Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 2510 หน้าตาคีรีดวงกมลของพวกเรา จะเสื่อมเสียไม่ได้

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 2510 หน้าตาคีรีดวงกมลของพวกเรา จะเสื่อมเสียไม่ได้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เสียงท่องคัมภีร์ดังแว่ว ไม่อาจสกัดกั้น โจมตีสภาวะจิตและจิตวิญญาณของหลินสวินอย่างต่อเนื่องราวกระแสน้ำ

หลินสวินรู้สึกเพียงหัวจะระเบิด สีหน้ายิ่งซีดขาวกว่าเดิม

“หลินสวิน เจ้าเป็นอะไรไป”

เซี่ยงเสี่ยวหยวนและเยวี่ยตู๋ชิวสังเกตเห็นความผิดปกติทันที หลินสวินที่เดิมพุ่งทะยานอานุภาพดุจผ่าลำไผ่ เวลานี้กลับร่างกายโงนเงน หว่างคิ้วเผยแววเจ็บปวดทรมาน

นี่ทำให้ทั้งคู่หน้าเปลี่ยนสี

และภาพนี้ก็พิสูจน์ว่าเสียงท่องคัมภีร์นั่นจ้องเล่นงานเฉพาะหลินสวินคนเดียวเท่านั้น คนอื่นๆ ล้วนไม่ได้รู้สึกถึงความผิดปกติใดๆ

“ไม่เป็นไร”

หลินสวินโบกมือเบาๆ ข่มกลั้นความเจ็บปวดรุนแรงในสภาวะจิตและจิตดั้งเดิมเอาไว้ หมายจะทะยานไปเบื้องหน้าต่อ เนื่องจากใกล้จะออกนอกเวิ้งฟ้านี้ได้แล้ว

แต่ในเวลานี้เสียงเยียบเย็นที่เปี่ยมอำนาจของมารเทพตี้สือก็ดังขึ้นอีกครั้ง

‘เจ้าหนุ่ม เจ้าน่าจะเดาได้แล้ว ข้าถูกขังอยู่ในบ่อผนึกมาร ไม่สามารถลงมือสังหารเจ้าได้โดยตรง แต่เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าจะหนีไปเช่นนี้ได้’

แต่ละคำดุจค้อนเทพกลางหัตถ์เทวดา กระหน่ำทุบสภาวะจิตของหลินสวิน

ควรรู้ว่าสภาวะจิตหลินสวินคงทนแกร่งกล้าถึงขั้นน่าเหลือเชื่อนานแล้ว แต่เวลานี้กลับถูกกระเทือนจนเกือบปริแตกและสูญเสียการควบคุม

การสั่นไหวของสภาวะจิตทำให้พลังขับเคลื่อนและมรรควิถีในตัวเขาล้วนได้รับผลกระทบ ร่างกายโคลงเคลง เกือบถูกวิญญาณร้ายระดับจักรพรรดิทั้งกลุ่มที่กรูผ่านอากาศเข้ามาโจมตีสังหาร

เซี่ยงเสี่ยวหยวนและเยวี่ยตู๋ชิวล้วนตระหนักได้ว่าสถานการณ์ของหลินสวินไม่เข้าที จึงสำแดงไพ่ตายทันที ช่วยหลินสวินปัดป้องการโจมตีจากสี่ทิศแปดทางนั่น

‘ส่งตำราหยกศุภโชคมาเดี๋ยวนี้!’

เสียงของมารเทพตี้สือก้องกังวานในสภาวะจิตของหลินสวิน คล้ายลั่นกลองปลุกขวัญ บดขยี้สภาวะจิตของเขาอย่างยิ่ง

เบื้องหน้าหลินสวินปรากฎดาวสีทอง ทั้งตัวเริ่มสั่นเทิ้ม

นี่เป็นอันตรายครั้งใหญ่ที่สุดที่เข้าเคยประสบตั้งแต่เข้ามาในแดนใหญ่พันศึก

เพียงแค่เสียงสายหนึ่งของศัตรู ก็ทำให้เขาไร้แรงต้านทาน มรรควิถีในตัวเปล่าประโยชน์ ไพ่ตายทั้งปวงใช้การไม่ได้ ไม่มีกลยุทธ์รับมือใดๆ สักนิด

“ฆ่า!”

หลินสวินกัดฟัน สายตาทอประกายบ้าคลั่ง สำแดงพลังเข่นฆ่า แต่เงาร่างของเขาซวนเซ สภาวะจิตประสบแรงโจมตีอันน่าสะพรึงอีกครั้ง

“พี่หลิน!”

พวกเซี่ยงเสี่ยวหยวนสองคนตกใจหน้าเปลี่ยนสียกใหญ่

ผู้ฝึกปราณที่โห่ร้องแห่เข้ามาช่วยหลินสวินก่อนหน้านี้ก็เห็นท่าไม่ดีนานแล้ว เมื่อเห็นดังนี้จึงถอยหนีไปไกลๆ พุ่งไปยังบริเวณไกลโพ้นแต่แรก

และขณะเดียวกันวิญญาณร้ายนับไม่ถ้วนก็พุ่งเข้ามาจากสี่ทิศแปดทางราวตั๊กแตน อัดเต็มแน่นในบริเวณที่พวกหลินสวินอยู่ มากมายแน่นขนัด

มองจากไกลๆ ล้วนไม่สามารถมองเห็นเงาร่างของพวกหลินสวิน

“นี่มันเรื่องอะไรกัน”

“หลินสวินนั่นกำลังตกที่นั่งลำบากหรือ”

“ความแข็งแกร่งของเขา ต้องกระตุ้นความระแวดระวังของวิญญาณร้ายเหล่านั้นแล้วแน่ๆ ถึงได้ไม่ยอมปล่อยเขาออกไปเช่นนี้…”

ในพื้นที่ต่างๆ ของโบราณสถานมหามรรค เหล่าผู้ฝึกปราณที่กำลังต่อสู้ไม่มีใครไม่สูดหายใจสะท้าน

เพราะเวลานี้วิญญาณร้ายที่กระจายตัวอยู่ในโลกกว้างไพศาลผืนนี้ แทบจะพุ่งไปยังบริเวณที่หลินสวินอยู่ทั้งหมด กลบท่วมพื้นที่นั้นโดยสมบูรณ์!

“เร็ว วิญญาณร้ายพวกนั้นแห่ไปจัดการหลินสวินหมดแล้ว นี่เป็นโอกาสของพวกเรา ฝ่าวงล้อมออกไปพร้อมกัน!”

ผู้ฝึกปราณส่วนหนึ่งตะโกนลั่น

“ไป!”

นี่เป็นโอกาสในการหลบหนีที่เยี่ยมยอดที่สุดของพวกเขาอย่างไม่ต้องสงสัย หลินสวินคนเดียวก็ดึงดูดวิญญาณร้ายมากมายมหาศาลไปได้ พลอยทำให้พวกเขาไม่มีสิ่งกีดขวาง สบโอกาสหนีออกไปได้ในทันที

สวบๆๆ!

ละอองแสงรุ้งเทพเป็นสายๆ โฉบผ่านอากาศไป เลือนหายในนอกเวิ้งฟ้า

ไม่มีใครสนใจความเป็นตายของหลินสวิน

สำหรับผู้แข็งแกร่งที่เข้าร่วมทดสอบเหล่านั้น การรอดชีวิตในเวลานี้เป็นสิ่งสำคัญที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย

“ทำอย่างไรดี”

เซี่ยงเสี่ยวหยวนและเยวี่ยตู๋ชิวต่างร้อนใจ

ความร้ายแรงของสถานการณ์ในตอนนี้อยู่เหนือความคาดหมายของทั้งสองคนโดยสิ้นเชิง มองเห็นทัพใหญ่วิญญาณร้ายแน่นขนัดเบียดเสียดเหล่านั้น ก็ทำให้พวกเขารู้สึกสิ้นหวังแล้ว

แต่ว่า

ต่อให้อยู่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ทั้งคู่ก็ยังสู้สุดชีวิต ช่วยหลินสวินแบกรับการโจมตีที่มาจากทั่วทิศ

เพียงแต่สถานการณ์ของหลินสวินกลับไม่ได้ดีขึ้น

พลังของมารเทพตี้สือนั่นเผด็จการและพิสดารเกินไป เสียงท่องคัมภีร์ดังไม่หยุด ทำร้ายวิญญาณและสภาวะจิตของหลินสวินเสียหายอย่างหนัก

กล่าวอย่างไม่เกินจริง หลินสวินสามารถยืนหยัดมาถึงตอนนี้ได้ก็เรียกว่าปาฏิหาริย์แล้ว เหตุเพราะสภาวะจิตของเขาแข็งแกร่งและคงทนหาใดเปรียบ

หากเป็นผู้ฝึกปราณคนอื่นในระดับเดียวกัน ไม่มีทางประคองตนมาได้ถึงตอนนี้เด็ดขาด ป่านนี้คงถูกบดขยี้สภาวะจิตป่นปี้ กลายเป็นศพไปนานแล้ว!

‘เคี่ยวกรำพลังสภาวะจิตมาถึงขั้นนี้ได้ ทำให้ข้าแปลกใจจริงๆ น่าเสียดาย เจ้าได้ยากจะหนีคราวเคราะห์พ้นแล้ว!’ เสียงเย็นชาของมารเทพตี้สือดังขึ้น

ประโยคเดียวดั่งสายฟ้าฟาดไร้สิ้นสุด ฟาดผ่าลงมาอย่างหนักหน่วง ประหนึ่งหมายทุบทำลายสภาวะจิตของหลินสวินให้แหลกลาญ

ก็เป็นเวลานี้เอง…

‘โอ๊ยๆๆๆๆ เสียงผีครวญเทพร่ำไห้อะไรกัน ยังไม่จบไม่สิ้นอีกเหรอ จะไม่ให้คนได้หลับได้นอนเลยรึไง’

เสียงตะโกนเจือโทสะคุกรุ่นหาใดเปรียบสายหนึ่งดังขึ้นทันที กึกก้องอยู่ในสภาวะจิตของหลินสวิน

ประหนึ่งหญิงจู้จี้ขี้โวยวาย เพลิงโทสะพุ่งสูง เดือดดาลเป็นฟืนเป็นไฟ

ตูม!

ในสภาวะจิตของหลินสวิน เสียงท่องคัมภีร์ที่พุ่งโจมตีไม่หยุดนั่นพลันชะงักไป พลังอหังการแปลกประหลาดก็ถูกกวาดล้างออกไปอย่างแรง

‘หืม? เจ้าเป็นผู้ใด ถึงกับกล้าสอดเรื่องของข้า!’ เสียงของมารเทพตี้สือดังขึ้น เจือแววสนเท่ห์

‘หลานชาย ข้าคือบรรพบุรุษของเจ้า!’ เสียงหงุดหงิดหัวเสียนั่นผรุสวาท ประโยคเดียวเจือกลิ่นอายดูหมิ่นที่เรียบง่ายหยาบกระด้าง

แต่ก็เป็นเสียงด่าทอหยาบคายประโยคนี้ที่บดขยี้พลังของมารเทพตี้สือจนแหลกลาญ หายไปจากสภาวะจิตของหลินสวิน

หลินสวินได้สติขึ้นมาจากสภาวะใกล้พังทลายทันที ทั่วสรรพางค์กายผ่อนคลายหาใดเปรียบ

‘ในฐานะผู้สืบทอดคีรีดวงกมล ถึงกับถูกรังแกแบบนี้… น่าโมโหชะมัด!’

เสียงเจือแววเดือดดาลนั่นดังขึ้นในใจหลินสวิน ‘ศิษย์น้องเล็ก ครั้งนี้ศิษย์พี่จะขอผิดคำสัญญาสักครั้ง หากไม่อัดเจ้าหลานชายพูดพล่ามไม่ยอมหยุดนั่นสักตั้ง ข้าหลิงเสวียนจื่อก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!’

ตูม!

ครู่ต่อมาหลินสวินสั่นสะเทือนไปทั้งตัว เงาร่างสายหนึ่งพุ่งออกมาจากเจดีย์ไร้สิ้นสุด

อาภรณ์สีเขียวทั้งตัว หน้าตาหล่อเหลาราวเด็กหนุ่ม ผมดำมัดลวกๆ ไว้ตรงท้ายทอย รูปงามราวหยก ท่วงท่าเป็นอิสระ

เป็นหลิงเสวียนจื่อ ผู้สืบทอดลำดับสี่แห่งคีรีดวงกมล!

เพียงแต่บนใบหน้าหล่อเหลานั่นของเขา เวลานี้กลับเต็มไปด้วยแววหงุดหงิด สิ่งที่ไหลหลั่งอยู่ในดวงตาคู่นั้นมีแต่เพลิงโทสะลุกโชน

หลินสวินยังอดแปลกใจไม่ได้

ศิษย์พี่สี่หลิงเสวียนจื่อถูกตนกำราบไว้ในเจดีย์ไร้สิ้นสุดแล้ว เหตุใดถึงทลายพลังกำราบของเจดีย์ไร้สิ้นสุดแล้วเดินออกมาได้ง่ายๆ

“วางใจได้ สัญญาของเจ้ากับข้าในปีนี้ไม่เปลี่ยนไป เพียงแต่ตอนนี้เพื่อกอบกู้หน้าคีรีดวงกมลของพวกเรา ตัวข้าสามารถถูกกำราบได้ แต่หน้าตาของคีรีดวงกมลของพวกเรา… จะเสื่อมเสียไม่ได้!”

หลิงเสวียนจื่อที่กำลังเดือดดาลนวดคลึงหว่างคิ้ว นัยน์ตาพวยพุ่งไอสังหาร

ตูม!

บนตัวเขาพลันแผ่อานุภาพน่าพรั่นพรึงไร้ขอบเขตออกมา พวยพุ่งทั่วชั้นฟ้า ราวกับกลายเป็นเทพสูงสุดในพริบตา

ทัพใหญ่วิญญาณร้ายระดับจักรพรรดิที่เบียดเสียดแน่นขนัดแถวนั้นระเหยหายเป็นแถบๆ ราวกับหิมะถูกแดดจ้าแผดเผา!

อานุภาพน่าสะพรึงนั่น ทำเอาเซี่ยงเสี่ยวหยวนและเยวี่ยตู๋ชิวมองจนอึ้งงันอยู่ตรงนั้น ท่านผู้นี้… ท่านผู้นี้เป็นเทพศักดิ์สิทธิ์มาจากที่ใดกัน

“รอข้ากลับมา”

หลิงเสวียนจื่อยื่นมือคว้าคราหนึ่ง สามพันเคลื่อนคล้อยก็ปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือเขา จากนั้นเงาร่างเขาพริบไหว กลายเป็นแสงแสบตาไร้ใดเทียมสายหนึ่ง พุ่งเข้าไปในส่วนลึกของโบราณสถานมหามรรคนั่นทันที

หลินสวินสีหน้าเปลี่ยนสลับไปมา

ปีนั้นตอนอยู่แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ เขาก็รู้ชัดแล้วว่าศิษย์พี่สี่คนนี้น่ากลัวสุดขั้ว ถูกเรียกว่าเป็นเลิศในหมื่นกาล แม้จะถูกกำราบในกาลเวลาไร้สิ้นสุด แต่มรรควิถีในตัวบรรลุถึงขั้นน่าเหลือเชื่อนานแล้ว

ตอนนั้นที่เขากำราบหลิงเสวียนจื่อไว้ได้ ก็เพราะเอาชนะหลิงเสวียนจื่อในการถกมรรคห้ารอบได้เท่านั้น ฝ่ายหลังถึงได้ยินยอมยอมแพ้ตามเดิมพัน และเป็นฝ่ายเข้าไปในเจดีย์ไร้สิ้นสุดเอง

อีกทั้งในการถกมรรคห้ารอบตอนนั้น เพื่อความยุติธรรม หลิงเสวียนจื่อกดระดับพลังของตนไว้ หากไม่เป็นเช่นนั้น ตัวหลินสวินเองก็รู้ดีว่าตนไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของศิษย์พี่สี่คนนี้เด็ดขาด

กล่าวโดยสรุปแล้ว นอกจากปัญหาด้านจิตใจที่ผิดที่ผิดทางแล้ว ศิษย์พี่สี่ก็เป็นหนึ่งในผู้สืบทอดโดดเด่นที่สุดในคีรีดวงกมลอย่างไม่ต้องสงสัย!

เหมือนอย่างก่อนหน้านี้ เจ้าหมอนี่แค่ผรุสวาทไม่กี่คำ ล้วนสามารถทำลายเสียงท่องคัมภีร์ โจมตีพลังของมารเทพตี้สือจนสิ้นได้

หนำซ้ำยังออกจากการกำราบของเจดีย์ไร้สิ้นสุดด้วยตัวเอง พุ่งไปหาเรื่องมารเทพตี้สือนั่นอย่างโกรธเคือง…

ทั้งหมดนี้ล้วนสามารถพิสูจน์ว่าหลิงเสวียนจื่อแข็งแกร่งปานใด!

“พี่หลิน ท่านนี้… ท่านนี้คือ?”

เสียงเยวี่ยตู๋ชิวตะกุกตะกักเล็กน้อย รู้สึกเหมือนลิ้นพันกัน ถูกมาดกร้าวแกร่งไร้เทียมทานของศิษย์พี่สี่หลิงเสวียนจื่อทำเอาตะลึงงัน

เนตรดาราเซี่ยงเสี่ยวหยวนก็เจือแววสะเทือนเช่นกัน

แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!

เพียงแค่ปลดปล่อยอานุภาพ ก็กวาดทำลายทัพใหญ่วิญญาณร้ายที่อยู่รอบทิศให้บาดเจ็บล้มตายไปกว่าครึ่ง นี่เหมือนเทพศักดิ์สิทธิ์มาเยือนชัดๆ

“ศิษย์พี่ของข้า ฉายามรรคหลิงเสวียนจื่อ”

หลินสวินกล่าวง่ายๆ เขากำลังพยายามทำให้ตัวเองใจเย็นลง เพิ่งผ่านการโจมตีที่อันตรายถึงชีวิตมารอบหนึ่ง ทำให้จิตใจของเขาสั่นไหวไม่หาย

เซี่ยงเสี่ยวหยวนและเยวี่ยตู๋ชิวอึ้งไป “เอ่อ นี่ไม่ใช่ชื่อปลอมที่เจ้าแอบอ้างนั่นหรอกหรือ”

หลินสวินกล่าว “ศิษย์พี่คนนี้ของข้าไม่ได้มีชื่อเสียงอะไร ข้าเพียงแค่ยืมชื่อเขามาเท่านั้น ไม่ถือว่าล่วงเกิน”

สิ่งที่เขาพูดเป็นความจริง หลิงเสวียนจื่อในตอนนั้น ยังไม่ได้เฉิดฉายในทางเดินโบราณฟ้าดาราก็ถูกเจ้าแห่งคีรีดวงกมลกำราบไว้แล้ว กล่าวได้ว่าคนที่รู้จักมีเพียงน้อยนิด

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าที่นี่คือแดนใหญ่พันศึก แทบไม่มีใครรู้จักชื่อนี้อย่างแน่นอน

“พวกเราจะไปจากที่นี่ก่อนหรือไม่”

เซี่ยงเสี่ยวหยวนอดเอ่ยถามไม่ได้

แถวนี้ยังมีวิญญาณร้ายระดับจักรพรรดิมากมาย พวกมันไม่มีสติปัญญา จึงไม่กลัวตายสักนิด ถึงแม้เมื่อครู่จะถูกอานุภาพของหลิงเสวียนจื่อฆ่าไปกว่าครึ่งแล้ว แต่เวลานี้กลับโผล่เข้ามาอีก

“ได้”

หลินสวินตอบรับ จากนั้นก็สำแดงพลังเข่นฆ่าฝ่าออกไป

ขณะเดียวกัน ในเขตผนึกที่มืดมิดกดดันแห่งหนึ่ง

เงาร่างหลิงเสวียนจื่อพร่างพราว กรีดทำลายความมืดมิดของฟ้าดินแถบนี้ดุจแสงมรรคสายหนึ่ง ตรงดิ่งไปทางบ่อน้ำโบราณในส่วนลึกที่สุดของเขตผนึก

ทั่วร่างเขาคละคลุ้งกลิ่นอายดุดันโดยไม่ปกปิดใดๆ ดวงหน้าสง่างามฉายแววเดือดดาล

เสียงท่องคัมภีร์คลุมเครือเป็นระลอกดุจเขาถล่มคลื่นโหมซัด ดังก้องในเขตผนึกนี้ทันที อนุภาพแข็งแกร่งยิ่งกว่าที่หลินสวินประสบมาก่อนหน้านี้ไม่รู้กี่เท่า!

“หลานชาย บรรพบุรุษเจ้ามาแล้ว เจ้ายังกล้าเห่าซี้ซั้วอีก!?” หลิงเสวียนจื่อโทสะดุจสายฟ้า ตบฝ่ามือหนึ่งออกไปเต็มแรง

ตูม!

กลางฟ้าดินปรากฏสายฟ้าสีทองหยาบหนานับไม่ถ้วนราวน้ำตกธารดารา หลั่งไหลเบียดแน่นลงมา เสียงก้องกระหึ่มนั่นปลดปล่อยอานุภาพดุจผลาญฟ้าดับปฐพี

ชั่วพริบตาเสียงท่องคัมภีร์นั่นก็ถูกเสียงสายฟ้าฟาดเปรี้ยงกลบมิด สลายหายไป

ชิ้ง!

และเงาร่างของหลิงเสวียนจื่อก็ราวกับแสงเทพบาดตาไร้ทัดเทียม มาเยือนเบื้องหน้าบ่อน้ำโบราณนั่นทันควัน ซัดจนผืนแผ่นดินสั่นโคลง ห้วงอากาศใกล้เคียงล้วนระเบิดถล่ม คล้ายแบกรับอานุภาพน่าสะพรึงที่ปลดปล่อยออกมาจากตัวเขาไม่ไหว

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด