Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 2741 แท่นเคราะห์

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 2741 แท่นเคราะห์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เคราะห์มาเยือน

เพียงแค่ไม่กี่คำเบาๆ

จากนั้นภายใต้สายตาจับจ้องสะท้านสะเทือนของทุกคน ส่วนลึกของเมฆาเคราะห์มานั่นพลันเกิดอสนีบาตขึ้นกะทันหัน

ตูม!

เสียงสายฟ้านั่นดุจดั่งเสียงกึกก้องยามเบิกแรกกำเนิด สะเทือนในหูของทุกคนในที่นี้ ทำเอาหัวใจพวกเขาสั่นไหวรุนแรง ไม่มีใครไม่หน้าเปลี่ยนสี

หลังจากนั้นแสงแปลบปลาบเจิดจ้าเหมือนใยแมงมุมนับไม่ถ้วนตัดสลับอยู่ในส่วนลึกของเมฆาเคราะห์ แปลงเป็นทวนพิพากษาสีดำเล่มหนึ่ง

ทุกคนล้วนรู้สึกเจ็บแปลบ สภาวะจิตล้วนถูกสะท้านสะเทือน

อสนีเคราะห์นั่นเหมือนกับทวนพิพากษาจริงๆ เป็นบทลงทัณฑ์ที่มาจากเบื้องบน เป็นตัวแทนของเจตจำนงมหามรรคสูงสุดอย่างหนึ่ง น่าสะพรึงเหนือจินตนาการของทุกคน

เหล่าคนใหญ่คนโตพวกนั้นต่างสูดหายใจสะท้านอย่างอดไม่ได้

ในอดีตยามพวกเขาข้ามด่านเคราะห์ ก็ไม่เคยพบเจอลักษณ์ประหลาดอสนีเคราะห์เช่นนี้มาก่อน!

ตูม!

ในส่วนลึกของเมฆาเคราะห์ จู่ๆ ทวนพิพากษาก็หายไป

ครู่ต่อมาก็เห็นร่างสูงโปร่งที่ยืนนิ่งใต้เวิ้งฟ้าของหลินสวินถูกทวนสีดำแทงทะลุ แตกระเบิด ฝนเลือดสาดเซ็น

ภาพนองเลือดที่เกิดขึ้นปุบปับนี้ทำเอาคนมากมายในที่นั้นตกใจจนร้องออกมา

“หา!”

“นี่…”

“ตายแล้วหรือ”

เคราะห์สวรรค์เพิ่งเริ่ม การโจมตีแรกก็โจมตีหลินสวินกลางอากาศ ร่างกายแหลกลาญ นี่เหนือความคาดหมายและเกินกว่าความคิดของทุกคนอย่างสิ้นเชิง

พวกคนใหญ่คนโตเหล่านั้นยังถือว่าสงบนิ่ง แต่ยามเห็นภาพนองเลือดนี้ในใจก็ยังสั่นไหว อานุภาพของทวนพิพากษานี่ออกจะกร้าวแกร่งเกินไปแล้ว!

กลางห้วงอากาศ หลังจากร่างหลินสวินแหลกละเอียด ก็ถูกอสนีเคราะห์น่าสะพรึงกระหน่ำโจมตีอีก ประหนึ่งทำลายล้างสิ้นซากอย่างไรอย่างนั้น

“ตายไปเช่นนี้แล้วจริงๆ หรือ”

พวกฉีหลิงเจิ้นดวงตาวาบประกาย ภายในใจผุดความสะท้านไหวและปิติยินดีอย่างอธิบายไม่ถูก

คนอื่นๆ ในที่นี้ก็ทั้งตกใจและสงสัยเช่นกัน

ส่วนพวกจินเทียนเสวียนเยวี่ย เวลานี้ในใจล้วนรัดเกร็ง ใบหน้าซีดขาว แทบไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง

เสวียนจิ่วอิ้นเพิ่งตั้งท่าจะพูดอะไรก็ถูกเสวียนเฟยหลิงห้ามไว้ “รูปแตกซ่านเท่านั้น รอดูต่อไป”

เสวียนจิ่วอิ้นฝืนข่มความกังขาและพรั่นพรึงในใจเอาไว้ จับจ้องโดยละเอียด

ดังคาด ไม่ทันไรก็พบว่าใต้เมฆาเคราะห์นั่นเหมือนเกิดชีวิตขึ้นกลางความว่างเปล่า มุกเลือดเม็ดแล้วเม็ดเล่าปรากฏ จากนั้นรวมตัวเข้าด้วยกัน ผสานกันไม่หยุด แทบจะในพริบตาเดียวก็ก่อร่างของหลินสวินขึ้นมาใหม่ ยังคงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น สีหน้าราบเรียบดังเดิม

เห็นภาพนี้ ทั่วลานแทบจะแตกระเบิด

นี่เป็นสถานการณ์อะไรเนี่ย!?

หลุดกรอบความเข้าใจของคนส่วนใหญ่อย่างสิ้นเชิง เสมือนหลินสวินตายแล้วเกิดใหม่ นิพพานระหว่างความเป็นตายก็ไม่ปาน น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว

ส่วนพวกฉีหลิงเจิ้นที่ภายในใจยังยากจะปิดบังความยินดีก่อนหน้านี้ ต่างอึ้งงันอย่างอดไม่ได้ สีหน้าเหมือนเห็นผีตัวเป็นๆ

ปีนั้นพวกเขาก็เคยแจ้งมรรคอมตะ แต่ยังไม่เคยผ่านเรื่องชวนพิศวงเช่นนี้มาก่อน

“สรรสร้างจากความว่างเปล่า!”

นัยน์ตาตู๋กูยงวาบประกาย สีหน้าเต็มไปด้วยแววตะลึงพรึงเพริด

“เป็นขอบเขตนี้จริงๆ ข้าคิดไม่ถึงจริงๆว่าระดับมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิอย่างเขา ถึงกับหยั่งถึงและสัมผัสขอบเขตพลังเช่นนี้ได้ด้วย…”

ฟางเต้าผิงพึมพำ

“ท่านเทียด อะไรคือสรรสร้างจากความว่างเปล่าหรือ” เสวียนจิ่วอิ้นอดเอ่ยถามไม่ได้

“เป็นขอบเขตที่รวมการรังสรรค์และดับทำลายอย่างหนึ่ง อยู่ระหว่างมีและไม่มี เป็นตายวนเวียน ขอบเขตนี้เกี่ยวข้องกับจิตมรรค มีเพียงหยั่งถึงขอบเขตนี้เท่านั้น ในอนาคตจึงจะสามารถแปรสภาพตามความหมายอย่างแท้จริงได้ในขั้นหลุดพ้น”

เสวียนเฟยหลิงดกล่าวต่อ “เจ้าสามารถมองว่านี่คือพลังสภาวะจิตอย่างหนึ่งก็ได้ ผู้ที่จิตมีเอกภพ จะสามารถควบคุมฟ้าดิน หากจิตหลุดพ้น กลับก็จะได้มหาอมตะ อิสระแท้จริง…”

น้ำเสียงเจือความทอดถอนใจและสั่นไหว

สรรสร้างจากความว่างเปล่า นี่คือพลังลับแห่งสภาวะจิตที่ระดับอมตะขั้นหลุดพ้นต่างวิงวอนขวนขวาย มีเพียงทองทะลุขอบเขตนี้เท่านั้น จึงจะสามารถหลุดพ้นได้อย่างแท้จริง

เสวียนเฟยหลิงก็เป็นระดับอมตะขั้นหลุดพ้นเช่นกัน มีหรือจะไม่เข้าใจนัยเร้นลับนี้

แต่เขากลับคิดไม่ถึงขอบเขตพลังเช่นนี้ จะถึงกับปรากฏขึ้นบนตัวระดับมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิอย่างหลินสวิน นี่เห็นชัดว่าน่าเหลือเชื่ออย่างไม่ต้องสงสัย

“เหตุใดข้าฟังเข้าใจแล้ว แต่กลับมองความลับภายในนั้นไม่ออกสักนิด”

เสวียนจิ่วอิ้นกังขา

“หากเจ้าสามารถหยั่งถึงได้ ป่านนี้คงมานั่งถกมรรคกับเทียดอย่างข้านานแล้ว”

เสวียนเฟยหลิงกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์

“กล่าวเช่นนี้ หลินสวินทำได้แล้วหรือ”

เสวียนจิ่วอิ้นพูดอย่างตกใจ

“เขายังไม่ได้ครอบครองพลังของสรรสร้างจากความว่างเปล่าอย่างแท้จริง แต่หยั่งรู้ถึงนัยเร้นลับบางส่วนในขอบเขตนี้แล้ว ช่าง… ยอดเยี่ยมจริงๆ!”

เสวียนเฟยหลิงทอดถอนใจ

เขาไม่รู้ว่าตั้งแต่ตอนที่ทะลวงด่านที่เก้าของทางเดินเมฆาหยกในดินแดนรกร้างโบราณ หลินสวินก็มองทะลุขอบเขตนี้ได้แล้ว ทำเอาซียังตกใจ เสียอาการอย่างหาได้ยาก

ต่อมาหลังจากชายหนุ่มจักจั่นทองได้รู้เรื่องนี้ ก็อุทานตกใจไม่หยุดเช่นกัน!

และในเวลานี้ คนใหญ่คนโตอย่างพวกฝูเหวินหลี ฉีเซียวอวิ๋นต่างเผยสีหน้าตกใจแกมสงสัยออกมา สรรสร้างจากความว่างเปล่าหรือ

พวกเขาเป็นเหมือนพวกเสวียนเฟยหลิง ถูกสิ่งนี้ซัดโจมตีจนไม่อาจสงบนิ่งได้

เพราะว่าขอบเขตนี้ เป็นขอบเขตที่สามารถหยั่งรู้ได้ในระดับอมตะขั้นที่สามอย่างขั้นหลุดพ้น!

แต่ตอนนี้กลับปรากฏอยู่บนตัวหลินสวิน นี่จะไม่ให้คนตกใจคงยาก

เพียงแต่สำหรับผู้สืบทอดส่วนใหญ่ในที่นี้ล้วนมึนงง เพราะพวกเขาไม่เข้าใจความหมายของสรรสร้างจากความว่างเปล่าสักนิด

นี่ปกติยิ่ง

ทว่าเมื่ออยู่บนตัวหลินสวิน กลับผิดปกติยิ่งยวด

และนี่ก็เป็นเหตุผลที่คนใหญ่คนโตพวกนั้นสะท้านสะเทือน

ตูม!

ใต้เวิ้งฟ้าทวนพิพากษาปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง มองข้ามพันธนาการแห่งห้วงอากาศ โจมตีใส่หลินสวินอีกครั้งในชั่วพริบตา กลิ่นอายพิบัติเคราะห์สยดสยอง

เพียงแต่ครั้งนี้หลินสวินเตรียมตัวไว้พร้อมแล้ว ซัดหมัดจู่โจม

ปึง!

ทั้สองปะทะกัน ชั่วอึดใจร่างของหลินสวินก็ถูกแทงทะลุแตกระเบิดอีกครั้ง ภาพเลือดชุ่มโชกทำเอาคนมองจนใจเต้นเนื้อกระตุกไประลอกหนึ่ง

แต่มีประสบการณ์ครั้งแรกแล้ว ทุกคนต่างไม่ได้เสียอาการเหมือนก่อนหน้านี้อีก

ดังคาด ไม่ทันไรเงาร่างของหลินสวินก็ควบรวมขึ้นใหม่อีกครั้ง เข้าปะทะกับทวนพิพากษา ร่างดุจเหวใหญ่ปลดปล่อยถึงขีดสุด อานุภาพที่แข็งแกร้าวนั่นทำให้มกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิทั้งหมดในที่นี้ล้วนอึ้งค้างไประลอกหนึ่ง

พวกเขาเคยเห็นว่าหลินสวินโจมตีลี่จงหย่วนพ่ายแพ้อย่างไร และโจมตีเสิ่นไจ้เต้าพ่ายแพ้อย่างไร เดิมคิดว่านั่นเป็นพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของหลินสวินแล้ว

แต่ตอนนี้เมื่อได้เห็นอานุภาพที่หลินสวินปลดปล่อยออกมายามข้ามด่านเคราะห์ พวกเขาถึงเพิ่งเข้าใจตอนนี้ ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาไม่รู้สักนิดว่าหลินสวินแข็งแกร่งขนาดไหน!

อานุภาพระดับนี้ทำให้พวกเขาล้วนมีความรู้สึกสิ้นหวังที่ถูกทิ้งห่างไม่เห็นฝุ่นอย่างหนึ่ง…

แม้แต่คนใหญ่คนโตระดับอมตะจำนวนหนึ่งก็ยังตกใจ เพราะนี่เป็นครั้งแรกเช่นกันที่พวกเขาได้เห็นหลินสวินปลดปล่อยมรรควิถีแห่งตนโดยไม่เก็บงำ!

นี่ทำให้คนใหญ่คนโตของขุมอำนาจศัตรูอย่างพวกฝูเหวินหลียังอดรู้สึกเย็นวาบขึ้นมาไม่ได้ คราวนี้จึงตระหนักได้อย่างลึกซึ้ง ว่าเหตุใดหลินสวินจึงถูกมองว่าเป็นคนที่เจ้าแห่งคีรีดวงกมลเฝ้ารอมาหมื่นกาล

รากฐานพลังระดับนั้นน่าสะพรึงเกินไปจริงๆ!

มีอานุภาพเหนือระดับเดียวกันอย่างสิ้นเชิงชัดๆ!

และที่ทำให้พวกเขาค่อยๆ วางใจก็คือ มหาเคราะห์ครั้งนี้น่าสะพรึงหาใดปรียบ น่ากลัวเหนือจินตนาการ เมื่อครู่เพิ่งจะเริ่มต้นหลินสวินก็ถูกทวนพิพากษาแทงทะลุไม่หยุด หากเป็นเช่นนี้ต่อไปมีหรือจะมีโอกาสข้ามด่านเคราะห์สำเร็จ

คิดอยากก้าวสู่มรรคาอมตะยิ่งเพ้อฝันเข้าไปใหญ่!

ขณะที่กำลังคิดเช่นนี้

ปึง!

ใต้เวิ้งฟ้าเงาร่างหลินสวินถูกโจมตีแหลกอีกครั้ง เลือดสดสาดกระเซ็น

นี่เขาถูกโจมตีร่างสลายเป็นครั้งที่สี่แล้ว!

ภาพที่ดุจดั่งความตายครั้งแล้วครั้งเล่านั่น ทำเอาหัวใจคนมากมายต่างเริ่มแขวนลอย กังวลอย่างบอกไม่ถูก

แต่ที่เหนือความคาดหมายของผู้คนคือ ทุกครั้งหลังจากหลินสวินถูกโจมตีร่างทลาย กลิ่นอายบนตัวก็แข็งแกร่งขึ้นส่วนหนึ่ง ดุจดั่งนิพพานและแปรสภาพท่ามกลางการแตกดับและเกิดใหม่

และในครั้งที่เก้าที่ถูกซัดโจมตี หลินสวินก็ครอบครองอานุภาพที่สามารถต่อกรกับทวนพิพากษาได้แล้ว!

ทั้งหมดนี้ทำเอาผู้คนมองจนปากอ้าตาค้าง

นี่เสมือนหลินสวินไม่ตายไม่แตกดับอย่างไรอย่างนั้น ทุกครั้งหลังจากดับทลายก็แข็งแกร่งขึ้นหนึ่งส่วน สั่นคลอนความคิดของผู้คนอย่างสิ้นเชิง

จนกระทั่งครั้งที่สิบสาม

ตูม!

หลินสวินในครั้งนี้ซัดโจมตีทวนพิพากษาทั้งอย่างนั้น ละอองแสงอสนีสีดำระฟ้าสาดพรม ขับเน้นจนเงาร่างสูงโปร่งของเขาดุจดั่งเทพมาร!

“ดี!”

เสวียนจิ่วอิ้นตื่นเต้นจนตะโกนเสียงดัง กลับถูกเสวียนเฟยหลิงตบท้ายทอยไปหนึ่งฉาด “อย่าส่งเสียง!”

ถึงจะเจ็บจนสูดปาก แต่เสวียนจิ่วอิ้นกลับยิ้มหน้าบาน

เวลานี้คนที่ตื่นเต้นเหมือนกับเขาก็มีอยู่ไม่น้อย

แน่นอน สำหรับขุมอำนาจศัตรูพวกนั้นนี่ย่อมทำให้พวกเขาผิดหวัง แต่ละคนสีหน้าอึมครึม คล้ายกับกินแมลงวันตายไม่มีผิด

ตูม โครม!

บนเวิ้งฟ้า เมฆาเคราะห์เป็นชั้นๆ เสียงสายฟ้าดังก้องเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน ในส่วนลึกของเมฆาเคราะห์นั่น กลิ่นอายพิบัติเคราะห์ที่ประหนึ่งทำลายล้างไหลทะลัก ปลดปล่อยลำแสงอสนีที่เจิดจ้าบาดตาออกมา

หลินสวินที่ยืนนิ่งใต้เคราะห์สวรรค์สีหน้าราบเรียบดังเดิม มีเพียงกลิ่นดายที่แข็งกร้าวขึ้นกว่าที่ผ่านมา แข็งแกร่งขึ้นหนึ่งช่วงใหญ่!

นี่คือการเปลี่ยนแปลงอย่างหนึ่งที่ได้รับจากการข้ามด่านเคราะห์!

และเวลานี้ ในที่สุดเขาก็เข้าใจนัยยะของ ‘ระเบียบนิพพาน’ แล้ว

หากปราศจากพลังแห่งนิพพาน ยามเมื่อเผชิญหน้ากับเคราะห์สังหารน่าสะพรึงเช่นนี้ อย่าว่าแต่เขา ต่อให้เปลี่ยนเป็นระดับอมตะ เกรงว่ายังไร้เรี่ยวแรงต่อต้านด้วยซ้ำ!

เพราะว่าเคราะห์นี้ เรียกได้ว่าไม่เคยปรากฏในประวัติศาสตร์ อดีตปัจจุบันไม่เคยมี พลังพิบัติเคราะห์นั่น ไม่ใช่ระดับมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิจะสามารถต่อต้านสักนิด

“ยอดหนทางสู่อมตะ แดนปรินิพพาน…”

หลินสวินพึมพำในใจ ความรู้ความเข้าใจที่เขามีต่อมรรคคาถาบทนี้ที่ท่านอาจารย์เจ้าแห่งคีรีดวงกมลเหลือทิ้งไว้ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ

ตูม!

ทันใดนั้น บริเวณส่วนลึกของเมฆาเคราะห์เกิดเสียงสายฟ้าสะเทือนเลื่อนลั่นจิตวิญญาณดังก้องขึ้น ดุจดั่งเทพอสนีลั่นตีกลองสงคราม สั่นสะเทือนจนฟ้าดินไหวโคลง หมื่นชีวิตร้องโอดครวญ

ทุกคนในที่นี้ไม่มีใครไม่ใจสั่นสะท้าน ทั่วร่างแข็งทื่อ

ผู้สืบทอดมากมายต่างอดถอยร่นทิ้งระยะห่างไกลโพ้นขึ้นไปอีกโดยสัญชาตญาณไม่ได้

แม้แต่พวกคนใหญ่คนโตเหล่านั้น ก็ยังขนลุกทั่วร่าง กลิ่นอายของพิบัติเคราะห์นี้ สยดสยองยิ่งกว่าพิบัติเคราะห์จำนวนหนึ่งที่พวกเขาพานพบในระดับอมตะชัดๆ!

พวกเขาล้วนไม่สามารถจินตนาการได้ว่านี่จะเป็นเคราะห์มรรคอมตะที่เล่นงานระดับมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิคนหนึ่ง!

“แท่นมรรคแท่นหนึ่ง?”

“นี่เป็นเคราะห์อะไรกัน”

“สวรรค์!!”

เสียงอุทานระลอกหนึ่งดังขึ้นในลาน คนมากมายอดไม่ได้ เพราะอสนีเคราะห์ที่ปรากฏขึ้นในเวลานี้ แปลกพิศวงและน่าสะพรึงเกินไปจริงๆ

สายฟ้าสีม่วงนับไม่ถ้วนเกี่ยวรัด หล่อหลอมขึ้นเป็นแท่นมรรคเก่าแก่เรียบง่ายแท่นหนึ่ง บนแท่นมรรคถึงกับประทับด้วยลายมรรคคลุมเครือที่ชัดเจนจนสามารถมองเห็นได้ชัด ให้กลิ่นอายแน่นหนา เก่าแก่สามัญ และดั้งเดิมแก่ผู้คน

แวบแรกที่แต่ละคนมองเห็นล้วนเกิดความรู้สึกหายใจติดขัด สภาวะจิตดุจดั่งถูกข่มระงับแน่นหนา เพราะกลิ่นอายของแท่นมรรคสายฟ้าสีม่วงนั่น มีอานุภาพต้องห้ามอยู่รำไร!

ตูม!

ภายใต้สายตาจับจ้องด้วยความตกใจนับไม่ถ้วน แท่นมรรคสีม่วงร่วงหล่นลงมา เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น ก็บดทับ ผลาญทำลายเงาร่างของหลินสวินแหลกละเอียด

หนำซ้ำแท่นมรรคนี้ส่งเสียงดังอึกทึก เสมือนว่าหมายจะกวาดกำจัดสภาวะวิญญาณเฉพาะตนของหลินสวินให้สิ้นซาก!

ภาพที่เผด็จการไร้ปรานีนี้ ทำให้พวกฟางเต้าผิง เสวียนเฟยหลิงล้วนหนังตากระตุก จากองค์ความรู้ของพวกเขา ล้วนไม่เคยเห็นมาก่อน และไม่เคยได้ยินว่าบนโลกใบนี้เหตุใดถึงยังมีอสนีเคราะห์ที่แปลกพิศวงและต้องห้ามขนาดนี้อยู่ด้วย

นี่ล้มล้างความรู้ความเข้าใจของพวกเขาอย่างสิ้นเชิง!

และคนที่มองหลินสวินเป็นศัตรูอย่างพวกฝูเหวินหลี เวลานี้ก็อดเกิดอารมณ์ตั้งหน้าตั้งตาคอยไม่ได้ ครั้งนี้ เขาหลินสวินยังจะเกิดใหม่ในความตายได้อีกหรือไม่

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด