Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 2723 จิตชั่วร้าย

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 2723 จิตชั่วร้าย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แดนบาป

โลกอลหม่านที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดและสิ่งชั่วร้ายแห่งหนึ่ง

ในโลกแห่งนี้มีวิญญาณอาฆาต วิญญาณร้าย มารโลหิตกระจายอยู่นับไม่ถ้วน

จากบันทึกในม้วนหยกภารกิจ ช่วงแรกสุดยามแดนบาปยังอยู่ในสภาพแรกเริ่มที่เต็มไปด้วยความขุ่นมัว ภายในนั้นมีสายแร่แกนเทพอมตะสายหนึ่งก่อเกิดขึ้น

สายแร่เส้นนี้ชักนำให้ผู้ยิ่งใหญ่ระดับอมตะมากมายแย่งชิงและห้ำหั่นกันอย่างบ้าคลั่ง กระทั่งทำให้แดนแรกกำเนิดนี้สาดพรมด้วยเลือดแดงสด ฝังกลบด้วยไอโหดเหี้ยมและชั่วร้ายมากมาย

เมื่อแดนบาปวิวัฒน์จากสภาพขุ่นมัวเป็นโลกแห่งหนึ่ง กลางฟ้าดินจึงเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดและไอชั่วร้าย ไม่มีต้นหญ้าเจริญเติบโต สรรพสิ่งเสื่อมถอย พบเห็นร่างวิญญาณอย่างจิตอาฆาต วิญญาณร้าย มารโลหิตได้ทั่วไป สุดท้ายเมื่อผ่านการเปลี่ยนแปลงของกาลเวลาไร้สิ้นสุดก็กลายเป็นแดนบาปในปัจจุบัน

ฟุ่บ!

เงาร่างหลินสวินปรากฏขึ้นกลางอากาศ เมื่อกวาดตามองก็เห็นว่าฟ้าดินเป็นสีชาด แดงก่ำดั่งโลหิต ทุกหนแห่งคือภูผาธาราสีเลือด แม้แต่บนเวิ้งฟ้านั่นก็มีดวงดาวแดงก่ำน่ากลัวมากมายลอยอยู่

วิ้วๆๆ…

ไอชั่วร้ายระลอกหนึ่งพัดผ่าน ราวกับสภาพอากาศแปรปรวนบ้าคลั่ง วิญญาณอาฆาตหน้าเหี้ยม แยกเขี้ยวร่ายกรงเล็บนับร้อยพันเบียดเสียดแน่นขนัด พุ่งโจมตีมาทางหลินสวินราวกับอสนีบาตสีเลือด

ภาพนั้นเหมือนผีร้ายกลุ่มหนึ่งที่พุ่งออกมาจากนรก

หลินสวินยื่นมือสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง

วิญญาณอาฆาตสีเลือดนับร้อยพันส่งเสียงร้องโหยหวนด้วยความหวาดผวา จากนั้นก็ร่างระเบิดทันที กลายเป็นหมอกโลหิตหลากสายแล้วหายไป

หลินสวินสองมือไพล่หลัง เคลื่อนที่ไปข้างหน้า

แดนบาปอันตรายมาก จากบันทึกในม้วนหยกภารกิจ ต่อให้มกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิมา หากไม่มีไพ่ตายรักษาชีวิตก็เป็นไปได้สูงว่าจะสิ้นชีพที่นี่

ตอนนั้นยามที่เหล่าบุคคลสำคัญของลัทธิแรกกำเนิดพบโลกนี้ เดิมต้องการทำลายโลกนี้ไปในคราเดียว แต่สุดท้ายกลับเปลี่ยนใจ

สาเหตุคือ แม้ว่าโลกนี้จะอันตราย แต่กลับเป็นสถานที่ฝึกตามธรรมชาติ เหมาะแก่การให้ผู้สืบทอดลัทธิแรกกำเนิดมาเคี่ยวกรำมหามรรคอย่างยิ่ง

โดยเฉพาะเจ้าแห่งวิญญาณร้ายที่ครองพลังขั้นอายุขัยเทียมฟ้า หัวใจของมันถูกเรียกว่า ‘จิตชั่วร้าย’ ดูเหมือนเป็นของอันตราย แต่กลับนำมาเคี่ยวกรำสภาวะจิตได้!

ยามฝึกปราณขอแค่นำ ‘จิตชั่วร้าย’ มาแขวนไว้ตรงหน้า สภาวะจิตของผู้ฝึกปราณก็จะถูกโจมตีและจู่โจมอย่างน่ากลัวหาใดเปรียบ ก่อให้เกิดจิตมารนานัปการ

ผู้ฝึกปราณสามารถใช้เจตจำนงแห่งตนต้านทานมันได้ จิตมารที่ถูกกำจัดยิ่งมาก สภาวะจิตก็จะถูกหลอมชำระจนมั่นคงและแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ

สักวันหนึ่งเมื่อไม่ถูกพลังของจิตชั่วร้ายรบกวนอีก ก็หมายความว่ามีสภาวะจิตที่สามารถไปแจ้งมรรคอมตะแล้ว!

แน่นอนว่าหากคนทั่วไปนำจิตชั่วร้ายไปฝึกก็ไม่ต่างอะไรกับรนหาที่ตาย ทำให้สภาวะจิตเกิดธาตุไฟเข้าแทรก กายสิ้นมรรคสลายได้โดยง่าย

สำหรับเรื่องนี้หลินสวินสนใจไม่น้อย

การเคี่ยวกรำที่เพ่งเล็งสภาวะจิต ลี้ลับเกินคาดเดา ลึกซึ้งยากหยั่งถึงที่สุด

ยามก้าวเดินในแดนบาป ความเร็วของหลินสวินไม่ถึงขั้นว่องไว แต่ก็ไม่ได้ช้า เมื่อย่างก้าวก็ห่างไปพันหมื่นจั้ง

ระหว่างทางก็พบว่าฟ้าดินแถบนี้คือรังของสิ่งชั่วร้ายชัดๆ มีวิญญาณอาฆาต มารโลหิต วิญญาณร้ายทุกหนแห่ง…

สิ่งมีชีวิตชั่วร้ายพวกนี้กลิ่นอายดุดัน ไม่อาจพูดได้ว่ามีสติปัญญาอะไร

พวกมันห้ำหั่นและกลืนกินกัน ใช้สิ่งนี้มาทำให้ตนแข็งแกร่ง จากนั้นจึงเกิดการแปรสภาพด้านพลัง เหี้ยมโหดเป็นอย่างยิ่ง

หลินสวินไม่สนใจล่าสิ่งชั่วร้ายพวกนี้

‘หืม?’

ไม่ทันไรจิตรับรู้ของหลินสวินสังเกตเห็นเจตจำนงเยียบเย็นสายหนึ่งกะทันหัน

เขาหยุดเดินทันที ทอดสายตามองไปยังแม่น้ำสีเลือดสายหนึ่ง

‘แย่แล้ว! คนของลัทธิแรกกำเนิดมาอีกแล้ว…!’

ก้นแม่น้ำสีเลือด เจตจำนงเยียบเย็นสายนั้นเกิดคลื่นสะเทือนรุนแรง คล้ายถูกทำให้ตกใจ

ตูม!

ครู่ต่อมาหลินสวินใช้มือใหญ่เข้าตะปบ แม่น้ำสีเลือดที่ยาวหลายพันจั้งนั้นถูกคว้าขึ้นมาเหมือนมังกรสีเลือดตัวหนึ่ง

ส่วนก้นแม่น้ำแห้งขอดนั้นกลับมีเงาร่างสีเลือดสายหนึ่งปรากฏ ทั้งตัวอบอวลด้วยหมอกโลหิต แปลงร่างเป็นคน ท่าทางราวกับเด็กหนุ่ม

เขากำลังจะหนีแต่แรก ทว่าถูกหลินสวินยื่นมือคว้าจับกลางอากาศ หิ้วร่างมาอยู่ตรงหน้า

“เจ้าแห่งวิญญาณร้ายอยู่ที่ไหน”

หลินสวินถาม มารโลหิตที่กลายร่างเหมือนเด็กหนุ่มตัวนี้มีกลิ่นคาวเลือดแผ่กระจายไปทั้งตัว ความสามารถเทียบได้กับระดับจักรพรรดิ มีสติปัญญานิดหน่อยแล้ว

“แดนสมบัติเจ็ดสิบสองอสูรดาว” มารโลหิตหนุ่มกล่าวเสียงสั่นเครือ ทำหน้าตื่นตระหนก

“เจ้ามานำทาง เมื่อถึงแล้วข้าจะให้เจ้าจากไปแบบเป็นๆ” หลินสวินกล่าว

มารโลหิตหนุ่มไม่กล้าขัด นำทางไปโดยดี

ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม

กลางอากาศมีเมืองใหญ่แห่งหนึ่งปรากฏ เหนือเมืองใหญ่มีดวงดาวแดงก่ำเจ็ดสิบสองดวงลอยอยู่ ดาวดวงใหญ่แต่ละดวงล้วนเจือไอชั่วร้ายไร้สิ้นสุด เหมือนดูดซับจิตวิญญาณของเทพมารนับหมื่นแสนไป

ดาวใหญ่เจ็ดสิบสองดวงนี้ก่อตัวเป็นกระบวนค่ายกลที่แปลกประหลาดลึกลับ โคจรกลางเวิ้งฟ้า สาดแสงเปี่ยมกลิ่นอายคาวเลือดเข้มข้นหลากสาย และถูกเมืองใหญ่นั้นดูดซับไปอย่างต่อเนื่อง

หลินสวินนัยน์ตาหดรัดเล็กน้อย สัมผัสได้ถึงอันตรายจากเมืองใหญ่นั้น

“นั่นก็คือแดนสมบัติเจ็ดสิบสองอสูรดาว ใต้เท้าเจ้าแห่งวิญญาณร้ายครองอาณาเขตในนั้นมานานปี ดูดกลืนกลิ่นคาวเลือดแห่งฟ้าดิน ใช้ชีวิตอย่างอิสระสุขที่สุด”

นัยน์ตามารโลหิตหนุ่มเผยแววอิจฉาเร่าร้อน

“เจ้าไปได้แล้ว”

หลินสวินกล่าวง่ายๆ

มารโลหิตหนุ่มหันหลังจากไป ไม่กล้าหยุดพักแม้เพียงครู่

ส่วนหลินสวินก็ก้าวเดินไปทางเมืองใหญ่นั่น

จิตรับรู้ของเขาแผ่ขยายออก เพียงพริบตาก็สัมผัสได้ว่ากลางเมืองใหญ่นั้นมีแท่นบูชาสีดำแห่งหนึ่ง บนแท่นบูชามีเงาร่างกำยำดุจเทพมารหนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ ต่อให้นั่งขัดสมาธิ เงาร่างนั้นก็ยังสูงถึงพันจั้ง ทั้งตัวมีกฎเกณฑ์อมตะแดงก่ำส่องประกายเป็นสายๆ ทอดยาว

ในความรางเลือนถึงกับพาให้คนรู้สึกว่าเคร่งขรึมมีสง่า!

เจ้าแห่งวิญญาณร้าย!

ส่วนลึกของนัยน์ตาหลินสวินฉายแววเยียบเย็น

เกือบจะเวลาเดียวกัน เงาร่างกำยำที่นั่งขัดสมาธินั้นพลันลืมตาขึ้น นัยน์ตาแดงก่ำราวกับดวงตะวันสีเลือดแฝงความเฉยชาอำมหิต

“ผู้สืบทอดลัทธิแรกกำเนิดหรือ ในช่วงเก้าพันสามร้อยปีตั้งแต่เจ้าแห่งวิญญาณร้ายตนก่อนสิ้นชีพไปถึงตอนนี้ เคยมีผู้สืบทอดของลัทธิแรกกำเนิดมาที่นี่สิบเก้ากลุ่ม อย่างมากสามคน อย่างน้อยก็มาด้วยกันสองคน เป้าหมายคือหัวใจของข้า แต่พวกเขาล้วนล้มเหลว ส่วนข้ากลับอยู่ดีมีสุขจนถึงปัจจุบัน”

เจ้าแห่งวิญญาณร้ายเอ่ยปาก เสียงก้องสะเทือนฟ้าดิน ราวกับเทพมารคำรามลั่น สะท้านสะเทือนใจคน

ตูม!

กระแสน้ำหลากสีเลือดนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากเมืองใหญ่นั้นกะทันหัน ปกคลุมฟ้าดิน ม้วนพัดไปทางหลินสวินราวแม่น้ำใหญ่

ในกระแสน้ำหลากสีเลือดโหมกระหน่ำปรากฏร่างมหึมาดั่งมารร้ายมากมาย แยกเขี้ยวกางกรงเล็บ เสียงคำรามสะท้านฟ้า กดกำราบมาทางหลินสวิน

ฟ้าดินพลันสั่นสะเทือน เงาร่างที่ล้อมเข้ามานั้นเหมือนแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ สลายหายไปจนเกลี้ยง แม้แต่กระแสน้ำหลากสีเลือดนับไม่ถ้วนนั้นยังถูกซัดแตก ระเบิดออกกลางอากาศ

หลินสวินสาวเท้าก้าวเข้าไป แสงมรรคบนตัวสาดกระจาย ไอชั่วร้ายสีเลือดนับไม่ถ้วนล้วนถูกกำจัดจนสูญสิ้น กร้าวแกร่งเป็นอย่างยิ่ง

“ฮึ!”

บนแท่นบูชาสีดำกลางเมืองใหญ่ เจ้าแห่งวิญญาณร้ายแค่นเสียงเย็นชา

ทันใดนั้นมือกระดูกขาวมหึมาข้างหนึ่งปรากฏกลางอากาศ ขนาดประมาณหนึ่งหมู่ ทุกข้อนิ้วล้วนห้อมล้อมด้วยกฎเกณฑ์อมตะเจิดจรัสบาดตา กดข่มจนห้วงอากาศระเบิดออก น่าหวาดกลัวยิ่งยวด

หลินสวินพลันสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ห้วงอากาศทั่วทิศยุบทลายทันใด กลายเป็นเหวลึกยากหยั่งถึงม้วนกลืนขึ้นมา

ตูม!

เหวลึกกับมือกระดูกขาวยักษ์ปะทะกัน ละอองแสงมหามรรคสาดกระจายรุนแรง ทำให้ฟ้าดินใกล้เคียงมีสัญญาณว่าจะยุบทลาย

สุดท้ายมือกระดูกขาวยักษ์นั้นถูกกำจัดอย่างแข็งกร้าว!

“สามารถต้านทานกฎเกณฑ์อมตะได้ เจ้าคือผู้สืบทอดแกนหลักสิบอันดับแรกของเก้ายอดเขาแห่งลัทธิแรกกำเนิดหรือ?!” เสียงของเจ้าแห่งวิญญาณร้ายดังขึ้น แฝงความประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด

หลินสวินเลิกคิ้ว เจ้านี่ดูเหมือนรู้สถานการณ์ของลัทธิแรกกำเนิดมากนัก

แต่เขาไม่สนใจ พุ่งไปทางเมืองใหญ่

ตูม!

ตอนนี้หลินสวินดุจจอมมรรคไร้เทียมทาน เจ้าสวรรค์ผู้สูงส่งท่องโลก ทุกก้าวย่างเหนือศีรษะจะมีปราณกระบี่ไร้ใดเปรียบทะยานฟ้า เล็งไปทางดาราแดงก่ำดวงหนึ่ง ฉีกทำลายดาวยักษ์นั้นโดยตรง

ดาราเจ็ดสิบสองดวงที่วิวัฒน์เป็นกระบวนค่ายกลนั้นถูกฟันแหลกละเอียดในพริบตา

ภาพนั้นราวกระบี่ฟันกลุ่มดาว!

“รนหาที่ตาย!”

เงาร่างของเจ้าแห่งวิญญาณร้ายปรากฏ สูงหลายพันจั้ง บดบังฟ้าคลุมตะวัน มรรคอมตะทั้งตัวโหมกระหน่ำราวน้ำตก อานุภาพชวนประหวั่นทะลวงฟ้าจรดดิน

เขาตบฝ่ามือใส่หลินสวิน

นั่นคือพลังขั้นอายุขัยเทียมฟ้า แข็งแกร่งถึงขั้นทำให้ระดับจักรพรรดิคนใดก็ตามสิ้นหวัง!

แต่น่าเสียดาย คนที่เขาเจอครั้งนี้คือหลินสวิน ผู้เคยสังหารระดับอมตะมากมายในช่วงหลายปีนี้!

ตูม!

เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งพุ่งออกมาปะทะกับอีกฝ่าย

ภายใต้การโจมตีเดียว เงาร่างหลินสวินถอยหลังไปหลายสิบจั้ง แต่กลับสลายพลังของฝ่ามือนี้ได้ทั้งหมด ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด

ภาพนี้ทำให้เจ้าแห่งวิญญาณร้ายอดตะลึงไม่ได้ หลายปีนี้แม้เขาจะเจอผู้สืบทอดแห่งลัทธิแรกกำเนิดไม่น้อย แต่ในการปะทะซึ่งหน้าแล้ว เกือบทั้งหมดล้วนใช้ไพ่ตายบางส่วนจึงต้านทานตนได้

เช่นสมบัติลับหรือพลังที่เหนือระดับจักรพรรดิเป็นต้น

แต่ตอนนี้เขาเพิ่งเคยเจอคนที่อาศัยเพียงพลังต่อสู้ของตนก็ต้านทานเขาได้เป็นครั้งแรก

“ไป!

นัยน์ตาของเจ้าแห่งวิญญาณร้ายปะทุไอสังหาร เบื้องหน้าพลันปรากฏกระดูกนิ้วขาวกระจ่างดุจหิมะ ยาวเจ็ดชุ่น คล้ายกระดูกของวิญญาณเทพ แผ่คลื่นอมตะที่สะเทือนใจคนออกมา

ทันทีที่ปรากฏก็พุ่งเข้าใส่หลินสวิน

ภายใต้ดรรชนีนั้นราวกับฟ้าดินถูกบดขยี้ สรรพสิ่งดับทลาย!

หลินสวินไม่คิดสู้กับอีกฝ่ายจนถึงที่สุด พริบตานี้เขาใช้อภินิหารหยุดเวลาทันที เงาร่างเขามาอยู่ตรงหน้าเจ้าแห่งวิญญาณร้ายในพริบตา

ฉัวะ!

กระบี่มรรคเล่มหนึ่งในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งพลันฟันออกมา ผ่าอกเจ้าแห่งวิญญาณร้ายจนเลือดไหลพุ่งราวน้ำตก

“ไม่…”

เมื่อเจ้าแห่งวิญญาณร้ายได้สติกลับมา หัวใจเขาก็ถูกชิงไปแล้ว เขาอดคำรามอย่างเจ็บปวดไม่ได้ เสียงสะท้อนก้องท้องนภา

เขาจู่โจมไปทางหลินสวินเหมือนคลุ้มคลั่ง

แต่หลินสวินมีหรือจะให้โอกาสเขา พริบตาแรกที่ชิงหัวใจมาได้ก็เคลื่อนตัวเต็มกำลัง หนีไปยังจุดที่ห่างออกไป

ตูม!

เจ้าแห่งวิญญาณร้ายแผดเสียงคำรามพลางรุกไล่ แต่เพียงครู่เดียวกลิ่นอายบนตัวเขาก็ฟุ้งกระจายไปด้วยความเร็วชวนตะลึง ถึงตอนท้ายก็ร่วงลงกับพื้นอย่างหนักหน่วง ร่างหลายพันจั้งแตกระแหงไปทุกส่วน กลายเป็นหมอกโลหิตโหมกระหน่ำแล้วหายไปกลางฟ้าดิน

หัวใจเขาคือแกนมรรควิถีทั้งตัว ตอนนี้ถูกหลินสวินชิงไป ย่อมไม่มีทางอยู่รอดบนโลกนี้ได้อีกแล้ว

ในจุดที่ไกลออกไป เมื่อหลินสวินหยุดเท้าแล้วหันมาเห็นภาพนี้ สีหน้าเขาราบเรียบไร้คลื่นลม

เทียบกับระดับอมตะขั้นอายุขัยเทียมฟ้าที่แท้จริงแล้ว ความสามารถในการต่อสู้ของเจ้าแห่งวิญญาณร้ายนี้หยาบกระด้างและไม่เอาไหนมาก ภัยคุกคามยิ่งเทียบกับผู้แข็งแกร่งขั้นอายุขัยเทียมฟ้าไม่ติด

สำหรับหลินสวินแล้ว การฆ่าสิ่งชั่วร้ายเช่นนี้ไม่มีความรู้สึกว่าประสบความสำเร็จใดๆ ด้วยซ้ำ

หลินสวินถอนสายตากลับ มองไปยังเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง

หัวใจแดงก่ำดวงหนึ่งถูกกำราบอยู่ในนั้น ในหัวใจนี้ราวกับมีแดนมารแห่งหนึ่ง มีลักษณ์ประหลาดอย่างเหล่ามารเริงระบำ ภูเขาศพทะเลเลือดปรากฏ ในความรางเลือนยิ่งมีเสียงร่ำไห้ของผีสางดังออกมา น่าขนลุกเป็นอย่างยิ่ง

นี่ก็คือจิตชั่วร้าย!

………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด