Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 2416 ใครโง่งม

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 2416 ใครโง่งม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2416 ใครโง่งม

“ไม่อาจไม่พูดถึง ความกล้าของหลิงเสวียนจื่อนี่คนทั่วไปไม่อาจเทียบได้ เหมือนอย่างที่นายน้อยคาดเดาไว้จริงๆ เขาตามมาแล้ว”

ชายชราคนหนึ่งยิ้ม

“เป็นถึงมกุฎมหาจักรพรรดิ หากหลิงเสวียนจื่อไม่มีความกล้าเช่นนี้ นั่นต่างหากที่เรียกว่าผิดปกติ”

ฟางเสวียนเจินกล่าวราบเรียบ ในฐานะมกุฎมหาจักรพรรดิ เขารู้ดียิ่งว่าขอแค่เป็นคนที่ก้าวสู่มรรคานี้ได้ก็ย่อมไม่ใช่อัจฉริยะในความหมายทั่วไป หากแต่เป็นสัตว์ประหลาดในหมู่อัจฉริยะ

สภาวะจิต เจตจำนง พลังของแต่ละคนล้วนสามารถโอหังเหนือคนรุ่นเดียวกันได้ ทรงพลังไร้เทียมทาน

ด้วยเหตุนี้ยามมาถึงสมรภูมิมายาโบราณ หลังจากใช้ยันต์หยกที่หลินสวินมอบให้ รับรู้ทิศทางที่หลินสวินอยู่แล้ว ฟางเสวียนเจินจึงตัดสินใจเด็ดขาด

วางกระบวนค่ายกล!

เฝ้ารอเหยื่อ!

แม้ว่าฟางเสวียนเจินจะอวดดี แต่รู้ชัดว่าต่อให้เขากับคนข้างกายทั้งหมดรวมพลังลงมือพร้อมกัน คิดจะกำราบมกุฎมหาจักรพรรดิขั้นหกอย่างหลินสวินก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนบางส่วน

ฟางเสวียนเจินไม่อยากเห็นผลลัพธ์เช่นนี้

ในแดนใหญ่พันศึกที่อันตรายเกินคาดเดาเหมือนเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายนี้ เมื่อรักษาพลังของตนได้จึงมีชีวิตอยู่ต่อไปได้นานขึ้น

ฟางเสวียนเจินไม่อยากเสียค่าตอบแทนโดยไม่จำเป็นให้กับคู่ต่อสู้อย่างหลินสวิน

การวางกระบวนค่ายกลและเฝ้ารอโจมตีอีกฝ่ายถึงชีวิต เป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย

ตอนนี้กระบวนค่ายกลที่ปกคลุมฟ้าดินแถบนี้มีนามว่า ‘เก้านรกกักเทพ’ วางกระบวนค่ายกลด้วยธงกระบวนเก้าสิบเก้าผืน พลังผนึกที่ปกคลุมมีมากถึงหลายพันชั้น

หากบรรพจารย์จักรพรรดิติดอยู่ภายในก็ไม่อาจหลุดรอดได้อย่างรวดเร็ว!

แน่นอนว่าฟางเสวียนเจินไม่ใช่ปฐมาจารย์สลักลายมรรค กระบวนค่ายกลเก้านรกกักเทพนี้สร้างขึ้นจากยันต์ลายมรรค

กระบวนค่ายกลนี้ยังเป็นหนึ่งในไพ่ตายก้นหีบของฟางเสวียนเจินด้วย

“นายน้อย เขาติดกับแล้ว” มีคนกล่าวอย่างตื่นเต้น

ฟางเสวียนเจินเงยมองไป ก็เห็นเงาร่างของหลินสวินเข้ามาในฟ้าดินที่ปกคลุมด้วยกระบวนค่ายกลแล้ว

ส่วนระดับจักรพรรดิที่เผยร่องรอย เจตนาดึงดูดความสนใจของหลินสวินก่อนหน้านี้ เวลานี้ก็กลับมาแล้ว กล่าวด้วยสีหน้าลำพองใจ “เจ้าหมอนี่คงคิดว่าข้าถูกเขาทำให้ตกใจแล้วหนีมากระมัง ฮ่าๆ”

“ทำได้ไม่เลว”

ฟางเสวียนเจินส่งสายตาชื่นชม

ผู้เผยร่องรอยล่อหลินสวินมา แน่นอนว่าเป็นคนที่ฟางเสวียนเจินเตรียมไว้

ความจริงแม้แต่ฟางเสวียนเจินก็คิดไม่ถึงว่าหลินสวินจะกล้าตามมาเพียงลำพัง

แต่ตอนนี้ทุกอย่างล้วนไม่สำคัญแล้ว

“ได้เวลาเก็บแหแล้ว ทะยาน!”

ดวงตาฟางเสวียนเจินวาวโรจน์ สูดหายใจลึกแล้วโคจรคันฉ่องทองแดงสีดำในมือทันที

ตูม!

ฟ้าดินพลันพลิกตลบเปลี่ยนไปในทันที กระบวนค่ายกลลายมรรคนับไม่ถ้วนปรากฏออกมา สานพันเป็นพลังผนึกแน่นหนาบดบังฟ้าดินแถบนี้

เงาร่างหลินสวินที่อยู่ในนั้นถูกผนึกเป็นชั้นๆ ปกคลุมทันที

“สำเร็จแล้ว!”

หว่างคิ้วฟางเสวียนเจินเผยประกายยินดี

ในสายตาของเขา ทั่วร่างหลินสวินถูกผนึกลายมรรคนับไม่ถ้วนปกคลุม เหมือนนักโทษที่ถูกพันธนาการอย่างแน่นหนา!

“ไป ตามข้าไปพบมกุฎมหาจักรพรรดิที่มาจากทางเดินโบราณฟ้าดาราคนนี้กัน!”

ฟางเสวียนเจินก้าวออกไปก่อน ถือคันฉ่องทองแดงสีดำเข้าไปในกระบวนค่ายกล ระดับจักรพรรดิคนอื่นตามหลังเขาไปติดๆ

กระบวนค่ายกลม้วนซัด ละอองแสงนับไม่ถ้วนไหลวน พลังผนึกเต็มแน่นฟ้าดินดุจกระแสน้ำ

ไม่นานฟางเสวียนเจินก็เห็นหลินสวิน เขาหัวเราะขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

“หลิงเสวียนจื่อหนอหลิงเสวียนจื่อ ก่อนหน้านี้ข้าให้โอกาสเจ้าหลายครั้งแล้ว แต่เจ้ากลับโง่เขลาดึงดัน เพื่อหินลับกระบี่ที่แม้แต่ตัวเจ้ายังไม่รู้จักวิธีใช้ชิ้นเดียว กลับนำชีวิตมาเดิมพัน คุ้มค่าหรือ”

ระดับจักรพรรดิคนอื่นที่ตามมาล้วนหัวเราะ มองหลินสวินเป็นแพะรอเชือด แฝงความเย็นชาและดูถูกอย่างเห็นได้ชัด

กลับเห็นว่าต่อให้หลินสวินถูกผนึกแน่นหนาพันธนาการกำราบ แต่กลับดูไม่ตื่นตระหนก กล่าวเรียบๆ “มิน่าถึงได้ทำลายยันต์หยกที่ข้าให้เจ้า ที่แท้ก็เตรียมการพร้อมสรรพนานแล้ว”

มุมปากของฟางเสวียนเจินเหยียดขึ้นพลางกล่าว “เจ้ากับข้าล้วนก้าวสู่มกุฎ ด้วยเหตุนี้ข้าจึงรู้ดีว่าอยากจัดการคนอย่างเจ้า จำเป็นต้องเอาชนะอย่างเหนือความคาดหมายจึงจะไม่เสียกำลัง”

“แน่นอนว่าหากในใจเจ้ามีความยำเกรงอยู่บ้าง ก็เกรงว่าคงไม่ต้องประสบเคราะห์ตายเช่นนี้ ต้องโทษเจ้าที่เห็นว่าตนเหนือกว่าเกินไป หรือเรียกได้ว่าโง่งม ถึงอย่างไรก็มาจากสถานที่ซอมซ่ออย่างทางเดินโบราณฟ้าดารา มีหรือจะเข้าใจว่าอะไรที่เรียกว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน”

เขากล่าวอย่างสงวนท่าที เผยความรู้สึกเหยียดหยันและเหน็บแนม

เขาพูดพลางสะบัดมือ

“ไป เด็ดหัวของเขามา ข้าจะเก็บรักษาไว้อย่างดี ถึงอย่างไรการสังหารมกุฎมหาจักรพรรดิคนหนึ่ง… ก็ไม่ง่ายดายนัก…”

ระดับจักรพรรดิพวกนั้นพุ่งตัวมาทันที ล้วนเจือไอสังหารที่ไม่อำพรางแม้แต่น้อย ออกโจมตีอย่างเหี้ยมหาญ

ตูม!

แสงมรรคพวยพุ่ง แสงสมบัติปรากฏ

วิชามรรคและศาสตราจักรพรรดินานัปการราวกับสายน้ำในธารสวรรค์ทลายเขื่อน กดอัดห้วงอากาศพุ่งโจมตีเข้าใส่หลินสวินคนเดียว

ระดับจักรพรรดิพวกนี้ คนที่พลังปราณสูงคือระดับบรรพจารย์จักรพรรดิ คนที่พลังปราณต่ำก็มีพลังต่อสู้ระดับจักรพรรดิขั้นห้า

กอปรกับมาจากสำนักใหญ่อย่างเรือนกระบี่ต้าเหิง ไม่ว่าจะเป็นวิชามรรคที่ครอบครองหรือศาสตราจักรพรรดิที่ใช้ล้วนเรียกได้ว่าชั้นยอด

ยามนี้เมื่อลงมือพร้อมกัน พลังนั้นย่อมทำให้บรรพจารย์จักรพรรดิสิ้นหวังได้จริงๆ

พลันเห็นหลินสวินยิ้มน้อยๆ “โง่งม? ตอนนี้ข้าจะบอกเจ้าให้ ใครกันแน่ที่โง่งม”

เขาพุ่งตัวออกไป

ตูม!

อานุภาพน่าหวาดกลัวที่ไม่อาจบรรยายได้ปะทุจากตัวเขา ราวกับภูเขาถล่มสมุทรคำราม พลังผนึกแน่นหนาที่กักขังเขาไว้ระเบิดออกเหมือนเมฆพังทลาย

ไม่รอให้ทุกคนตอบสนอง เงาร่างหลินสวินหายไปจากจุดเดิมอย่างแปลกประหลาด

ครู่ต่อมา…

ฉัวะๆๆ!

เสียงหนาหนักทุ้มลึกระลอกหนึ่งดังก้องขึ้น เห็นเพียงปราณกระบี่เจิดจรัสเหลือคณาวาดกวาด ระดับจักรพรรดิทั้งหมดที่พุ่งเข้ามานั้น บ้างถูกฟันเป็นสองท่อน บ้างถูกตัดหัว บ้างถูกแทงทะลุหน้าอก บ้างถูกปราณกระบี่ไร้ขอบเขตบดขยี้โดยตรง…

เลือดจักรพรรดิแดงก่ำข้นคลั่กสาดพรม เสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้น แค่พริบตาเท่านั้นภาพการสังหารนองเลือดก็เปิดฉาก

เร็วเกินไปแล้ว!

หลังจากหลินสวินหลุดออกมาก็ฆ่าคนทันที ราวกับเทพมารที่หลุดพ้นจากเก้านรก ไม่ทันไรก็มีระดับจักรพรรดิหกคนถูกกำจัดโดยไม่ทันตั้งตัว ก่อนตายยังมีสีหน้าตกตะลึงเจือความรู้สึกยากจะเชื่อ

หากไม่ใช่ว่าบรรพจารย์จักรพรรดิคนหนึ่งตอบสนองทัน ลงมือเต็มกำลังถึงได้สกัดการสังหารของหลินสวินไว้ได้ การบาดเจ็บล้มตายคงรุนแรงยิ่งกว่านี้

แต่ไม่นานบรรพจารย์จักรพรรดิคนนี้ก็ถูกอานุภาพของหลินสวินบีบกดจนเงยหน้าไม่ขึ้น!

ห่างออกไปเห็นชัดว่าฟางเสวียนเจินก็ถูกภาพนี้โจมตีจนรับมือไม่ทัน จากนั้นสีหน้าพลันอึมครึมลง ตวาดลั่น “รนหาที่ตาย!”

เขาพุ่งทะยานออกไป อาภรณ์โบกสะบัด ปลดปล่อยมรรควิถีแห่งมกุฎทั้งตัวออกมาราวกับเทพกระบี่องค์หนึ่ง มีอานุภาพของผู้กล้าแห่งยุคสมัย ใครเล่าจะทัดเทียม

ชิ้ง!

กระบี่มรรคเล่มหนึ่งพุ่งออกมาจากกลางศีรษะเขา ขาวกระจ่างเผยประกายเจิดจรัสดุจดวงตะวัน ฟาดฟันไปทางหลินสวิน

กระบี่นี้ดุดันหาใดเปรียบ กลิ่นอายแน่นหนา ปั่นป่วนหยินหยาง กระบี่ยังมาไม่ถึง แต่อานุภาพของเจตกระบี่ที่ปลดปล่อยออกมา สามารถทำให้เทพผีหวั่นหวาดได้จริงๆ

นี่ก็คือพลังของฟางเสวียนเจิน ในเขตแดนดารานภาที่อยู่อันดับห้า สมญาจักรพรรดิกระบี่เสวียนเจินนั้นของเขาถือว่าเกริกก้องสะท้านใต้หล้า!

ทว่ายามหลินสวินเผชิญหน้ากับกระบี่นี้ ในใจไร้ซึ่งความหวั่นไหวสักนิด

เมื่อเขาขับเคลื่อนความคิด เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งพลันปรากฏ แผ่แสงศักดิ์สิทธิ์ทั่วฟ้า เคลื่อนมาขวางข้างหน้าต้านกระบี่นี้ไว้ ดูง่ายดายเป็นอย่างยิ่ง

นัยน์ตาฟางเสวียนเจินพลันหดรัด ปั่นป่วนในใจ มกุฎมหาจักรพรรดิขั้นหกคนหนึ่ง ถึงกับต้านกระบี่แฝงโทสะของตนได้!

นี่อยู่เหนือความคาดหมายของฟางเสวียนเจิน

เกือบจะเวลาเดียวกัน กายมรรคทั้งห้าพลันพุ่งออกมาจากตัวหลินสวิน ลงมือถล่มระดับบรรพจารย์จักรพรรดิที่ถูกเขากำราบมาตลอดพร้อมกัน

หลินสวินคนเดียวก็ทำให้บรรพจารย์จักรพรรดิคนนั้นรู้สึกเกินกำลังหาใดเปรียบแล้ว ตอนนี้ยังมีร่างแยกมหามรรคที่ไม่ด้อยไปกว่าร่างต้นแม้แต่น้อยห้าคนบุกโจมตีพร้อมกัน แค่ภาพนั้นก็ทำให้บรรพจารย์จักรพรรดินั่นตกใจจนหนังหัวแทบระเบิด ขวัญหนีดีฝ่อ

แต่เขาก็หลีกหลบไม่ทันแล้ว ได้แต่ใช้พลังทั้งหมดฝืนปะทะ

ตูม!

เพียงพริบตาบรรพจารย์จักรพรรดิคนนี้ก็ถูกฆ่าอย่างหมดจด ต่อให้สู้สุดชีวิตก็ไม่รอด เงาร่างและพลังจิตล้วนถูกบดขยี้ดับสิ้นจนสลายหายไป

“เป็นไปได้อย่างไร…”

ฟางเสวียนเจินตาค้าง เกือบจะคลุ้มคลั่ง

ระดับจักรพรรดิขั้นหกฆ่าบรรพจารย์จักรพรรดิคนหนึ่ง?

ต่อให้เป็นแค่บรรพจารย์จักรพรรดิขั้นเก้าคนหนึ่ง ไม่ใช่บรรพจารย์มรรคอย่างแท้จริง แต่พลังที่น่าหวาดกลัวนั้น มีหรือจะเป็นสิ่งที่ระดับมกุฎจักรพรรดิขั้นหกสั่นคลอนได้

อย่างน้อยฟางเสวียนเจินลองถามตัวเองดูแล้ว แม้แต่มกุฎมหาจักรพรรดิขั้นเจ็ดอย่างเขาก็ทำถึงขั้นนี้ไม่ได้!

ทุกอย่างล้วนดูผิดปกติมาก น่ากลัวเกินไปแล้ว

ต่อให้ฟางเสวียนเจินมีปัญญาฉลาดเฉลียวเยือกเย็นแค่ไหน เวลานี้ก็ยังมีความร้อนรนและโทสะจู่โจมจิตใจอยู่บ้าง สติได้รับผลกระทบ

กระบวนค่ายกลเก้านรกกักเทพที่ตั้งใจวางไว้ กลับเปลี่ยนเป็นไร้ตัวตนกะทันหัน เดิมทีก็ทำให้ฟางเสวียนเจินยากจะเชื่อ

แต่พลังต่อสู้ชวนประหวั่นที่หลินสวินสำแดงออกมา แทบล้มล้างความเข้าใจของเขายิ่งกว่า มีหรือจะให้เขาใจเย็นได้อีก

เวลานี้กายมรรคทั้งห้าของหลินสวินออกโจมตี กำลังสังหารระดับจักรพรรดิที่เหลือเหมือนเด็ดผักหั่นแตง

ส่วนร่างต้นของหลินสวินก็พุ่งไปทางฟางเสวียนเจิน

ฟางเสวียนเจินสมเป็นมกุฎมหาจักรพรรดิที่มาจากเรือนกระบี่ต้าเหิง หลังจากผ่านการเปลี่ยนแปลง การตอบสนองแรกไม่ใช่สู้สุดชีวิต หากแต่เลือกถอยร่น

ฟุ่บ!

เขาหันหลังจะจากไป

เขารู้ว่าตนมีโอกาสสูงที่จะทำพลาดไปอย่างร้ายแรง ประเมินความสามารถของหลินสวินต่ำไป ยามเผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ ถ้าอยากหลีกเลี่ยงการเกิดเหตุไม่คาดฝันซ้ำอีก เขาจำเป็นต้องเอาตัวรอดก่อน

แต่เวลานี้เองเมื่อหลินสวินสะบัดแขนเสื้อ แสงมรรคนับไม่ถ้วนควบรวมเป็นกระบวนค่ายกลลายมรรค หายไปในกระบวนค่ายกลเก้านรกกักเทพนี้ทันที

จากนั้นกระบวนค่ายกลราวกับเดือดพล่าน ม้วนซัดปั่นป่วน เกิดการเปลี่ยนแปลงชวนตะลึง

“แย่แล้ว!”

ฟางเสวียนเจินพลันหน้าเปลี่ยนสี สังเกตเห็นว่าคันฉ่องสมบัติสีดำในมือตนควบคุมกระบวนค่ายกลไม่ได้แล้ว ซ้ำกำลังมีพลังผนึกแน่นหนาปกคลุมมาทางตนด้วย

“เป็นไปได้อย่างไร?!”

ดวงตาเขาเบิกถลน การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้สติของเขาแทบเรรวน

ตูม!

หลินสวินพุ่งโจมตีมาแต่ไกล กระบี่มรรคเล่มหนึ่งโฉบออกมาจากเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง อบอวลด้วยแสงมรรคล้นฟ้า ฟาดฟันออกไป

ในช่วงเวลาวิกฤตนี้ ฟางเสวียนเจินพลันพ่นลมออกมาจากปากครั้งหนึ่ง

ยันต์ทองอร่ามชิ้นหนึ่งปรากฏออกมา โหมปล่อยพลังราวกับระเบียบ ต้านทานกระบี่ของหลินสวินที่ฟาดฟันมาท่ามกลางเสียงกัมปนาทสะท้านฟ้าสะเทือนดิน

หลินสวินอดแปลกใจไม่ได้ ตระหนักได้ว่ายันต์สีทองนี้เป็นสมบัติที่ผิดธรรมดาชิ้นหนึ่ง เต็มไปด้วยกลิ่นอายระเบียบสายแล้วสายเล่า

วู้ม!

ก็เห็นยันต์สีทองนั้นกลายเป็นแสงทองสายหนึ่งห่อหุ้มร่างของฟางเสวียนเจินไว้ กำลังจะหนีออกจากกระบวนค่ายกลนี้ไปโดยไม่กลัวพลังผนึกเป็นชั้นๆ นั้นอย่างสิ้นเชิง

นัยน์ตาหลินสวินมีประกายเย็นเยียบวูบผ่าน เผยไพ่ตายออกมาโดยไม่ลังเล

ครั้งนี้เขายอมให้ฟางเสวียนเจินจากไปทั้งเป็นไม่ได้เด็ดขาด!

…………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 2416 ใครโง่งม

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 2416 ใครโง่งม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2416 ใครโง่งม

“ไม่อาจไม่พูดถึง ความกล้าของหลิงเสวียนจื่อนี่คนทั่วไปไม่อาจเทียบได้ เหมือนอย่างที่นายน้อยคาดเดาไว้จริงๆ เขาตามมาแล้ว”

ชายชราคนหนึ่งยิ้ม

“เป็นถึงมกุฎมหาจักรพรรดิ หากหลิงเสวียนจื่อไม่มีความกล้าเช่นนี้ นั่นต่างหากที่เรียกว่าผิดปกติ”

ฟางเสวียนเจินกล่าวราบเรียบ ในฐานะมกุฎมหาจักรพรรดิ เขารู้ดียิ่งว่าขอแค่เป็นคนที่ก้าวสู่มรรคานี้ได้ก็ย่อมไม่ใช่อัจฉริยะในความหมายทั่วไป หากแต่เป็นสัตว์ประหลาดในหมู่อัจฉริยะ

สภาวะจิต เจตจำนง พลังของแต่ละคนล้วนสามารถโอหังเหนือคนรุ่นเดียวกันได้ ทรงพลังไร้เทียมทาน

ด้วยเหตุนี้ยามมาถึงสมรภูมิมายาโบราณ หลังจากใช้ยันต์หยกที่หลินสวินมอบให้ รับรู้ทิศทางที่หลินสวินอยู่แล้ว ฟางเสวียนเจินจึงตัดสินใจเด็ดขาด

วางกระบวนค่ายกล!

เฝ้ารอเหยื่อ!

แม้ว่าฟางเสวียนเจินจะอวดดี แต่รู้ชัดว่าต่อให้เขากับคนข้างกายทั้งหมดรวมพลังลงมือพร้อมกัน คิดจะกำราบมกุฎมหาจักรพรรดิขั้นหกอย่างหลินสวินก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนบางส่วน

ฟางเสวียนเจินไม่อยากเห็นผลลัพธ์เช่นนี้

ในแดนใหญ่พันศึกที่อันตรายเกินคาดเดาเหมือนเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายนี้ เมื่อรักษาพลังของตนได้จึงมีชีวิตอยู่ต่อไปได้นานขึ้น

ฟางเสวียนเจินไม่อยากเสียค่าตอบแทนโดยไม่จำเป็นให้กับคู่ต่อสู้อย่างหลินสวิน

การวางกระบวนค่ายกลและเฝ้ารอโจมตีอีกฝ่ายถึงชีวิต เป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย

ตอนนี้กระบวนค่ายกลที่ปกคลุมฟ้าดินแถบนี้มีนามว่า ‘เก้านรกกักเทพ’ วางกระบวนค่ายกลด้วยธงกระบวนเก้าสิบเก้าผืน พลังผนึกที่ปกคลุมมีมากถึงหลายพันชั้น

หากบรรพจารย์จักรพรรดิติดอยู่ภายในก็ไม่อาจหลุดรอดได้อย่างรวดเร็ว!

แน่นอนว่าฟางเสวียนเจินไม่ใช่ปฐมาจารย์สลักลายมรรค กระบวนค่ายกลเก้านรกกักเทพนี้สร้างขึ้นจากยันต์ลายมรรค

กระบวนค่ายกลนี้ยังเป็นหนึ่งในไพ่ตายก้นหีบของฟางเสวียนเจินด้วย

“นายน้อย เขาติดกับแล้ว” มีคนกล่าวอย่างตื่นเต้น

ฟางเสวียนเจินเงยมองไป ก็เห็นเงาร่างของหลินสวินเข้ามาในฟ้าดินที่ปกคลุมด้วยกระบวนค่ายกลแล้ว

ส่วนระดับจักรพรรดิที่เผยร่องรอย เจตนาดึงดูดความสนใจของหลินสวินก่อนหน้านี้ เวลานี้ก็กลับมาแล้ว กล่าวด้วยสีหน้าลำพองใจ “เจ้าหมอนี่คงคิดว่าข้าถูกเขาทำให้ตกใจแล้วหนีมากระมัง ฮ่าๆ”

“ทำได้ไม่เลว”

ฟางเสวียนเจินส่งสายตาชื่นชม

ผู้เผยร่องรอยล่อหลินสวินมา แน่นอนว่าเป็นคนที่ฟางเสวียนเจินเตรียมไว้

ความจริงแม้แต่ฟางเสวียนเจินก็คิดไม่ถึงว่าหลินสวินจะกล้าตามมาเพียงลำพัง

แต่ตอนนี้ทุกอย่างล้วนไม่สำคัญแล้ว

“ได้เวลาเก็บแหแล้ว ทะยาน!”

ดวงตาฟางเสวียนเจินวาวโรจน์ สูดหายใจลึกแล้วโคจรคันฉ่องทองแดงสีดำในมือทันที

ตูม!

ฟ้าดินพลันพลิกตลบเปลี่ยนไปในทันที กระบวนค่ายกลลายมรรคนับไม่ถ้วนปรากฏออกมา สานพันเป็นพลังผนึกแน่นหนาบดบังฟ้าดินแถบนี้

เงาร่างหลินสวินที่อยู่ในนั้นถูกผนึกเป็นชั้นๆ ปกคลุมทันที

“สำเร็จแล้ว!”

หว่างคิ้วฟางเสวียนเจินเผยประกายยินดี

ในสายตาของเขา ทั่วร่างหลินสวินถูกผนึกลายมรรคนับไม่ถ้วนปกคลุม เหมือนนักโทษที่ถูกพันธนาการอย่างแน่นหนา!

“ไป ตามข้าไปพบมกุฎมหาจักรพรรดิที่มาจากทางเดินโบราณฟ้าดาราคนนี้กัน!”

ฟางเสวียนเจินก้าวออกไปก่อน ถือคันฉ่องทองแดงสีดำเข้าไปในกระบวนค่ายกล ระดับจักรพรรดิคนอื่นตามหลังเขาไปติดๆ

กระบวนค่ายกลม้วนซัด ละอองแสงนับไม่ถ้วนไหลวน พลังผนึกเต็มแน่นฟ้าดินดุจกระแสน้ำ

ไม่นานฟางเสวียนเจินก็เห็นหลินสวิน เขาหัวเราะขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

“หลิงเสวียนจื่อหนอหลิงเสวียนจื่อ ก่อนหน้านี้ข้าให้โอกาสเจ้าหลายครั้งแล้ว แต่เจ้ากลับโง่เขลาดึงดัน เพื่อหินลับกระบี่ที่แม้แต่ตัวเจ้ายังไม่รู้จักวิธีใช้ชิ้นเดียว กลับนำชีวิตมาเดิมพัน คุ้มค่าหรือ”

ระดับจักรพรรดิคนอื่นที่ตามมาล้วนหัวเราะ มองหลินสวินเป็นแพะรอเชือด แฝงความเย็นชาและดูถูกอย่างเห็นได้ชัด

กลับเห็นว่าต่อให้หลินสวินถูกผนึกแน่นหนาพันธนาการกำราบ แต่กลับดูไม่ตื่นตระหนก กล่าวเรียบๆ “มิน่าถึงได้ทำลายยันต์หยกที่ข้าให้เจ้า ที่แท้ก็เตรียมการพร้อมสรรพนานแล้ว”

มุมปากของฟางเสวียนเจินเหยียดขึ้นพลางกล่าว “เจ้ากับข้าล้วนก้าวสู่มกุฎ ด้วยเหตุนี้ข้าจึงรู้ดีว่าอยากจัดการคนอย่างเจ้า จำเป็นต้องเอาชนะอย่างเหนือความคาดหมายจึงจะไม่เสียกำลัง”

“แน่นอนว่าหากในใจเจ้ามีความยำเกรงอยู่บ้าง ก็เกรงว่าคงไม่ต้องประสบเคราะห์ตายเช่นนี้ ต้องโทษเจ้าที่เห็นว่าตนเหนือกว่าเกินไป หรือเรียกได้ว่าโง่งม ถึงอย่างไรก็มาจากสถานที่ซอมซ่ออย่างทางเดินโบราณฟ้าดารา มีหรือจะเข้าใจว่าอะไรที่เรียกว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน”

เขากล่าวอย่างสงวนท่าที เผยความรู้สึกเหยียดหยันและเหน็บแนม

เขาพูดพลางสะบัดมือ

“ไป เด็ดหัวของเขามา ข้าจะเก็บรักษาไว้อย่างดี ถึงอย่างไรการสังหารมกุฎมหาจักรพรรดิคนหนึ่ง… ก็ไม่ง่ายดายนัก…”

ระดับจักรพรรดิพวกนั้นพุ่งตัวมาทันที ล้วนเจือไอสังหารที่ไม่อำพรางแม้แต่น้อย ออกโจมตีอย่างเหี้ยมหาญ

ตูม!

แสงมรรคพวยพุ่ง แสงสมบัติปรากฏ

วิชามรรคและศาสตราจักรพรรดินานัปการราวกับสายน้ำในธารสวรรค์ทลายเขื่อน กดอัดห้วงอากาศพุ่งโจมตีเข้าใส่หลินสวินคนเดียว

ระดับจักรพรรดิพวกนี้ คนที่พลังปราณสูงคือระดับบรรพจารย์จักรพรรดิ คนที่พลังปราณต่ำก็มีพลังต่อสู้ระดับจักรพรรดิขั้นห้า

กอปรกับมาจากสำนักใหญ่อย่างเรือนกระบี่ต้าเหิง ไม่ว่าจะเป็นวิชามรรคที่ครอบครองหรือศาสตราจักรพรรดิที่ใช้ล้วนเรียกได้ว่าชั้นยอด

ยามนี้เมื่อลงมือพร้อมกัน พลังนั้นย่อมทำให้บรรพจารย์จักรพรรดิสิ้นหวังได้จริงๆ

พลันเห็นหลินสวินยิ้มน้อยๆ “โง่งม? ตอนนี้ข้าจะบอกเจ้าให้ ใครกันแน่ที่โง่งม”

เขาพุ่งตัวออกไป

ตูม!

อานุภาพน่าหวาดกลัวที่ไม่อาจบรรยายได้ปะทุจากตัวเขา ราวกับภูเขาถล่มสมุทรคำราม พลังผนึกแน่นหนาที่กักขังเขาไว้ระเบิดออกเหมือนเมฆพังทลาย

ไม่รอให้ทุกคนตอบสนอง เงาร่างหลินสวินหายไปจากจุดเดิมอย่างแปลกประหลาด

ครู่ต่อมา…

ฉัวะๆๆ!

เสียงหนาหนักทุ้มลึกระลอกหนึ่งดังก้องขึ้น เห็นเพียงปราณกระบี่เจิดจรัสเหลือคณาวาดกวาด ระดับจักรพรรดิทั้งหมดที่พุ่งเข้ามานั้น บ้างถูกฟันเป็นสองท่อน บ้างถูกตัดหัว บ้างถูกแทงทะลุหน้าอก บ้างถูกปราณกระบี่ไร้ขอบเขตบดขยี้โดยตรง…

เลือดจักรพรรดิแดงก่ำข้นคลั่กสาดพรม เสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้น แค่พริบตาเท่านั้นภาพการสังหารนองเลือดก็เปิดฉาก

เร็วเกินไปแล้ว!

หลังจากหลินสวินหลุดออกมาก็ฆ่าคนทันที ราวกับเทพมารที่หลุดพ้นจากเก้านรก ไม่ทันไรก็มีระดับจักรพรรดิหกคนถูกกำจัดโดยไม่ทันตั้งตัว ก่อนตายยังมีสีหน้าตกตะลึงเจือความรู้สึกยากจะเชื่อ

หากไม่ใช่ว่าบรรพจารย์จักรพรรดิคนหนึ่งตอบสนองทัน ลงมือเต็มกำลังถึงได้สกัดการสังหารของหลินสวินไว้ได้ การบาดเจ็บล้มตายคงรุนแรงยิ่งกว่านี้

แต่ไม่นานบรรพจารย์จักรพรรดิคนนี้ก็ถูกอานุภาพของหลินสวินบีบกดจนเงยหน้าไม่ขึ้น!

ห่างออกไปเห็นชัดว่าฟางเสวียนเจินก็ถูกภาพนี้โจมตีจนรับมือไม่ทัน จากนั้นสีหน้าพลันอึมครึมลง ตวาดลั่น “รนหาที่ตาย!”

เขาพุ่งทะยานออกไป อาภรณ์โบกสะบัด ปลดปล่อยมรรควิถีแห่งมกุฎทั้งตัวออกมาราวกับเทพกระบี่องค์หนึ่ง มีอานุภาพของผู้กล้าแห่งยุคสมัย ใครเล่าจะทัดเทียม

ชิ้ง!

กระบี่มรรคเล่มหนึ่งพุ่งออกมาจากกลางศีรษะเขา ขาวกระจ่างเผยประกายเจิดจรัสดุจดวงตะวัน ฟาดฟันไปทางหลินสวิน

กระบี่นี้ดุดันหาใดเปรียบ กลิ่นอายแน่นหนา ปั่นป่วนหยินหยาง กระบี่ยังมาไม่ถึง แต่อานุภาพของเจตกระบี่ที่ปลดปล่อยออกมา สามารถทำให้เทพผีหวั่นหวาดได้จริงๆ

นี่ก็คือพลังของฟางเสวียนเจิน ในเขตแดนดารานภาที่อยู่อันดับห้า สมญาจักรพรรดิกระบี่เสวียนเจินนั้นของเขาถือว่าเกริกก้องสะท้านใต้หล้า!

ทว่ายามหลินสวินเผชิญหน้ากับกระบี่นี้ ในใจไร้ซึ่งความหวั่นไหวสักนิด

เมื่อเขาขับเคลื่อนความคิด เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งพลันปรากฏ แผ่แสงศักดิ์สิทธิ์ทั่วฟ้า เคลื่อนมาขวางข้างหน้าต้านกระบี่นี้ไว้ ดูง่ายดายเป็นอย่างยิ่ง

นัยน์ตาฟางเสวียนเจินพลันหดรัด ปั่นป่วนในใจ มกุฎมหาจักรพรรดิขั้นหกคนหนึ่ง ถึงกับต้านกระบี่แฝงโทสะของตนได้!

นี่อยู่เหนือความคาดหมายของฟางเสวียนเจิน

เกือบจะเวลาเดียวกัน กายมรรคทั้งห้าพลันพุ่งออกมาจากตัวหลินสวิน ลงมือถล่มระดับบรรพจารย์จักรพรรดิที่ถูกเขากำราบมาตลอดพร้อมกัน

หลินสวินคนเดียวก็ทำให้บรรพจารย์จักรพรรดิคนนั้นรู้สึกเกินกำลังหาใดเปรียบแล้ว ตอนนี้ยังมีร่างแยกมหามรรคที่ไม่ด้อยไปกว่าร่างต้นแม้แต่น้อยห้าคนบุกโจมตีพร้อมกัน แค่ภาพนั้นก็ทำให้บรรพจารย์จักรพรรดินั่นตกใจจนหนังหัวแทบระเบิด ขวัญหนีดีฝ่อ

แต่เขาก็หลีกหลบไม่ทันแล้ว ได้แต่ใช้พลังทั้งหมดฝืนปะทะ

ตูม!

เพียงพริบตาบรรพจารย์จักรพรรดิคนนี้ก็ถูกฆ่าอย่างหมดจด ต่อให้สู้สุดชีวิตก็ไม่รอด เงาร่างและพลังจิตล้วนถูกบดขยี้ดับสิ้นจนสลายหายไป

“เป็นไปได้อย่างไร…”

ฟางเสวียนเจินตาค้าง เกือบจะคลุ้มคลั่ง

ระดับจักรพรรดิขั้นหกฆ่าบรรพจารย์จักรพรรดิคนหนึ่ง?

ต่อให้เป็นแค่บรรพจารย์จักรพรรดิขั้นเก้าคนหนึ่ง ไม่ใช่บรรพจารย์มรรคอย่างแท้จริง แต่พลังที่น่าหวาดกลัวนั้น มีหรือจะเป็นสิ่งที่ระดับมกุฎจักรพรรดิขั้นหกสั่นคลอนได้

อย่างน้อยฟางเสวียนเจินลองถามตัวเองดูแล้ว แม้แต่มกุฎมหาจักรพรรดิขั้นเจ็ดอย่างเขาก็ทำถึงขั้นนี้ไม่ได้!

ทุกอย่างล้วนดูผิดปกติมาก น่ากลัวเกินไปแล้ว

ต่อให้ฟางเสวียนเจินมีปัญญาฉลาดเฉลียวเยือกเย็นแค่ไหน เวลานี้ก็ยังมีความร้อนรนและโทสะจู่โจมจิตใจอยู่บ้าง สติได้รับผลกระทบ

กระบวนค่ายกลเก้านรกกักเทพที่ตั้งใจวางไว้ กลับเปลี่ยนเป็นไร้ตัวตนกะทันหัน เดิมทีก็ทำให้ฟางเสวียนเจินยากจะเชื่อ

แต่พลังต่อสู้ชวนประหวั่นที่หลินสวินสำแดงออกมา แทบล้มล้างความเข้าใจของเขายิ่งกว่า มีหรือจะให้เขาใจเย็นได้อีก

เวลานี้กายมรรคทั้งห้าของหลินสวินออกโจมตี กำลังสังหารระดับจักรพรรดิที่เหลือเหมือนเด็ดผักหั่นแตง

ส่วนร่างต้นของหลินสวินก็พุ่งไปทางฟางเสวียนเจิน

ฟางเสวียนเจินสมเป็นมกุฎมหาจักรพรรดิที่มาจากเรือนกระบี่ต้าเหิง หลังจากผ่านการเปลี่ยนแปลง การตอบสนองแรกไม่ใช่สู้สุดชีวิต หากแต่เลือกถอยร่น

ฟุ่บ!

เขาหันหลังจะจากไป

เขารู้ว่าตนมีโอกาสสูงที่จะทำพลาดไปอย่างร้ายแรง ประเมินความสามารถของหลินสวินต่ำไป ยามเผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ ถ้าอยากหลีกเลี่ยงการเกิดเหตุไม่คาดฝันซ้ำอีก เขาจำเป็นต้องเอาตัวรอดก่อน

แต่เวลานี้เองเมื่อหลินสวินสะบัดแขนเสื้อ แสงมรรคนับไม่ถ้วนควบรวมเป็นกระบวนค่ายกลลายมรรค หายไปในกระบวนค่ายกลเก้านรกกักเทพนี้ทันที

จากนั้นกระบวนค่ายกลราวกับเดือดพล่าน ม้วนซัดปั่นป่วน เกิดการเปลี่ยนแปลงชวนตะลึง

“แย่แล้ว!”

ฟางเสวียนเจินพลันหน้าเปลี่ยนสี สังเกตเห็นว่าคันฉ่องสมบัติสีดำในมือตนควบคุมกระบวนค่ายกลไม่ได้แล้ว ซ้ำกำลังมีพลังผนึกแน่นหนาปกคลุมมาทางตนด้วย

“เป็นไปได้อย่างไร?!”

ดวงตาเขาเบิกถลน การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้สติของเขาแทบเรรวน

ตูม!

หลินสวินพุ่งโจมตีมาแต่ไกล กระบี่มรรคเล่มหนึ่งโฉบออกมาจากเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง อบอวลด้วยแสงมรรคล้นฟ้า ฟาดฟันออกไป

ในช่วงเวลาวิกฤตนี้ ฟางเสวียนเจินพลันพ่นลมออกมาจากปากครั้งหนึ่ง

ยันต์ทองอร่ามชิ้นหนึ่งปรากฏออกมา โหมปล่อยพลังราวกับระเบียบ ต้านทานกระบี่ของหลินสวินที่ฟาดฟันมาท่ามกลางเสียงกัมปนาทสะท้านฟ้าสะเทือนดิน

หลินสวินอดแปลกใจไม่ได้ ตระหนักได้ว่ายันต์สีทองนี้เป็นสมบัติที่ผิดธรรมดาชิ้นหนึ่ง เต็มไปด้วยกลิ่นอายระเบียบสายแล้วสายเล่า

วู้ม!

ก็เห็นยันต์สีทองนั้นกลายเป็นแสงทองสายหนึ่งห่อหุ้มร่างของฟางเสวียนเจินไว้ กำลังจะหนีออกจากกระบวนค่ายกลนี้ไปโดยไม่กลัวพลังผนึกเป็นชั้นๆ นั้นอย่างสิ้นเชิง

นัยน์ตาหลินสวินมีประกายเย็นเยียบวูบผ่าน เผยไพ่ตายออกมาโดยไม่ลังเล

ครั้งนี้เขายอมให้ฟางเสวียนเจินจากไปทั้งเป็นไม่ได้เด็ดขาด!

…………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+