Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 2557 ไม่อาจคาดเดา

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 2557 ไม่อาจคาดเดา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2557 ไม่อาจคาดเดา

จงหลีเซียวนัยน์ตาหดรัด

พลังเจตจำนงวิถียุทธ์เช่นนี้ทำให้ทุกคนต่างขมวดคิ้วอยู่บ้าง ยังถูกยันต์อสนีเคราะห์กำราบอยู่ชัดๆ แต่กลับใช้วิชาต่อสู้เช่นนี้ได้ น่าเหลือเชื่อจริงๆ

“กล่าวกันถึงที่สุดแล้ว เขายังข้ามด่านเคราะห์ไม่สำเร็จ ไม่อย่างนั้นคงไม่ใช้แค่เจตจำนงวิถียุทธ์ สังหารเขาตอนนี้เป็นโอกาสดีที่สุด”

เสียงฉีหลิงอวิ๋นเย็นชา

“ฆ่า!”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เหล่าผู้กล้ารวมตัว ล้วนลงมือพร้อมกัน โจมตีไปข้างหน้า แน่นอนว่าภายในนั้นมีคนคิดฆ่าหลินสวินเพื่อชิงศุภโชคบนตัวเขา

แต่คนส่วนมากกลับทำเพื่อต้นหงเหมิงหมื่นมรรค ยอดสมบัติแห่งยุคเช่นนี้ ใครไม่คิดฉวยโอกาสยามสถานการณ์ยุ่งเหยิงนี้เล่า ขอแค่พุ่งตัวเข้าไปใกล้ ไม่ต้องการช่วงชิงไปทั้งต้น ขอเพียงตัดมาได้สักกิ่งก็พอใช้ไม่หมดสิ้น!

นี่คือรากฐานแห่งมรรคเซียนที่แท้จริง แบกรับพลังต้นกำเนิดมรรคเซียนไว้ มูลค่าไม่อาจประเมิน สามารถทำให้ระดับอมตะคลุ้มคลั่งเพราะมัน

ไม่อย่างนั้นคนชั้นสูงซึ่งมาจากน่านฟ้าที่แปดอย่างพวกจงหลีเซียวย่อมไม่มีทางวู่วามเช่นนี้แน่

“ผสาน!”

มีคนท่องคัมภีร์มรรคเร้นลับ รอบกายมีแสงมรรคเพลิงเทพชวนประหวั่นไหลวน แววตาเยียบเย็น เปิดฉากบุกตะลุยอย่างบ้าระห่ำ

ต้นหงเหมิงมีแค่ต้นเดียว ต่อให้โค่นไปก็ไม่พอแบ่ง มีแค่ต้องชิงลงมือก่อน

“ไป!”

เสียงกัมปนาทลุ่มลึกหนึ่งดังสนั่นหูเหมือนสายฟ้าฟาด ระดับบรรพจารย์จักรพรรดิคนหนึ่งหวดกระบี่ยักษ์ที่ปกคลุมด้วยกฎเกณฑ์อสนีแน่นหนาไปทางต้นหงเหมิงเช่นกัน

แต่ที่เร็วกว่าพวกเขากลับเป็นอสนีบาตสีทองดุจห้อทะยานสายหนึ่ง เร็วจนน่าเหลือเชื่อ เมื่อมองดูอย่างละเอียด นั่นกลับเป็นนกกระจอกทองตัวหนึ่ง ทั้งตัวราวหล่อจากทองเซียน ส่องประกายลานตา

มันสยายปีกแหวกอากาศ เร็วกว่าทุกคน เห็นชัดว่าครอบครองกฎเกณฑ์แห่งห้วงอากาศว่างเปล่าที่เย้ยฟ้าอย่างยิ่ง โอหังเหนือเหล่าผู้กล้า มันยังเป็นคนแรกที่เข้าใกล้ต้นหงเหมิงเช่นกัน เหยียดกรงเล็บทองมหึมาออกมาหมายจะถอนไปทั้งต้น

ตูม!

ไอพลังต่อสู้ชั้นยอดพุ่งสู่ฟ้า กลายเป็นสายธารสีทองซัดมันลอยไปอย่างรุนแรง นั่นคือพลังเจตจำนงวิถียุทธ์ที่ปล่อยออกมาจากตัวหลินสวิน

ไม่เพียงเท่านี้ พลังทั้งหมดที่พุ่งไปยังต้นหงเหมิงล้วนถูกขวาง กลายเป็นละอองแสงกระจายทั่วฟ้า

ทุกคนขวัญหนีดีฝ่อ!

ต้องรู้ว่าคนที่ลงมือตอนนี้มีมากนับร้อย แต่ละคนล้วนเป็นผู้ยิ่งใหญ่และราชันในระดับจักรพรรดิ ไม่อย่างนั้นย่อมไม่มีทางบุกมาถึงด่านชิงบัลลังก์นี้แน่

แต่ตอนนี้กลับทลายการสกัดของเจตจำนงวิถียุทธ์หนึ่งไม่ได้!

“แกว้ก!”

นกกระจอกทองส่งเสียงหวีดแหลมคล้ายไม่ยินยอม มันไม่ถอยร่นแต่กลับบุกเข้าไป กระพือปีกทองเจิดจรัสแหวกอากาศแล้วดิ่งลงมา อ้าปากโฉบไปทางต้นหงเหมิงอีกครั้ง คล้ายต้องการกลืนต้นไม้นี้เข้าไปในร่าง

จะงอยปากสีทองเฉียบคมกว่าดาบสวรรค์ ตัดทำลายแหวกอากาศ อ้าปากราวจะกลืนกินสรรพสิ่ง!

ทว่าการเปลี่ยนแปลงที่น่ากลัวอย่างหนึ่งกลับปรากฏ นกกระจอกทองที่สยายปีกสีทองบดบังนภา ครอบคลุมฟ้ากว้าง กลับถูกพลังเจตจำนงวิถียุทธ์นั้นยื่นมือคว้าตัวกะทันหัน

มันส่งเสียงเดือดดาล สลัดไม่หลุด กลับเป็นว่าถูกเจตจำนงวิถียุทธ์ของหลินสวินบีบแหลก!

ปัง!

ละอองแสงสีทองเจือโลหิตสาดกระเซ็นขึ้นไป นกกระจอกทองนี้เป็นถึงสัตว์ประหลาดในระดับมกุฎจักรพรรดิ น่ากลัวยิ่งกว่าคนในระดับเดียวกัน

แต่ยังต้านอานุภาพของหลินสวินไม่อยู่ จิตสิ้นวิญญาณสลาย!

“เปิด!”

เสียงตวาดต่ำลึกหนักแน่นราวกับเหล็กดังขึ้น

ลิ่นเฟิงที่เงียบขรึมเสมอมาลงมือแล้ว พลันเห็นเขาถือดาบศึกเรียบง่ายเล่มหนึ่งไว้ในมือ สาวเท้าไปหนึ่งก้าว ฟันดาบที่เตรียมพร้อมไว้นานแล้วออกมาทันที

ฟุ่บ!

ปราณดาบสีดำไร้ใดเปรียบพุ่งวาบ

เจตจำนงวิถียุทธ์ที่ขวางอยู่หน้าต้นหงเหมิงของหลินสวินถูกฟันเป็นสองท่อนทันที ถูกปราณดาบสีดำที่ม้วนแผ่สนั่นหวั่นไหวนั้นบดขยี้สิ้นซาก

อานุภาพของดาบเดียวสะเทือนใต้หล้า!

ทุกคนถูกดาบนี้ทำให้ตกใจ จากนั้นก็อดเผยสีหน้าฮึกเหิมไม่ได้ เจตจำนงวิถียุทธ์นั้นถูกฟัน หลินสวินที่ติดอยู่ในยันต์อสนีเคราะห์ยังจะเอาอะไรมาปกป้องต้นหงเหมิงหมื่นมรรคได้อีก

“ฆ่า!”

“ลงมือ!”

ในที่นั้นมีเสียงตวาดดังขึ้นฉับพลัน พวกจงหลีเซียวกับชือพั่วจวินแทบพุ่งไปยังต้นหงเหมิงหมื่นมรรคตั้งแต่พริบตาแรก

ส่วนลิ่นเฟิงที่ใช้หนึ่งดาบฟันเจตจำนงวิถียุทธ์ของหลินสวิน ไม่ต้องสงสัยว่าเป็นคนที่เร็วที่สุด เงาร่างมาถึงหน้าต้นหงเหมิงโดยแทบไม่ได้พัก

แต่ช่วงที่เขากำลังจะลงมือกลับรับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่าง ถอยตัวหนีทันที

จากนั้นพวกจงหลีเซียวกับชือพั่วจวินก็หน้าเปลี่ยนสี พุ่งหลบโดยไม่ลังเล

ยังไม่รอให้คนอื่นตอบสนอง ปราณกระบี่ดุจรุ้งเทพสายหนึ่งพุ่งแหวกอากาศ วาดกวาดมาจากจุดที่ห่างไปไม่ไกล

ฉัวะๆๆ…

ผู้ฝึกปราณสิบกว่าคนที่พุ่งมาหน้าสุด เมื่ออยู่ต่อหน้ากระบี่นี้ก็เหมือนพืชผลในท้องทุ่ง ถูกเฉือนกวาดร่างแยก พลังจิตพังทลาย ฝนโลหิตสาดพรมราวน้ำตก

พลังป้องกันและสมบัติบนตัวพวกเขา รวมถึงการต้านทานก่อนตาย ทั้งหมดราวกระดาษเปื่อย ไม่อาจขวางแต่แรก

ส่วนผู้คนที่อยู่ด้านหลังพวกเขาและโชคดีหอบชีวิตกลับมาได้ต่างตกใจจนเหงื่อแตกทั้งตัว เหมือนไปเยือนประตูนรกมารอบหนึ่งจริงๆ

ปราณกระบี่นั้นน่ากลัวเกินไป ทรงพลังเกินต้านทาน!

เวลานี้ทุกคนเพิ่งสังเกตเห็น คนที่ฟันกระบี่นี้ออกมาก็คือหลินสวิน!

ยันต์อสนีเคราะห์ที่ปกคลุมบนตัวเขาหายไปแล้ว เผยเงาร่างสูงโปร่งทรงพลังของเขา พลังขับเคลื่อนแข็งแกร่งมืดฟ้ามัวดิน ครอบคลุมทั่วบริเวณ!

ข้ามด่านเคราะห์สำเร็จแล้วหรือ

ในใจทุกคนล้วนหนักอึ้ง แปลกใจสงสัยไม่หยุด

พลังของยันต์อสนีเคราะห์นั้นถึงกับถูกสลายหมดแล้ว นี่เห็นได้ว่าน่าเหลือเชื่อ!

“เล่นพอหรือยัง”

นัยน์ตาดำดุจอสนีของหลินสวินกวาดมองไปในลาน น้ำเสียงปกติ แต่กลับมีความน่าเกรงขามชวนประหวั่นที่มองไม่เห็น ทำให้แต่ละคนใจสั่น

ทุกคนถอยหลัง สีหน้าวูบไหวไม่หยุด

ก่อนหน้านี้อาศัยแค่เจตจำนงวิถียุทธ์ก็ฆ่ามกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิอย่างมู่อี้ ทั้งบดขยี้นกกระจอกทองได้ หลินสวินในตอนนี้จะน่าหวาดกลัวเพียงใด

“พวกเรา… ไม่มีเจตนาร้ายต่อเจ้า แค่อยากไขว่คว้าวาสนาของต้นหงเหมิงหมื่นมรรคนั่นเท่านั้น” คนผู้หนึ่งที่อยู่หน้าสุดกัดฟันกล่าว

หลินสวินไม่ได้ใส่ใจ จ้องพวกฉีหลิงอวิ๋น จงหลีเซียว ชือพั่วจวินที่นำหน้ามาเช่นกัน กวาดมองศัตรูเก่าพวกนี้ทีละคนโดยไม่ปิดบังไอสังหาร

ตอนนี้เขาข้ามด่านเคราะห์สำเร็จแล้ว ก้าวสู่ระดับมกุฎบรรพจารย์ มรรควิถีทั้งตัวเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกฟ้าพลิกดิน

แตกต่างจากบรรพจารย์ขั้นเก้าทั่วไป ในช่วงเวลาที่แจ้งมรรคหน้าต้นหงเหมิงนี้ หลินสวินหลอมรวมมรรคเซียนและมรรคนรกของยุคก่อนเข้ากับมรรควิถีของตนทั้งหมดแล้ว ดังนั้นจึงทะลวงปราณถึงขีดสุด

นี่ทำให้หลังจากเขาข้ามด่านเคราะห์ก็ครอบครองมหามรรคระดับบรรพจารย์ที่สมบูรณ์ได้ในทันที ทั้งยังไม่ใช่แค่สายเดียว ไม่อาจเรียกว่าเป็นมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิ

แต่ควรเรียกว่ามกุฎบรรพจารย์หมื่นมรรค!

สิ่งนี้มีความแตกต่างจากบรรพจารย์จักรพรรดิคนอื่น บรรพจารย์จักรพรรดิทั่วไป ต่อให้ครอบครองมหามรรคานานัปการ สุดท้ายก็ได้แต่ควบรวมมหามรรคระดับบรรพจารย์ที่สมบูรณ์เพียงสายเดียว มหามรรคนี้สามารถรองรับมหามรรคอื่น แต่มหามรรคอื่นกลับไม่อาจแทนที่มรรคระดับบรรพจารย์สายนี้ได้

แต่สำหรับหลินสวิน ไม่ว่าจะเป็นมหามรรคสายใดล้วนถูกเขาควบรวมนัยเร้นลับระดับบรรพจารย์ สำแดงอานุภาพสูงส่งถึงขีดสุดของระดับนี้ออกมาได้!

นี่ก็คือความแตกต่าง

ทั้งหลินสวินยังบรรลุมกุฎบรรพจารย์ ต่อให้เป็นมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิก็แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง!

“หลินสวิน ก้มหัวศิโรราบซะแล้วจะไว้ชีวิตเจ้า!” มีคนไอสังหารแผ่ซ่าน ความจริงแล้วแสร้งทำเป็นเข้มแข็ง ถูกสายตาของหลินสวินจับจ้องจนเกือบตัวแข็งทื่อ

“แม้ว่าเจ้าจะข้ามด่านเคราะห์สำเร็จ แต่ตอนนี้เป็นช่วงที่อ่อนแอที่สุด ตัวคนเดียวสู้กับพวกเรามากขนาดนี้ ไม่กลัวตายอย่างไม่ยุติธรรมหรือ?!”

ทั้งมีคนตวาดกล่าวเสียงสูง ปลุกระดมเหล่าผู้กล้าให้ลงมือพร้อมกัน

ส่วนพวกฉีหลิงอวิ๋นก็กำลังใช้วิชาลับสอดส่องหลินสวิน คิดมองทะลุความลับบนตัวเขา ล่วงรู้ตื้นลึกหนาบางของเขา

ด้วยหลินสวินในตอนนี้ไม่เผยสัญญาณอ่อนแอแม้เพียงเสี้ยว คล้ายมหาเคราะห์แห่งยุคเมื่อครู่นั้นทำอะไรเขาไม่ได้แม้แต่น้อย

“คอยดูว่าข้ากล้าหรือไม่!”

ขณะกล่าวหลินสวินหายไปจากจุดเดิม กลายเป็นแสงศักดิ์สิทธิ์ร้ายกาจแถบหนึ่งพุ่งไปข้างหน้า บางทีอาจเรียกว่าเป็นลมกาฬวาต ด้วยบ้าระห่ำเกินไป ม้วนกลืนผืนฟ้าปฐพี ราวกับสายลมคลั่งข้ามแดน

สมบัติและวิชามรรคนานัปการระเบิดกระจุยท่ามกลางเสียงกัมปนาท ไม่อาจต้านทานอย่างสิ้นเชิง ทุกคนที่อยู่ด้านหน้ากระเด็นลอยทั่ว เลือดออกเจ็ดทวาร

พวกเขาขวัญหนีดีฝ่อ ไม่มีใครไม่หน้าเปลี่ยนสี หนังหัวชาวาบ อานุภาพนี้สะท้านสะเทือนใจคนนัก

“ไม่!”

มีคนตะโกนลั่น พยายามหลบหนี

ทว่าไอขุ่นมัวถาโถมเข้ามา มือใหญ่ข้างหนึ่งกดข่มจักรวาล บดขยี้สรรพสิ่ง

คนผู้นี้คือคนที่เอ็ดตะโรเมื่อครู่ เวลานี้กลับถูกซัดระเบิดกลางอากาศโดยตรง!

แต่นี่เป็นเพียงการเริ่มต้น

เมื่อหลินสวินลงมือ เงาร่างสูงตระหง่านของเขาราวกับจักรพรรดิสวรรค์องค์หนึ่งออกเดินทาง เคลื่อนกวาดทั่วทิศ ทุกการเคลื่อนไหวล้วนปลดปล่อยพลานุภาพล้นฟ้าออกมา มีจักรวาลฟ้าดาราผลุบโผล่ มีหมื่นวิชาทั่วหล้าขานรับ

ตูม!

ในที่นั้นแสงเทพสาดกระเซ็น แผ่กระจายออกไป ศาสตราจักรพรรดิมากมาย วิชามรรคนานัปการถูกผู้ฝึกปราณพวกนั้นโคจรถึงขีดสุด สามารถดับสุริยันจันทราภูผาธาราได้อย่างง่ายดาย

แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหลินสวินทุกอย่างกลับเหมือนฟองสบู่ ระเบิดกระจุยดังสนั่น วิชามรรคอะไร ศาสตราจักรพรรดิอะไร ล้วนถูกกวาดล้างเหมือนพายุหอบเศษเมฆา พลังทำลายรุนแรงราวกับแดนไร้ผู้คน

แค่ชั่วพริบตาก็มีผู้ฝึกปราณอีกสิบกว่าคนถูกฆ่าตายคาที่ บ้างถูกพลังหมัดซัดกระจุย บ้างถูกลมฝ่ามือหวดสะบั้น บ้างถูกปราณกระบี่ฟาดฟัน บ้างถูกแสงมรรคล้นฟ้าแผดเผา…

รวดเร็วรุนแรงเผด็จการ อานุภาพไม่อาจต้าน!

ท่วงท่าสังหารราวกับไร้คู่ต่อกรนั้นทำให้ในลานโกลาหลเช่นกัน เสียงตื่นตระหนกนับไม่ถ้วนดังขึ้น ทุกคนล้วนอกสั่นขวัญแขวน

หลินสวินที่ไม่มียันต์อสนีเคราะห์กำราบก็เหมือนจอมจักรพรรดิแห่งยุค มีอานุภาพยิ่งใหญ่ราวกับกลืนกินทั่วหล้า กวาดล้างจักรวาล!

เคร้ง!

ทวนศึกที่เหมือนหล่อจากทองทมิฬส่งเสียงครวญสั่นเครือ พุ่งออกมาจากมือจงหลีเซียว แหวกผ่านอากาศ แทงใส่หลินสวินด้วยความเร็วน่าเหลือเชื่อ

เสียงเคร้งดังสนั่น ทวนศึกสีดำนี้ถูกนิ้วทั้งสองที่หลินสวินยื่นออกไปหนีบไว้ ยากจะขยับเขยื้อน

“ทุกท่าน คนผู้นี้ไร้คู่ต่อกรแล้ว รีบลงมือฆ่าเขาพร้อมกัน!” จงหลีเซียวสีหน้าแปรเปลี่ยนยกใหญ่ เต็มไปด้วยความตระหนกและขุ่นเคือง

เขาเป็นถึงมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิ การโจมตีเต็มกำลังกลับถูกสองนิ้วของหลินสวินขวางไว้ นี่ทำให้เขาแทบไม่กล้าเชื่อ

ฟุ่บ!

สิ่งที่ตอบกลับเขาคือหมัดอันไร้ซึ่งความเกรงใจของหลินสวิน เมื่อถูกโจมตีจงหลีเซียวกระอักเลือดคำโต กระเด็นลอยออกไป ผิวกายล้วนถูกซัดจนแตกระแหง รอยเลือดปรากฏ

“นี่เป็นไปไม่ได้!”

จงหลีเซียวตะโกนลั่น ไม่อาจยอมรับ

เป็นมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิเหมือนกัน หลินสวินที่เพิ่งทะลวงขั้นกลับมีพลังกำราบ ซัดคนที่บรรลุมกุฎบรรพจารย์มาไม่รู้กี่ปีอย่างเขาจนพินาศอย่างง่ายดาย นี่น่าเหลือเชื่อนัก

เวลานี้พวกฉีหลิงอวิ๋น ชือพั่วจวิน ลิ่นเฟิงก็เผยสีหน้าจริงจังพร้อมกัน ในใจสั่นเล็กน้อย หลินสวินในตอนนี้แข็งแกร่งถึงขั้นเป็นประวัติการณ์อย่างหนึ่งจริงๆ

ไม่อาจคาดเดา ลึกล้ำยากหยั่งถึง!

………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด