Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 2702 ทำลายสภาวะจิต

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 2702 ทำลายสภาวะจิต at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2702 ทำลายสภาวะจิต

‘ในระดับนี้ เจ้านี่บรรลุถึงขั้นไร้ทัดเทียมทั้งในอดีตและปัจจุบันแล้วจริงๆ ด้วยคุณลักษณะของเขา หากอยู่ในหมู่ศิษย์แกนหลักเก้ายอดเขาใหญ่ก็ยังสามารถไต่ขึ้นสิบอันดับแรกได้อย่างมั่นคง’

เซียวเหวินหยวนทอดถอนใจ

มกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิที่อยู่สิบอันดับแรกในเก้ายอดเขาใหญ่ ล้วนบรรลุถึงขั้นปลายยอดในระดับนี้ โดดเด่นเหนือคนทั่วไป เป็นหนึ่งในใต้หล้า

แม้จะบอกว่าเป็นสิบอันดับแรก แต่อันที่จริงความแตกต่างระหว่างพวกเขาไม่ได้อยู่ที่มรรควิถี แต่เป็นพลังต่อสู้ของแต่ละคน

ถึงอย่างไรปัจจัยที่กระทบต่อพลังต่อสู้ก็มีมากเกินไป

อย่างเช่นมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิอย่างลี่จงหย่วนที่บรรลุถึงขั้นสัมบูรณ์ในระดับนี้ ก็ไม่ได้ทิ้งห่างจากหลินสวินมากนัก

แต่กฎเกณฑ์มหามรรค สภาวะจิต พลังเจตจำนง ความสามารถในการต่อสู้และประสบการณ์การต่อสู้ที่เขามี ต่างจากหลินสวินอย่างเห็นได้ชัด

“หาได้ยากยิ่งจริงๆ”

ฟางเต้าผิงก็เอ่ยปากประเมินอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

นี่ทำให้หัวคิ้วของตงหวงชิงขมวดน้อยๆ อย่างไม่เป็นที่สังเกต แต่กลับไม่อาจโต้แย้ง

ด้วยสายตาระดับเขามีหรือจะมองไม่ออก ว่าในการต่อสู้ตอนนี้แม้ลี่จงหย่วนจะกร้าวแกร่งอหังการ แต่กลับไม่อาจโจมตีหลินสวินได้อย่างแท้จริงมาโดยตลอด

การที่สามารถทำได้ถึงขั้นนี้ ก็ไม่อาจประเมินความแข็งแกร่งของหลินสวินต่ำไปได้แล้ว

แม้ว่าในใจตงหวงชิงจะผลักไสและมองหลินสวินเป็นศัตรู แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธจุดนี้ได้

ในที่นั้นเดือดพล่าน มีเสียงอุทานดังขึ้นเป็นระยะ

ทุกคนล้วนสะเทือนไหวไปกับการต่อสู้ที่เรียกได้ว่าเลิศล้ำนี้ กระทั่งระดับอมตะเหล่านั้นยังถูกการต่อสู้นี้ดึงดูดความสนใจ

กล่าวอย่างไม่เกินจริง ทอดสายตามองทั่วทั้งโลกยอดนิรันดร์ ในกาลเวลานับแต่อดีตจนถึงบัดนี้ การต่อสู้นี้ล้วนเรียกได้ว่าสะเทือนอดีตและปัจจุบัน หายากในโลกหล้า!

คราวนี้คนมากมายถึงตระหนักได้อย่างลึกซึ้งว่าต่อให้เป็นระดับมกุฎบรรพจารย์เหมือนกัน แต่ความแตกต่างระหว่างพลังต่อสู้กลับไม่ได้ง่ายเหมือนอย่างที่คิดไว้โดยสิ้นเชิง

คนที่ถูกคัดออกในการทดสอบรอบแรกเหล่านั้น ล้วนเรียกได้ว่าเป็นคนโดดเด่นเฉิดฉายในระดับนี้

แต่เมื่อเทียบกับหลินสวินและลี่จงหย่วน ความแตกต่างก็ชัดเจนเกินไปแล้ว

เวลานี้เหล่าคนโดดเด่นอย่างพวกตงหวงเซ่าเหวิน มู่จุนอู๋ จงหลีเฟยอวิ๋นที่อยู่ไกลออกไปยังถูกการต่อสู้นี้ดึงดูดความสนใจทั้งหมด กลั้นหายใจเพ่งสมาธิ ไม่แม้แต่กะพริบตา

สีหน้าพวกเขาไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก แต่ภายในใจกลับไม่อาจสงบ

ความแข็งแกร่งของหลินสวินทำให้พวกเขาก็รู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาลเช่นกัน

การที่ต่อสู้กับลี่จงหย่วนมาถึงขั้นนี้ได้ ก็สามารถพิสูจน์ทุกอย่างได้แล้ว

นอกลาน

หว่างคิ้วของสัตว์ประหลาดเฒ่าอย่างพวกตงหวงฉยง ฉีทิงจื่อ จงหลีชง มู่ชางเจี่ยล้วนปรากฏแววอึมครึม

หลินสวินไม่ได้ถูกคัดออกในรอบแรกก็เหนือความคาดหมายพวกเขา ทำให้พวกเขายอมรับได้ยากมากพอแล้ว

และเวลานี้ในการทดสอบรอบที่สอง เมื่อเผชิญหน้ากับบุคคลปลายยอดอย่างลี่จงหย่วน หลินสวินยังคงสามารถต้านทานได้ถึงตอนนี้ก็ทำให้พวกเขาแปลกใจเช่นกัน ถึงขั้นสะท้านสะเทือน

พวกเขาล้วนไม่อาจจินตนาการได้ ว่าหากครั้งนี้หลินสวินมีโอกาสกลายเป็นผู้สืบทอดหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิดจริงๆ ด้วยคุณสมบัติของเขา ยามเหยียบย่างมรรคาอมตะจะเปลี่ยนเป็นน่ากลัวอีกเพียงใด

“ใกล้ถึงเวลาครึ่งเค่อแล้ว หากเจ้ามีฝีมือแค่นี้ ข้าก็ไม่มีแก่ใจอยากเล่นเป็นเพื่อนเจ้าต่ออีก”

ทันใดนั้นหลินสวินที่ต่อสู้ในลานมรรคเอ่ยปาก เผยแววผิดหวังเสี้ยวหนึ่ง

นี่ไม่ใช่การเยาะหยัน แต่อานุภาพกลับรุนแรงยิ่งกว่าการเยาะหยันเสียอีก ทำให้ทุกคนที่อยู่นอกลานแทบไม่กล้าเชื่อหู มึนตื้อโดยสิ้นเชิง

ลี่จงหย่วนแข็งแกร่งขนาดนี้แล้ว แต่กลับทำให้เจ้ารู้สึกผิดหวังหรือ

เฒ่าดึกดำบรรพ์เหล่านั้นล้วนขมวดคิ้ว ตกใจปนสนเท่ห์

เมื่อหันมองลี่จงหย่วนอีกครา บนใบหน้าเย็นชาปรากฏแววอึมครึม ส่วนลึกของนัยน์ตามีเพลิงคุกรุ่นลุกโชนรำไร ราวกับถูกยั่วโทสะ

เขาสูดหายใจลึก กล่าวด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “แล้วเจ้าจะเสียใจที่พูดประโยคนี้!”

ทุกคำเย็นเยียบ ข่มขวัญคนดุจใบมีด

ตูม!

ครู่ต่อมาก็เห็นแขนเสื้อเขาสะบัดพรึ่บ ผมยาวปลิวสยาย ไอเลือดที่ราวกับสัญญาณควันสายหนึ่งพุ่งออกจากศีรษะเขา

สิ่งที่มาพร้อมกับไอเลือดเข้มข้นซึ่งและหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ คือทั้งตัวเขาราวกับเตาเผาวิปโยคที่ลุกโชนเดือดพล่าน

กลิ่นอายน่าสะพรึงไม่อาจบรรยายปลดปล่อยออกมาจากตัวลี่จงหย่วน ลานมรรคใหญ่แห่งนั้นล้วนส่งเสียงอึงอล ถูกถูกอานุภาพของเขากดข่มจนสั่นสะเทือนโคลงเคลง

หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เกรงว่าต้องออกโจมตีเพื่อขัดขวางและยับยั้งลี่จงหย่วนในทันที เพราะใครต่างรู้ว่าการโจมตีถัดจากนี้ต้องน่าสะพรึงสุดขีดเป็นแน่

แต่หลินสวินไม่ได้ทำเช่นนี้ แค่มองดูเงียบๆ ทั้งอย่างนั้น

มองดูไอเลือดที่เข้มข้นดุจน้ำเดือดบนตัวลี่จงหย่วนควบรวมเป็นโล่สีเลือดลึกลับโล่หนึ่ง

โล่สีเลือดรัดพันด้วยกฎเกณฑ์ระดับบรรพจารย์แน่นขนัด หลอมสารกาย พลังชีวิต จิตวิญญาณและพลังเจตจำนงทั้งตัวของลี่จงหย่วนเอาไว้ในนั้น ทำให้โล่นี้ราวกับมีระลอกคลื่นพลังชีวิต บังเกิดเสียงวู้มๆ แปลกประหลาด

ตูม!

เมื่อโล่สีเลือดก่อรูปอย่างสมบูรณ์ กลิ่นอายที่ปลดปล่อยออกมาทำเอาระดับอมตะบางส่วนที่อยู่นอกลานล้วนรู้สึกพรั่นใจไประลอกหนึ่ง

นี่คือพลังพรสวรรค์ของลี่จงหย่วน มีกลิ่นอายเข่นฆ่าเย้ยฟ้าประหนึ่งต้องห้าม สามารถคุกคามระดับอมตะได้!

ส่วนพวกตงหวงเซ่าเหวิน ฉีชิงซือ มู่จุนอู๋ เวลานี้ยังอดเผยแววเคร่งขรึมออกมาไม่ได้ ในใจกดดัน รีบครุ่นคิดอย่างรวดเร็วว่าหากเปลี่ยนเป็นตน ต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีที่อันตรายสุดขั้วเช่นนี้อย่างไร

และเวลานี้หลินสวินยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ยังคงไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ

มีเพียงกฎเกณฑ์ระดับบรรพจารย์อันคลุมเครือดุจแรกกำเนิดเป็นสายๆ ปรากฏขึ้น ตัดสลับกลายเป็นเหวใหญ่ลึกและมืดมิด ลอยผลุบๆ รอบตัวเขา

ไม่มีใครรู้ว่าตั้งแต่ต่อสู้จนบัดนี้ มีเพียงการโจมตีในเวลานี้ของลี่จงหย่วนเท่านั้นที่ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงภัยคุกคามในที่สุด

กลิ่นอายคุกคามที่ห่างหายไปนานเช่นนี้ ไม่เพียงไม่ได้ทำให้หลินสวินกริ่งเกรง ตรงข้ามกลับรู้สึกฮึกเหิมอย่างบอกไม่ถูก

“ไป!”

เสียงตะโกนลั่นของลี่จงหย่วนดังขึ้นจากไกลๆ ผมยาวของเขาพลิ้วไหว อานุภาพดุจเทพ โล่สีเลือดตรงหน้าเคลื่อนขวางกลางห้วงอากาศ พุ่งเข้าใส่หลินสวินอย่างรุนแรง

ตูมโครม!

สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่าทุกที่ที่โล่สีเลือดนั่นกวาดผ่าน ห้วงอากาศล้วนถูกกัดกินราวกระดาษเปื่อย ไม่อาจสกัดขวางได้แม้แต่น้อย

และที่นอกลาน เพียงแค่มองไกลๆ ทุกคนยังรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก ราวกับจิตวิญญาณจะถูกฉีกทึ้งกลืนกิน

นี่ก็คือพลังพรสวรรค์ของลี่จงหย่วน…

โล่มหามรรคกัดกิน!

การโจมตีนี้ ยามนี้ก็สะท้านสะเทือนไปทั่วลานเช่นกัน

และในเวลาเดียวกันนั้นหลินสวินก็ลงมือแล้ว เหยียบย่างกลางอากาศ พุ่งเข้าปะทะ ปล่อยหมัดเรียบง่ายซัดใส่โล่สีเลือดนั่น

ตูม!

ดุจดั่งฟ้าร้องสะเทือนเก้าสวรรค์ และเหมือนสั่นคลอนกำแพงที่เชื่อมระหว่างโลกสวรรค์ ในใจแต่ละคนล้วนเต้นรุนแรง

ก็เห็นว่า…

พลังหมัดของหลินสวินและโล่สีเลือดปะทะกัน บังเกิดพลังฉีกทึ้งกัดกินอันน่าสะพรึงหอบม้วนแผ่สยายออกไปโดยพลัน

หลินสวินที่ปล่อยหมัด เงาร่างเกรียงไกรดุจเทพ!

จากนั้นทุกคนก็พบว่าโล่สีเลือดไม่ได้ถูกทำลาย ตรงข้ามกลับเป็นเงาร่างของหลินสวินที่ส่ายไหวน้อยๆ แขนเสื้อทั้งสองข้างฉีกขาดเป็นเสี่ยงๆ กลายเป็นเศษซากลอยหายไป

นี่เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าไร้แรงต้านทานหรือไม่

สัตว์ประหลาดเฒ่าที่มองหลินสวินเป็นศัตรูเหล่านั้นล้วนอดตื่นเต้นไม่ได้

ก่อนหน้านี้หลินสวินเปรียบดั่งหินแกร่งที่ไม่อาจสั่นคลอน แต่ตอนนี้ยามเผชิญหน้ากับโล่สีเลือดนั่น กลับเริ่มส่อสัญญาณถูกสั่นคลอนขึ้นมารางๆ แล้ว

นี่จะไม่ให้พวกเขาตื่นเต้นได้อย่างไร

หากเป็นไปได้ พวกเขาล้วนอยากให้หลินสวินถูกโล่มหามรรคกัดกินฆ่าตายทันทีใจจะขาด!

เพียงแต่ครู่ต่อมาพวกเขาก็สีหน้าแข็งค้าง ความตื่นเต้นภายในใจถูกความผิดคาด สะเทือนไหว ไม่อยากเชื่อเข้ามาแทนที่

ก็เห็นหลินสวินปล่อยหมัดอีกครั้ง โจมตีอย่างรุนแรง

ตึง!

ตึง!

ตึง!

ทุกครั้งที่ปล่อยหมัดออกไป ราวกับกระหน่ำโจมตีกำแพงมหามรรค เสียงอื้ออึงดุจอสนีนั่นก้องสะท้อนเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน

พลังหมัดไร้ทัดเทียมนั่นดุจดั่งเขาถล่มคลื่นโหมซัด หมายจะทำลายฟ้าดิน ทะลวงสรรพสิ่ง ทลายพันธนาการและโซ่ตรวนทั้งหมด โจมตีองอาจไม่ถอยกลับ!

หลินสวินในยามนี้อาละวาดดุเดือด แต่ละหมัดที่ซัดออกไปเหมือนกระแทกกลางใจผู้คน ทำให้พวกเขาหน้าเปลี่ยนสี หวาดผวา สั่นสะท้าน!

แม้แต่พวกฟางเต้าผิง เซียวเหวินหยวน หลีเจินยังนัยน์ตาหดรัดน้อยๆ คล้ายมองทะลุอะไรบางอย่าง สีหน้าเผยแววเข้าใจขึ้นมารำไร

ตูม!

เมื่อหลินสวินโจมตีหมัดที่เก้าออกไป

โล่มหามรรคกัดกินที่ถูกมองเป็นพลังพรสวรรค์แข็งแกร่งที่สุดของลี่จงหย่วน สุดท้ายก็แบกรับการโจมตีที่น่าสะพรึงเช่นนี้ไม่ไหว แตกระเบิดกระจุยทันที

แสงเลือดท่วมฟ้าลอยกระเซ็น ส่องสว่างลานมรรคใหญ่โบราณแห่งนั้นให้กลายเป็นสีแดงงดงาม แดงจนบาดตา แดงจนทำให้คนใจสะท้าน

นอกลาน ผู้คนจิตหลุดขวัญกระเจิง สะท้านสะเทือนอึ้งค้างอยู่ตรงนั้น

เก้าหมัดซัดโล่มหามรรคกัดกินจนระเบิด!

และหลินสวินถึงกับไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ

ภาพเช่นนี้น่าตกใจชวนตะลึงเกินไปแล้ว

“เป็นไปได้อย่างไร”

เฒ่าดึกดำบรรพ์บางส่วนก็ร้องเสียงหลงเช่นกัน นัยน์ตาเบิกกว้าง

พวกเขาไม่อาจจินตนาการ ว่าพลังของโล่สีเลือดที่สามารถคุกคามระดับอมตะได้เช่นนี้ จะถูกคนซัดทำลายตรงๆ ได้อย่างไร

โดยเฉพาะเฒ่าดึกดำบรรพ์จากตระกูลลี่ยิ่งกำหมัดแน่น สีหน้าวูบไหวประหนึ่งถูกกระตุ้นรุนแรง

เวลานี้พวกตงหวงเซ่าเหวิน มู่จุนอู๋ ฉีชิงซือล้วนเงียบงัน ภายในใจดุจธารพลิกสมุทรคว่ำ

ก่อนหน้านี้พวกเขาก็เคยเปรียบเทียบ และเคยคิดว่าหากเปลี่ยนเป็นตนควรรับมือการโจมตีนี้อย่างไร พวกเขาล้วนคิดเหมือนกันโดยไม่ได้นัดหมาย ว่าการหลบประกายคมของอีกฝ่ายจึงจะเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาดที่สุด

หาไม่ ต่อให้สู้สุดกำลังก็มีแนวโน้มสูงว่าอาจบาดเจ็บสาหัส ถึงขั้นไม่สามารถต้านทานได้

แต่ใครจะคาดคิด

หลินสวินกลับใช้เก้าหมัดที่เรียบง่ายไม่ซับซ้อน ซัดการโจมตีนี้ราวกับบดขยี้อย่างง่ายดาย!

นี่จะให้พวกเขาสงบใจได้อย่างไร

ในลานมรรค การโจมตีที่ลี่จงหย่วนได้รับสาหัสยิ่งกว่า โล่สีเลือดควบรวมสารกาย พลังชีวิตและจิตวิญญาณในตัว รวมถึงมรรควิถีและจิตต่อสู้ทั้งหมดของเขาเอาไว้

หลังถูกหลินสวินซัดทลาย ทำให้เขาก็ถูกพลังสะท้อนกลับเช่นกัน กระอักเลือดออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ สีหน้าเริ่มซีดขาวจนแทบโปร่งแสง

ไม่ว่าใครต่างมองออกว่าลี่จงหย่วนบาดเจ็บสาหัสแล้ว!

แต่เมื่อเทียบกันแล้ว การโจมตีที่สภาวะจิตของเขาได้รับยิ่งร้ายแรงกว่า

รสชาติเช่นนั้น ก็เหมือนมรรคที่แข็งแกร่งที่สุดซึ่งเขาแสวงหามาทั้งชีวิต ถูกคนใช้วิธีกำแหงป่าเถื่อนที่สุดมาทุบทำลาย ความรู้สึกท้อแท้แพ้พ่ายที่ไม่อาจบรรยายกลบท่วมสภาวะจิตของเขาราวกระแสน้ำเชี่ยว

“แพ้แล้ว… เป็นเพราะมหามรรคของข้ายังไม่แข็งแกร่งพอหรือ…”

ลี่จงหย่วนพึมพำ สายตาหม่นแสง สีหน้าวูบไหว

หลีเจินที่เป็นผู้ดำเนินการทดสอบหน้าเปลี่ยนสีน้อยๆ นี่เป็นสัญญาณว่าจิตมรรคไม่มั่นคง สั่นคลอนใกล้พังถล่ม เขาส่งเสียงออกมาในทันทีโดยไม่ลังเลใดๆ

“โอม!”

ลี่จงหย่วนแข็งทื่อไปทั้งตัว ดวงตากลับมากระจ่างชัดอีกครั้งในทันที เพียงแต่สีหน้ายังคงซีดขาว เสื้อผ้าข้างหลังชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ

กายจิตล่องลอย!

หลีเจินขมวดคิ้ว เขามองออกแล้ว แม้ว่าจะรักษาจิตมรรคของลี่จงหย่วนไว้ได้ แต่แรงโจมตีที่หลินสวินสร้างให้แก่เขาครั้งนี้ร้ายแรงเกินไป ฝากเงาทะมึนที่ไม่อาจลบล้างไว้ในสภาวะจิตของเขาแล้ว หากไม่กำจัด ชั่วชีวิตนี้เกรงว่าล้วนไม่อาจแจ้งมรรคอมตะได้…

ภาพนี้ก็ถูกพวกฟางเต้าผิง เซียวเหวินหยวนเห็นอยู่ในสายตาเช่นกัน ในใจอดทอดถอนใจไม่ได้

พวกเขารู้สึกได้รางๆ ว่าหลินสวินจงใจทำเช่นนี้ หลังจากจงใจให้อีกฝ่ายสำแดงการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาแล้ว ก็ทำลายเขาในคราวเดียว

เมื่อพลังที่แข็งแกร่งที่สุดถูกบดขยี้อย่างไร้ปรานี แรงโจมตีระดับนี้ สำหรับผู้ฝึกปราณคนหนึ่งแล้วรุนแรงยิ่งกว่าการทรมานและดูหมิ่นด้วยวาจาใดๆ ทั้งยังเผด็จการและทารุณยิ่งเช่นกัน

หากเป็นเช่นนี้ สภาวะจิตต้องเกิดรอยแตกร้าว!

เมื่อเทียบกันแล้ว หลินสวินที่อยู่ไกลๆ สันโดษเหนือโลกีย์ ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ เฉยเมยดังเดิม สร้างข้อเปรียบเทียบที่แตกต่างกันสุดขั้ว

ตัดสินสูงต่ำชัดเจน!

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด