Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 2394 โยนสมบัติกลับมา

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 2394 โยนสมบัติกลับมา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2394 โยนสมบัติกลับมา

หยวนชิงเหิงคิดไม่ถึงว่าหลินสวินที่ก่อนหน้านี้ยังพยายามล้วงข้อมูลเพิ่มมากขึ้นจากปากตน ครู่ต่อมากลับรับปากอย่างรวดเร็วว่าจะปล่อยตนไป

นางอึ้งไป ยกมือขึ้นโบกคราหนึ่ง กล่องสำริดที่ปกคลุมด้วยลวดลายแน่นขนัดใบหนึ่งปรากฏ ก่อนยื่นให้หลินสวินผ่านอากาศ

“กล่องนี้ก็ถือเป็นสมบัติจักรพรรดิที่ไม่เลวชิ้นหนึ่ง สามารถครอบคลุมทะเลสี่ทิศ บรรจุของล้ำค่ามากมาย ยกให้เจ้าหมดเลย”

หลินสวินโคจรปราณเปิดกล่องสำริดออก จิตรับรู้สอดส่องเข้าไปในนั้น ก็เห็นไม้เทพที่เหมือนสร้างขึ้นจากสำริดฝังรากอยู่ในนั้น กิ่งก้านแข็งแรงทนทาน คล้ายดาบดุจกระบี่ เป็นรากปฐมจิตวิญญาณของต้นเทพชางอู๋นั่นเอง

เขาหยิบสมบัตินี้ออกมาแล้วเก็บไป ก่อนยื่นกล่องสำริดคืนให้ “ในเมื่อเป็นการแลกเปลี่ยน ข้าจะเอาเปรียบเจ้าได้อย่างไร”

หยวนชิงเหิงอดอึ้งไปไม่ได้ จากนั้นแค่นเสียงเย็น “ไม่เอาก็ช่าง”

หลินสวินระบายยิ้ม ไม่ได้พูดมากความ หมุนตัวออกจากโลกฟ้าดาราแห่งนี้

หยวนชิงเหิงไล่หลังเขามาติดๆ

จนกระทั่งมาถึงบนเขาพยับคราม หลินสวินโบกแขนเสื้อคราหนึ่ง กระบวนผนึกที่ปกคลุมทั่วฟ้าดินนั่นก็ถูกทำลายทิ้ง

เมื่อเห็นเช่นนี้หยวนชิงเหิงลอบถอนหายใจด้วยความโล่งออกอย่างเห็นได้ชัด กล่าวว่า “คิดไม่ถึงว่าคนอย่างเจ้าจะรักษาคำพูด การต่อสู้ยื้อยุดก่อนหน้านี้ ข้าจะไม่เอาความก็แล้วกัน”

กล่าวจบอาภรณ์นางปลิวไสว ทะยานพุ่งไกลออกไป

หลินสวินยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ตั้งแต่ต้นจนจบไม่ได้ขัดขวาง เขารู้ดียิ่งว่าหากหญิงผู้นี้จะไปให้ได้จริงๆ เกรงว่าตนก็คงรั้งนางไม่ได้

“จริงสิ เจ้าชื่ออะไร” ไกลออกไปหยวนชิงเหิงหมุนตัวกลับมากลางอากาศ นัยน์ตางามทอดมองมาทางหลินสวิน

“หลินเต้ายวน” หลินสวินกล่าวง่ายๆ

หยวนชิงเหิงร้องอ้อคราหนึ่ง ไม่ได้พูดมากความอีก หันตัวแล้วจากไป เงาร่างวาบประกายแล้วอันตรธานหายลับไปกลางอากาศ ร่องรอยแม้เพียงเสี้ยวยังไม่เหลือทิ้งไว้

หลินสวินครุ่นคิดครู่หนึ่งก็หันหน้ามองไปทางต้นเทพชางอู๋บนเขาพยับคราม สุดท้ายก็ต้องล้มเลิกความคิดที่จะเอาต้นไม้นี้ออกไป

ถึงอย่างไรก็เหลือเพียงเปลือกว่างเปล่าเท่านั้น เมื่อเวลาผันผ่าน เกรงว่าใช้เวลาไม่นานก็จะเน่าเปื่อยสลายหายไป

“ถึงเวลากลับโลกชั้นล่างแล้ว”

หลินสวินไม่ได้ชักช้า หมุนตัวแล้วจากไปทันที

ตลอดทางกลับนึกถึงคำพูดเหล่านั้นที่หยวนชิงเหิงเคยพูดอย่างห้ามไม่อยู่

โลกยอดนิรันดร์ โลกพันจักรวาล พลังระเบียบ เผ่าจักรพรรดิอมตะ… ข้อมูลที่อยู่ในนั้น สามารถทำให้หลินสวินย่อยได้อีกนาน

‘ท่านย่าซิง’

ขณะเดียวกันนั้น กลางฟ้าเวิ้งว้างแถบหนึ่ง หยวนชิงเหิงเอ่ยพูดในใจ ‘ก่อนหน้านี้เหตุใดท่านถึงให้ข้าหยุดมือ เจ้าคนที่ชื่อหลินเต้ายวนนั่นร้ายกาจขนาดนั้นจริงหรือ’

ในห้วงนิมิตของนาง กระสวยบินสีเงินอันหนึ่งลอยผลุบโผล่ ละอองแสงราวโปรยปรายชั่วนิรันดร์ เวลานี้เสียงเมตตาสายหนึ่งดังลอยออกมาจากในนั้น

‘คุณหนู มรรควิถีบนตัวเจ้าหนุ่มนี่หาใช่คนทั่วไปจะเทียบได้ ต่อให้คุณหนูใช้ไพ่ตายออกมา จริงอยู่ว่าอาจจะจับเขาได้ แต่เกรงว่าสิ่งที่ต้องเสียไปจะมหาศาล ไม่สู้ต่างฝ่ายต่างถอยคนละก้าว อย่างไรเสียระหว่างพวกเจ้าก็ไม่ได้มีความอาฆาตแค้นอะไรกัน’

หยวนชิงเหิงอึ้งไป กล่าวว่า ‘ท่านลงมือก็ยังไม่ไหวหรือ’

เสียงเมตตานั้นเอ่ยเตือน ‘คุณหนู อย่าลืมว่าที่เจ้าเห็นเมื่อครู่เป็นเพียงร่างแยกสองร่างของเจ้าหนุ่มคนนั้น มกุฎมหาจักรพรรดิคนหนึ่งถึงขั้นสามารถเคี่ยวกรำจนร่างแยกสู้กับคุณหนูได้ คนเช่นนี้… ไม่ใช่จะถูกโจมตีพ่ายแพ้ได้ง่ายๆ’

หยวนชิงเหิงแค่นเสียงเย็น ดวงตาคู่งามวาบแววขัดใจ กล่าวว่า ‘หากสู้สุดกำลังจริงๆ ต่อให้ร่างเดิมของเขามาเอง ข้าก็มั่นใจว่าจะจับเขาได้ แต่ท่านพูดถูก ในเมื่อไร้ความแค้น ข้าทำไปก็ไม่คุ้ม’

‘ตามความเห็นข้า ชายผู้นี้สามารถบรรลุมกุฎจักรพรรดิในทางเดินโบราณฟ้าดาราได้ ต้องไม่ใช่บุคคลชั้นยอดในความหมายทั่วไปจะเทียบชั้นได้เด็ดขาด หากมีโอกาสรั้งเขาไว้ข้างกาย ให้เจ้าได้ใช้งาน วันหน้าต้องช่วยให้คุณหนูสร้างวิชาอมตะชั้นยอดได้แน่นอน’

เสียงเมตตานั้นเอ่ยเตือน

คิ้วดำของหยวนชิงเหิงขมวดเข้าหากันน้อยๆ จมสู่การใคร่ครวญ

ครู่ใหญ่นางจึงส่ายหน้ากล่าว ‘ท่านย่าซิง คนประเภทนี้กระดูกแข็งมาก มีหรือจะยอมอยู่ใต้ผู้อื่น ยิ่งไปกว่านั้นข้ามองเจ้าหมอนี่แล้วไม่รื่นตาเอาเสียเลย หากมีโอกาสพบกันอีกต้องต่อยเขาก่อนสักหมัด ระบายความคับแค้นก่อนค่อยว่ากัน’

ท่านย่าซิงส่งเสียงหัวเราะขื่นระลอกหนึ่ง

ในโลกยอดนิรันดร์ คุณหนูดุจดั่งไข่มุกเจิดจรัสกลางฝ่ามือของตระกูลหยวน แม้แต่เจ้าตระกูลที่เกรียงไกรทรงพลังบางส่วนเห็นเข้ายังต้องให้เกียรติสามส่วน

อาจเป็นเพราะฐานะสูงเกียรติเกินไปหน่อย ทำให้แม้ว่านางจะฉลาดหลักแหลม มรรควิถีสูงล้ำ แต่กลับไม่เคยผ่านประสบการณ์ระหกระเหินในโลกมากนัก

แต่จากการขัดเกลาครั้งนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายนัก

ถึงอย่างไรการออกมาทัศนาจรครั้งนี้ เดิมก็เพื่อขัดเกลาจิตมรรคของคุณหนู นอกจากความเป็นความตาย เรื่องอื่นๆ ล้วนไม่นับเป็นอะไรทั้งสิ้น

‘ท่านย่าซิง ต่อไปพวกเราจะไปไหนหรือ’ หยวนชิงเหิงกล่าว

‘ทางเดินโบราณฟ้าดาราแห่งนี้ ช่วงแรกสุดเคยมีจตุโบราณสถาน อยู่อันดับต้นๆ ของโลกพันจักรวาล ก่อนหน้านี้เมื่อนานมาแล้วมีบุคคลที่ครอบครองพลังแข็งแกร่งดุจดั่งตำนานบางส่วน ที่หากอยู่ในโลกยอดนิรันดร์ก็เรียกได้ว่าแข็งแกร่งน่าเหลือเชื่อ สามารถทำให้เผ่าจักรพรรดิอมตะสั่นกลัวได้’

ท่านย่าซิงกล่าว ‘แต่พร้อมๆ กับที่แหล่งสถานศุภโชคและแหล่งสถานอัศจรรย์หายไป แหล่งสถานคุนหลุนและแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ต่างประสบเคราะห์ใหญ่พร้อมๆ กัน ทางเดินโบราณฟ้าดาราแห่งนี้จึงค่อยๆ เสื่อมโทรมลง…’

ในเสียงเจือแววทอดถอนใจ

หยวนชิงเหิงกล่าว ‘จตุโบราณสถานวิเศษอัศจรรย์ขนาดนั้นจริงหรือ’

‘ไม่ใช่เพียงวิเศษอัศจรรย์’

เห็นได้ชัดว่าท่านย่าซิงล่วงรู้ความลับมากมาย ‘จะว่าไป จตุโบราณสถานนี้แต่ละแห่งล้วนเป็นสถานที่เร้นลับที่สุดในโลก แม้แต่ในโลกยอดนิรันดร์ก็ยังไม่ค่อยพบเห็นสถานที่งดงามเทียบชั้นกับจตุโบราณสถานนี้ได้สักเท่าไหร่’

‘แต่ว่าเรื่องพวกนี้ล้วนเป็นอดีตนานนมมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นแหล่งสถานคุนหลุนหรือแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ ล้วนสูญเสียพลังต้นกำเนิดที่มีแต่เดิมไป ไม่อย่างนั้นเกรงว่าป่านนี้พวกเฒ่าชราในโลกยอดนิรันดร์คงแย่งกันบุกเข้ามาแล้ว’

ท่านย่าซิงหยุดไปครู่หนึ่งก่อนกล่าวต่อ ‘คุณหนู ครั้งนี้ในเมื่อพวกเรามาถึงทางเดินโบราณฟ้าดาราแล้ว ไม่สู้ไปแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์กับแหล่งสถานคุนหลุนสักเที่ยว เท่าที่ข้ารู้ เจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ตระกูลลั่วผู้นั้น ปีนั้นก็เคยพบความพ่ายแพ้อย่างไร้รูปครั้งใหญ่ในแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ สถานที่ตรงนั้นก็คือที่ตั้งประตูภูเขาคีรีดวงกมล…’

หยวนชิงเหิงกล่าวด้วยความประหลาดใจ ‘คีรีดวงกมลหรือ’

‘ใช่ ก็คือคีรีดวงกมลแห่งนั้นแหละ’ ท่านย่าซิงกล่าว

นัยน์นาของหยวนชิงเหิงปรากฏแววแปลกไป ก่อนกล่าวว่า ‘เช่นนั้นต้องไปชมดูสักหน่อยจริงๆ แล้ว ข้าอยากรู้มานานแล้วว่าคีรีดวงกมลที่เร้นลับนั่นที่แท้แล้วจะแข็งแกร่งขนาดไหน ถึงกับทำให้เผ่าจักรพรรดิอมตะเหล่านั้นมองเป็นศัตรูตัวฉกาจเช่นนี้’

ขณะสนทนาเงาร่างของหยวนชิงเหิงค่อยๆ เคลื่อนไกลออกไป

โลกชั้นล่าง

นครต้องห้าม ภูเขาชำระจิต

ตั้งแต่สองกายมรรคของหลินสวินจากไป จนถึงตอนนี้ก็ผ่านไปเป็นเวลากว่าครึ่งปีแล้ว

ในช่วงเวลานี้ ร่างแยกของหลินสวินต่อสู้ในสนามรบด่านจักรพรรดิ สู้กับแปดดินแดน เรียกคลื่นลมโกลาหลครั้งใหญ่ไม่รู้เท่าไหร่

และยามที่ขุมอำนาจใหญ่แต่ละแห่งในดินแดนรกร้างโบราณถูกทำลายล้างต่อเนื่อง ทั่วหล้าล้วนสั่นสะเทือนและแตกตื่น ร่างแยกทั้งสองของหลินสวินก็กลับมาอย่างเงียบๆ

ช่วงพลบค่ำโพล้เพล้

ประกายอัสดงในภูเขาชำระจิตดุจเปลวเพลิง ละอองศักดิ์สิทธิ์ไหลเวียน

บนยอดเขา กายมรรคทั้งห้าของหลินสวินรวมตัวกัน ต่างแลกเปลี่ยนและหลอมรวมจิตสำนึกซึ่งกันและกัน ทำให้หลินสวินเข้าใจเรื่องราวบางส่วนที่เกิดขึ้นในโลกชั้นล่างในช่วงครึ่งปีกว่ามานี้ได้ทันที

แต่ล้วนเป็นเรื่องเล็กไม่ควรค่าให้ใส่ใจอะไร

หลินสวินปล่อยลูกศิษย์ซูไป๋และกู้ซีออกมาจากสมบัติ และแนะนำพวกเขาให้คนอื่นๆ ในภูเขาชำระจิตได้รู้จัก

จากนั้นก็ให้ทั้งสองคนอยู่ที่นี่ต่อ

ตอนนี้โลกชั้นล่างเกิดการเปลี่ยนแปลงรุนแรงชนิดไม่เคยมีมาก่อนขึ้นทุกระยะ หากฝึกปราณที่โลกชั้นล่าง ถึงขั้นยังได้ประโยชน์มากกว่าในดินแดนรกร้างโบราณเสียอีก

สำหรับเรื่องนี้ ซูไป๋และกู้ซีต่างตอบรับอย่างยินดี

และนับแต่วันนี้เป็นต้นไป ซูไป๋เริ่มเข้ารับตำแหน่งผู้อาวุโสในสำนักยุทธ์ก่อเกิด รับหน้าที่ดูแลกฎ กู้ซีก็เข้าร่วมสำนักยุทธ์ก่อเกิดเช่นกัน แต่ไม่ได้รับตำแหน่งอย่างเป็นรูปธรรม หากแต่คอยติดตามอยู่ข้างกายซูไป๋ ช่วยเขาจัดแจงเรื่องยิบย่อยต่างๆ

คืนวันนั้นกายมรรคไม้เขียวของหลินสวินเคลื่อนไหว มุ่งหน้าสู่แดนลับบัวเขียว

แดนต้นกำเนิดหมื่นมรรค

ร่างต้นของหลินสวินกำลังหยั่งรู้และนั่งสมาธิ

เบื้องหน้าเขา เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งลอยอยู่ ปรากฏเพลิงหงส์ระเบียบสีม่วงพร่างพรวเจิดจรัส สลายพลังบีบคั้นของระเบียบจากฟ้าดิน

เป็นเวลาเกือบสี่ปีแล้ว

ทุกๆ ช่วงหนึ่งหลินสวินจะหยั่งรู้นัยเร้นลับแดนต้นกำเนิดหมื่นมรรคอยู่ที่นี่ และเมื่อความเข้าใจที่เขามีต่อมหามรรคทั้งปวงเริ่มหยั่งลึกไม่หยุด ก็ทำให้ความเร็วในการหยั่งถึงของเขาพุ่งทะยานต่อเนื่อง

จนกระทั่งตอนนี้ เขาครอบครองกฎเกณฑ์มหามรรคชนิดใหม่ห้าร้อยกว่าชนิดแล้ว!

‘พลังแกนหลักของแดนต้นกำเนิดหมื่นมรรคกำลังปลดปล่อยและกระจายไม่หยุด จากสภาพเช่นนี้ อย่างน้อยยังต้องใช้เวลาสองสามร้อยปีกว่าพลังแดนต้นกำเนิดหมื่นมรรคแห่งนี้จะแห้งเหือดไปโดยสมบูรณ์’

‘น่าเสียดาย พลังมหามรรคสมบูรณ์ที่หลงเหลืออยู่ที่นี่ในตอนนี้ เมื่อวันเวลาผันผ่านก็มีแต่จะน้อยลงเรื่อยๆ เท่านั้น ไม่พ้นสิบปี เกรงว่าคงหยั่งถึงพลังต้นกำเนิดมหามรรคสมบูรณ์ไม่ได้อีกแล้ว…’

ในใจหลินสวินเกิดความรู้สึกเร่งรัดขึ้นมาจางๆ

ต้องเร่งทำเวลาแล้ว

‘หืม?’

ทันใดนั้นหลินสวินคล้ายสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง หยัดตัวลุกขึ้นแล้วเก็บเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง ก่อนเดินออกมานอกแดนลับนี้

นอกแดนลับ ก็เห็นกายมรรคไม้เขียวรออยู่ตรงนั้นแล้ว

จิตดั้งเดิมของร่างต้นหลินสวินหลอมเข้ากับกายมรรคไม้เขียวทันที และเข้าใจเรื่องราวต่างๆ ที่ประสบพบเจอมาในช่วงหลายปีนี้

ครู่ใหญ่ต่อมา เขารับรากปฐมจิตวิญญาณของต้นเทพชางอู๋มาจากมือกายมรรคไม้เขียวแล้วเก็บลงไป

ตอนนี้เขารวบรวมรากปฐมจิตวิญญาณของสี่ไม้เทพอย่างชางอู๋ ฝูซาง เจี้ยนมู่ คุนอู๋ รวมถึงเจตวัตถุอย่างวารีแรกปฐม ทรายวิญญาณดาราขุ่นใส ดินปราณแรกกำเนิด ดินอัศจรรย์ห้าสีได้ครบหมดแล้ว!

นี่ก็หมายความว่า เขาในตอนนี้สามารถเริ่มหลอมต้นกล้าของต้นแรกกำเนิดได้แล้ว

ขอเพียงทำได้ถึงขั้นนี้ ก็เท่ากับมีโอกาสไปหยั่งรู้กฎเกณฑ์แรกกำเนิด!

หลินสวินไม่มีทางลืมว่าตั้งแต่อดีตมาจนบัดนี้ ในประวัติศาสตร์ของทางเดินโบราณฟ้าดารา ผู้ที่สามารถหลอมต้นกล้าของต้นแรกกำเนิดแทบจะมีอยู่เพียงไม่กี่คน!

และหากสามารถหล่อเลี้ยงต้นกล้าของต้นแรกกำเนิดในโลกจักรพรรดิบริสุทธิ์ ไม่เพียงจะหยั่งรู้กฎเกณฑ์แรกกำเนิดได้ ยังสามารถสร้างความมั่นคงให้มรรควิถี หลอมตีกฎเกณฑ์มหามรรคทั่วร่าง ทำให้โลกจักรพรรดิบริสุทธิ์ปลดปล่อยพลังแรกกำเนิดที่แท้จริงออกมา!

‘ช่างเถิด รอตอนที่ข้าไม่สามารถหยั่งถึงนัยเร้นลับแดนต้นกำเนิดหมื่นมรรคที่สมบูรณ์ได้อีก ค่อยมาหลอมต้นกล้าของต้นแรกกำเนิด…’

หลังใคร่ครวญเล็กน้อยหลินสวินก็ตัดสินใจ

จัดลำดับความสำคัญตามความเร่งรีบ

ภายหน้าไม่ว่าตอนไหนล้วนสามารถหลอมต้นกล้าของต้นแรกกำเนิดได้ แต่โอกาสที่จะหยั่งรู้นัยเร้นลับของแดนต้นกำเนิดหมื่นมรรคมีเพียงแค่ครั้งเดียว และเวลาก็กระชั้นเข้ามาทุกทีแล้ว…

ด้วยเหตุนี้หลินสวินจึงสื่อเจตจำนงสายหนึ่งออกมา ให้กายมรรคไม้เขียวมุ่งหน้าไปยังภูเขาชำระจิต ตั้งใจว่าให้เหลือกายมรรคเพียงหนึ่งเดียวดูแลภูเขาชำระจิต ส่วนกายมรรคอื่นๆ ก็มุ่งหน้ามาปิดด่านในแดนต้นกำเนิดหมื่นมรรคด้วยกันกับร่างต้นของเขา!

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 2394 โยนสมบัติกลับมา

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 2394 โยนสมบัติกลับมา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2394 โยนสมบัติกลับมา

หยวนชิงเหิงคิดไม่ถึงว่าหลินสวินที่ก่อนหน้านี้ยังพยายามล้วงข้อมูลเพิ่มมากขึ้นจากปากตน ครู่ต่อมากลับรับปากอย่างรวดเร็วว่าจะปล่อยตนไป

นางอึ้งไป ยกมือขึ้นโบกคราหนึ่ง กล่องสำริดที่ปกคลุมด้วยลวดลายแน่นขนัดใบหนึ่งปรากฏ ก่อนยื่นให้หลินสวินผ่านอากาศ

“กล่องนี้ก็ถือเป็นสมบัติจักรพรรดิที่ไม่เลวชิ้นหนึ่ง สามารถครอบคลุมทะเลสี่ทิศ บรรจุของล้ำค่ามากมาย ยกให้เจ้าหมดเลย”

หลินสวินโคจรปราณเปิดกล่องสำริดออก จิตรับรู้สอดส่องเข้าไปในนั้น ก็เห็นไม้เทพที่เหมือนสร้างขึ้นจากสำริดฝังรากอยู่ในนั้น กิ่งก้านแข็งแรงทนทาน คล้ายดาบดุจกระบี่ เป็นรากปฐมจิตวิญญาณของต้นเทพชางอู๋นั่นเอง

เขาหยิบสมบัตินี้ออกมาแล้วเก็บไป ก่อนยื่นกล่องสำริดคืนให้ “ในเมื่อเป็นการแลกเปลี่ยน ข้าจะเอาเปรียบเจ้าได้อย่างไร”

หยวนชิงเหิงอดอึ้งไปไม่ได้ จากนั้นแค่นเสียงเย็น “ไม่เอาก็ช่าง”

หลินสวินระบายยิ้ม ไม่ได้พูดมากความ หมุนตัวออกจากโลกฟ้าดาราแห่งนี้

หยวนชิงเหิงไล่หลังเขามาติดๆ

จนกระทั่งมาถึงบนเขาพยับคราม หลินสวินโบกแขนเสื้อคราหนึ่ง กระบวนผนึกที่ปกคลุมทั่วฟ้าดินนั่นก็ถูกทำลายทิ้ง

เมื่อเห็นเช่นนี้หยวนชิงเหิงลอบถอนหายใจด้วยความโล่งออกอย่างเห็นได้ชัด กล่าวว่า “คิดไม่ถึงว่าคนอย่างเจ้าจะรักษาคำพูด การต่อสู้ยื้อยุดก่อนหน้านี้ ข้าจะไม่เอาความก็แล้วกัน”

กล่าวจบอาภรณ์นางปลิวไสว ทะยานพุ่งไกลออกไป

หลินสวินยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ตั้งแต่ต้นจนจบไม่ได้ขัดขวาง เขารู้ดียิ่งว่าหากหญิงผู้นี้จะไปให้ได้จริงๆ เกรงว่าตนก็คงรั้งนางไม่ได้

“จริงสิ เจ้าชื่ออะไร” ไกลออกไปหยวนชิงเหิงหมุนตัวกลับมากลางอากาศ นัยน์ตางามทอดมองมาทางหลินสวิน

“หลินเต้ายวน” หลินสวินกล่าวง่ายๆ

หยวนชิงเหิงร้องอ้อคราหนึ่ง ไม่ได้พูดมากความอีก หันตัวแล้วจากไป เงาร่างวาบประกายแล้วอันตรธานหายลับไปกลางอากาศ ร่องรอยแม้เพียงเสี้ยวยังไม่เหลือทิ้งไว้

หลินสวินครุ่นคิดครู่หนึ่งก็หันหน้ามองไปทางต้นเทพชางอู๋บนเขาพยับคราม สุดท้ายก็ต้องล้มเลิกความคิดที่จะเอาต้นไม้นี้ออกไป

ถึงอย่างไรก็เหลือเพียงเปลือกว่างเปล่าเท่านั้น เมื่อเวลาผันผ่าน เกรงว่าใช้เวลาไม่นานก็จะเน่าเปื่อยสลายหายไป

“ถึงเวลากลับโลกชั้นล่างแล้ว”

หลินสวินไม่ได้ชักช้า หมุนตัวแล้วจากไปทันที

ตลอดทางกลับนึกถึงคำพูดเหล่านั้นที่หยวนชิงเหิงเคยพูดอย่างห้ามไม่อยู่

โลกยอดนิรันดร์ โลกพันจักรวาล พลังระเบียบ เผ่าจักรพรรดิอมตะ… ข้อมูลที่อยู่ในนั้น สามารถทำให้หลินสวินย่อยได้อีกนาน

‘ท่านย่าซิง’

ขณะเดียวกันนั้น กลางฟ้าเวิ้งว้างแถบหนึ่ง หยวนชิงเหิงเอ่ยพูดในใจ ‘ก่อนหน้านี้เหตุใดท่านถึงให้ข้าหยุดมือ เจ้าคนที่ชื่อหลินเต้ายวนนั่นร้ายกาจขนาดนั้นจริงหรือ’

ในห้วงนิมิตของนาง กระสวยบินสีเงินอันหนึ่งลอยผลุบโผล่ ละอองแสงราวโปรยปรายชั่วนิรันดร์ เวลานี้เสียงเมตตาสายหนึ่งดังลอยออกมาจากในนั้น

‘คุณหนู มรรควิถีบนตัวเจ้าหนุ่มนี่หาใช่คนทั่วไปจะเทียบได้ ต่อให้คุณหนูใช้ไพ่ตายออกมา จริงอยู่ว่าอาจจะจับเขาได้ แต่เกรงว่าสิ่งที่ต้องเสียไปจะมหาศาล ไม่สู้ต่างฝ่ายต่างถอยคนละก้าว อย่างไรเสียระหว่างพวกเจ้าก็ไม่ได้มีความอาฆาตแค้นอะไรกัน’

หยวนชิงเหิงอึ้งไป กล่าวว่า ‘ท่านลงมือก็ยังไม่ไหวหรือ’

เสียงเมตตานั้นเอ่ยเตือน ‘คุณหนู อย่าลืมว่าที่เจ้าเห็นเมื่อครู่เป็นเพียงร่างแยกสองร่างของเจ้าหนุ่มคนนั้น มกุฎมหาจักรพรรดิคนหนึ่งถึงขั้นสามารถเคี่ยวกรำจนร่างแยกสู้กับคุณหนูได้ คนเช่นนี้… ไม่ใช่จะถูกโจมตีพ่ายแพ้ได้ง่ายๆ’

หยวนชิงเหิงแค่นเสียงเย็น ดวงตาคู่งามวาบแววขัดใจ กล่าวว่า ‘หากสู้สุดกำลังจริงๆ ต่อให้ร่างเดิมของเขามาเอง ข้าก็มั่นใจว่าจะจับเขาได้ แต่ท่านพูดถูก ในเมื่อไร้ความแค้น ข้าทำไปก็ไม่คุ้ม’

‘ตามความเห็นข้า ชายผู้นี้สามารถบรรลุมกุฎจักรพรรดิในทางเดินโบราณฟ้าดาราได้ ต้องไม่ใช่บุคคลชั้นยอดในความหมายทั่วไปจะเทียบชั้นได้เด็ดขาด หากมีโอกาสรั้งเขาไว้ข้างกาย ให้เจ้าได้ใช้งาน วันหน้าต้องช่วยให้คุณหนูสร้างวิชาอมตะชั้นยอดได้แน่นอน’

เสียงเมตตานั้นเอ่ยเตือน

คิ้วดำของหยวนชิงเหิงขมวดเข้าหากันน้อยๆ จมสู่การใคร่ครวญ

ครู่ใหญ่นางจึงส่ายหน้ากล่าว ‘ท่านย่าซิง คนประเภทนี้กระดูกแข็งมาก มีหรือจะยอมอยู่ใต้ผู้อื่น ยิ่งไปกว่านั้นข้ามองเจ้าหมอนี่แล้วไม่รื่นตาเอาเสียเลย หากมีโอกาสพบกันอีกต้องต่อยเขาก่อนสักหมัด ระบายความคับแค้นก่อนค่อยว่ากัน’

ท่านย่าซิงส่งเสียงหัวเราะขื่นระลอกหนึ่ง

ในโลกยอดนิรันดร์ คุณหนูดุจดั่งไข่มุกเจิดจรัสกลางฝ่ามือของตระกูลหยวน แม้แต่เจ้าตระกูลที่เกรียงไกรทรงพลังบางส่วนเห็นเข้ายังต้องให้เกียรติสามส่วน

อาจเป็นเพราะฐานะสูงเกียรติเกินไปหน่อย ทำให้แม้ว่านางจะฉลาดหลักแหลม มรรควิถีสูงล้ำ แต่กลับไม่เคยผ่านประสบการณ์ระหกระเหินในโลกมากนัก

แต่จากการขัดเกลาครั้งนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายนัก

ถึงอย่างไรการออกมาทัศนาจรครั้งนี้ เดิมก็เพื่อขัดเกลาจิตมรรคของคุณหนู นอกจากความเป็นความตาย เรื่องอื่นๆ ล้วนไม่นับเป็นอะไรทั้งสิ้น

‘ท่านย่าซิง ต่อไปพวกเราจะไปไหนหรือ’ หยวนชิงเหิงกล่าว

‘ทางเดินโบราณฟ้าดาราแห่งนี้ ช่วงแรกสุดเคยมีจตุโบราณสถาน อยู่อันดับต้นๆ ของโลกพันจักรวาล ก่อนหน้านี้เมื่อนานมาแล้วมีบุคคลที่ครอบครองพลังแข็งแกร่งดุจดั่งตำนานบางส่วน ที่หากอยู่ในโลกยอดนิรันดร์ก็เรียกได้ว่าแข็งแกร่งน่าเหลือเชื่อ สามารถทำให้เผ่าจักรพรรดิอมตะสั่นกลัวได้’

ท่านย่าซิงกล่าว ‘แต่พร้อมๆ กับที่แหล่งสถานศุภโชคและแหล่งสถานอัศจรรย์หายไป แหล่งสถานคุนหลุนและแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ต่างประสบเคราะห์ใหญ่พร้อมๆ กัน ทางเดินโบราณฟ้าดาราแห่งนี้จึงค่อยๆ เสื่อมโทรมลง…’

ในเสียงเจือแววทอดถอนใจ

หยวนชิงเหิงกล่าว ‘จตุโบราณสถานวิเศษอัศจรรย์ขนาดนั้นจริงหรือ’

‘ไม่ใช่เพียงวิเศษอัศจรรย์’

เห็นได้ชัดว่าท่านย่าซิงล่วงรู้ความลับมากมาย ‘จะว่าไป จตุโบราณสถานนี้แต่ละแห่งล้วนเป็นสถานที่เร้นลับที่สุดในโลก แม้แต่ในโลกยอดนิรันดร์ก็ยังไม่ค่อยพบเห็นสถานที่งดงามเทียบชั้นกับจตุโบราณสถานนี้ได้สักเท่าไหร่’

‘แต่ว่าเรื่องพวกนี้ล้วนเป็นอดีตนานนมมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นแหล่งสถานคุนหลุนหรือแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ ล้วนสูญเสียพลังต้นกำเนิดที่มีแต่เดิมไป ไม่อย่างนั้นเกรงว่าป่านนี้พวกเฒ่าชราในโลกยอดนิรันดร์คงแย่งกันบุกเข้ามาแล้ว’

ท่านย่าซิงหยุดไปครู่หนึ่งก่อนกล่าวต่อ ‘คุณหนู ครั้งนี้ในเมื่อพวกเรามาถึงทางเดินโบราณฟ้าดาราแล้ว ไม่สู้ไปแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์กับแหล่งสถานคุนหลุนสักเที่ยว เท่าที่ข้ารู้ เจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ตระกูลลั่วผู้นั้น ปีนั้นก็เคยพบความพ่ายแพ้อย่างไร้รูปครั้งใหญ่ในแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ สถานที่ตรงนั้นก็คือที่ตั้งประตูภูเขาคีรีดวงกมล…’

หยวนชิงเหิงกล่าวด้วยความประหลาดใจ ‘คีรีดวงกมลหรือ’

‘ใช่ ก็คือคีรีดวงกมลแห่งนั้นแหละ’ ท่านย่าซิงกล่าว

นัยน์นาของหยวนชิงเหิงปรากฏแววแปลกไป ก่อนกล่าวว่า ‘เช่นนั้นต้องไปชมดูสักหน่อยจริงๆ แล้ว ข้าอยากรู้มานานแล้วว่าคีรีดวงกมลที่เร้นลับนั่นที่แท้แล้วจะแข็งแกร่งขนาดไหน ถึงกับทำให้เผ่าจักรพรรดิอมตะเหล่านั้นมองเป็นศัตรูตัวฉกาจเช่นนี้’

ขณะสนทนาเงาร่างของหยวนชิงเหิงค่อยๆ เคลื่อนไกลออกไป

โลกชั้นล่าง

นครต้องห้าม ภูเขาชำระจิต

ตั้งแต่สองกายมรรคของหลินสวินจากไป จนถึงตอนนี้ก็ผ่านไปเป็นเวลากว่าครึ่งปีแล้ว

ในช่วงเวลานี้ ร่างแยกของหลินสวินต่อสู้ในสนามรบด่านจักรพรรดิ สู้กับแปดดินแดน เรียกคลื่นลมโกลาหลครั้งใหญ่ไม่รู้เท่าไหร่

และยามที่ขุมอำนาจใหญ่แต่ละแห่งในดินแดนรกร้างโบราณถูกทำลายล้างต่อเนื่อง ทั่วหล้าล้วนสั่นสะเทือนและแตกตื่น ร่างแยกทั้งสองของหลินสวินก็กลับมาอย่างเงียบๆ

ช่วงพลบค่ำโพล้เพล้

ประกายอัสดงในภูเขาชำระจิตดุจเปลวเพลิง ละอองศักดิ์สิทธิ์ไหลเวียน

บนยอดเขา กายมรรคทั้งห้าของหลินสวินรวมตัวกัน ต่างแลกเปลี่ยนและหลอมรวมจิตสำนึกซึ่งกันและกัน ทำให้หลินสวินเข้าใจเรื่องราวบางส่วนที่เกิดขึ้นในโลกชั้นล่างในช่วงครึ่งปีกว่ามานี้ได้ทันที

แต่ล้วนเป็นเรื่องเล็กไม่ควรค่าให้ใส่ใจอะไร

หลินสวินปล่อยลูกศิษย์ซูไป๋และกู้ซีออกมาจากสมบัติ และแนะนำพวกเขาให้คนอื่นๆ ในภูเขาชำระจิตได้รู้จัก

จากนั้นก็ให้ทั้งสองคนอยู่ที่นี่ต่อ

ตอนนี้โลกชั้นล่างเกิดการเปลี่ยนแปลงรุนแรงชนิดไม่เคยมีมาก่อนขึ้นทุกระยะ หากฝึกปราณที่โลกชั้นล่าง ถึงขั้นยังได้ประโยชน์มากกว่าในดินแดนรกร้างโบราณเสียอีก

สำหรับเรื่องนี้ ซูไป๋และกู้ซีต่างตอบรับอย่างยินดี

และนับแต่วันนี้เป็นต้นไป ซูไป๋เริ่มเข้ารับตำแหน่งผู้อาวุโสในสำนักยุทธ์ก่อเกิด รับหน้าที่ดูแลกฎ กู้ซีก็เข้าร่วมสำนักยุทธ์ก่อเกิดเช่นกัน แต่ไม่ได้รับตำแหน่งอย่างเป็นรูปธรรม หากแต่คอยติดตามอยู่ข้างกายซูไป๋ ช่วยเขาจัดแจงเรื่องยิบย่อยต่างๆ

คืนวันนั้นกายมรรคไม้เขียวของหลินสวินเคลื่อนไหว มุ่งหน้าสู่แดนลับบัวเขียว

แดนต้นกำเนิดหมื่นมรรค

ร่างต้นของหลินสวินกำลังหยั่งรู้และนั่งสมาธิ

เบื้องหน้าเขา เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งลอยอยู่ ปรากฏเพลิงหงส์ระเบียบสีม่วงพร่างพรวเจิดจรัส สลายพลังบีบคั้นของระเบียบจากฟ้าดิน

เป็นเวลาเกือบสี่ปีแล้ว

ทุกๆ ช่วงหนึ่งหลินสวินจะหยั่งรู้นัยเร้นลับแดนต้นกำเนิดหมื่นมรรคอยู่ที่นี่ และเมื่อความเข้าใจที่เขามีต่อมหามรรคทั้งปวงเริ่มหยั่งลึกไม่หยุด ก็ทำให้ความเร็วในการหยั่งถึงของเขาพุ่งทะยานต่อเนื่อง

จนกระทั่งตอนนี้ เขาครอบครองกฎเกณฑ์มหามรรคชนิดใหม่ห้าร้อยกว่าชนิดแล้ว!

‘พลังแกนหลักของแดนต้นกำเนิดหมื่นมรรคกำลังปลดปล่อยและกระจายไม่หยุด จากสภาพเช่นนี้ อย่างน้อยยังต้องใช้เวลาสองสามร้อยปีกว่าพลังแดนต้นกำเนิดหมื่นมรรคแห่งนี้จะแห้งเหือดไปโดยสมบูรณ์’

‘น่าเสียดาย พลังมหามรรคสมบูรณ์ที่หลงเหลืออยู่ที่นี่ในตอนนี้ เมื่อวันเวลาผันผ่านก็มีแต่จะน้อยลงเรื่อยๆ เท่านั้น ไม่พ้นสิบปี เกรงว่าคงหยั่งถึงพลังต้นกำเนิดมหามรรคสมบูรณ์ไม่ได้อีกแล้ว…’

ในใจหลินสวินเกิดความรู้สึกเร่งรัดขึ้นมาจางๆ

ต้องเร่งทำเวลาแล้ว

‘หืม?’

ทันใดนั้นหลินสวินคล้ายสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง หยัดตัวลุกขึ้นแล้วเก็บเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง ก่อนเดินออกมานอกแดนลับนี้

นอกแดนลับ ก็เห็นกายมรรคไม้เขียวรออยู่ตรงนั้นแล้ว

จิตดั้งเดิมของร่างต้นหลินสวินหลอมเข้ากับกายมรรคไม้เขียวทันที และเข้าใจเรื่องราวต่างๆ ที่ประสบพบเจอมาในช่วงหลายปีนี้

ครู่ใหญ่ต่อมา เขารับรากปฐมจิตวิญญาณของต้นเทพชางอู๋มาจากมือกายมรรคไม้เขียวแล้วเก็บลงไป

ตอนนี้เขารวบรวมรากปฐมจิตวิญญาณของสี่ไม้เทพอย่างชางอู๋ ฝูซาง เจี้ยนมู่ คุนอู๋ รวมถึงเจตวัตถุอย่างวารีแรกปฐม ทรายวิญญาณดาราขุ่นใส ดินปราณแรกกำเนิด ดินอัศจรรย์ห้าสีได้ครบหมดแล้ว!

นี่ก็หมายความว่า เขาในตอนนี้สามารถเริ่มหลอมต้นกล้าของต้นแรกกำเนิดได้แล้ว

ขอเพียงทำได้ถึงขั้นนี้ ก็เท่ากับมีโอกาสไปหยั่งรู้กฎเกณฑ์แรกกำเนิด!

หลินสวินไม่มีทางลืมว่าตั้งแต่อดีตมาจนบัดนี้ ในประวัติศาสตร์ของทางเดินโบราณฟ้าดารา ผู้ที่สามารถหลอมต้นกล้าของต้นแรกกำเนิดแทบจะมีอยู่เพียงไม่กี่คน!

และหากสามารถหล่อเลี้ยงต้นกล้าของต้นแรกกำเนิดในโลกจักรพรรดิบริสุทธิ์ ไม่เพียงจะหยั่งรู้กฎเกณฑ์แรกกำเนิดได้ ยังสามารถสร้างความมั่นคงให้มรรควิถี หลอมตีกฎเกณฑ์มหามรรคทั่วร่าง ทำให้โลกจักรพรรดิบริสุทธิ์ปลดปล่อยพลังแรกกำเนิดที่แท้จริงออกมา!

‘ช่างเถิด รอตอนที่ข้าไม่สามารถหยั่งถึงนัยเร้นลับแดนต้นกำเนิดหมื่นมรรคที่สมบูรณ์ได้อีก ค่อยมาหลอมต้นกล้าของต้นแรกกำเนิด…’

หลังใคร่ครวญเล็กน้อยหลินสวินก็ตัดสินใจ

จัดลำดับความสำคัญตามความเร่งรีบ

ภายหน้าไม่ว่าตอนไหนล้วนสามารถหลอมต้นกล้าของต้นแรกกำเนิดได้ แต่โอกาสที่จะหยั่งรู้นัยเร้นลับของแดนต้นกำเนิดหมื่นมรรคมีเพียงแค่ครั้งเดียว และเวลาก็กระชั้นเข้ามาทุกทีแล้ว…

ด้วยเหตุนี้หลินสวินจึงสื่อเจตจำนงสายหนึ่งออกมา ให้กายมรรคไม้เขียวมุ่งหน้าไปยังภูเขาชำระจิต ตั้งใจว่าให้เหลือกายมรรคเพียงหนึ่งเดียวดูแลภูเขาชำระจิต ส่วนกายมรรคอื่นๆ ก็มุ่งหน้ามาปิดด่านในแดนต้นกำเนิดหมื่นมรรคด้วยกันกับร่างต้นของเขา!

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+