Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 2396 แดนใหญ่พันศึก

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 2396 แดนใหญ่พันศึก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

พวกอาหลู่ เสี่ยวอิ๋นต่างอึ้งไป ไม่เต็มใจอยู่บ้าง

“พี่ใหญ่ นอกจากเจ้าคางคก พวกเราต่างบรรลุเป็นจักรพรรดิหมดแล้ว” อาหลู่เอ่ย “เหตุใดถึงไม่ให้พวกเราตามไปกรำศึกร่วมกับท่าน”

“ใช่แล้ว นายท่าน” เสี่ยวอิ๋นกับเสี่ยวเทียนก็ทำใจไม่ได้เช่นกัน มองดูหลินสวินอย่างคาดหวัง

ความจริงแล้วในใจหลินสวินก็ทำใจจากลาไม่ได้อยู่บ้างเช่นกัน แต่ยังสายหัวเอ่ยว่า “ถ้าพวกเจ้าหวังดีกับข้าจริงก็อยู่ที่นี่ ช่วยข้าปกป้องสำนักยุทธ์ก่อเกิดให้ดี ยามกลับมาคราวหน้า ข้าไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่ดีอะไรขึ้นอีกแล้ว”

อาหูก็เอ่ยขึ้นจากอีกด้านว่า “มหามรรคมากมาย ต่างคนต่างแสวงหา ในเมื่อคุณชายตัดสินใจเช่นนี้ ย่อมคิดไตร่ตรองอย่างดีมานานแล้ว พวกเจ้าน่ะ… เชื่อฟังดีๆ ก็พอ”

หลินสวินยิ้มเอ่ย “ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ไม่ได้จะจากไปตอนนี้”

พวกเสี่ยวอิ๋น เสี่ยวเทียนดูออกว่าหลินสวินตัดสินใจแล้ว ไม่อาจเปลี่ยนแปลง ในใจจึงหดหู่อยู่หน่อยๆ อย่างเลี่ยงไม่ได้

หลินสวินรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา ถึงได้ทำให้บรรยากาศไม่ถึงกับเศร้าซึมและเจ็บปวดมากไปนัก

……

หนึ่งวันผ่านไป

หลินสวินกลับไปแดนลับบัวเขียวอีกครั้ง เริ่มควบรวมต้นกล้าของต้นแรกกำเนิด

ด้านเจ้าคางคกออกไปท่องเที่ยงภายนอกเพียงลำพัง ในบรรดาพวกพ้องมีเพียงเขาที่ยังไม่บรรลุจักรพรรดิสักที นี่ทำให้เขาตระหนักได้เช่นกัน ว่าเพียงแค่ปิดด่านฝึกปราณย่อมไม่อาจได้รับจุดเปลี่ยนทะลวงระดับ

ด้วยการกำชับของอาหู อาหลู่ตามหลังเจ้าคางคกไปเงียบๆ ปกป้องเขาอยู่ลับๆ

โลกชั้นล่างในตอนนี้ นอกจากนครต้องห้ามแล้ว ที่อื่นๆ ต่างเกิดความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด วุ่นวายหาใดเทียบ การเข่นฆ่าและความขัดแย้งพบเห็นได้ทุกหนแห่ง

แม้เจ้าคางคกจะห่างจากระดับจักรพรรดิเพียงก้าวเดียว แต่ก็ไม่ใช่ระดับจักรพรรดิอยู่ดี หากมีอาหลู่คุ้มครองอยู่ลับๆ ต่อให้ได้รับภัยคุกคามถึงชีวิตอะไรก็อยู่รอดปลอดภัย

เสี่ยวอิ๋นกับเสี่ยวเทียนกลับอยู่ทำหน้าที่ผู้อาวุโสชั้นสูงร่วมกับอาหูบนภูเขาชำระจิต

ความจริงแล้วก็เป็นตำแหน่งแค่ในนามตำแหน่งหนึ่ง

แต่ใครก็รู้ว่าหากมีพวกเขาอยู่ ต่อให้ภายหน้าหลินสวินจากไป สำนักยุทธ์ก่อเกิดก็มีรากฐานพลังที่สามารถสยบโลกได้!

หนึ่งปีผ่านไป

ชายฝั่งทะเลตะวันออก

หยวนชิงเหิงที่สวมชุดกระโปรงเขียวทั้งตัว ผมดำปักปิ่นเดินอยู่ในเมืองอันเฟื่องฟูแห่งหนึ่ง ในเนตรกระจ่างทั้งคู่เจือแววสงสัย

ตลอดทางมีคนตกตะลึงกับรูปโฉมงามล่มเมืองอันเลิศล้ำของนางไปไม่รู้เท่าไร แต่เมื่อจะสังเกตดูดีๆ เงาร่างอรชรของนางก็หายลับไปนานแล้ว

‘ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าหลินเต้ายวนคนนั้นถึงกับเป็นผู้สืบทอดคีรีดวงกมล มิหนำซ้ำยังมีชื่อเสียงในแดนหมื่นมรรคแห่งนี้ปานนี้ด้วย’

บนถนนอันขวักไขว่ หยวนชิงเหิงเอ่ยขึ้นในใจว่า ‘ท่านย่าซิง ก่อนจากไปข้าอยากไปพบคนผู้นี้อีกครั้ง’

‘คุณหนู ท่านอยากรับเขาไว้ข้างกายหรือ เรื่องนี้ไม่ง่ายนัก ท่านก็พูดออกมาแล้วว่าเขาเป็นผู้สืบทอดคีรีดวงกมล’ เสียงท่านย่าซิงดังขึ้นในห้วงนิมิต

‘ข้าไม่ได้คิดจะรับเขา ข้าแค่อยากชี้ทางสว่างให้เขา ก็ถือว่า… ทำบุญสักครั้งกระมัง’

หยวนชิงเหิงไพล่มือขาวสะอาดเรียวยาวไว้ข้างหลัง ดวงตากระจ่าง ท่วงท่าดุจเซียนในภาพเขียน แม้เดินอยู่กลางถนนที่พลุกพล่านขวักไขว่ แต่กลับไม่ทิ้งกลิ่นอายใดๆ สักนิด

‘ทำบุญหรือ นี่ก็นับว่าได้อยู่ แต่จำไว้ว่าอย่ายึดติดกับคนผู้นี้มากไปนัก ในโลกยอดนิรันดร์มีเผ่าจักรพรรดิอมตะไม่น้อยมองคีรีดวงกมลเป็นศัตรู’ ท่านย่าซิงเอ่ยเตือน

หยวนชิงเหิงร้องอืม เอ่ยว่า ‘ท่านย่าซิง ท่านไม่รู้สึกว่าเส้นทางการผงาดขึ้นของหลินเต้ายวนผู้นี้น่าสนใจมากหรือ ตอนเขายังเยาว์ก็ผงาดขึ้นที่จักรวรรดิจื่อเย่าแห่งนี้ จนถึงตอนนี้เพิ่งผ่านไปร้อยกว่าปีก็เป็นมกุฎมหาจักรพรรดิที่มีอำนาจเหนือทั่วหล้า มีชื่อสะเทือนเก้าฟ้าไปแล้ว นี่จะน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว’

‘ที่คุณหนูพูดมาก็ถูก แม้โลกนี้จะมีไอวิญญาณฟื้นคืน แต่ก็ไม่อาจเทียบได้กับโลกยอดนิรันดร์สักนิด นี่ก็เหมือนความแตกต่างของเมืองน้อยๆ กับมหาสมุทรไพศาล’

ท่านย่าซิงเอ่ย ‘หากอยู่ในโลกยอดนิรันดร์ บรรลุมกุฎจักรพรรดิได้ในเวลาสั้นๆ เช่นนี้ก็เรียกได้ว่าหายากยิ่งในโลกแล้ว และมีแต่ในเผ่าจักรพรรดิอมตะที่ครอบครองพลังระเบียบระดับสวรรค์เท่านั้นถึงจะมีอัจฉริยะเลิศล้ำเช่นนี้ถือกำเนิด’

‘แต่หลินเต้ายวนผู้นี้กลับบรรลุมกุฎจักรพรรดิได้ในเวลาสั้นๆ เช่นนี้ในสถานที่พรรค์นี้ นี่น่าเหลือเชื่อจริงๆ จากเรื่องนี้ก็ดูออกว่ารากฐานพลังของคีรีดวงกมลย่อมไม่มีทางธรรมดาเช่นกัน’

‘ข้ากล้าฟันธงว่าเกรงว่าทั้งทางเดินโบราณฟ้าดาราแห่งนี้ จะมีเพียงหลินเต้ายวนคนเดียวที่มีความสำเร็จเช่นนี้บนมรรคา’

หยวนชิงเหิงเอ่ย ‘ดังนั้นข้าจึงอยากดูสักหน่อย ว่าคนอย่างเขาถ้าได้เข้าไปในโลกยอดนิรันดร์จะก่อคลื่นลมได้ใหญ่โตปานไหน’

‘คุณหนู ท่านคิดจะทำเช่นไร’ ท่านย่าซิงถาม

‘นำทาง’ หยวนชิงเหิงเอ่ยง่ายๆ

เจ็ดวันผ่านไป

นครต้องห้าม

หน้าภูเขาชำระจิต หยวนชิงเหิงปรากฏตัวเพียงลำพัง

นางเหลือบมองผู้สืบทอดส่วนหนึ่งที่เฝ้าหน้าประตูสำนัก

แทบจะในเวลาเดียวกัน กายมรรควารีดำที่ดูแลอยู่บนภูเขาชำระจิตมาโดยตลอดก็ตื่นจากนั่งสมาธิ ยืดกายลุกขึ้น

ครู่ต่อมาเงาร่างของเขาก็ปรากฏหน้าประตูภูเขาสำนักกลางอากาศ มองดูหยวนชิงเหิงด้วยแววตาประหลาดใจเล็กน้อย เอ่ยว่า “คิดไม่ถึงว่าแม่นางหยวนจะเป็นฝ่ายมาเยือนด้วยตัวเอง คราวนี้มีธุระใดหรือ”

“ไม่มีธุระก็มาไม่ได้หรือ”

เนตรดาราของหยวนชิงเหิงประหนึ่งน้ำพราวระยับ ชำเลืองมองหลินสวินคราหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “เจ้าไม่ต้องกังวลไป เดี๋ยวข้าก็จะกลับโลกยอดนิรันดร์แล้ว ก่อนจากไปอยากคุยกับเจ้าสักหน่อย”

“ยินดีต้อนรับอย่างยิ่ง”

หลินสวินยิ้มเอ่ยว่า “ข้าก็มีหลายเรื่องอยากขอคำชี้แนะจากแม่นางมานานแล้ว เชิญเลย”

ขณะพูดก็นำทางไปก่อน

หยวนชิงเหิงพยักหน้าแล้วตามหลังไป

ตลอดทางผู้สืบทอดสำนักยุทธ์ก่อเกิดไม่รู้เท่าไรต่างตกตะลึง ข้อแรกคือตื่นตะลึงกับรูปโฉมของหยวนชิงเหิง งดงามเกินไปแล้วจริงๆ

ข้อสองคือพิศวงว่านางมีที่มาที่ไปอย่างไร ถึงกับทำให้ท่านบรรพจารย์มารับและนำทางด้วยตัวเอง

หลินสวินไม่ได้อธิบายเรื่องนี้ หยวนชิงเหิงยิ่งสุขุมเยือกเย็นไม่หวั่นไหว

อย่าว่าแต่สถานการณ์ในตอนนี้ ต่อให้อยู่ในโลกยอดนิรันดร์ อยู่เบื้องหน้าคนใหญ่คนโตในเผ่าจักรพรรดิอมตะเหล่านั้น หยวนชิงเหิงก็ยังหยิ่งทระนงอยู่ สุขุมเยือกเย็นเช่นนี้

บนยอดเขา

ทะเลเมฆหนาแน่น ลมภูเขาไหวเคลื่อน

หลินสวินกับหยวนชิงเหิงนั่งตรงข้ามกันหน้าต้นไม้โบราณต้นหนึ่ง บนโต๊ะเตี้ยตรงกลางมีน้ำชาและสำรับอาหารโอชะวางอยู่

“ที่นี่นับว่าไม่ธรรมดา ถึงกับมีแกนกลางต้นกำเนิดหมื่นมรรค ไม่เกินร้อยปีจะต้องเป็นเขามงคลอันดับหนึ่งแน่”

หยวนชิงเหิงประเมินรอบๆ เสียงเสนาะหูดุจสายธารกระทบหิน

“แม่นางชมเกินไปแล้ว”

หลินสวินยิ้มพลางรินชาให้อีกฝ่าย “เทียบกับโลกยอดนิรันดร์ เกรงว่าสถานที่เช่นนี้จะเทียบไม่ติด”

ดวงตาทั้งสองของหยวนชิงเหิงจ้องหลินสวิน เอ่ยว่า “เช่นนั้นสหายยุทธ์คิดจะไปโลกยอดนิรันดร์ดูสักครั้งหรือไม่”

หลินสวินพยักหน้ายิ้มเอ่ย “คิดไว้นานแล้ว แต่เรื่องอื่นๆ รัดตัว ไม่ได้ลงมือทำสักที”

ความงามของหยวนชิงเหิงเป็นกลิ่นอายสูงส่งสง่างามที่เปล่งออกมาจากแก่นแท้ของนางเอง ต่อให้นั่งอยู่ตรงข้าม แต่ก็ยังให้ความรู้สึกเลื่อนลอยยากจับต้องเหมือนเคย

ประหนึ่งว่านางไม่ได้มาจากฟ้าดินและโลกนี้อยู่แล้ว

ยามเผชิญหน้ากับนาง ขนาดหลินสวินยังต้องยอมรับว่าหญิงผู้นี้พิเศษจริงๆ ความเชื่อมั่นในตัวเองที่เผยออกมาอย่างไม่อาจจับต้องได้นั้น เป็นสิ่งที่บุคคลระดับจักรพรรดิบางคนยังไม่อาจมีได้

“เช่นนั้นสหายยุทธ์รู้ไหมว่าจะไปอย่างไร” หยวนชิงเหิงเอ่ยถาม

หลินสวินเลิกคิ้ว ส่ายหัวเอ่ยว่า “ตอนนี้ยังไม่รู้”

“พูดเช่นนี้ ข้ามาคราวนี้ก็เหมาะเจาะจริงๆ”

หยวนชิงเหิงยิ้มทันที ใบหน้าขาวสะอาดงามกระจ่างดุจภาพวาด ฉายความงามที่พาจิตวิญญาณสั่นสะท้านภายใต้ท้องฟ้าอันเจิดจ้า

หลินสวินประหลาดใจ “พูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร”

หยวนชิงเหิงเอ่ย “ข้ามาคราวนี้ก็เพื่อชี้แนะสหายยุทธ์ว่าจะไปโลกยอดนิรันดร์แห่งนั้นได้อย่างไร”

“เชิญว่ามาได้เลย” หลินสวินสนใจนัก

ต่อมาหยวนชิงเหิงก็พูดเรื่องนี้ออกมาทั้งหมด

ที่แท้ ไม่ว่าจะไปจากทางเดินโบราณฟ้าดาราหรือห้วงจักรวาลอื่นในโลกพันจักรวาล หากอยากไปฟากฝั่งฟ้าดารา หรือก็คือโลกยอดนิรันดร์ มีเพียงสองวิธี

วิธีแรกคือการนำทาง

หรือก็คือให้ขุมอำนาจใหญ่ในโลกยอดนิรันดร์ลงมือ ไปนำทางผู้แข็งแกร่งจากโลกจักรวาลอื่นมายังโลกยอดนิรันดร์

แต่กล่าวกันโดยทั่วไปแล้ว ขุมอำนาจในโลกยอดนิรันดร์แทบไม่ต้องการทำเช่นนี้

เพราะวิธีนำทางต้องจ่ายค่าตอบแทนสูงลิบถึงที่สุด ต่อให้เป็นยักษ์ใหญ่อย่างเผ่าจักรพรรดิอมตะก็ไม่อาจทำเช่นนี้ได้อย่างง่ายดาย

จากคำพูดของหยวนชิงเหิง ค่าตอบแทนที่ต้องจ่ายในการนำทางผู้ฝึกปราณจากโลกจักรวาลอื่นไปยังโลกยอดนิรันดร์นั้น มหาศาลถึงขั้นสูงกว่าการบ่มเพาะระดับจักรพรรดิคนหนึ่งเสียอีก!

หากไม่ใช่ช่วงเวลาพิเศษยิ่ง ย่อมไม่มีขุมอำนาจใดเลือกไปนำทางคนนอกมาเด็ดขาด

วิธีที่สองก็คือไป การบุกเข้าไปใน ‘แดนใหญ่พันศึก’ เปิดเส้นทางสู่โลกยอดนิรันดร์จากแดนใหญ่พันศึก!

แดนใหญ่พันศึกที่ว่า ก็คือมิติจักรวาลที่พาดอยู่ระหว่างโลกยอดนิรันดร์กับโลกพันจักรวาล รูปร่างคล้ายเส้นทางที่แผ่สยายไปบนฟ้าดาราสายหนึ่ง

ระหว่างทางมีด่านอยู่เป็นชั้นๆ อันตรายไม่อาจคาดเดา

ในกาลเวลาไร้สิ้นสุด หากยักษ์ใหญ่เทียมฟ้าที่ออกมาจากจักรวาลต่างๆ ของโลกพันจักรวาลต้องการไปโลกยอดนิรันดร์ ต่างต้องบุกฝ่าด่านนี้ไปแทบทั้งนั้น

แต่ผู้ที่ออกมาจากแดนใหญ่พันศึกนี้ได้จริงๆ ในพันคนกลับไม่มีสักคน!

สาเหตุก็ง่ายดายนัก

อันตรายในแดนใหญ่พันศึกนี้ สามารถคุกคามผู้แข็งแกร่งทุกคนที่อยู่ในระดับจักรพรรดิเก้าขั้น!

กระทั่งว่าในกาลเวลาไร้สิ้นสุดนี้ก็มีโครงกระดูกมหาจักรพรรดิฝังอยู่บนทางสายนี้ไม่รู้เท่าไร บริเวณด่านแต่ละด่านของแดนใหญ่พันศึกยังถูกเลือดจักรพรรดิแดงสดย้อมเป็นสีแดง

ส่วนผู้แข็งแกร่งที่อยู่ต่ำกว่าระดับจักรพรรดิ ไม่มีคุณสมบัติไปยังแดนใหญ่พันศึกด้วยซ้ำ

เพียงแค่อันตรายที่มีอยู่ทั่วเส้นทางของแดนใหญ่พันศึกนั้น ล้วนสามารถปลิดชีพผู้ที่อยู่ต่ำกว่าระดับจักรพรรดิได้อย่างง่ายดาย!

ก็ด้วยเหตุนี้แดนใหญ่พันศึกจึงถูกขนานนามว่าเป็น ‘ทางโลหิตแห่งจักรพรรดิ’ หากบุกฝ่าไปได้ก็จะเข้าสู่โลกยอดนิรันดร์ ไปเสาะแสวงมรรคอมตะนั้นได้

หากผ่านไปไม่ได้ ท้ายที่สุดก็จะกลายเป็นโครงกระดูกในแดนใหญ่พันศึก!

พอได้รู้เรื่องเหล่านี้ หลินสวินก็อึ้งไปอย่างห้ามไม่ได้

เขาเพิ่งได้ยินเป็นครั้งแรกว่าการไปโลกยอดนิรันดร์ถึงกับจะต้องพบการทดสอบที่อันตรายเช่นนี้ด้วย

นี่หมายความว่าต่อให้ทางเดินโบราณฟ้าดาราไม่มีพลังระเบียบต้องห้ามปกคลุม คิดจะข้ามฟ้าดาราไปยังโลกยอดนิรันดร์ที่อยู่อีกฟากฝั่งฟ้าดารานั้น ก็ย่อมเป็นสิ่งที่ไม่อาจทำได้ง่ายๆ อย่างไม่ต้องสงสัย!

จากนั้นหลินสวินก็นึกถึงเหล่าศิษย์พี่ศิษย์น้องคีรีดวงกมลอย่างพวกศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์พี่สามที่จากไปตั้งแต่หลายปีก่อน

พวกเขา… ก็ต้องประสบอันตรายของแดนใหญ่พันศึกด้วยหรือไม่

ไหนจะผู้ฝึกปราณที่ตอนนั้นถือโอกาสตอนพลังระเบียบต้องห้ามหายไป กรูกันไปยังฟากฝั่งฟ้าดาราด้วยกันเหล่านั้น

ในกลุ่มนั้นแม้มีระดับจักรพรรดิ แต่ก็ยังมีบุคคลที่อยู่ต่ำกว่าระดับจักรพรรดิอีกมากมาย หากเข้าไปในแดนใหญ่พันศึก…

เป็นไปได้สูงยิ่งที่จะรอดชีวิตกลับมาได้ยาก!

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 2396 แดนใหญ่พันศึก

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 2396 แดนใหญ่พันศึก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

พวกอาหลู่ เสี่ยวอิ๋นต่างอึ้งไป ไม่เต็มใจอยู่บ้าง

“พี่ใหญ่ นอกจากเจ้าคางคก พวกเราต่างบรรลุเป็นจักรพรรดิหมดแล้ว” อาหลู่เอ่ย “เหตุใดถึงไม่ให้พวกเราตามไปกรำศึกร่วมกับท่าน”

“ใช่แล้ว นายท่าน” เสี่ยวอิ๋นกับเสี่ยวเทียนก็ทำใจไม่ได้เช่นกัน มองดูหลินสวินอย่างคาดหวัง

ความจริงแล้วในใจหลินสวินก็ทำใจจากลาไม่ได้อยู่บ้างเช่นกัน แต่ยังสายหัวเอ่ยว่า “ถ้าพวกเจ้าหวังดีกับข้าจริงก็อยู่ที่นี่ ช่วยข้าปกป้องสำนักยุทธ์ก่อเกิดให้ดี ยามกลับมาคราวหน้า ข้าไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่ดีอะไรขึ้นอีกแล้ว”

อาหูก็เอ่ยขึ้นจากอีกด้านว่า “มหามรรคมากมาย ต่างคนต่างแสวงหา ในเมื่อคุณชายตัดสินใจเช่นนี้ ย่อมคิดไตร่ตรองอย่างดีมานานแล้ว พวกเจ้าน่ะ… เชื่อฟังดีๆ ก็พอ”

หลินสวินยิ้มเอ่ย “ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ไม่ได้จะจากไปตอนนี้”

พวกเสี่ยวอิ๋น เสี่ยวเทียนดูออกว่าหลินสวินตัดสินใจแล้ว ไม่อาจเปลี่ยนแปลง ในใจจึงหดหู่อยู่หน่อยๆ อย่างเลี่ยงไม่ได้

หลินสวินรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา ถึงได้ทำให้บรรยากาศไม่ถึงกับเศร้าซึมและเจ็บปวดมากไปนัก

……

หนึ่งวันผ่านไป

หลินสวินกลับไปแดนลับบัวเขียวอีกครั้ง เริ่มควบรวมต้นกล้าของต้นแรกกำเนิด

ด้านเจ้าคางคกออกไปท่องเที่ยงภายนอกเพียงลำพัง ในบรรดาพวกพ้องมีเพียงเขาที่ยังไม่บรรลุจักรพรรดิสักที นี่ทำให้เขาตระหนักได้เช่นกัน ว่าเพียงแค่ปิดด่านฝึกปราณย่อมไม่อาจได้รับจุดเปลี่ยนทะลวงระดับ

ด้วยการกำชับของอาหู อาหลู่ตามหลังเจ้าคางคกไปเงียบๆ ปกป้องเขาอยู่ลับๆ

โลกชั้นล่างในตอนนี้ นอกจากนครต้องห้ามแล้ว ที่อื่นๆ ต่างเกิดความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด วุ่นวายหาใดเทียบ การเข่นฆ่าและความขัดแย้งพบเห็นได้ทุกหนแห่ง

แม้เจ้าคางคกจะห่างจากระดับจักรพรรดิเพียงก้าวเดียว แต่ก็ไม่ใช่ระดับจักรพรรดิอยู่ดี หากมีอาหลู่คุ้มครองอยู่ลับๆ ต่อให้ได้รับภัยคุกคามถึงชีวิตอะไรก็อยู่รอดปลอดภัย

เสี่ยวอิ๋นกับเสี่ยวเทียนกลับอยู่ทำหน้าที่ผู้อาวุโสชั้นสูงร่วมกับอาหูบนภูเขาชำระจิต

ความจริงแล้วก็เป็นตำแหน่งแค่ในนามตำแหน่งหนึ่ง

แต่ใครก็รู้ว่าหากมีพวกเขาอยู่ ต่อให้ภายหน้าหลินสวินจากไป สำนักยุทธ์ก่อเกิดก็มีรากฐานพลังที่สามารถสยบโลกได้!

หนึ่งปีผ่านไป

ชายฝั่งทะเลตะวันออก

หยวนชิงเหิงที่สวมชุดกระโปรงเขียวทั้งตัว ผมดำปักปิ่นเดินอยู่ในเมืองอันเฟื่องฟูแห่งหนึ่ง ในเนตรกระจ่างทั้งคู่เจือแววสงสัย

ตลอดทางมีคนตกตะลึงกับรูปโฉมงามล่มเมืองอันเลิศล้ำของนางไปไม่รู้เท่าไร แต่เมื่อจะสังเกตดูดีๆ เงาร่างอรชรของนางก็หายลับไปนานแล้ว

‘ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าหลินเต้ายวนคนนั้นถึงกับเป็นผู้สืบทอดคีรีดวงกมล มิหนำซ้ำยังมีชื่อเสียงในแดนหมื่นมรรคแห่งนี้ปานนี้ด้วย’

บนถนนอันขวักไขว่ หยวนชิงเหิงเอ่ยขึ้นในใจว่า ‘ท่านย่าซิง ก่อนจากไปข้าอยากไปพบคนผู้นี้อีกครั้ง’

‘คุณหนู ท่านอยากรับเขาไว้ข้างกายหรือ เรื่องนี้ไม่ง่ายนัก ท่านก็พูดออกมาแล้วว่าเขาเป็นผู้สืบทอดคีรีดวงกมล’ เสียงท่านย่าซิงดังขึ้นในห้วงนิมิต

‘ข้าไม่ได้คิดจะรับเขา ข้าแค่อยากชี้ทางสว่างให้เขา ก็ถือว่า… ทำบุญสักครั้งกระมัง’

หยวนชิงเหิงไพล่มือขาวสะอาดเรียวยาวไว้ข้างหลัง ดวงตากระจ่าง ท่วงท่าดุจเซียนในภาพเขียน แม้เดินอยู่กลางถนนที่พลุกพล่านขวักไขว่ แต่กลับไม่ทิ้งกลิ่นอายใดๆ สักนิด

‘ทำบุญหรือ นี่ก็นับว่าได้อยู่ แต่จำไว้ว่าอย่ายึดติดกับคนผู้นี้มากไปนัก ในโลกยอดนิรันดร์มีเผ่าจักรพรรดิอมตะไม่น้อยมองคีรีดวงกมลเป็นศัตรู’ ท่านย่าซิงเอ่ยเตือน

หยวนชิงเหิงร้องอืม เอ่ยว่า ‘ท่านย่าซิง ท่านไม่รู้สึกว่าเส้นทางการผงาดขึ้นของหลินเต้ายวนผู้นี้น่าสนใจมากหรือ ตอนเขายังเยาว์ก็ผงาดขึ้นที่จักรวรรดิจื่อเย่าแห่งนี้ จนถึงตอนนี้เพิ่งผ่านไปร้อยกว่าปีก็เป็นมกุฎมหาจักรพรรดิที่มีอำนาจเหนือทั่วหล้า มีชื่อสะเทือนเก้าฟ้าไปแล้ว นี่จะน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว’

‘ที่คุณหนูพูดมาก็ถูก แม้โลกนี้จะมีไอวิญญาณฟื้นคืน แต่ก็ไม่อาจเทียบได้กับโลกยอดนิรันดร์สักนิด นี่ก็เหมือนความแตกต่างของเมืองน้อยๆ กับมหาสมุทรไพศาล’

ท่านย่าซิงเอ่ย ‘หากอยู่ในโลกยอดนิรันดร์ บรรลุมกุฎจักรพรรดิได้ในเวลาสั้นๆ เช่นนี้ก็เรียกได้ว่าหายากยิ่งในโลกแล้ว และมีแต่ในเผ่าจักรพรรดิอมตะที่ครอบครองพลังระเบียบระดับสวรรค์เท่านั้นถึงจะมีอัจฉริยะเลิศล้ำเช่นนี้ถือกำเนิด’

‘แต่หลินเต้ายวนผู้นี้กลับบรรลุมกุฎจักรพรรดิได้ในเวลาสั้นๆ เช่นนี้ในสถานที่พรรค์นี้ นี่น่าเหลือเชื่อจริงๆ จากเรื่องนี้ก็ดูออกว่ารากฐานพลังของคีรีดวงกมลย่อมไม่มีทางธรรมดาเช่นกัน’

‘ข้ากล้าฟันธงว่าเกรงว่าทั้งทางเดินโบราณฟ้าดาราแห่งนี้ จะมีเพียงหลินเต้ายวนคนเดียวที่มีความสำเร็จเช่นนี้บนมรรคา’

หยวนชิงเหิงเอ่ย ‘ดังนั้นข้าจึงอยากดูสักหน่อย ว่าคนอย่างเขาถ้าได้เข้าไปในโลกยอดนิรันดร์จะก่อคลื่นลมได้ใหญ่โตปานไหน’

‘คุณหนู ท่านคิดจะทำเช่นไร’ ท่านย่าซิงถาม

‘นำทาง’ หยวนชิงเหิงเอ่ยง่ายๆ

เจ็ดวันผ่านไป

นครต้องห้าม

หน้าภูเขาชำระจิต หยวนชิงเหิงปรากฏตัวเพียงลำพัง

นางเหลือบมองผู้สืบทอดส่วนหนึ่งที่เฝ้าหน้าประตูสำนัก

แทบจะในเวลาเดียวกัน กายมรรควารีดำที่ดูแลอยู่บนภูเขาชำระจิตมาโดยตลอดก็ตื่นจากนั่งสมาธิ ยืดกายลุกขึ้น

ครู่ต่อมาเงาร่างของเขาก็ปรากฏหน้าประตูภูเขาสำนักกลางอากาศ มองดูหยวนชิงเหิงด้วยแววตาประหลาดใจเล็กน้อย เอ่ยว่า “คิดไม่ถึงว่าแม่นางหยวนจะเป็นฝ่ายมาเยือนด้วยตัวเอง คราวนี้มีธุระใดหรือ”

“ไม่มีธุระก็มาไม่ได้หรือ”

เนตรดาราของหยวนชิงเหิงประหนึ่งน้ำพราวระยับ ชำเลืองมองหลินสวินคราหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “เจ้าไม่ต้องกังวลไป เดี๋ยวข้าก็จะกลับโลกยอดนิรันดร์แล้ว ก่อนจากไปอยากคุยกับเจ้าสักหน่อย”

“ยินดีต้อนรับอย่างยิ่ง”

หลินสวินยิ้มเอ่ยว่า “ข้าก็มีหลายเรื่องอยากขอคำชี้แนะจากแม่นางมานานแล้ว เชิญเลย”

ขณะพูดก็นำทางไปก่อน

หยวนชิงเหิงพยักหน้าแล้วตามหลังไป

ตลอดทางผู้สืบทอดสำนักยุทธ์ก่อเกิดไม่รู้เท่าไรต่างตกตะลึง ข้อแรกคือตื่นตะลึงกับรูปโฉมของหยวนชิงเหิง งดงามเกินไปแล้วจริงๆ

ข้อสองคือพิศวงว่านางมีที่มาที่ไปอย่างไร ถึงกับทำให้ท่านบรรพจารย์มารับและนำทางด้วยตัวเอง

หลินสวินไม่ได้อธิบายเรื่องนี้ หยวนชิงเหิงยิ่งสุขุมเยือกเย็นไม่หวั่นไหว

อย่าว่าแต่สถานการณ์ในตอนนี้ ต่อให้อยู่ในโลกยอดนิรันดร์ อยู่เบื้องหน้าคนใหญ่คนโตในเผ่าจักรพรรดิอมตะเหล่านั้น หยวนชิงเหิงก็ยังหยิ่งทระนงอยู่ สุขุมเยือกเย็นเช่นนี้

บนยอดเขา

ทะเลเมฆหนาแน่น ลมภูเขาไหวเคลื่อน

หลินสวินกับหยวนชิงเหิงนั่งตรงข้ามกันหน้าต้นไม้โบราณต้นหนึ่ง บนโต๊ะเตี้ยตรงกลางมีน้ำชาและสำรับอาหารโอชะวางอยู่

“ที่นี่นับว่าไม่ธรรมดา ถึงกับมีแกนกลางต้นกำเนิดหมื่นมรรค ไม่เกินร้อยปีจะต้องเป็นเขามงคลอันดับหนึ่งแน่”

หยวนชิงเหิงประเมินรอบๆ เสียงเสนาะหูดุจสายธารกระทบหิน

“แม่นางชมเกินไปแล้ว”

หลินสวินยิ้มพลางรินชาให้อีกฝ่าย “เทียบกับโลกยอดนิรันดร์ เกรงว่าสถานที่เช่นนี้จะเทียบไม่ติด”

ดวงตาทั้งสองของหยวนชิงเหิงจ้องหลินสวิน เอ่ยว่า “เช่นนั้นสหายยุทธ์คิดจะไปโลกยอดนิรันดร์ดูสักครั้งหรือไม่”

หลินสวินพยักหน้ายิ้มเอ่ย “คิดไว้นานแล้ว แต่เรื่องอื่นๆ รัดตัว ไม่ได้ลงมือทำสักที”

ความงามของหยวนชิงเหิงเป็นกลิ่นอายสูงส่งสง่างามที่เปล่งออกมาจากแก่นแท้ของนางเอง ต่อให้นั่งอยู่ตรงข้าม แต่ก็ยังให้ความรู้สึกเลื่อนลอยยากจับต้องเหมือนเคย

ประหนึ่งว่านางไม่ได้มาจากฟ้าดินและโลกนี้อยู่แล้ว

ยามเผชิญหน้ากับนาง ขนาดหลินสวินยังต้องยอมรับว่าหญิงผู้นี้พิเศษจริงๆ ความเชื่อมั่นในตัวเองที่เผยออกมาอย่างไม่อาจจับต้องได้นั้น เป็นสิ่งที่บุคคลระดับจักรพรรดิบางคนยังไม่อาจมีได้

“เช่นนั้นสหายยุทธ์รู้ไหมว่าจะไปอย่างไร” หยวนชิงเหิงเอ่ยถาม

หลินสวินเลิกคิ้ว ส่ายหัวเอ่ยว่า “ตอนนี้ยังไม่รู้”

“พูดเช่นนี้ ข้ามาคราวนี้ก็เหมาะเจาะจริงๆ”

หยวนชิงเหิงยิ้มทันที ใบหน้าขาวสะอาดงามกระจ่างดุจภาพวาด ฉายความงามที่พาจิตวิญญาณสั่นสะท้านภายใต้ท้องฟ้าอันเจิดจ้า

หลินสวินประหลาดใจ “พูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร”

หยวนชิงเหิงเอ่ย “ข้ามาคราวนี้ก็เพื่อชี้แนะสหายยุทธ์ว่าจะไปโลกยอดนิรันดร์แห่งนั้นได้อย่างไร”

“เชิญว่ามาได้เลย” หลินสวินสนใจนัก

ต่อมาหยวนชิงเหิงก็พูดเรื่องนี้ออกมาทั้งหมด

ที่แท้ ไม่ว่าจะไปจากทางเดินโบราณฟ้าดาราหรือห้วงจักรวาลอื่นในโลกพันจักรวาล หากอยากไปฟากฝั่งฟ้าดารา หรือก็คือโลกยอดนิรันดร์ มีเพียงสองวิธี

วิธีแรกคือการนำทาง

หรือก็คือให้ขุมอำนาจใหญ่ในโลกยอดนิรันดร์ลงมือ ไปนำทางผู้แข็งแกร่งจากโลกจักรวาลอื่นมายังโลกยอดนิรันดร์

แต่กล่าวกันโดยทั่วไปแล้ว ขุมอำนาจในโลกยอดนิรันดร์แทบไม่ต้องการทำเช่นนี้

เพราะวิธีนำทางต้องจ่ายค่าตอบแทนสูงลิบถึงที่สุด ต่อให้เป็นยักษ์ใหญ่อย่างเผ่าจักรพรรดิอมตะก็ไม่อาจทำเช่นนี้ได้อย่างง่ายดาย

จากคำพูดของหยวนชิงเหิง ค่าตอบแทนที่ต้องจ่ายในการนำทางผู้ฝึกปราณจากโลกจักรวาลอื่นไปยังโลกยอดนิรันดร์นั้น มหาศาลถึงขั้นสูงกว่าการบ่มเพาะระดับจักรพรรดิคนหนึ่งเสียอีก!

หากไม่ใช่ช่วงเวลาพิเศษยิ่ง ย่อมไม่มีขุมอำนาจใดเลือกไปนำทางคนนอกมาเด็ดขาด

วิธีที่สองก็คือไป การบุกเข้าไปใน ‘แดนใหญ่พันศึก’ เปิดเส้นทางสู่โลกยอดนิรันดร์จากแดนใหญ่พันศึก!

แดนใหญ่พันศึกที่ว่า ก็คือมิติจักรวาลที่พาดอยู่ระหว่างโลกยอดนิรันดร์กับโลกพันจักรวาล รูปร่างคล้ายเส้นทางที่แผ่สยายไปบนฟ้าดาราสายหนึ่ง

ระหว่างทางมีด่านอยู่เป็นชั้นๆ อันตรายไม่อาจคาดเดา

ในกาลเวลาไร้สิ้นสุด หากยักษ์ใหญ่เทียมฟ้าที่ออกมาจากจักรวาลต่างๆ ของโลกพันจักรวาลต้องการไปโลกยอดนิรันดร์ ต่างต้องบุกฝ่าด่านนี้ไปแทบทั้งนั้น

แต่ผู้ที่ออกมาจากแดนใหญ่พันศึกนี้ได้จริงๆ ในพันคนกลับไม่มีสักคน!

สาเหตุก็ง่ายดายนัก

อันตรายในแดนใหญ่พันศึกนี้ สามารถคุกคามผู้แข็งแกร่งทุกคนที่อยู่ในระดับจักรพรรดิเก้าขั้น!

กระทั่งว่าในกาลเวลาไร้สิ้นสุดนี้ก็มีโครงกระดูกมหาจักรพรรดิฝังอยู่บนทางสายนี้ไม่รู้เท่าไร บริเวณด่านแต่ละด่านของแดนใหญ่พันศึกยังถูกเลือดจักรพรรดิแดงสดย้อมเป็นสีแดง

ส่วนผู้แข็งแกร่งที่อยู่ต่ำกว่าระดับจักรพรรดิ ไม่มีคุณสมบัติไปยังแดนใหญ่พันศึกด้วยซ้ำ

เพียงแค่อันตรายที่มีอยู่ทั่วเส้นทางของแดนใหญ่พันศึกนั้น ล้วนสามารถปลิดชีพผู้ที่อยู่ต่ำกว่าระดับจักรพรรดิได้อย่างง่ายดาย!

ก็ด้วยเหตุนี้แดนใหญ่พันศึกจึงถูกขนานนามว่าเป็น ‘ทางโลหิตแห่งจักรพรรดิ’ หากบุกฝ่าไปได้ก็จะเข้าสู่โลกยอดนิรันดร์ ไปเสาะแสวงมรรคอมตะนั้นได้

หากผ่านไปไม่ได้ ท้ายที่สุดก็จะกลายเป็นโครงกระดูกในแดนใหญ่พันศึก!

พอได้รู้เรื่องเหล่านี้ หลินสวินก็อึ้งไปอย่างห้ามไม่ได้

เขาเพิ่งได้ยินเป็นครั้งแรกว่าการไปโลกยอดนิรันดร์ถึงกับจะต้องพบการทดสอบที่อันตรายเช่นนี้ด้วย

นี่หมายความว่าต่อให้ทางเดินโบราณฟ้าดาราไม่มีพลังระเบียบต้องห้ามปกคลุม คิดจะข้ามฟ้าดาราไปยังโลกยอดนิรันดร์ที่อยู่อีกฟากฝั่งฟ้าดารานั้น ก็ย่อมเป็นสิ่งที่ไม่อาจทำได้ง่ายๆ อย่างไม่ต้องสงสัย!

จากนั้นหลินสวินก็นึกถึงเหล่าศิษย์พี่ศิษย์น้องคีรีดวงกมลอย่างพวกศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์พี่สามที่จากไปตั้งแต่หลายปีก่อน

พวกเขา… ก็ต้องประสบอันตรายของแดนใหญ่พันศึกด้วยหรือไม่

ไหนจะผู้ฝึกปราณที่ตอนนั้นถือโอกาสตอนพลังระเบียบต้องห้ามหายไป กรูกันไปยังฟากฝั่งฟ้าดาราด้วยกันเหล่านั้น

ในกลุ่มนั้นแม้มีระดับจักรพรรดิ แต่ก็ยังมีบุคคลที่อยู่ต่ำกว่าระดับจักรพรรดิอีกมากมาย หากเข้าไปในแดนใหญ่พันศึก…

เป็นไปได้สูงยิ่งที่จะรอดชีวิตกลับมาได้ยาก!

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+