล้ว” เสียงเลื่อนลอย

หลินสวินถามอย่างอดไม่ได้ “ทำไมสหายยุทธ์ถึงรีบร้อนจากไป”

“ทำลายกรงขัง ได้รับอิสระอีกครั้ง จะยังอยู่ที่บ้าๆ นี่ไปทำไม ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดที่ผ่านมานี้… ข้าพลาดมามากเกินไปแล้ว…”

เสียงเจือความทอดถอนใจยังแผ่กระจายอยู่ เงาร่างของเฒ่าประลองหมากก็หายลับไปแล้ว

หลินสวินยืนอยู่ตามลำพังครู่หนึ่ง ถึงค่อยเก็บ ‘กระดานหมากหมื่นมรรค’ ที่หลอมขึ้นโดยเฒ่าประลองหมากนั้นไว้ จากนั้นก็ทอดสายตามองไปที่ประตูว่างเปล่าที่อยู่ไกลออกไปบานนนั้น

“ช่างเถอะ กลับไปภูเขาชำระจิตสักครั้งก่อน รอจัดการเรื่องราวต่างๆ ได้เรียบร้อยค่อยไปสำรวจแดนต้นกำเนิดหมื่นมรรคก็ไม่สาย”

หลินสวินตัดสินใจก่อนหมุนตัวกลับไปตามทางเดิม

……

ภูเขาชำระจิต

จู่ๆ ดอกบัวเขียวหนึ่งต้นที่อยู่กลางสระก็ไหวกระเพื่อมเป็นภาพลายมรรคนับไม่ถ้วน ร่างขึ้นเป็นประตูบานหนึ่งอย่างช้าๆ

ภาพนี้พลันปลุกให้เสี่ยวอู่ที่เฝ้ายามอยู่ที่นี่มาตลอดระแวดระวังขึ้นมา

ยามได้เห็นว่าเงาร่างสูงโปร่งของหลินสวินเดินออกมา เขาจึงผ่อนคลายลง เผยรอยยิ้มสดใส “พี่ใหญ่ เดินทางคราวนี้ราบรื่นดีไหม”

หลินสวินยิ้มพลางพยักหน้า

ขณะเดียวกันจิตรับรู้ของเขาแผ่กระจาย ชั่วพริบตาก็สัมผัสได้ถึงที่อยู่ของกายมรรคทั้งห้า

สวบๆๆ!

เพียงครู่เดียวกายมรรคทั้งห้าก็กลับเข้ามาในร่างต้น ประสบการณ์และความทรงจำในช่วงนี้ของร่างแยกทั้งห้าต่างผุดเข้าไปในใจหลินสวินด้วย

“หนึ่งเดือนมานี้ถึงกับเกิดเรื่องมากมายขนาดนี้…”

สักพักหลินสวินจึงทำความเข้าใจได้หมด

หนึ่งเดือนก่อน ในนครต้องห้ามแห่งนี้เมื่อขุมอำนาจดินแดนรกร้างโบราณต่างๆ ถูกถอนรากถอนโคน ภูเขาชำระจิตที่มีหลินสวินควบคุมดูแลก็กลายเป็นที่ที่ถูกจับตามองในใต้หล้า

ในช่วงที่หลินสวินจากมานี้ มีผู้ฝึกปราณไม่รู้เท่าไรมาเยี่ยมเยียนทุกวัน เรียกได้ว่าหัวกระไดไม่แห้ง รุ่งเรืองอย่างไม่เคยไม่เป็นมาก่อน

ทั้งยังมีขุมอำนาจใหญ่มากมายมาคารวะ หมายจะขออยู่ใต้อาณัติภูเขาชำระจิต เพื่อจะได้รับการปกป้องจากหลินสวิน

แต่ต่างถูกพวกอาหูออกหน้าปฏิเสธทันทีโดยไม่มีข้อยกเว้น

กระนั้นนี่ก็ไม่ได้ขจัดความกระตือรือร้นของผู้ฝึกปราณเหล่านั้นไปโดยสมบูรณ์ ทุกวันยังมีผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนมาจากทั่วสารทิศ บ้างมาเพื่อหาเส้นสาย บ้างมาเพื่อกราบอาจารย์ บ้างมาเพื่อดูเรื่องสนุกล้วนๆ…

หลินสวินเองก็คร้านจะถือสาเรื่องยิบย่อยพวกนี้

สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของเขาได้อย่างแท้จริงมีอยู่สองเรื่อง

เรื่องแรก ขุมอำนาจเผ่าต่างๆ ในทะเลกลืนวิญญาณจับมือกัน รวมตัวเป็น ‘พันธมิตรสงครามหมื่นอสูรมาร’ ทั้งใช้ชื่อพันธมิตรสงครามหมื่นอสูรมารเข้าสู่แดนหมื่นมรรค เสาะแสวงศุภโชคมหายุค แย่งชิงถ้ำสวรรค์แดนมงคล

ทั้งหมดนี้ทำให้สถานการณ์บริเวณทะเลตะวันออกตึงเครียดขึ้นอีกครั้ง

กล่าวกันว่าในพันธมิตรสงครามหมื่นอสูรมารมีมหาจักรพรรดิมากมายรวมตัวกันอยู่ รากฐานพลังแกร่งกล้าหาใดเทียบ สาเหตุที่พวกเขารวมตัวเป็นพันธมิตร ก็เพื่อร่วมกันต้านภัยคุกคามจากหลินสวิน!

ต้นเหตุก็เพราะพลังที่หลินสวินเผยออกมาในศึกล้างบางขุมอำนาจดินแดนรกร้างโบราณน่าสะพรึงเกินไป ไม่ว่าใครก็รู้สึกกดดันถึงขีดสุด

และหากเผ่าต่างๆ ในทะเลกลืนวิญญาณต้องการไปเสาะแสวงศุภโชคและวาสนาในแดนหมื่นมรรค จะต้องเกิดการต่อสู้และเข่นฆ่ามากมายอย่างแน่นอน

ในช่วงสั้นๆ อาจจะไม่กระทบมาถึงหลินสวิน แต่พอนานเข้า หากเกิดความขัดแย้งอะไร เช่นนั้นก็ไม่ดีแล้ว

และเพราะใคร่ครวญถึงระยะยาวเช่นนี้ พันธมิตรสงครามหมื่นอสูรมารจึงเกิดขึ้นมา

หลินสวินไม่ได้สนใจเรื่องนี้

ไอวิญญาณฟื้นคืนในโลกชั้นล่างนี้ วาสนาต่างๆ จะทะลักออกมาไม่หยุด เกรงว่าไม่ว่าใครก็ต้องไปช่วงชิงอย่างอดไม่ได้

แต่จักรวรรดิจื่อเย่าเปลี่ยนเป็นแดนหมื่นมรรคมานานแล้ว อาณาเขตขยายขึ้นร้อยเท่าพันเท่า ภายหน้าไม่ช้าก็เร็วจะต้องแปรเปลี่ยนเป็นโลกอันกว้างใหญ่ไพศาลที่เทียบได้กับแคว้นกลางมรรค

ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ อาศัยเพียงพลังที่ภูเขาชำระจิตมี ไม่มีทางควบคุมทั้งแดนหมื่นมรรคได้อยู่แล้ว

ยิ่งไปกว่านั้นหลินสวินก็ไม่มีความคิดจะปกครองใต้หล้า ครอบครองวาสนาทั้งหมดไว้เพียงผู้เดียว ขอเพียงควบคุม ‘แดนศักดิ์สิทธิ์หมื่นมรรค’ ของนครต้องห้ามแห่งนี้ไว้มั่นก็พอแล้ว

และขอเพียงไม่มาหาเรื่องบนหัวเขา การเข่นฆ่าและแย่งชิงที่เกิดขึ้นในแดนหมื่นมรรค เขาย่อมไม่ใส่ใจอะไรมากมายอยู่แล้ว

ส่วนเรื่องที่สองก็คือ ช่วงนี้มีข่าวมากมายกระจายออกมาในนครต้องห้าม ว่าขุมอำนาจดินแดนรกร้างโบราณจะหวนกลับมาในอีกไม่นาน!

กำลังคนที่ส่งมาคราวนี้จะแข็งแกร่งเกินจินตนาการ

ไม่ต้องเดาสักนิดก็รู้ว่าตอนที่กำลังพลของขุมอำนาจใหญ่ดินแดนรกร้างโบราณเหล่านี้บุกมา จะต้องมาล้างแค้นกับภูเขาชำระจิต!

“ดูท่าเพื่อควบคุมโลกชั้นล่างที่ไอวิญญาณฟื้นคืนนี้ ขุมอำนาจดินแดนรกร้างโบราณเหล่านั้นคงคลุ้มคลั่งจนไม่สนว่าจะต้องจ่ายค่าตอบแทนทั้งหมดแล้ว…”

นัยน์ตาดำของหลินสวินเย็นชาลงเล็กน้อย

แต่เขายังไม่สนใจเหมือนเคย

โลกชั้นล่างแห่งนี้ยังอยู่ระหว่างการเปลี่ยนแปลง ตอนนี้รับพลังได้เพียงระดับจักรพรรดิขั้นหนึ่งสัมบูรณ์เท่านั้น

นี่ก็หมายความว่า ไม่ว่าจะเป็นระดับจักรพรรดิคนใด ขอเพียงปรากฏตัวในแดนหมื่นมรรคแห่งนี้ พลังปราณก็จะต้องถูกข่มอยู่ที่ระดับจักรพรรดิขั้นหนึ่ง

สำหรับหลินสวินแล้ว แค่ใช้พลังของกายมรรคทั้งห้าก็สามารถเคลื่อนกวาดทั้งแดนหมื่นมรรคได้แล้ว!

ไม่นานนักหลินสวินก็มาถึงยอดภูเขาชำระจิต

เขาสะบัดแขนเสื้อ ปล่อยสมาชิกราชวงศ์กับคนตระกูลหลินเหล่านั้นที่ช่วยกลับมาออกจากเจดีย์ไร้สิ้นสุด

ระหว่างที่กลับมาจากโลกภายนอก พวกจ้าวไท่ไหล หลินจงก็ฟื้นแล้ว เพียงแต่ยังไม่เข้าใจสถานการณ์ สับสนงุนงงไปหมด

กระทั่งตอนนี้พออยู่ในโถงใหญ่แห่งนี้ มองดูหลินสวินที่ยืนยิ้มอยู่ไกลๆ ทุกคนยังตาเบิกกว้างอย่างอดไม่ได้ คล้ายนึกว่าฝันไปจริงๆ…

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+