Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 2388 ถล่มหอกระบี่ฟ้า

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 2388 ถล่มหอกระบี่ฟ้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2388 ถล่มหอกระบี่ฟ้า

หอกระบี่ฟ้า

สำนักกระบี่อันดับหนึ่งในดินแดนโบราณต้าหลัว ฉายาแหล่งบรรจบหมื่นกระบี่

ในกาลเวลาไร้สิ้นสุด หอกระบี่ฟ้าดุจดั่งนายเหนือหัวที่ไม่อาจสั่นคลอน ถูกผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนในดินแดนโบราณต้าหลัวมองเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์

เขากระบี่ผาเขียว

อาณาเขตหอกระบี่ฟ้า

เขาลูกนี้อบอวลไอวิญญาณ สูงตระหง่านทอดยาว ถูกปกคลุมด้วยประกายเทพแสงศักดิ์สิทธิ์ตลอดปี ได้รับสมญาว่าเป็นแดนมงคลอันดับหนึ่งในดินแดนโบราณต้าหลัว

ในวันนี้ ช่วงกลางเขากระบี่ผาเขียว กลางตำหนักโบราณเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ริมหน้าผาแห่งหนึ่ง

คนใหญ่คนโตหอกระบี่ฟ้าทั้งกลุ่มมารวมตัวกันที่นี่

ผู้นำคือชายสวมชุดคลุมดำ รูปร่างสง่างาม ผมเคราสีดอกเลา สายตาคมกริบดุจกระบี่ ยืนเอามือไพล่หลัง มีบารมียิ่งใหญ่ในตัวเอง

ฮว่าอวิ๋นตู้ เจ้าสำนักหอกระบี่ฟ้า

เจ้าตัวก็เป็นระดับจักรพรรดิเช่นกัน

“ยังไม่ได้หรือ” ฮว่าอวิ๋นตู้ขมวดคิ้วถาม

ชายชราอ้วนเตี้ยชุดคลุมเข้มคนหนึ่งส่ายหน้า “เจตจำนงของซูไป๋คนนี้แข็งแกร่งไร้ใดเปรียบ แม้ว่าพวกเราจะใช้วิชาลับ แต่ยากจะโจมตีเจตจำนงของเขาได้ในทันทีทันใด เมื่อเป็นเช่นนี้หากต้องการลบล้างความทรงจำของเขาก็ไม่เหลือวิธีใดๆ อีกแล้ว”

“เฮอะ!”

ฮว่าอวิ๋นตู้สายตาเย็นเยียบ “ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องทำให้เจ้านั่นยอมจำนนโดยสมบูรณ์ มกุฎกึ่งจักรพรรดิอันดับหนึ่งของดินแดนรกร้างโบราณ แถมบนตัวยังมีกระดูกกระบี่ที่หาพบยากในหมื่นยุค หากทำงานรับใช้ข้าได้ ภายหน้าหอกระบี่ฟ้าของข้าอาจมีมหาจักรพรรดิแห่งยุคที่มรรคกระบี่เทียมฟ้าเพิ่มมาอีกคนก็ได้!”

“ขอรับ”

ชายชราอ้วนเตี้ยชุดคลุมเข้มพยักหน้า จากนั้นกล่าวขึ้น “แต่ตอนนี้เกรงว่าไม่อาจใช้วิชาลับอีกแล้ว…”

“ทำไมล่ะ” ฮว่าอวิ๋นตู้ถาม

ชายชราอ้วนเตี้ยชุดคลุมเข้มรีบกล่าว “หลายวันมานี้ใช้วิชาลับควบคุมเด็กนี่ จิตวิญญาณและสภาวะจิตของเขาทรมานจนแทบพังทลาย ขืนทำต่อ มรรควิถีของเจ้าหนุ่มนี่อาจพังทลาย และหากเป็นเช่นนี้ ต่อให้สุดท้ายกำราบเขาให้ยอมศิโรราบได้ เกรงว่าคงกลายเป็นคนไร้ประโยชน์คนหนึ่ง”

ฮว่าอวิ๋นตู้อึ้งไป โบกมือกล่าว “ช่างเถอะ ข้าให้เวลาเจ้าอีกสิบวัน”

ว่าพลางจู่ๆ เขาก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมา “กองทัพใหญ่ที่มุ่งหน้าไปด่านตะวันมีข่าวส่งกลับมาบ้างหรือไม่”

ทุกคนส่ายหน้า

มีคนกล่าวเสียงต่ำ “เจ้าสำนัก นี่เวลาเพิ่งไม่ถึงสองวัน ถึงแม้ด่านตะวันที่พิปกป้องดินแดนรกร้างโบราณจะย่ำแย่ แต่ดีชั่วก็มีระดับจักรพรรดิดูแลหลายคน หากอยากยึดสำเร็จในคราวเดียว เกรงว่าคงไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ในเวลาสั้นๆ”

เขาชะงักไปครู่หนึ่งก่อนกล่าวต่อ “แต่ว่าครั้งนี้ภายใต้คำสั่งหอกระบี่ฟ้าของเรา ได้รวบรวมพลังชั้นยอดจากขุมอำนาจใหญ่นับพันในดินแดนโบราณต้าหลัว ลำพังแค่ระดับจักรพรรดิที่ส่งออกไปก็มีเก้าคนแล้ว เชื่อว่าการเหยียบด่านตะวันให้ราบในครั้งนี้ก็อยู่ที่ช้าหรือเร็วแล้ว”

ทุกคนสีหน้ากระปรี้กระเปร่า

ตอนนี้ไอวิญญาณฟื้นคืนในดินแดนรกร้างโบราณปรากฏสัญญาณยิ่งใหญ่ หากสามารถครอบครองดินแดนรกร้างโบราณได้ สำหรับขุมอำนาจใดๆ ก็ตามในดินแดนโบราณต้าหลัว ล้วนไม่ต่างกับการได้รับโอกาสเพิ่มความแข็งแกร่งรอบด้านของตนเลยสักนิด!

“ดินแดนรกร้างโบราณนี่… สมกับเป็นอาณาเขตแดนต้นกำเนิดหมื่นมรรค แม้จะเสื่อมโทรมในกาลเวลาไร้สิ้นสุด แต่พอฟื้นตัวได้ พลังที่สาดพุ่งออกมายังคงเหนือชั้นเกินกว่าแปดดินแดนของพวกเรา”

ฮว่าอวิ๋นตู้ทอดถอนใจ “แต่ยังดีครั้งนี้ขุมอำนาจแปดดินแดนเคลื่อนทัพพร้อมกัน ถึงแม้กำแพงเมืองด่านจักรพรรดิของดินแดนรกร้างโบราณจะป้องกันแน่นหนาแค่ไหนก็ต้องถูกเหยียบพินาศอยู่ดี ถึงตอนนั้น…”

เพิ่งกล่าวถึงตรงนี้ จู่ๆ เสียงเรียบเรื่อยสายหนึ่งก็ดังลอยมาจากนอกโถงใหญ่

“ตามความเห็นของข้าคนแซ่หลิน พวกเจ้ารอไม่ถึงตอนนั้นหรอก”

ประโยคเดียวแสนเรียบง่าย กลับทำให้คนใหญ่คนโตหอกระบี่ฟ้าทั้งกลุ่มอย่างพวกฮว่าอวิ๋นตู้หน้าเปลี่ยนสี พุ่งกระโจนออกนอกโถงใหญ่พร้อมกัน

ก็เห็นภายใต้เวิ้งฟ้าไกลๆ ไม่รู้ปรากฏเงาร่างสูงโปร่ง สวมชุดดำ ราบเรียบไร้โลกีย์สายหนึ่งขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่

“เจ้าเป็นใคร” นัยน์ตาฮว่าอวิ๋นตู้ดุจสายฟ้า กวาดมองหลินสวิน สีหน้าเคร่งขรึม

คนอื่นๆ ก็สีหน้าแปลกไป คล้ายคิดไม่ถึงว่าในดินแดนโบราณต้าหลัวแห่งนี้ ยังมีคนกล้าโร่มาท้าทายอำนาจหอกระบี่ฟ้าของพวกเขา

หลินสวินไม่ตอบ ทำเพียงใช้สายตากวาดมองพวกฮว่าอวิ๋นตู้แล้วตวัดมือลวกๆ

วู้ม!

ปราณกระบี่ดั่งธารน้ำตกพันจั้งสายหนึ่งพุ่งขวางออกมา ปลดปล่อยแสงวาวโรจน์แสบตา ส่องสว่างฟ้าดินแถบนี้จนภูผาธาราหม่นสี

ฟันฉับลงมาทันใด

ทั่วเขากระบี่ผาเขียวทั้งบนล่างปกคลุมด้วยพลังผนึกพิทักษ์เขาหกสิบสี่ชั้น ผ่านการเคี่ยวกรำต่อเนื่องในกาลเวลาไร้สิ้นสุด พลังผนึกระดับนั้นสามารถต้านทานการโจมตีเต็มกำลังของระดับจักรพรรดิได้

ฉะนั้นเมื่อเห็นภาพเหตุการณ์นี้ พวกฮว่าอวิ๋นตู้อึ้งไปเป็นสิ่งแรก จากนั้นก็เผยสีหน้าขำขันออกมา รู้สึกน่าขันอย่างบอกไม่ถูก

เจ้าหมอนี่บ้าไปแล้วกระมัง

ในฐานะสำนักกระบี่อันดับหนึ่งของดินแดนโบราณต้าหลัว ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดที่ผ่านมานี้ ผู้ฝึกปราณคนไหนกล้าบุกเข้ามาเช่นนี้บ้าง

ไม่รู้จักเจียมตัว ไม่รู้ที่ตายโดยสิ้นเชิง!

แต่ทว่า…

เมื่อกระบี่นี้ฟันลงมา ผนึกใหญ่พิทักษ์ภูเขาที่ถูกพวกฮว่าอวิ๋นตู้มองว่าทนทานไม่มีวันแตกหักนั่น กลับถูกฟันกระจายออกเป็นชั้นๆ ราวกระดาษเปื่อย

ตูม โครม!

แผ่นดินไหวภูเขาสั่นสะเทือน ฝุ่นควันคลุ้งกระจาย

ผนึกใหญ่พิทักษ์เขาหกสิบสี่ชั้น เวลานี้ถูกฟันแยกเป็นรอยแตกมหึมาไร้ที่เปรียบจากตรงกลางเข้าอย่างจัง

เขากระบี่ผาเขียวที่ถูกกระบวนผนึกใหญ่โอบป้องกัน ล้วนถูกฟันเป็นรอยแยกสายหนึ่ง ตัวเขาสูงตระหง่านเอียงทรุด ถล่มครืนฉับพลัน

กระบี่เดียวแยกภูเขา!

พวกฮว่าอวิ๋นตู้ที่ยืนอยู่บริเวณกลางไหล่เขาของเขากระบี่ผาเขียวล้วนหลบหลีกตามจิตใต้สำนึก แต่แม้จะหลบกระบี่น่าสะพรึงไร้สิ้นสุดนี้ได้ ทว่าสีหน้าล้วนไม่น่าดูสุดจะเปรียบ สายตาเต็มไปด้วยความตื่นตกใจ

หนึ่งกระบี่ก็ทำลายแนวป้องกันที่แข็งแกร่งทนทานที่สุดของสำนักพวกเขาได้แล้ว เกือบถล่มประตูภูเขาของพวกเขาจนสิ้นซาก!

มีหรือพวกเขาจะไม่แจ้งใจว่าอีกฝ่ายหาใช่บ้าดีเดือด หากแต่มีพลังและรากฐานชั้นยอด

บนเขากระบี่ผาเขียว เสียงร้องลั่นอึงอลขึ้นสี่ทิศ ผู้สืบทอดหอกระบี่ฟ้านับไม่ถ้วนที่อาศัยอยู่ในนั้นล้วนเผ่นหนีเตลิด สภาพชุลมุนวุ่นวาย

หลังฟันกระบี่นี้ออกไป หลินสวินเอ่ยปากราบเรียบ

“จากวันนี้ไปหอกระบี่ฟ้าจะลบชื่อออกจากโลก ข้าคนแซ่หลินให้เวลาพวกเจ้าไตร่ตรองสิบลมหายใจ จะยอมแพ้ซะดีๆ หรือว่าจะ… ตาย”

เสียงราบเรียบนั้นดั่งลมพายุหอบม้วนสิบแผ่นดิน ทำให้คนไม่รู้เท่าไหร่หน้าเปลี่ยนสี

“รนหาที่ตาย!”

ชายวัยกลางคนร่างบึกบึนคนหนึ่งพุ่งตัวออกมาเต็มกำลัง เป็นระดับมหาจักรพรรดิคนหนึ่ง ยื่นมือออกมาคว้า กระแสปราณกระบี่ราวเปลวเพลิงหินหนืดแถบหนึ่งพุ่งโจมตีใส่หลินสวินทันที

หลินสวินโบกแขนเสื้อคราหนึ่ง

แสงมรรคถาโถม ม้วนปราณกระบี่ขาวเวิ้งว้างนับไม่ถ้วนขึ้นมา กลบเต็มท้องฟ้าถมทั่วจักรวาล!

ตูม!

ท่ามกลางเสียงชนกระแทกสนั่นหวั่นไหว ชายวัยกลางคนร่างบึกบึนส่งเสียงคำรามอย่างไม่ยินยอม ทั้งตัวถูกปราณกระบี่กวาดสังหาร กลายเป็นเถ้าธุลีสาดโปรย

“ไม่ประมาณตน” ริมฝีปากหลินสวินพ่นไม่กี่คำนี้ออกมา

ทั่วลานเงียบกริบ

พวกฮว่าอวิ๋นตู้มือเท้าเย็นเฉียบ ตกใจแกมโมโหปนเปกัน

ทุบกะโหลกจนแตกพวกเขาก็จินตนาการไม่ออก ว่าในดินแดนโบราณต้าหลัวแห่งนี้มีคนน่าสะพรึงยิ่งเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่

โบกแขนเสื้อสังหารจักรพรรดิ!

นี่ทำให้พวกเขาตกใจยิ่งยวด

“เจ้าเป็นใครกันแน่ หอกระบี่ฟ้าของข้าเคยหาเรื่องเจ้าเมื่อไหร่ เหตุใดต้องทำลายสำนักข้า ฆ่าคนสำนักข้าด้วย” ฮว่าอวิ๋นตู้กล่าวเสียงกร้าว

“แม้แต่ข้ายังไม่รู้จัก ยังกล้าจับตัวศิษย์ของข้า หอกระบี่ฟ้าของพวกเจ้า… ช่างใจกล้าจริงๆ…”

หลินสวินเผยสีหน้าเหยียดแคลน “ตอนนี้ผ่านไปห้าลมหายใจแล้ว”

พวกฮว่าอวิ๋นตู้หน้าเปลี่ยนสีอีกครั้ง

และทั่วเขากระบี่ผาเขียวทั้งบนล่าง ผู้สืบทอดหอกระบี่ฟ้าเหล่านั้นตกใจจนสติเปิดเปิงนานแล้ว ยามนี้ล้วนยุ่งแต่กับการเผ่นหนีอุตลุด พุ่งออกไปนอกภูเขา

“หยุด! หยุดให้ข้าทั้งหมดเดี๋ยวนี้!” มีคนใหญ่คนโตคำรามเสียงกร้าว

แต่นี่ย่อมเสียแรงเปล่า หอใหญ่ใกล้ถล่ม ใครจะกล้าไม่หนีตายกันบ้าง

“ลงมือพร้อมกัน ฆ่าเขาซะ!”

สัตว์ประหลาดเฒ่าบางส่วนคำราม ดวงตาแดงก่ำ พุ่งออกไปพร้อมกันราวสู้สุดแรงเกิด แต่ละคนล้วนสำแดงฝีมือก้นกรุออกมา

“ดิ้นรนก่อนตาย” นิ้วมือหลินสวินคว้าไปลางอากาศ ปราณกระบี่เจิดจ้าควบรวมออกมาสายหนึ่ง พุ่งขวางออกไป

ตูม!

เสียงระเบิดลั่นเหมือนฟ้าถล่มดินทลายดังกึกก้อง

ก็เห็นพวกสัตว์ประหลาดเฒ่าเหล่านั้นล้วนถูกสังหารตายเกลี้ยงพริบตา ร่างกายและจิตวิญญาณอันตรธานหายไปราวฟองอากาศ

เมื่อเห็นภาพนี้ หอกระบี่ฟ้าทั้งบนล่างล้วนขวัญกระเจิง พังทลายอย่างสมบูรณ์ ผู้สืบทอดเหล่านั้นเผ่นหนีอย่างบ้าคลั่ง

พวกฮว่าอวิ๋นตู้อึ้งค้าง สายตาทอประกายสิ้นท่า

ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดที่ผ่านมานี้ หอกระบี่ฟ้าดุจดั่งนายเหนือหัวที่ไม่อาจสั่นคลอน ตั้งตระหง่านบนดินแดนโบราณต้าหลัว อานุภาพเกริกก้องใต้หล้า

ในใจสรรพชีวิตทั้งปวง พวกเขาก็เหมือนเทพศักดิ์สิทธิ์เหนือสุด สามารถคงอยู่ตราบชั่วหมื่นยุค

แต่ในวันนี้…

เพียงคนผู้เดียว หนึ่งกระบี่ผ่าภูเขา โบกแขนเสื้อสังหารจักรพรรดิ สั่นคลอนรากฐานทั่วทั้งหอกระบี่ฟ้า!

นี่น่าสะพรึงเกินไป!

ทำให้พวกฮว่าอวิ๋นตู้คาดไม่ถึงสักนิด กระทั่งจวบจนตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นเทพศักดิ์สิทธิ์จากที่ใดกันแน่…

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเร็วเกินไปแล้ว!

“พวกข้า… ยอมแพ้…” ฮว่าอวิ๋นตู้ขมเฝื่อนในปาก สายตาอับแสง “หวังเพียงสหายยุทธ์เมตตา อย่าทำร้ายผู้บริสุทธิ์…”

คนอื่นๆ ต่างเศร้าสลดจากใจ

ตั้งแต่ต้นจนจบใช้เวลาเพียงครู่เดียวเท่านั้น แต่สภาพพวกเขากลับเหมือนตกจากฟ้าหมื่นจั้งร่วงมายังโลกปุถุชน ความห่างชั้นเช่นนั้น ความหวาดกลัวระดับนั้น ทำให้พวกเขาถึงขั้นมีความรู้สึกพังทลาย

“สิบลมหายใจผ่านไปแล้ว เพิ่งมายอมแพ้เอาป่านนี้… สายไปแล้ว”

และเมื่อหลินสวินเอ่ยประโยคนี้ออกมา ก็เหมือนฟางเส้นสุดท้ายที่ทับอูฐตาย บรรดาคนระดับสูงหอกระบี่ฟ้าอย่างพวกฮว่าอวิ๋นตู้ล้วนเผยสีหน้าบ้าคลั่งออกมา

“สู้มัน!”

“ฆ่า!”

พวกเขาคำราม พุ่งกระโจนเต็มกำลัง ดวงตาแดงก่ำเหมือนเข้าตาจน ถูกกระตุ้นจนสติคลุ้มคลั่ง

แต่นี่ก็เหมือนแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ

หลินสวินเหยียบย่างกลางอากาศ อาภรณ์พลิ้วไหว เมื่อเขาก้าวไปเบื้องหน้า ฟ้าพลิกดินคว่ำ ภูผาธาราทรุดครืน นัยเร้นลับมหามรรคทั้งปวงแปลงเป็นปราณกระบี่คมไร้ทัดเทียมทะยานออกไป

พรูดๆๆ!

คนใหญ่คนโตหอกระบี่ฟ้าล้มทรุดลงคนแล้วคนเล่า หยาดเลือดย้อมห้วงอากาศแดงฉาน กลิ่นอายความตายลุกลามต่อเนื่อง ทำให้ฟ้าดินจมสู่ภาพฉากดุจนรก

จนกระทั่งตอนที่หลินสวินมาถึงเขากระบี่ผาเขียวที่พังลถ่ม คนใหญ่คนโตหอกระบี่ฟ้าทั้งกลุ่มรวมถึงฮว่าอวิ๋นตู้ล้วนตายอนาถคาที่กันหมดแล้ว!

การเข่นฆ่าที่อานุภาพดุจผ่าลำไผ่เช่นนั้น ประดุจไร้ศัตรูชัดๆ!

ในพื้นที่ใกล้เคียง ผู้สืบทอดหอกระบี่ฟ้ามากมายยังคงวิ่งหนีจ้าละหวั่น แต่ละคนกลัวจนแตกตื่นทำอะไรไม่ถูก หวาดผวายิ่งยวด

หลินสวินไม่สนใจพวกกระจิบกระจอกเหล่านี้

เขาตรงไปที่ภูเขาด้านหลัง

และได้พบกับซูไป๋ในคุกใต้ดินที่มืดมิดและหนาวเย็น

ซูไป๋อาบเลือดทั้งตัว ผมเผ้ารุงรัง นั่งเซื่องซึมอยู่ตรงนั้นราวท่อนไม้ ตามผิวหนังมีรอยกระบี่นับไม่ถ้วน เลือดสดดูเหมือนแห้งกรังหมดแล้ว

ในคุกมืดมิดไร้แสงตะวันนี้ ไม่รู้เขาผ่านการทรมานและความทุกข์สาหัสมามากแค่ไหน ถ้าไม่ใช่ว่ายังมีคลื่นพลังชีวิตแผ่ออกมาเป็นสายๆ ก็ไม่ต่างอะไรกับคนตายชัดๆ

หลินสวินเดินไปข้างหน้า

เหตุผลที่ปีนั้นเขารับซูไป๋เป็นศิษย์ฝากนาม หนึ่งเพราะเด็กคนนี้นิสัยแน่วแน่ สองเพราะเด็กคนนี้มีกระดูกกระบี่แต่กำเนิด และมีพรสวรรค์คล้ายคลึงกับอวิ๋นชิ่งไป๋

ส่วนถามว่าเอ็นดูแค่ไหน กลับยังไม่ถึงขั้นนั้น

แต่ในเวลานี้เมื่อเห็นเขาถูกทรมานจนมีสภาพนี้ กลับทําให้หลินสวินอดขมวดคิ้วในใจไม่ได้

……………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 2388 ถล่มหอกระบี่ฟ้า

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 2388 ถล่มหอกระบี่ฟ้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2388 ถล่มหอกระบี่ฟ้า

หอกระบี่ฟ้า

สำนักกระบี่อันดับหนึ่งในดินแดนโบราณต้าหลัว ฉายาแหล่งบรรจบหมื่นกระบี่

ในกาลเวลาไร้สิ้นสุด หอกระบี่ฟ้าดุจดั่งนายเหนือหัวที่ไม่อาจสั่นคลอน ถูกผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนในดินแดนโบราณต้าหลัวมองเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์

เขากระบี่ผาเขียว

อาณาเขตหอกระบี่ฟ้า

เขาลูกนี้อบอวลไอวิญญาณ สูงตระหง่านทอดยาว ถูกปกคลุมด้วยประกายเทพแสงศักดิ์สิทธิ์ตลอดปี ได้รับสมญาว่าเป็นแดนมงคลอันดับหนึ่งในดินแดนโบราณต้าหลัว

ในวันนี้ ช่วงกลางเขากระบี่ผาเขียว กลางตำหนักโบราณเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ริมหน้าผาแห่งหนึ่ง

คนใหญ่คนโตหอกระบี่ฟ้าทั้งกลุ่มมารวมตัวกันที่นี่

ผู้นำคือชายสวมชุดคลุมดำ รูปร่างสง่างาม ผมเคราสีดอกเลา สายตาคมกริบดุจกระบี่ ยืนเอามือไพล่หลัง มีบารมียิ่งใหญ่ในตัวเอง

ฮว่าอวิ๋นตู้ เจ้าสำนักหอกระบี่ฟ้า

เจ้าตัวก็เป็นระดับจักรพรรดิเช่นกัน

“ยังไม่ได้หรือ” ฮว่าอวิ๋นตู้ขมวดคิ้วถาม

ชายชราอ้วนเตี้ยชุดคลุมเข้มคนหนึ่งส่ายหน้า “เจตจำนงของซูไป๋คนนี้แข็งแกร่งไร้ใดเปรียบ แม้ว่าพวกเราจะใช้วิชาลับ แต่ยากจะโจมตีเจตจำนงของเขาได้ในทันทีทันใด เมื่อเป็นเช่นนี้หากต้องการลบล้างความทรงจำของเขาก็ไม่เหลือวิธีใดๆ อีกแล้ว”

“เฮอะ!”

ฮว่าอวิ๋นตู้สายตาเย็นเยียบ “ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องทำให้เจ้านั่นยอมจำนนโดยสมบูรณ์ มกุฎกึ่งจักรพรรดิอันดับหนึ่งของดินแดนรกร้างโบราณ แถมบนตัวยังมีกระดูกกระบี่ที่หาพบยากในหมื่นยุค หากทำงานรับใช้ข้าได้ ภายหน้าหอกระบี่ฟ้าของข้าอาจมีมหาจักรพรรดิแห่งยุคที่มรรคกระบี่เทียมฟ้าเพิ่มมาอีกคนก็ได้!”

“ขอรับ”

ชายชราอ้วนเตี้ยชุดคลุมเข้มพยักหน้า จากนั้นกล่าวขึ้น “แต่ตอนนี้เกรงว่าไม่อาจใช้วิชาลับอีกแล้ว…”

“ทำไมล่ะ” ฮว่าอวิ๋นตู้ถาม

ชายชราอ้วนเตี้ยชุดคลุมเข้มรีบกล่าว “หลายวันมานี้ใช้วิชาลับควบคุมเด็กนี่ จิตวิญญาณและสภาวะจิตของเขาทรมานจนแทบพังทลาย ขืนทำต่อ มรรควิถีของเจ้าหนุ่มนี่อาจพังทลาย และหากเป็นเช่นนี้ ต่อให้สุดท้ายกำราบเขาให้ยอมศิโรราบได้ เกรงว่าคงกลายเป็นคนไร้ประโยชน์คนหนึ่ง”

ฮว่าอวิ๋นตู้อึ้งไป โบกมือกล่าว “ช่างเถอะ ข้าให้เวลาเจ้าอีกสิบวัน”

ว่าพลางจู่ๆ เขาก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมา “กองทัพใหญ่ที่มุ่งหน้าไปด่านตะวันมีข่าวส่งกลับมาบ้างหรือไม่”

ทุกคนส่ายหน้า

มีคนกล่าวเสียงต่ำ “เจ้าสำนัก นี่เวลาเพิ่งไม่ถึงสองวัน ถึงแม้ด่านตะวันที่พิปกป้องดินแดนรกร้างโบราณจะย่ำแย่ แต่ดีชั่วก็มีระดับจักรพรรดิดูแลหลายคน หากอยากยึดสำเร็จในคราวเดียว เกรงว่าคงไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ในเวลาสั้นๆ”

เขาชะงักไปครู่หนึ่งก่อนกล่าวต่อ “แต่ว่าครั้งนี้ภายใต้คำสั่งหอกระบี่ฟ้าของเรา ได้รวบรวมพลังชั้นยอดจากขุมอำนาจใหญ่นับพันในดินแดนโบราณต้าหลัว ลำพังแค่ระดับจักรพรรดิที่ส่งออกไปก็มีเก้าคนแล้ว เชื่อว่าการเหยียบด่านตะวันให้ราบในครั้งนี้ก็อยู่ที่ช้าหรือเร็วแล้ว”

ทุกคนสีหน้ากระปรี้กระเปร่า

ตอนนี้ไอวิญญาณฟื้นคืนในดินแดนรกร้างโบราณปรากฏสัญญาณยิ่งใหญ่ หากสามารถครอบครองดินแดนรกร้างโบราณได้ สำหรับขุมอำนาจใดๆ ก็ตามในดินแดนโบราณต้าหลัว ล้วนไม่ต่างกับการได้รับโอกาสเพิ่มความแข็งแกร่งรอบด้านของตนเลยสักนิด!

“ดินแดนรกร้างโบราณนี่… สมกับเป็นอาณาเขตแดนต้นกำเนิดหมื่นมรรค แม้จะเสื่อมโทรมในกาลเวลาไร้สิ้นสุด แต่พอฟื้นตัวได้ พลังที่สาดพุ่งออกมายังคงเหนือชั้นเกินกว่าแปดดินแดนของพวกเรา”

ฮว่าอวิ๋นตู้ทอดถอนใจ “แต่ยังดีครั้งนี้ขุมอำนาจแปดดินแดนเคลื่อนทัพพร้อมกัน ถึงแม้กำแพงเมืองด่านจักรพรรดิของดินแดนรกร้างโบราณจะป้องกันแน่นหนาแค่ไหนก็ต้องถูกเหยียบพินาศอยู่ดี ถึงตอนนั้น…”

เพิ่งกล่าวถึงตรงนี้ จู่ๆ เสียงเรียบเรื่อยสายหนึ่งก็ดังลอยมาจากนอกโถงใหญ่

“ตามความเห็นของข้าคนแซ่หลิน พวกเจ้ารอไม่ถึงตอนนั้นหรอก”

ประโยคเดียวแสนเรียบง่าย กลับทำให้คนใหญ่คนโตหอกระบี่ฟ้าทั้งกลุ่มอย่างพวกฮว่าอวิ๋นตู้หน้าเปลี่ยนสี พุ่งกระโจนออกนอกโถงใหญ่พร้อมกัน

ก็เห็นภายใต้เวิ้งฟ้าไกลๆ ไม่รู้ปรากฏเงาร่างสูงโปร่ง สวมชุดดำ ราบเรียบไร้โลกีย์สายหนึ่งขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่

“เจ้าเป็นใคร” นัยน์ตาฮว่าอวิ๋นตู้ดุจสายฟ้า กวาดมองหลินสวิน สีหน้าเคร่งขรึม

คนอื่นๆ ก็สีหน้าแปลกไป คล้ายคิดไม่ถึงว่าในดินแดนโบราณต้าหลัวแห่งนี้ ยังมีคนกล้าโร่มาท้าทายอำนาจหอกระบี่ฟ้าของพวกเขา

หลินสวินไม่ตอบ ทำเพียงใช้สายตากวาดมองพวกฮว่าอวิ๋นตู้แล้วตวัดมือลวกๆ

วู้ม!

ปราณกระบี่ดั่งธารน้ำตกพันจั้งสายหนึ่งพุ่งขวางออกมา ปลดปล่อยแสงวาวโรจน์แสบตา ส่องสว่างฟ้าดินแถบนี้จนภูผาธาราหม่นสี

ฟันฉับลงมาทันใด

ทั่วเขากระบี่ผาเขียวทั้งบนล่างปกคลุมด้วยพลังผนึกพิทักษ์เขาหกสิบสี่ชั้น ผ่านการเคี่ยวกรำต่อเนื่องในกาลเวลาไร้สิ้นสุด พลังผนึกระดับนั้นสามารถต้านทานการโจมตีเต็มกำลังของระดับจักรพรรดิได้

ฉะนั้นเมื่อเห็นภาพเหตุการณ์นี้ พวกฮว่าอวิ๋นตู้อึ้งไปเป็นสิ่งแรก จากนั้นก็เผยสีหน้าขำขันออกมา รู้สึกน่าขันอย่างบอกไม่ถูก

เจ้าหมอนี่บ้าไปแล้วกระมัง

ในฐานะสำนักกระบี่อันดับหนึ่งของดินแดนโบราณต้าหลัว ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดที่ผ่านมานี้ ผู้ฝึกปราณคนไหนกล้าบุกเข้ามาเช่นนี้บ้าง

ไม่รู้จักเจียมตัว ไม่รู้ที่ตายโดยสิ้นเชิง!

แต่ทว่า…

เมื่อกระบี่นี้ฟันลงมา ผนึกใหญ่พิทักษ์ภูเขาที่ถูกพวกฮว่าอวิ๋นตู้มองว่าทนทานไม่มีวันแตกหักนั่น กลับถูกฟันกระจายออกเป็นชั้นๆ ราวกระดาษเปื่อย

ตูม โครม!

แผ่นดินไหวภูเขาสั่นสะเทือน ฝุ่นควันคลุ้งกระจาย

ผนึกใหญ่พิทักษ์เขาหกสิบสี่ชั้น เวลานี้ถูกฟันแยกเป็นรอยแตกมหึมาไร้ที่เปรียบจากตรงกลางเข้าอย่างจัง

เขากระบี่ผาเขียวที่ถูกกระบวนผนึกใหญ่โอบป้องกัน ล้วนถูกฟันเป็นรอยแยกสายหนึ่ง ตัวเขาสูงตระหง่านเอียงทรุด ถล่มครืนฉับพลัน

กระบี่เดียวแยกภูเขา!

พวกฮว่าอวิ๋นตู้ที่ยืนอยู่บริเวณกลางไหล่เขาของเขากระบี่ผาเขียวล้วนหลบหลีกตามจิตใต้สำนึก แต่แม้จะหลบกระบี่น่าสะพรึงไร้สิ้นสุดนี้ได้ ทว่าสีหน้าล้วนไม่น่าดูสุดจะเปรียบ สายตาเต็มไปด้วยความตื่นตกใจ

หนึ่งกระบี่ก็ทำลายแนวป้องกันที่แข็งแกร่งทนทานที่สุดของสำนักพวกเขาได้แล้ว เกือบถล่มประตูภูเขาของพวกเขาจนสิ้นซาก!

มีหรือพวกเขาจะไม่แจ้งใจว่าอีกฝ่ายหาใช่บ้าดีเดือด หากแต่มีพลังและรากฐานชั้นยอด

บนเขากระบี่ผาเขียว เสียงร้องลั่นอึงอลขึ้นสี่ทิศ ผู้สืบทอดหอกระบี่ฟ้านับไม่ถ้วนที่อาศัยอยู่ในนั้นล้วนเผ่นหนีเตลิด สภาพชุลมุนวุ่นวาย

หลังฟันกระบี่นี้ออกไป หลินสวินเอ่ยปากราบเรียบ

“จากวันนี้ไปหอกระบี่ฟ้าจะลบชื่อออกจากโลก ข้าคนแซ่หลินให้เวลาพวกเจ้าไตร่ตรองสิบลมหายใจ จะยอมแพ้ซะดีๆ หรือว่าจะ… ตาย”

เสียงราบเรียบนั้นดั่งลมพายุหอบม้วนสิบแผ่นดิน ทำให้คนไม่รู้เท่าไหร่หน้าเปลี่ยนสี

“รนหาที่ตาย!”

ชายวัยกลางคนร่างบึกบึนคนหนึ่งพุ่งตัวออกมาเต็มกำลัง เป็นระดับมหาจักรพรรดิคนหนึ่ง ยื่นมือออกมาคว้า กระแสปราณกระบี่ราวเปลวเพลิงหินหนืดแถบหนึ่งพุ่งโจมตีใส่หลินสวินทันที

หลินสวินโบกแขนเสื้อคราหนึ่ง

แสงมรรคถาโถม ม้วนปราณกระบี่ขาวเวิ้งว้างนับไม่ถ้วนขึ้นมา กลบเต็มท้องฟ้าถมทั่วจักรวาล!

ตูม!

ท่ามกลางเสียงชนกระแทกสนั่นหวั่นไหว ชายวัยกลางคนร่างบึกบึนส่งเสียงคำรามอย่างไม่ยินยอม ทั้งตัวถูกปราณกระบี่กวาดสังหาร กลายเป็นเถ้าธุลีสาดโปรย

“ไม่ประมาณตน” ริมฝีปากหลินสวินพ่นไม่กี่คำนี้ออกมา

ทั่วลานเงียบกริบ

พวกฮว่าอวิ๋นตู้มือเท้าเย็นเฉียบ ตกใจแกมโมโหปนเปกัน

ทุบกะโหลกจนแตกพวกเขาก็จินตนาการไม่ออก ว่าในดินแดนโบราณต้าหลัวแห่งนี้มีคนน่าสะพรึงยิ่งเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่

โบกแขนเสื้อสังหารจักรพรรดิ!

นี่ทำให้พวกเขาตกใจยิ่งยวด

“เจ้าเป็นใครกันแน่ หอกระบี่ฟ้าของข้าเคยหาเรื่องเจ้าเมื่อไหร่ เหตุใดต้องทำลายสำนักข้า ฆ่าคนสำนักข้าด้วย” ฮว่าอวิ๋นตู้กล่าวเสียงกร้าว

“แม้แต่ข้ายังไม่รู้จัก ยังกล้าจับตัวศิษย์ของข้า หอกระบี่ฟ้าของพวกเจ้า… ช่างใจกล้าจริงๆ…”

หลินสวินเผยสีหน้าเหยียดแคลน “ตอนนี้ผ่านไปห้าลมหายใจแล้ว”

พวกฮว่าอวิ๋นตู้หน้าเปลี่ยนสีอีกครั้ง

และทั่วเขากระบี่ผาเขียวทั้งบนล่าง ผู้สืบทอดหอกระบี่ฟ้าเหล่านั้นตกใจจนสติเปิดเปิงนานแล้ว ยามนี้ล้วนยุ่งแต่กับการเผ่นหนีอุตลุด พุ่งออกไปนอกภูเขา

“หยุด! หยุดให้ข้าทั้งหมดเดี๋ยวนี้!” มีคนใหญ่คนโตคำรามเสียงกร้าว

แต่นี่ย่อมเสียแรงเปล่า หอใหญ่ใกล้ถล่ม ใครจะกล้าไม่หนีตายกันบ้าง

“ลงมือพร้อมกัน ฆ่าเขาซะ!”

สัตว์ประหลาดเฒ่าบางส่วนคำราม ดวงตาแดงก่ำ พุ่งออกไปพร้อมกันราวสู้สุดแรงเกิด แต่ละคนล้วนสำแดงฝีมือก้นกรุออกมา

“ดิ้นรนก่อนตาย” นิ้วมือหลินสวินคว้าไปลางอากาศ ปราณกระบี่เจิดจ้าควบรวมออกมาสายหนึ่ง พุ่งขวางออกไป

ตูม!

เสียงระเบิดลั่นเหมือนฟ้าถล่มดินทลายดังกึกก้อง

ก็เห็นพวกสัตว์ประหลาดเฒ่าเหล่านั้นล้วนถูกสังหารตายเกลี้ยงพริบตา ร่างกายและจิตวิญญาณอันตรธานหายไปราวฟองอากาศ

เมื่อเห็นภาพนี้ หอกระบี่ฟ้าทั้งบนล่างล้วนขวัญกระเจิง พังทลายอย่างสมบูรณ์ ผู้สืบทอดเหล่านั้นเผ่นหนีอย่างบ้าคลั่ง

พวกฮว่าอวิ๋นตู้อึ้งค้าง สายตาทอประกายสิ้นท่า

ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดที่ผ่านมานี้ หอกระบี่ฟ้าดุจดั่งนายเหนือหัวที่ไม่อาจสั่นคลอน ตั้งตระหง่านบนดินแดนโบราณต้าหลัว อานุภาพเกริกก้องใต้หล้า

ในใจสรรพชีวิตทั้งปวง พวกเขาก็เหมือนเทพศักดิ์สิทธิ์เหนือสุด สามารถคงอยู่ตราบชั่วหมื่นยุค

แต่ในวันนี้…

เพียงคนผู้เดียว หนึ่งกระบี่ผ่าภูเขา โบกแขนเสื้อสังหารจักรพรรดิ สั่นคลอนรากฐานทั่วทั้งหอกระบี่ฟ้า!

นี่น่าสะพรึงเกินไป!

ทำให้พวกฮว่าอวิ๋นตู้คาดไม่ถึงสักนิด กระทั่งจวบจนตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นเทพศักดิ์สิทธิ์จากที่ใดกันแน่…

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเร็วเกินไปแล้ว!

“พวกข้า… ยอมแพ้…” ฮว่าอวิ๋นตู้ขมเฝื่อนในปาก สายตาอับแสง “หวังเพียงสหายยุทธ์เมตตา อย่าทำร้ายผู้บริสุทธิ์…”

คนอื่นๆ ต่างเศร้าสลดจากใจ

ตั้งแต่ต้นจนจบใช้เวลาเพียงครู่เดียวเท่านั้น แต่สภาพพวกเขากลับเหมือนตกจากฟ้าหมื่นจั้งร่วงมายังโลกปุถุชน ความห่างชั้นเช่นนั้น ความหวาดกลัวระดับนั้น ทำให้พวกเขาถึงขั้นมีความรู้สึกพังทลาย

“สิบลมหายใจผ่านไปแล้ว เพิ่งมายอมแพ้เอาป่านนี้… สายไปแล้ว”

และเมื่อหลินสวินเอ่ยประโยคนี้ออกมา ก็เหมือนฟางเส้นสุดท้ายที่ทับอูฐตาย บรรดาคนระดับสูงหอกระบี่ฟ้าอย่างพวกฮว่าอวิ๋นตู้ล้วนเผยสีหน้าบ้าคลั่งออกมา

“สู้มัน!”

“ฆ่า!”

พวกเขาคำราม พุ่งกระโจนเต็มกำลัง ดวงตาแดงก่ำเหมือนเข้าตาจน ถูกกระตุ้นจนสติคลุ้มคลั่ง

แต่นี่ก็เหมือนแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ

หลินสวินเหยียบย่างกลางอากาศ อาภรณ์พลิ้วไหว เมื่อเขาก้าวไปเบื้องหน้า ฟ้าพลิกดินคว่ำ ภูผาธาราทรุดครืน นัยเร้นลับมหามรรคทั้งปวงแปลงเป็นปราณกระบี่คมไร้ทัดเทียมทะยานออกไป

พรูดๆๆ!

คนใหญ่คนโตหอกระบี่ฟ้าล้มทรุดลงคนแล้วคนเล่า หยาดเลือดย้อมห้วงอากาศแดงฉาน กลิ่นอายความตายลุกลามต่อเนื่อง ทำให้ฟ้าดินจมสู่ภาพฉากดุจนรก

จนกระทั่งตอนที่หลินสวินมาถึงเขากระบี่ผาเขียวที่พังลถ่ม คนใหญ่คนโตหอกระบี่ฟ้าทั้งกลุ่มรวมถึงฮว่าอวิ๋นตู้ล้วนตายอนาถคาที่กันหมดแล้ว!

การเข่นฆ่าที่อานุภาพดุจผ่าลำไผ่เช่นนั้น ประดุจไร้ศัตรูชัดๆ!

ในพื้นที่ใกล้เคียง ผู้สืบทอดหอกระบี่ฟ้ามากมายยังคงวิ่งหนีจ้าละหวั่น แต่ละคนกลัวจนแตกตื่นทำอะไรไม่ถูก หวาดผวายิ่งยวด

หลินสวินไม่สนใจพวกกระจิบกระจอกเหล่านี้

เขาตรงไปที่ภูเขาด้านหลัง

และได้พบกับซูไป๋ในคุกใต้ดินที่มืดมิดและหนาวเย็น

ซูไป๋อาบเลือดทั้งตัว ผมเผ้ารุงรัง นั่งเซื่องซึมอยู่ตรงนั้นราวท่อนไม้ ตามผิวหนังมีรอยกระบี่นับไม่ถ้วน เลือดสดดูเหมือนแห้งกรังหมดแล้ว

ในคุกมืดมิดไร้แสงตะวันนี้ ไม่รู้เขาผ่านการทรมานและความทุกข์สาหัสมามากแค่ไหน ถ้าไม่ใช่ว่ายังมีคลื่นพลังชีวิตแผ่ออกมาเป็นสายๆ ก็ไม่ต่างอะไรกับคนตายชัดๆ

หลินสวินเดินไปข้างหน้า

เหตุผลที่ปีนั้นเขารับซูไป๋เป็นศิษย์ฝากนาม หนึ่งเพราะเด็กคนนี้นิสัยแน่วแน่ สองเพราะเด็กคนนี้มีกระดูกกระบี่แต่กำเนิด และมีพรสวรรค์คล้ายคลึงกับอวิ๋นชิ่งไป๋

ส่วนถามว่าเอ็นดูแค่ไหน กลับยังไม่ถึงขั้นนั้น

แต่ในเวลานี้เมื่อเห็นเขาถูกทรมานจนมีสภาพนี้ กลับทําให้หลินสวินอดขมวดคิ้วในใจไม่ได้

……………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด