Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 2423 พลังแห่งต้นกำเนิดอันมหัศจรรย์

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 2423 พลังแห่งต้นกำเนิดอันมหัศจรรย์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2423 พลังแห่งต้นกำเนิดอันมหัศจรรย์

ปราณกระบี่ที่ปกคลุมด้วยลายมรรคแปลกประหลาด สุดท้ายก็สลายไป

ฮู่ว…

หลินสวินถอนหายใจ ในใจอดตะลึงไม่ได้

ก่อนหน้านี้ยามได้ยินคำชี้แนะของนกกระจอกเขียว เขายังไม่เห็นด้วยนัก

แต่หลังจากสังหารจอมราชันวิญญาณล่วงลับไปตนหนึ่งจริงๆ เขาจึงตระหนักได้ว่าวิญญาณร้ายนี้น่ากลัวเพียงใด

ใครจะกล้าจินตนาการว่าความยึดมั่นของจอมราชันวิญญาณล่วงลับตนนี้ กลับเป็นปราณกระบี่สายหนึ่ง

ทั้งยังแปลกประหลาดขนาดนั้น ปกคลุมด้วยลายมรรคที่คลุมเครือน่ากลัว!

“หืม?”

จู่ๆ หลินสวินก็สังเกตเห็นว่าหลังจากจอมราชันวิญญาณล่วงลับนั่นตายไป ได้ทิ้งม้วนหยกเก่าชำรุดม้วนหนึ่งเอาไว้ เต็มไปด้วยรอยด่างจนไม่เหลือสภาพนานแล้ว

หลินสวินเก็บมันขึ้นมาแล้วแทรกจิตรับรู้เข้าไป

‘ท่านพ่อ ท่านแม่บอกว่าท่านใกล้จะกลับมาแล้ว จริงหรือ ข้ากับท่านแม่คิดถึงท่านมาก ท่านจากไปสามร้อยสิบเก้าปีแปดสิบเจ็ดวันแล้ว…’

‘ท่านพ่อ ข้าจะรอท่านกลับมาร่วมงานแต่งของข้า ท่านไม่กลับมา ข้าจะไม่ออกเรือน…’

ประโยคในม้วนหยกนั่นขาดๆ หายๆ เลือนรางอย่างมาก ขาดหายไปกว่าครึ่งแล้ว ไม่ง่ายกว่าหลินสวินจะเห็นสองประโยคที่สมบูรณ์

จากนั้นหลินสวินเงียบไป จิตใจเหมือนถูกพลังที่ไม่รู้ที่มาสะกิด สั่นสะท้านเบาๆ คราหนึ่ง

เดิมทีเขาคิดว่า ในเมื่อม้วนหยกที่เก่าชำรุดนี้เป็นสมบัติหนึ่งเดียวบนตัวจอมราชันวิญญาณล่วงลับ จะต้องมีความลับใหญ่ซ่อนอยู่อย่างแน่นอน ใครจะคิดว่ากลับเป็นจดหมายครอบครัวฉบับหนึ่ง

จดหมายที่แฝงความคิดถึงอย่างลึกซึ้งของลูกสาว

แม้แต่บิดาจากไปนานแค่ไหนยังจำได้อย่างชัดเจน นั่นเป็นเรื่องที่มีเพียงญาติสนิทจึงจะระลึกถึง

ตอนที่จอมราชันวิญญาณล่วงลับยังมีชีวิตอยู่ คงจะ… คิดถึงลูกสาวของเขามากกระมัง

หลินสวินนึกถึงจ้าวจิ่งเซวียนและหลินฝานที่อยู่ในภูเขาชำระจิตขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ แม้แยกกันเพียงแค่ปีกว่า แต่พวกเขาสองแม่ลูกเกรงว่าคงจะคิดถึงและห่วงหาตนอยู่ตลอดเช่นกันกระมัง

จากนั้นหลินสวินก็ยิ้ม

เจ้าตัวน้อยหลินฝานคงไม่ได้คิดถึงมากแน่ เด็กย่อมไม่รู้รสชาติของความเศร้า

กลับเป็นจิ่งเซวียน…

นางจะต้องคิดถึงตนไม่ใช่แค่หนึ่งครั้งกระมัง…

คิดถึงตรงนี้หลินสวินอดถอนหายใจเบาๆ ไม่ได้ เก็บม้วนหยกกระดำกระด่างเก่าขาดในมืออย่างระมัดระวัง สิ่งของเช่นนี้ธรรมดามาก แต่กลับล้ำค่านัก ควรค่าแก่การเก็บสะสมเอาไว้

สำหรับเรื่องที่สังหารจอมราชันวิญญาณล่วงลับ หลินสวินไม่ได้นึกเสียใจภายหลัง

เพราะอีกฝ่ายเป็นเพียงแค่วิญญาณร้ายที่แปรสภาพจากความยึดมั่น ร่างต้นของเขาคงจะร่วงหล่นตั้งแต่ดับสิ้นของของยุคก่อนแล้ว

‘ไม่ว่ายุคสมัยแปรเปลี่ยน เรื่องราวบนโลกแปรผัน ความรักของครอบครัวก็ไม่มีวันเปลี่ยน…’

หลินสวินพึมพำในใจ

พร้อมๆ กับการร่วงหล่นของจอมราชันวิญญาณล่วงลับ วิญญาณล่วงลับในโกรกธารแห่งนี้ราวกับตระหนักได้ถึงอันตราย หายไปในหมอกหนา หาไม่เจออีก

หลินสวินตั้งจิตให้มั่น สายตามองไปยังก้นโกรกธาร

ประกายพร่างพราวขนาดประมาณใบพัดลอยอยู่บนพื้นดินสีน้ำตาลดำ สาดละอองแสงมหามรรคที่งดงามหลากสี

เมื่อเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ในกลุ่มแสงนั่นมีพลังต้นกำเนิดที่แปลกประหลาดและบริสุทธิ์พลุ่งพล่าน ไอแห่งมหามรรคเป็นสายๆ อบอวล สะดุดตาอย่างที่สุด

นกกระจอกเขียวกระโดดบนไหล่หลินสวิน จุ๊ปากชื่นชม “ดวงของเจ้านับว่าไม่เลว ดูคุณลักษณะของต้นกำเนิดมหามรรคนี่ สามารถจัดอยู่ในของชั้นหนึ่ง ถ้าเป็นในอดีต หากต้นกำเนิดมหามรรคเช่นนี้ปรากฏ จะต้องดึงดูดการต่อสู้นองเลือดครั้งใหญ่อย่างแน่นอน”

เห็นหลินสวินเดินไปข้างหน้าจะลงมือเก็บต้นกำเนิดมหามรรคนั่น นกกระจอกเขียวก็รีบเตือน “ของศักดิ์สิทธิ์เช่นนั้นเป็นของที่คนยุคก่อนทิ้งเอาไว้ ไม่สามารถเก็บไปได้ หากฝืนเก็บไป พลังของมันจะถดถอยไปในชั่วพริบตา”

หลินสวินชะงักเท้าทันที เอ่ยว่า “เช่นนั้นควรทำอย่างไร”

“นั่งสมาธิข้างๆ มัน แล้วหลอมมัน” นกกระจอกเขียวกล่าว

หลินสวินใคร่ครวญเล็กน้อยแล้วสะบัดแขนเสื้อ วางกระบวนค่ายกลเก้านรกกักเทพไว้โดยรอบ จากนั้นถึงค่อยนั่งขัดสมาธิข้างๆ ต้นกำเนิดมหามรรคนั่น ตั้งใจจดจ่อ

พร้อมๆ กับการลมหายใจเข้าออกของเขา ละอองแสงมหามรรคที่พรั่งพรูออกมาของต้นกำเนิดมหามรรคราวกับถูกชักนำ กลายเป็นลำแสงมากมายพุ่งเข้าปากจมูกของหลินสวิน เมื่อพอเข้าสู่ร่างของเขาพลันกลายเป็นกระแสความร้อนที่ลุกโชนหาใดเปรียบ และกระจายออกไปอย่างรวดเร็ว

ชั่วขณะนี้รูขุมขนทั่วตัวของหลินสวินคลายออก จุดชีพจร เส้นลมปราณ อวัยวะตันห้ากลวงหก แขนขา… ทุกส่วนล้วนมีท่วงทำนองกระหายอยากอย่างหนึ่ง ราวกับปากเล็กนับไม่ถ้วนที่อ้ารออาหาร ส่งเสียงร้องดีใจกระโดดโลดเต้นด้วยความปรารถนา

แม้แต่โลกจักรพรรดิบริสุทธิ์ยังเกิดจังหวะอันแรงกล้าอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน คำรามเดือดพล่านขึ้นมา

ยามกระแสร้อนที่แปรจากไอต้นกำเนิดมหามรรคถูกดูดซับอย่างต่อเนื่องจากทั้งภายในและภายนอกร่างกาย หลินสวินสบายจนแทบร้องครางออกมา

ความรู้สึกเช่นนี้มหัศจรรย์เกินไปแล้วจริงๆ

เหมือนตอนที่หิวมานานแล้วได้กินอาหารมื้อใหญ่ที่อุดมยั่วยวน ทั้งเหมือนทะเลทรายแห้งแล้งได้รับฝนชุ่มฉ่ำ…

เมื่อก่อนยามหลินสวินฝึกปราณ ยังไม่เคยสัมผัสความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้มาก่อน

พลังต้นกำเนิดมหามรรคที่ฝังอยู่ที่นี่ตั้งแต่ยุคก่อน เรียกได้ว่ามหัศจรรย์อย่างไม่ต้องสงสัย!

สองชั่วยามหลังจากนั้น

ต้นกำเนิดมหามรรคกลุ่มนั้นหดลงจนขนาดราวหัวแม่มือทารกแล้ว

แต่หลินสวินกลับรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่ามรรควิถีทั้งร่างตนเพิ่มขึ้นช่วงใหญ่ จากระดับจักรพรรดิขั้นหกขั้นต้น ก้าวสู่ขั้นกลางแล้ว

ความยิ่งใหญ่ของการเปลี่ยนแปลง ทำเอาหลินสวินอดตระหนกไม่ได้

ระดับจักรพรรดิเก้าขั้น หนึ่งขั้นหนึ่งปราการสวรรค์ มรรควิถียิ่งสูง อยากจะพัฒนาก็ยิ่งยากลำบาก แม้เป็นผู้ที่พรสวรรค์โดดเด่น ความเร็วในการทะลวงขั้นก็ยังค่อยๆ ช้าลงเมื่อมีพลังปราณเพิ่มขึ้น

สำหรับผู้ฝึกปราณทั่วไป จะสามารถทะลวงขึ้นไปได้หรือไม่ยังเป็นปัญหาหนึ่ง

แต่ตอนนี้ในเวลาสั้นๆ เพียงสองชั่วยาม พลังปราณก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เช่นนี้ จะไม่ให้หลินสวินประหลาดใจได้อย่างไร

ควรรู้ว่าฐานมรรคของเขาแข็งแกร่งหาใดเปรียบ เหนือกว่าคนทั่วไปในระดับเดียวกัน ถึงขั้นในระดับมกุฎจักรพรรดิก็ไร้ที่เปรียบ

แต่พลังปราณสามารถเข้าสู่ขั้นกลางได้ การทะลวงขั้นเช่นนี้เรียกได้ว่าเร็วมากแล้ว!

‘มิน่าในอดีตที่ผ่านมา ผู้แข็งแกร่งคนใดที่เข้าสู่แดนสิ้นจิตวิญญาณล้วนทำทุกวิธีเพื่อชิงต้นกำเนิดมหามรรค สมบัติเช่นนี้เหลือเชื่อเกินไปจริงๆ…’

ไม่นานหลินสวินก็สลัดความคิดฟุ้งซ่านแล้วทำสมาธิต่อ

จนกระทั่งหนึ่งชั่วยามหลังจากนั้น

ต้นกำเนิดมหามรรคกลุ่มนั้นถูกหลอมจนหมดสิ้นแล้ว และพลังปราณของหลินสวินก็เริ่มก้าวเข้าสู่ระดับจักรพรรดิขั้นหกช่วงปลายแล้ว!

หลินสวินที่รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกายตนสะท้านไหวอย่างสิ้นเชิงแล้ว

“หนึ่งเดือน หากเร่งทำเวลาอาจจะสามารถทำให้มรรควิถีของข้าก้าวสู่ขั้นใหม่ได้…”

หลินสวินพึมพำ

“ครั้งนี้เป็นเจ้าโชคดี จึงครอบครองต้นกำเนิดมหามรรคที่มีคุณลักษณะชั้นหนึ่งได้แต่เพียงผู้เดียว ครั้งหน้าใช่ว่าจะโชคดีแบบนี้” นกกระจอกเขียวพูดทำลายขวัญกำลังใจของหลินสวิน

หลินสวินยิ้ม ไม่สนใจ

เงาร่างของเขาพริบไหว พุ่งไปยังนอกโกรกธาร ค้นหาไปตามฟ้าดาราอันเงียบเชียบวังเวงที่หมอกปกคลุมนี้

“เจ้านี่ปากพาชวยจริงๆ…”

ครู่ใหญ่หลังจากนั้นหลินสวินถอนหายใจคราหนึ่ง ด้วยระหว่างทางไม่พบเจอต้นกำเนิดมหามรรคอีกเลย กลับเป็นวิญญาณล่วงลับที่โผล่ออกมาไม่น้อย

“เจ้าโชคไม่ดีเอง กลับมาโทษข้าหรือ” นกกระจอกเขียวถลึงตาใส่เขาคราหนึ่ง

ก็เป็นตอนนี้เอง…

เสียงคำรามดุดันดังมาจากไกลๆ กะทันหัน เผยความบ้าคลั่งรุนแรง

นกกระจอกเขียวกล่าวทันที “มีคนถูกความยึดมั่นของวิญญาณล่วงลับแทรกเข้าไปในสภาวะจิตแล้ว ถ้าไม่ผิดจากที่คาด อีกฝ่ายจิตใจสับสน ตกสู่สภาพธาตุไฟเข้าแทรกแล้ว”

หลินสวินแผ่จิตรับรู้ออกไป จับเสียงต่อสู้เข่นฆ่าระลอกหนึ่งได้รางๆ

และการต่อสู้ที่เกิดขึ้นในแดนสิ้นจิตวิญญาณ จะต้องเกี่ยวข้องกับการช่วงชิงต้นกำเนิดมหามรรคอย่างแน่นอน!

“ไป ไปดูสักหน่อย”

เงาร่างของหลินสวินพริบไหว เคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศไป

หลังจากสัมผัสได้ถึงความมหัศจรรย์ของต้นกำเนิดมหามรรค เขาจะพลาดโอกาสช่วงชิงต้นกำเนิดมหามรรคได้อย่างไร

“ความโลภทำให้คนคลั่ง…” นกกระจอกเขียวถอนหายใจ

“ความโลภอะไร นี่เรียกว่าการแข่งขันในมหามรรค ต้นกำเนิดมหามรรคเป็นของไร้เจ้าของอยู่แล้ว คนอื่นสามารถช่วงชิงได้ แล้วเหตุใดข้าจะช่วงชิงไม่ได้”

หลินสวินกล่าวพลางเร่งฝีเท้า

ไม่นานแผ่นดินที่ล่องลอยผืนหนึ่งปรากฏ กว้างใหญ่ไพศาลอย่างที่สุด

การต่อสู้กำลังเกิดขึ้นในนั้น เงาร่างของระดับจักรพรรดิพริบไหวอยู่ภายใน ทุกคนล้วนเผยอานุภาพล้นฟ้าออกมา ดาบทวนกระบี่ง้าว ง่ามตะขอขวาน ขวดสมบัติประทับมรรค… ศาสตราจักรพรรดิสารพัดชนิดที่แทรกสอดด้วยอานุภาพน่ากลัวพร่างพราวตัดสลับไป เสียงกึกก้องเป็นระลอกราวกับฟ้าคำรามสั่นสะเทือน ภายในยังปะปนเสียงเข่นฆ่า เสียงตะโกนด้วยความโกรธ เสียงกรีดร้อง เสียงโหยหวน…

นี่เป็นการต่อสู้ครั้งใหญ่ครั้งหนึ่งอย่าแน่นอน หลินสวินมองไป มีระดับจักรพรรดิอย่างน้อยสี่ห้ากลุ่มจากขุมอำนาจแตกต่างกันกำลังเข่นฆ่า คลื่นการต่อสู้ที่แผ่ออกมาสั่นสะเทือนทำลายล้างฟ้าดิน

และบริเวณที่ไม่ไกลจากสนามรบมากนัก กลับมีวังน้ำวนกลางอากาศขนาดใหญ่ที่ราวกับหยุดชะงัก ลอยอยู่ตรงนั้นเงียบๆ

ส่วนลึกของวังน้ำวน มีละอองแสงที่งดงามหลากสีพรั่งพรูออกมาเป็นระยะๆ

เห็นได้ชัดว่านั่นคือกลิ่นอายของต้นกำเนิดมหามรรค ทั้งยังไม่ธรรมดาด้วย!

และการต่อสู้ครั้งนี้ แน่นอนว่าเกิดขึ้นเพราะการช่วงชิงต้นกำเนิดมหามรรคนี้

“หืม?”

จู่ๆ หลินสวินก็สังเกตเห็นว่ารอบๆ แผ่นดินที่ลอยอยู่นี้ยังมีกลิ่นอายมากมายซุ่มซ่อนอยู่ กำลังจับตามองการต่อสู้ รอโอกาสลงมือ

เมื่อเห็นดังนี้หลินสวินก็ตัดสินได้ในทันทีว่า ว่าหากคิดจะครอบครองต้นกำเนิดมหามรรคนี้เพียงผู้เดียวคงไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น

คู่ต่อสู้จำนวนมากล้วนกำลังจับจ้อง!

หลินสวินคิดๆ แล้วก็เก็บกลิ่นอายปกปิดตัวตน หยุดอยู่ในหมอกขาวเทาที่ห่างจากแผ่นดินล่องลอยนั่นไม่ไกลนัก

“ถอนกำลัง!”

ในสนามรบชุลมุน ระดับจักรพรรดิบางส่วนรู้ว่าไม่มีโอกาสชนะ จึงล่าถอยอย่างเด็ดขาด

และมีคนสังเกตเห็นว่าในอาณาเขตรอบๆ แผ่นดินนี้ มีคู่ต่อสู้ที่มากกว่าซ่อนตัวอยู่ เมื่อตระหนักได้ว่าท่าไม่ดีจึงตัดสินใจรักษาชีวิตก่อน

แต่ก็ยังมีหลายคนที่กำลังต่อสู้เข่นฆ่า สถานการณ์การต่อสู้รุนแรง ส่วนใหญ่ล้วนมีระดับมกุฎควบคุมสถานการณ์ ความมั่นใจเต็มเปี่ยม

หลินสวินทอดสายตามองไป พบว่าเงาร่างในสนามรบส่วนใหญ่ล้วนไม่คุ้นเคย คงจะเป็นผู้ฝึกปราณจากประตูข้ามแดนอื่นที่เข้าสู่แดนใหญ่พันศึก

มีเพียงพวกสิงมู่เทียนที่หลินสวินคุ้นหน้าคุ้นตา

‘ดูท่าว่าเมื่อเวลาล่วงเลยไป ผู้แข็งแกร่งที่เข้าสู่แดนสิ้นจิตวิญญาณจากสมรภูมิมายาโบราณจะมากขึ้นเรื่อยๆ…’ หลินสวินขมวดคิ้ว

นี่ก็หมายความว่า ในการช่วงชิงต้นกำเนิดมหามรรคจะมีคู่ต่อสู้เพิ่มขึ้นมากไปด้วย

สิ่งที่รับมือยากที่สุดคือ ต้นกำเนิดมหามรรคไม่สามารถเก็บไปได้ ทำได้เพียงหลอมจากตรงนั้น แม้ชิงโอกาสมาได้ก่อน แต่ถ้ามีศัตรูโจมตีเข้ามา ก็ไม่มีโอกาสให้หลอมมากนัก

“ถอย!”

ในขณะที่หลินสวินกำลังใคร่ครวญ เสียงที่เผยความเย็นชาเรียบเฉยดังก้องกลางฟ้าดินกะทันหัน

พลันเห็นเงาร่างกลุ่มหนึ่งพุ่งมา กลิ่นอายรอบตัวไม่ปกปิดเลยสักนิด พุ่งตรงเข้ามาในแผ่นดินที่ลอยอยู่แห่งนั้น

ผู้แข็งแกร่งที่ซ่อนตัวอยู่ในที่มืดทั้งหมด รวมถึงผู้แข็งแกร่งที่กำลังต่อสู้ ล้วนเผยสีหน้าระแวงและหวาดกลัวอย่างอดไม่ได้

เพราะผู้นำของกลุ่มคนที่มาอย่างกะทันหัน คือหนึ่งใน ‘ห้ายอดจักรพรรดิ’ แห่งเผ่าจักรพรรดิอมตะตระกูลเหวิน

เหวินเซ่าเหิง!

……………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 2423 พลังแห่งต้นกำเนิดอันมหัศจรรย์

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 2423 พลังแห่งต้นกำเนิดอันมหัศจรรย์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2423 พลังแห่งต้นกำเนิดอันมหัศจรรย์

ปราณกระบี่ที่ปกคลุมด้วยลายมรรคแปลกประหลาด สุดท้ายก็สลายไป

ฮู่ว…

หลินสวินถอนหายใจ ในใจอดตะลึงไม่ได้

ก่อนหน้านี้ยามได้ยินคำชี้แนะของนกกระจอกเขียว เขายังไม่เห็นด้วยนัก

แต่หลังจากสังหารจอมราชันวิญญาณล่วงลับไปตนหนึ่งจริงๆ เขาจึงตระหนักได้ว่าวิญญาณร้ายนี้น่ากลัวเพียงใด

ใครจะกล้าจินตนาการว่าความยึดมั่นของจอมราชันวิญญาณล่วงลับตนนี้ กลับเป็นปราณกระบี่สายหนึ่ง

ทั้งยังแปลกประหลาดขนาดนั้น ปกคลุมด้วยลายมรรคที่คลุมเครือน่ากลัว!

“หืม?”

จู่ๆ หลินสวินก็สังเกตเห็นว่าหลังจากจอมราชันวิญญาณล่วงลับนั่นตายไป ได้ทิ้งม้วนหยกเก่าชำรุดม้วนหนึ่งเอาไว้ เต็มไปด้วยรอยด่างจนไม่เหลือสภาพนานแล้ว

หลินสวินเก็บมันขึ้นมาแล้วแทรกจิตรับรู้เข้าไป

‘ท่านพ่อ ท่านแม่บอกว่าท่านใกล้จะกลับมาแล้ว จริงหรือ ข้ากับท่านแม่คิดถึงท่านมาก ท่านจากไปสามร้อยสิบเก้าปีแปดสิบเจ็ดวันแล้ว…’

‘ท่านพ่อ ข้าจะรอท่านกลับมาร่วมงานแต่งของข้า ท่านไม่กลับมา ข้าจะไม่ออกเรือน…’

ประโยคในม้วนหยกนั่นขาดๆ หายๆ เลือนรางอย่างมาก ขาดหายไปกว่าครึ่งแล้ว ไม่ง่ายกว่าหลินสวินจะเห็นสองประโยคที่สมบูรณ์

จากนั้นหลินสวินเงียบไป จิตใจเหมือนถูกพลังที่ไม่รู้ที่มาสะกิด สั่นสะท้านเบาๆ คราหนึ่ง

เดิมทีเขาคิดว่า ในเมื่อม้วนหยกที่เก่าชำรุดนี้เป็นสมบัติหนึ่งเดียวบนตัวจอมราชันวิญญาณล่วงลับ จะต้องมีความลับใหญ่ซ่อนอยู่อย่างแน่นอน ใครจะคิดว่ากลับเป็นจดหมายครอบครัวฉบับหนึ่ง

จดหมายที่แฝงความคิดถึงอย่างลึกซึ้งของลูกสาว

แม้แต่บิดาจากไปนานแค่ไหนยังจำได้อย่างชัดเจน นั่นเป็นเรื่องที่มีเพียงญาติสนิทจึงจะระลึกถึง

ตอนที่จอมราชันวิญญาณล่วงลับยังมีชีวิตอยู่ คงจะ… คิดถึงลูกสาวของเขามากกระมัง

หลินสวินนึกถึงจ้าวจิ่งเซวียนและหลินฝานที่อยู่ในภูเขาชำระจิตขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ แม้แยกกันเพียงแค่ปีกว่า แต่พวกเขาสองแม่ลูกเกรงว่าคงจะคิดถึงและห่วงหาตนอยู่ตลอดเช่นกันกระมัง

จากนั้นหลินสวินก็ยิ้ม

เจ้าตัวน้อยหลินฝานคงไม่ได้คิดถึงมากแน่ เด็กย่อมไม่รู้รสชาติของความเศร้า

กลับเป็นจิ่งเซวียน…

นางจะต้องคิดถึงตนไม่ใช่แค่หนึ่งครั้งกระมัง…

คิดถึงตรงนี้หลินสวินอดถอนหายใจเบาๆ ไม่ได้ เก็บม้วนหยกกระดำกระด่างเก่าขาดในมืออย่างระมัดระวัง สิ่งของเช่นนี้ธรรมดามาก แต่กลับล้ำค่านัก ควรค่าแก่การเก็บสะสมเอาไว้

สำหรับเรื่องที่สังหารจอมราชันวิญญาณล่วงลับ หลินสวินไม่ได้นึกเสียใจภายหลัง

เพราะอีกฝ่ายเป็นเพียงแค่วิญญาณร้ายที่แปรสภาพจากความยึดมั่น ร่างต้นของเขาคงจะร่วงหล่นตั้งแต่ดับสิ้นของของยุคก่อนแล้ว

‘ไม่ว่ายุคสมัยแปรเปลี่ยน เรื่องราวบนโลกแปรผัน ความรักของครอบครัวก็ไม่มีวันเปลี่ยน…’

หลินสวินพึมพำในใจ

พร้อมๆ กับการร่วงหล่นของจอมราชันวิญญาณล่วงลับ วิญญาณล่วงลับในโกรกธารแห่งนี้ราวกับตระหนักได้ถึงอันตราย หายไปในหมอกหนา หาไม่เจออีก

หลินสวินตั้งจิตให้มั่น สายตามองไปยังก้นโกรกธาร

ประกายพร่างพราวขนาดประมาณใบพัดลอยอยู่บนพื้นดินสีน้ำตาลดำ สาดละอองแสงมหามรรคที่งดงามหลากสี

เมื่อเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ในกลุ่มแสงนั่นมีพลังต้นกำเนิดที่แปลกประหลาดและบริสุทธิ์พลุ่งพล่าน ไอแห่งมหามรรคเป็นสายๆ อบอวล สะดุดตาอย่างที่สุด

นกกระจอกเขียวกระโดดบนไหล่หลินสวิน จุ๊ปากชื่นชม “ดวงของเจ้านับว่าไม่เลว ดูคุณลักษณะของต้นกำเนิดมหามรรคนี่ สามารถจัดอยู่ในของชั้นหนึ่ง ถ้าเป็นในอดีต หากต้นกำเนิดมหามรรคเช่นนี้ปรากฏ จะต้องดึงดูดการต่อสู้นองเลือดครั้งใหญ่อย่างแน่นอน”

เห็นหลินสวินเดินไปข้างหน้าจะลงมือเก็บต้นกำเนิดมหามรรคนั่น นกกระจอกเขียวก็รีบเตือน “ของศักดิ์สิทธิ์เช่นนั้นเป็นของที่คนยุคก่อนทิ้งเอาไว้ ไม่สามารถเก็บไปได้ หากฝืนเก็บไป พลังของมันจะถดถอยไปในชั่วพริบตา”

หลินสวินชะงักเท้าทันที เอ่ยว่า “เช่นนั้นควรทำอย่างไร”

“นั่งสมาธิข้างๆ มัน แล้วหลอมมัน” นกกระจอกเขียวกล่าว

หลินสวินใคร่ครวญเล็กน้อยแล้วสะบัดแขนเสื้อ วางกระบวนค่ายกลเก้านรกกักเทพไว้โดยรอบ จากนั้นถึงค่อยนั่งขัดสมาธิข้างๆ ต้นกำเนิดมหามรรคนั่น ตั้งใจจดจ่อ

พร้อมๆ กับการลมหายใจเข้าออกของเขา ละอองแสงมหามรรคที่พรั่งพรูออกมาของต้นกำเนิดมหามรรคราวกับถูกชักนำ กลายเป็นลำแสงมากมายพุ่งเข้าปากจมูกของหลินสวิน เมื่อพอเข้าสู่ร่างของเขาพลันกลายเป็นกระแสความร้อนที่ลุกโชนหาใดเปรียบ และกระจายออกไปอย่างรวดเร็ว

ชั่วขณะนี้รูขุมขนทั่วตัวของหลินสวินคลายออก จุดชีพจร เส้นลมปราณ อวัยวะตันห้ากลวงหก แขนขา… ทุกส่วนล้วนมีท่วงทำนองกระหายอยากอย่างหนึ่ง ราวกับปากเล็กนับไม่ถ้วนที่อ้ารออาหาร ส่งเสียงร้องดีใจกระโดดโลดเต้นด้วยความปรารถนา

แม้แต่โลกจักรพรรดิบริสุทธิ์ยังเกิดจังหวะอันแรงกล้าอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน คำรามเดือดพล่านขึ้นมา

ยามกระแสร้อนที่แปรจากไอต้นกำเนิดมหามรรคถูกดูดซับอย่างต่อเนื่องจากทั้งภายในและภายนอกร่างกาย หลินสวินสบายจนแทบร้องครางออกมา

ความรู้สึกเช่นนี้มหัศจรรย์เกินไปแล้วจริงๆ

เหมือนตอนที่หิวมานานแล้วได้กินอาหารมื้อใหญ่ที่อุดมยั่วยวน ทั้งเหมือนทะเลทรายแห้งแล้งได้รับฝนชุ่มฉ่ำ…

เมื่อก่อนยามหลินสวินฝึกปราณ ยังไม่เคยสัมผัสความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้มาก่อน

พลังต้นกำเนิดมหามรรคที่ฝังอยู่ที่นี่ตั้งแต่ยุคก่อน เรียกได้ว่ามหัศจรรย์อย่างไม่ต้องสงสัย!

สองชั่วยามหลังจากนั้น

ต้นกำเนิดมหามรรคกลุ่มนั้นหดลงจนขนาดราวหัวแม่มือทารกแล้ว

แต่หลินสวินกลับรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่ามรรควิถีทั้งร่างตนเพิ่มขึ้นช่วงใหญ่ จากระดับจักรพรรดิขั้นหกขั้นต้น ก้าวสู่ขั้นกลางแล้ว

ความยิ่งใหญ่ของการเปลี่ยนแปลง ทำเอาหลินสวินอดตระหนกไม่ได้

ระดับจักรพรรดิเก้าขั้น หนึ่งขั้นหนึ่งปราการสวรรค์ มรรควิถียิ่งสูง อยากจะพัฒนาก็ยิ่งยากลำบาก แม้เป็นผู้ที่พรสวรรค์โดดเด่น ความเร็วในการทะลวงขั้นก็ยังค่อยๆ ช้าลงเมื่อมีพลังปราณเพิ่มขึ้น

สำหรับผู้ฝึกปราณทั่วไป จะสามารถทะลวงขึ้นไปได้หรือไม่ยังเป็นปัญหาหนึ่ง

แต่ตอนนี้ในเวลาสั้นๆ เพียงสองชั่วยาม พลังปราณก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เช่นนี้ จะไม่ให้หลินสวินประหลาดใจได้อย่างไร

ควรรู้ว่าฐานมรรคของเขาแข็งแกร่งหาใดเปรียบ เหนือกว่าคนทั่วไปในระดับเดียวกัน ถึงขั้นในระดับมกุฎจักรพรรดิก็ไร้ที่เปรียบ

แต่พลังปราณสามารถเข้าสู่ขั้นกลางได้ การทะลวงขั้นเช่นนี้เรียกได้ว่าเร็วมากแล้ว!

‘มิน่าในอดีตที่ผ่านมา ผู้แข็งแกร่งคนใดที่เข้าสู่แดนสิ้นจิตวิญญาณล้วนทำทุกวิธีเพื่อชิงต้นกำเนิดมหามรรค สมบัติเช่นนี้เหลือเชื่อเกินไปจริงๆ…’

ไม่นานหลินสวินก็สลัดความคิดฟุ้งซ่านแล้วทำสมาธิต่อ

จนกระทั่งหนึ่งชั่วยามหลังจากนั้น

ต้นกำเนิดมหามรรคกลุ่มนั้นถูกหลอมจนหมดสิ้นแล้ว และพลังปราณของหลินสวินก็เริ่มก้าวเข้าสู่ระดับจักรพรรดิขั้นหกช่วงปลายแล้ว!

หลินสวินที่รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกายตนสะท้านไหวอย่างสิ้นเชิงแล้ว

“หนึ่งเดือน หากเร่งทำเวลาอาจจะสามารถทำให้มรรควิถีของข้าก้าวสู่ขั้นใหม่ได้…”

หลินสวินพึมพำ

“ครั้งนี้เป็นเจ้าโชคดี จึงครอบครองต้นกำเนิดมหามรรคที่มีคุณลักษณะชั้นหนึ่งได้แต่เพียงผู้เดียว ครั้งหน้าใช่ว่าจะโชคดีแบบนี้” นกกระจอกเขียวพูดทำลายขวัญกำลังใจของหลินสวิน

หลินสวินยิ้ม ไม่สนใจ

เงาร่างของเขาพริบไหว พุ่งไปยังนอกโกรกธาร ค้นหาไปตามฟ้าดาราอันเงียบเชียบวังเวงที่หมอกปกคลุมนี้

“เจ้านี่ปากพาชวยจริงๆ…”

ครู่ใหญ่หลังจากนั้นหลินสวินถอนหายใจคราหนึ่ง ด้วยระหว่างทางไม่พบเจอต้นกำเนิดมหามรรคอีกเลย กลับเป็นวิญญาณล่วงลับที่โผล่ออกมาไม่น้อย

“เจ้าโชคไม่ดีเอง กลับมาโทษข้าหรือ” นกกระจอกเขียวถลึงตาใส่เขาคราหนึ่ง

ก็เป็นตอนนี้เอง…

เสียงคำรามดุดันดังมาจากไกลๆ กะทันหัน เผยความบ้าคลั่งรุนแรง

นกกระจอกเขียวกล่าวทันที “มีคนถูกความยึดมั่นของวิญญาณล่วงลับแทรกเข้าไปในสภาวะจิตแล้ว ถ้าไม่ผิดจากที่คาด อีกฝ่ายจิตใจสับสน ตกสู่สภาพธาตุไฟเข้าแทรกแล้ว”

หลินสวินแผ่จิตรับรู้ออกไป จับเสียงต่อสู้เข่นฆ่าระลอกหนึ่งได้รางๆ

และการต่อสู้ที่เกิดขึ้นในแดนสิ้นจิตวิญญาณ จะต้องเกี่ยวข้องกับการช่วงชิงต้นกำเนิดมหามรรคอย่างแน่นอน!

“ไป ไปดูสักหน่อย”

เงาร่างของหลินสวินพริบไหว เคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศไป

หลังจากสัมผัสได้ถึงความมหัศจรรย์ของต้นกำเนิดมหามรรค เขาจะพลาดโอกาสช่วงชิงต้นกำเนิดมหามรรคได้อย่างไร

“ความโลภทำให้คนคลั่ง…” นกกระจอกเขียวถอนหายใจ

“ความโลภอะไร นี่เรียกว่าการแข่งขันในมหามรรค ต้นกำเนิดมหามรรคเป็นของไร้เจ้าของอยู่แล้ว คนอื่นสามารถช่วงชิงได้ แล้วเหตุใดข้าจะช่วงชิงไม่ได้”

หลินสวินกล่าวพลางเร่งฝีเท้า

ไม่นานแผ่นดินที่ล่องลอยผืนหนึ่งปรากฏ กว้างใหญ่ไพศาลอย่างที่สุด

การต่อสู้กำลังเกิดขึ้นในนั้น เงาร่างของระดับจักรพรรดิพริบไหวอยู่ภายใน ทุกคนล้วนเผยอานุภาพล้นฟ้าออกมา ดาบทวนกระบี่ง้าว ง่ามตะขอขวาน ขวดสมบัติประทับมรรค… ศาสตราจักรพรรดิสารพัดชนิดที่แทรกสอดด้วยอานุภาพน่ากลัวพร่างพราวตัดสลับไป เสียงกึกก้องเป็นระลอกราวกับฟ้าคำรามสั่นสะเทือน ภายในยังปะปนเสียงเข่นฆ่า เสียงตะโกนด้วยความโกรธ เสียงกรีดร้อง เสียงโหยหวน…

นี่เป็นการต่อสู้ครั้งใหญ่ครั้งหนึ่งอย่าแน่นอน หลินสวินมองไป มีระดับจักรพรรดิอย่างน้อยสี่ห้ากลุ่มจากขุมอำนาจแตกต่างกันกำลังเข่นฆ่า คลื่นการต่อสู้ที่แผ่ออกมาสั่นสะเทือนทำลายล้างฟ้าดิน

และบริเวณที่ไม่ไกลจากสนามรบมากนัก กลับมีวังน้ำวนกลางอากาศขนาดใหญ่ที่ราวกับหยุดชะงัก ลอยอยู่ตรงนั้นเงียบๆ

ส่วนลึกของวังน้ำวน มีละอองแสงที่งดงามหลากสีพรั่งพรูออกมาเป็นระยะๆ

เห็นได้ชัดว่านั่นคือกลิ่นอายของต้นกำเนิดมหามรรค ทั้งยังไม่ธรรมดาด้วย!

และการต่อสู้ครั้งนี้ แน่นอนว่าเกิดขึ้นเพราะการช่วงชิงต้นกำเนิดมหามรรคนี้

“หืม?”

จู่ๆ หลินสวินก็สังเกตเห็นว่ารอบๆ แผ่นดินที่ลอยอยู่นี้ยังมีกลิ่นอายมากมายซุ่มซ่อนอยู่ กำลังจับตามองการต่อสู้ รอโอกาสลงมือ

เมื่อเห็นดังนี้หลินสวินก็ตัดสินได้ในทันทีว่า ว่าหากคิดจะครอบครองต้นกำเนิดมหามรรคนี้เพียงผู้เดียวคงไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น

คู่ต่อสู้จำนวนมากล้วนกำลังจับจ้อง!

หลินสวินคิดๆ แล้วก็เก็บกลิ่นอายปกปิดตัวตน หยุดอยู่ในหมอกขาวเทาที่ห่างจากแผ่นดินล่องลอยนั่นไม่ไกลนัก

“ถอนกำลัง!”

ในสนามรบชุลมุน ระดับจักรพรรดิบางส่วนรู้ว่าไม่มีโอกาสชนะ จึงล่าถอยอย่างเด็ดขาด

และมีคนสังเกตเห็นว่าในอาณาเขตรอบๆ แผ่นดินนี้ มีคู่ต่อสู้ที่มากกว่าซ่อนตัวอยู่ เมื่อตระหนักได้ว่าท่าไม่ดีจึงตัดสินใจรักษาชีวิตก่อน

แต่ก็ยังมีหลายคนที่กำลังต่อสู้เข่นฆ่า สถานการณ์การต่อสู้รุนแรง ส่วนใหญ่ล้วนมีระดับมกุฎควบคุมสถานการณ์ ความมั่นใจเต็มเปี่ยม

หลินสวินทอดสายตามองไป พบว่าเงาร่างในสนามรบส่วนใหญ่ล้วนไม่คุ้นเคย คงจะเป็นผู้ฝึกปราณจากประตูข้ามแดนอื่นที่เข้าสู่แดนใหญ่พันศึก

มีเพียงพวกสิงมู่เทียนที่หลินสวินคุ้นหน้าคุ้นตา

‘ดูท่าว่าเมื่อเวลาล่วงเลยไป ผู้แข็งแกร่งที่เข้าสู่แดนสิ้นจิตวิญญาณจากสมรภูมิมายาโบราณจะมากขึ้นเรื่อยๆ…’ หลินสวินขมวดคิ้ว

นี่ก็หมายความว่า ในการช่วงชิงต้นกำเนิดมหามรรคจะมีคู่ต่อสู้เพิ่มขึ้นมากไปด้วย

สิ่งที่รับมือยากที่สุดคือ ต้นกำเนิดมหามรรคไม่สามารถเก็บไปได้ ทำได้เพียงหลอมจากตรงนั้น แม้ชิงโอกาสมาได้ก่อน แต่ถ้ามีศัตรูโจมตีเข้ามา ก็ไม่มีโอกาสให้หลอมมากนัก

“ถอย!”

ในขณะที่หลินสวินกำลังใคร่ครวญ เสียงที่เผยความเย็นชาเรียบเฉยดังก้องกลางฟ้าดินกะทันหัน

พลันเห็นเงาร่างกลุ่มหนึ่งพุ่งมา กลิ่นอายรอบตัวไม่ปกปิดเลยสักนิด พุ่งตรงเข้ามาในแผ่นดินที่ลอยอยู่แห่งนั้น

ผู้แข็งแกร่งที่ซ่อนตัวอยู่ในที่มืดทั้งหมด รวมถึงผู้แข็งแกร่งที่กำลังต่อสู้ ล้วนเผยสีหน้าระแวงและหวาดกลัวอย่างอดไม่ได้

เพราะผู้นำของกลุ่มคนที่มาอย่างกะทันหัน คือหนึ่งใน ‘ห้ายอดจักรพรรดิ’ แห่งเผ่าจักรพรรดิอมตะตระกูลเหวิน

เหวินเซ่าเหิง!

……………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+