Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 2605 เปิดโปง

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 2605 เปิดโปง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2605 เปิดโปง

หมู่บ้านเงาเมฆา

หลังจากคุยกับท่านปู่อู่ชวนอยู่นานมาก เสี่ยวซีจึงเดินตาบวมออกมา พูดเสียงเบา “พี่เต้ายวน ข้าจะไปกับท่าน!”

ห่างออกไปอู่ชวนคลี่ยิ้มพูด “สหายน้อยสามารถพานางหนูคนนี้ไปฝึกปราณในน่านฟ้าที่สูงขึ้นได้ นี่เป็นบุญกุศลที่นางสั่งสมมา เพียงแต่หลังจากนี้ทำได้เพียงรบกวนสหายน้อยดูแลนางแล้ว”

หลินสวินตบไหล่เสี่ยวซีเป็นการปลอบใจก่อน จากนั้นจึงเอ่ยกับอู่ชวนพร้อมรอยยิ้ม “ผู้อาวุโสวางใจเถอะ”

“ท่านปู่ ตอนที่ข้าไม่อยู่ท่านจะต้องดูแลตัวเองให้ดี ต้องรอข้ากลับมานะ!” เสียงของเสี่ยวซีแฝงความสะอื้นเสี้ยวหนึ่ง อาลัยอาวรณ์มาก

“ฮ่าๆๆ เช่นนั้นข้าก็จะรอนะ” อู่ชวนเสียงหัวเราะผ่าเผย

วันนั้นหลินสวินพาเสี่ยวซี เนี่ยชิงหรง และเหลิ่งชิงเสวี่ยขึ้นไปบนเวิ้งฟ้าสูง!

และในวันเดียวกันนี้ ที่สำนักศึกษาสองลักษณ์

คนใหญ่คนโตของเผ่าจักรพรรดิอมตะสามตระกูลอย่างตระกูลหง จู้และเฮ่อมาเยือน ทั้งสำนักศึกษาสองลักษณ์ล้วนแตกตื่น

และก็เป็นตอนนี้เองที่ผู้คนพบว่า เจ้าสำนักเนี่ยชิงหรง และรองเจ้าสำนักเหลิ่งชิงเสวี่ยหายไปแล้ว

ภาพที่แปลกประหลาดนี้ก็ทำให้คนใหญ่คนโตของเผ่าจักรพรรดิอมตะทั้งสามตระกูลต่างอดขมวดคิ้วไม่ได้ สังเกตถึงความผิดปกติ

“ให้ข้าอนุมานสักหน่อย”

ในตำหนักสองลักษณ์ เฒ่าชราชุดดำที่เป็นหัวหน้าพูดเสียงขรึม

ทุกคนอดมองไปไม่ได้

จู้เฉียน!

ระดับอมตะขั้นอายุขัยเทียมฟ้าคนหนึ่ง ยิ่งกว่านั้นยังเป็น ‘นักทำนายเทพ’ ที่มีชื่อเสียงอย่างมากคนหนึ่งในน่านฟ้าที่หก

ว่ากันว่าคนผู้นี้มีรูปจำลองโชคชะตาอันเป็นเอกลักษณ์ สามารถใช้พลังพรสวรรค์ที่มีในสายเลือดแต่กำเนิด อนุมานความเร้นลับที่เหลือเชื่อออกมาได้มากมาย

ครั้งนี้ตระกูลจู้ส่งจู้เฉียนมา ก็เพราะคิดจะใช้พลังอนุมานอันเป็นเอกลักษณ์ของเขาสืบสาเหตุการหายตัวไปของจู้ฮุย

ถึงอย่างไรจู้ฮุยก็เป็นระดับอมตะคนหนึ่ง หายไปในน่านฟ้าที่หนึ่งอย่างน่าประหลาดเช่นนี้ ข่าวร้ายเช่นนี้ทำให้เกิดความแตกตื่นอย่างมากในตระกูลจู้

วู้ม!

พร้อมกับคลื่นแปลกประหลาดที่คลุมเครือระลอกหนึ่ง กระดองเต่าดำสนิทที่มีรอยไหม้ลอยมาอยู่เบื้องหน้าจู้เฉียน สีหน้าของเขาเคร่งขรึม มือทั้งสองทำมุทรา ในปากท่องไม่หยุด นั่นเป็นคำพูดประหลาดที่ซับซ้อนคลุมเครือท่อนหนึ่ง

บรรยากาศในตำหนักเงียบเชียบ ไม่นานก็เห็นกระดองเต่าสีดำสั่นแรงๆ แผ่แสงมรรคประหลาดที่เหมือนคลื่นระลอกหนึ่ง

ภายใต้สายตาตะลึงของทุกคน ภาพที่พร่าเบลอหลากหลายสะท้อนออกมา แม้ปะปนหาใดเปรียบ ผู้คนก็ยังมองออกว่าในภาพคือจู้ฮุย เขาได้แผนภาพที่เกี่ยวข้องกับพลังระเบียบมาภาพหนึ่ง แล้วจากไปอย่างผ่าเผย

จากนั้นภาพก็เปลี่ยนไป เงาร่างของจู้ฮุยปรากฏในส่วนลึกของเทือกเขาซึ่งไร้พืชพรรณแม้แต่ต้นเดียว

“เทือกเขาหลิวร่วง!”

มีคนตกใจ จำที่แห่งนั้นได้

นี่ทำให้ในใจเหล่าคนใหญ่คนโตที่มาจากเผ่าจักรพรรดิอมตะสามตระกูลต่างใจกระตุก จู้ฮุยคนนี้ไปเสาะหาพลังระเบียบดังคาด!

แต่ไม่นานในภาพนั้นก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง ปรากฏภาพที่จู้ฮุยร่วงอยู่ใน ‘เขตผนึกนิรันดร์โรย’ เพียงแต่ภาพพร่าเบลอบิดเบี้ยวอย่างมาก ถูกเลือดเข้มข้นแทรกซึม และในพริบตานั้นภาพนี้ก็หายไป

ทุกคนในตำหนักฮือฮา ล้วนตกใจกับภาพนี้

แม้ดูไม่ออกว่าจู้ฮุยตายอย่างไร ทว่าจากภาพที่นองเลือดพร่าเบลอ กลับทำให้ผู้คนมองออกว่าจู้ฮุยไม่ได้ตายภายใต้พลังระเบียบ แต่ตายในมือศัตรู!

ศัตรูคนนั้นเป็นใคร ถึงกับสามารถสังหารระดับอมตะได้

ทุกคนประหลาดใจไม่สามารถสงบได้

“ถูกคนทำร้ายดังคาด!”

จู้เฉียนเก็บกระดองเต่า สีหน้าอึมครึมน่ากลัวขึ้นมา

“สหายยุทธ์ สามารถตรวจสอบได้หรือไม่ว่าศัตรูคนนั้นเป็นใคร” มีคนอดถามไม่ได้

จู้เฉียนขมวดคิ้วพูด “ไม่ได้ ไม่ใช่เพราะพลังอนุมานของข้าไม่เพียงพอ แต่ศัตรูที่ฆ่าพี่จู้ฮุยของตระกูลเรา ชะตาชีวิตเป็นเอกลักษณ์เกินไป ไม่สามารถถูกมองทะลุและอนุมานได้ ”

ทุกคนอดตกใจไม่ได้

“คงไม่ใช่คนปริศนาที่ฆ่าโหยวเชียนเหิงและหย่งเฟยตู้หรอกนะ” มีคนขมวดคิ้ว

“ต้องเป็นคนผู้นี้อย่างไม่ต้องสงสัย!”

หลายคนต่างร้องรับ มีเพียงเช่นนี้จึงจะสมเหตุสมผล

“เท่าที่ข้าดู การหายตัวไปของเนี่ยชิงหรงและเหลิ่งชิงเสวี่ยต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับคนปริศนานั่นแน่ บางทีอาจจะเพราะพวกเขาสัมผัสได้ถึงความผิดปกติถึงจากไปก่อน”

มีคนใคร่ครวญ

“พวกเจ้าเจอเนี่ยชิงหรงครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่” แววตาของจู้เฉียนราวกับสายฟ้า มองบรรดาผู้ยิ่งใหญ่สำนักศึกษาสองลักษณ์ที่รอถูกสอบสวนอยู่ในตำหนัก

“รายงานผู้อาวุโส เมื่อครึ่งเดือนที่แล้ว ข้าจำได้แม่นมาก” คนผู้หนึ่งรีบตอบ

จู้เฉียนขมวดคิ้วทันที “ถ้าอย่างนั้นพวกเขาจากไปล่วงหน้าครึ่งเดือนแล้วหรือ”

นี่เป็นข่าวร้ายอย่างไม่ต้องสงสัย

“สหายยุทธ์ ช่วยอนุมานสาเหตุการตายของเฮ่อโหย่วฟางแห่งตระกูลเฮ่อของข้าสักหน่อยได้หรือไม่”

คนใหญ่คนโตตระกูลเฮ่อคนหนึ่งเดินเข้ามา ถามด้วยน้ำเสียงเคารพ

“นำโคมวิญญาณของเขามาด้วยหรือไม่” จู้เฉียนถาม

คนผู้นั้นหยิบโคมสำริดที่ดับไปแล้วดวงหนึ่งออกมายื่นให้จู้เฉียนทันที

จู้เฉียนพิจารณาคร่าวๆ แล้วพยักหน้า “ได้”

วู้ม!

ร่างของเขาเปล่งแสง ยื่นมือประทับกฎเกณฑ์ที่คลุมเครือหนึ่งเข้าไปในโคมสำริด จากนั้นในปากท่องคำพูด กระดองเต่าสีดำนั่นลอยออกมาอีกครั้ง เปล่งแสงวาววาม

ไม่นานก็มีภาพสะท้อนออกมา

ครั้งนี้กลับชัดเจนหาใดเปรียบ และในแต่ละภาพก็เห็นได้ชัดว่าเป็นในตำหนักสองลักษณ์แห่งนี้!

ในภาพเฮ่อโหย่วฟางเผ้าผมยุ่งเหยิง ร้องขอชีวิตอย่างหวาดกลัว ตรงหน้าเขามีเงาร่างที่สูงตระหง่านร่างหนึ่งยืนอยู่ เพียงแต่พร่าเบลอมาก แยกแยะอะไรไม่ออก

แต่ทุกคนยังมองเห็นว่ามีเนี่ยชิงหรงและเหลิ่งชิงเสวี่ยอยู่ในภาพด้วย!

ไม่นานปราณกระบี่สายหนึ่งพริบวาบออกมา เฮ่อโหย่วฟางถูกฟันสังหารคาที่ และภาพก็หายไปเพียงเท่านี้

บรรดาคนตระกูลเฮ่อสีหน้ากราดเกรี้ยวเขียวคล้ำยิ่ง ในที่สุดพวกเขาก็กล้ามั่นใจว่าเฮ่อโหย่วฟาง… ถูกคนฆ่าเช่นเดียวกัน!

“เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเนี่ยชิงหรงและเหลิ่งชิงเสวี่ยตามคาด!” มีคนกัดฟันพูดอย่างรุนแรง

“นี่ก็หมายความว่า หงอิ้งเหอของตระกูลหงของข้า… ก็ประสบเคราะห์ด้วยสินะ…” คนใหญ่คนโตตระกูลหงเหล่านั้นก็เผยความโกรธออกมาเช่นเดียวกัน

“ที่แท้การเข่นฆ่าครั้งนี้ก็เกิดขึ้นที่นี่ เช่นนี้ก็ง่ายแล้ว”

ตอนนี้เองจู้เฉียนกลับเผยรอยยิ้มเย็นชา โบกมือให้ทุกคนกระจายตัว ส่วนตนเองยืนนิ่งอยู่กลางตำหนัก มรรควิถีระดับอมตะถูกเขาโคจรถึงขีดสุดในชั่วขณะนี้ ทั้งร่างถูกกฎเกณฑ์อมตะอันเรืองโรจน์ท่วมท้น

“ผู้ล่วงลับหวนกลับมา!”

ครู่หนึ่งจู่ๆ เขาก็ส่งเสียงมรรค สิบนิ้วกวาดวาด

เบื้องหน้าสายตาทุกคนพร่ามัว จากนั้นภาพที่น่าเหลือเชื่อก็ปรากฏในตำหนักสองลักษณ์

หากหลินสวินอยู่ที่นี่ ย่อมมองออกว่าภาพเหล่านี้ก็คือภาพเหตุการณ์ยามเขาสังหารหงอิ้งเหอและเฮ่อโหย่วฟาง

และตอนนี้ ภาพเหตุการณ์เหล่านี้ปรากฏออกมาในตำหนักสองลักษณ์อีกครั้ง

ผู้คนที่เห็นภาพเหล่านี้สีหน้าต่างอึมครึมไม่สามารถสงบได้ ระบุรายละเอียดและความจริงได้มากมาย

เพียงแต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาทุกคนประหลาดใจคือ ในภาพเหล่านี้ เงาร่างสูงตระหง่านที่ฆ่าหงอิ้งเหอและเฮ่อโหย่วฟาง เห็นได้ชัดว่าพร่าเบลอมากโดยตลอด ราวกับถูกพลังลึกลับไม่อาจคาดเดาบางอย่างบดบัง ไม่สามารถเห็นรูปร่างของเขาได้อย่างชัดเจน

นี่ดูผิดปกติอย่างที่สุด!

“ข้าไม่เชื่อว่าโชคชะตาของเจ้าจะแข็งขนาดนี้”

จู่ๆ จู้เฉียนส่งเสียงคำราม สีหน้าน่ากลัว เส้นเลือดเขียวบนหน้าผากล้วนนูนออกมา พ่นเลือดพิสุทธิ์คำหนึ่งใส่กระดองเต่าที่ลอยอยู่กลางอากาศนั่น

วู้ม!

ทันใดนั้นภาพเหล่านั้นก็เปลี่ยนเป็นชัดเจนอย่างที่สุด และเงาร่างสูงตระหง่านซึ่งเดิมทีพร่าเบลอของหลินสวิน ก็ปรากฏรูปลักษณ์ที่แท้จริงขึ้นในชั่วพริบตา

ก็เป็นพริบตานี้เองที่กระดองเต่านั่นส่งเสียงดังปัง แตกออกกะทันหัน

จู้เฉียนส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวด เงาร่างโซเซล้มนั่งลงบนพื้น เลือดสดไหลจากตา หู จมูกและปากของเขาอย่างต่อเนื่อง

เขาเหมือนถูกพลังสะท้อนกลับอย่างน่ากลัว ร่างกายเกร็งกระตุก มรรควิถีทั้งหมดปรากฏสภาพถดถอยต่อเนื่อง

เวลาสั้นๆ ไม่กี่อึดใจเขาเหมือนแก่ขึ้นหลายปี ผมยาวแห้งเสียร่วงหล่น ร่างกายเหี่ยวเฉา เกิดรอยย่นแห่งความแก่ชรา พลังขับเคลื่อนอ่อนแอลงจนถึงขีดสุด!

ทั้งตำหนักต่างตะลึง เงียบกริบไร้เสียง

นี่เป็นถึงระดับอมตะคนหนึ่ง เป็นนักทำนายเทพที่มีชื่อเสียงอย่างยิ่ง แต่เพราะเขาอยากอนุมานและมองทะลุรูปลักษณ์ที่แท้จริงของคนผู้หนึ่ง ถึงกับได้รับพลังสะท้อนกลับที่น่ากลัวเช่นนี้ นี่ทำให้ทุกคนต่างตื่นกลัว ในใจหนาวเยือก

พวกที่ประสบการณ์โชกชวนบางส่วนถึงขั้นตัดสินได้ว่า มรรควิถีของระดับอมตะอย่างจู้เฉียน มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะถูกทำลายเพราะเรื่องนี้ ไม่มีความเป็นไปได้ที่จะฟื้นคืนมาอีก!

นี่น่ากลัวเกินไปแล้ว ทำให้ผู้คนต่างขนลุก

และตอนนี้จู้เฉียนเหมือนบ้าคลั่งไปแล้ว ส่งเสียงตะคอกด้วยความแค้นประหนึ่งบีบทำลายหัวใจ

“เป็นเขา! หลินสวินเศษเดนคีรีดวงกมลที่สมควรตายนั่น…!”

ชั่วพริบตาเมื่อครู่นี้ ทำให้ในที่สุดเขาก็มองรูปลักษณ์ที่แท้จริงของหลินสวินได้ แต่ก็เพราะภาพในชั่วพริบตานั้น ทำให้เขาสูญเสียมรรควิถีระดับอมตะทั้งชีวิตไป

ความหนักหน่วงของสิ่งที่ต้องแลก ทำให้เขารู้สึกสิ้นหวัง

เพียงแค่อนุมานโชคชะตาของคนรุ่นเยาว์ระดับบรรพจารย์จักรพรรดิคนหนึ่งเท่านั้น กลับชักนำพลังสะท้อนกลับที่น่ากลัวเช่นนี้ นี่เป็นสิ่งที่ก่อนหน้านี้เขาคิดไม่ถึงเด็ดขาด

หากรู้เช่นนี้แต่แรก ให้ตายเขาก็จะไม่ทำแบบนี้!

น่าเสียดาย พูดตอนนี้ก็สายไปแล้ว

“อะไรนะ เป็นเขา!?”

ในตำหนักฮือฮา ไม่เพียงบรรดาผู้ยิ่งใหญ่สำนักศึกษาสองลักษณ์ที่อึ้งจนอ้าปากค้าง แม้แต่เหล่าคนใหญ่คนโตที่มาจากเผ่าจักรพรรดิอมตะ สีหน้าก็ยังเปลี่ยนไปอย่างยิ่ง ทั้งอึ้งทั้งโกรธ

หลินสวิน!

โลกยอดนิรันดร์ในตอนนี้ ใครจะไม่รู้บ้างว่าชื่อนี้หมายถึงอะไร เป็นบุคคลเย้ยฟ้าที่ดุร้ายแข็งกร้าวเพียงใด การต่อสู้นองเลือดที่เกิดขึ้นนอกโบราณสถานทวยเทพเมื่อหลายปีก่อน ตอนนี้ยังคงกระจายในโลกยอดนิรันดร์ไม่ขาดสาย ใครจะกล้าลืม

เพียงแต่ไม่ว่าใครต่างคิดไม่ถึง ว่าหลังจากหายไปไม่รู้กี่ปี ผู้สืบทอดคีรีดวงกมลซึ่งมาจากทางเดินโบราณฟ้าดาราคนนี้ กลับปรากฏตัวในน่านฟ้าที่หนึ่ง!

“เขา… ถึงกับยังมีชีวิตอยู่จริงๆ…” มีคนพูดเสียงสั่น

อย่าว่าแต่คนใหญ่คนโตเผ่าจักรพรรดิอมตะที่มาจากน่านฟ้าที่หกอย่างพวกเขา แม้แต่เหล่าผู้ยิ่งใหญ่น่านฟ้าที่เจ็ดและแปด ก็ไม่กล้าดูถูกเจ้าหนุ่มที่ทำให้เกิดเรื่องนองเลือดนับไม่ถ้วนในแดนใหญ่พันศึกคนนี้

ในตำหนักจมสู่ความสะท้านไหวอยู่นาน

ในใจทุกคนต่างเกิดลางสังหรณ์ ว่าการปรากฏตัวอีกครั้งของหลินสวินหลังจากหายไปหลายปี จะต้องทำให้ทั้งโลกยอดนิรันดร์แตกตื่นอย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นสายตานับไม่ถ้วนจะต้องจ้องมองมายังน่านฟ้าที่หนึ่ง!

หากให้หลินสวินรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในตำหนักสองลักษณ์ตอนนี้ คงรู้สึกโชคดีมากที่ตอนนั้นตัดสินใจจากไปก่อน

ไม่เช่นนั้น ความวุ่นวายครั้งนี้ไม่เพียงจะทำให้เนี่ยชิงหรงและเหลิ่งชิงเสวี่ยเดือดร้อนไปด้วย ยิ่งจะเป็นภัยคุกคามครั้งใหญ่ต่อตัวเขาเองด้วย!

……………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด