Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 2767 ทุบแหลก

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 2767 ทุบแหลก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2767 ทุบแหลก

จิงฉิงเจี่ยก็อึ้งไปเช่นกัน

ในสถานที่เช่นนี้ ภายใต้สายตาจับจ้องของเหล่าคนใหญ่คนโตนับไม่ถ้วน หลินสวินซึ่งมีปราณระดับอมตะดันยื่นข้อเรียกร้องเหลวไหลเช่นนี้ออกมาได้

นี่ทำให้ในใจจิงฉิงเจี่ยผุดความโกรธกรุ่นขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่

“นึกเสียใจแล้วหรือ”

หลินสวินชูสารหนังสือหยกไหมในมือขึ้น เอ่ยปากเรียบๆ

จิงฉิงเจี่ยแค่นเสียงเย็น ออกจากแท่นพิธีมาหยุดอยู่ข้างหลินสวิน ประทับรอยนิ้วมือบนสารหนังสือหยกไหมนั่น จากนั้นก็มองตรงไปที่หลินสวินแล้วกล่าวเย็นเยียบว่า “ข้าเตือนเจ้าอย่าแพ้ให้สิงจวิ้นเป็นดีที่สุด!”

หลินสวินระบายยิ้มน้อยๆ ชี้ไปด้านข้าง “ใจกล้าไม่เลว เช่นนั้นก็ยืนอยู่ตรงนี้ ต่อแถวให้เรียบร้อยก่อน”

พรูด!

ครู่เดียวคนไม่รู้เท่าไรหัวเราะพรืดออกมา

สีหน้าจิงฉิงเจี่ยล้วนอึมครึมแล้ว ทว่ายังคงฝืนข่มตัวเองเอาไว้

“ยังมีใครอีกไหม”

หลินสวินกวาดสายตามองบนแท่นพิธี “ขืนยึกๆ ยักๆ อย่าหาว่าข้าคนแซ่หลินไม่ให้โอกาสพวกเจ้าท้าสู้แล้วกัน!”

เสียงก้องทั่วลาน

เวลานี้แม้แต่บรรดาคนใหญ่คนโตในที่นี้ก็ยังเลิกคิ้วไม่หยุด เจ้าหมอนี่บ้าได้ใจจริงๆ

“ข้าด้วย”

“นับข้าด้วยคน”

“เฮอะ! คิดว่าตัวเองไร้ศัตรูจริงๆ หรือ”

ชั่วขณะเดียวบนแท่นพิธีก็มีเงาร่างจำนวนหนึ่งลุกขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ล้วนอดไม่ไหวแล้ว

“เฮอะ! คิดว่าตัวเองไร้ศัตรูจริงๆ หรือ”

ชั่วขณะเดียวบนแท่นพิธีก็มีเงาร่างจำนวนหนึ่งลุกขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ล้วนอดไม่ไหวแล้ว

พวกเขาแทบจะมาจากสิบยักษ์ใหญ่อมตะ มีหกถึงเจ็ดคน

มองเห็นภาพเหตุการณ์นี้ คนส่วนหนึ่งก็ลอบตกใจ ปาดเหงื่อแทนหลินสวิน เพราะคนพวกนั้นที่ลุกออกมาในตอนนี้ ไม่มีใครไม่ใช่พวกร้ายกาจ รากฐานพลังวิปริตถึงขีดสุด

จนกระทั่งยามเห็นว่าในหอบรรพจารย์ลัทธิฌานก็มีเงาร่างสายหนึ่งลุกออกมาด้วย บรรยากาศทั่วลานล้วนเงียบกริบทันที

คนผู้นั้นสวมจีวรสีขาว ท่าทางพิสุทธิ์เกลี้ยงเกลา แววตากระจ่าง ทั่วร่างไม่แปดเปื้อนมลทิน เจือท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์ที่ประหนึ่งพ้นกิเลสสมบูรณ์อย่างไรอย่างนั้น

อวี่เฟิงจื่อ!

หัวหน้าผู้พิทักษ์ลัทธิแห่งลัทธิฌาน ศิษย์พุทธฟ้าประทาน ถูกยกย่องว่าครองจิตฌานเก้าทวาร ถูกขนานนามว่าเป็นผู้สืบทอดขั้นอายุขัยเทียมฟ้าอันดับหนึ่งในรอบหมื่นปีของลัทธิฌาน!

ลือกันว่าตอนเขาเกิด ฟ้าโปรยแสงมงคลนับแสน แผ่นดินผุดบัวทองสามพันดอก ทั่วร่างอาบไล้กลางแสงสว่างและเสียงธรรม พิสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์เป็นที่สุด

กล่าวได้ว่าในสี่หอบรรพจารย์และสิบยักษ์ใหญ่อมตะ อวี่เฟิงจื่อยังมีชื่อเสียงอย่างมาก สัตว์ประหลาดเฒ่ามากมายต่างให้การยอมรับ ว่าวันหน้าอวี่เฟิงจื่อมีความเป็นไปได้สูงยิ่งว่าจะได้รับสืบทอดมรดกวิชา ‘พุทธปัจจุบัน’ แห่งลัทธิฌาน!

ตรีโลกพุทธ แบ่งออกเป็น พุทธอดีต พุทธปัจจุบัน พุทธอนาคต และเป็นคำเรียกขานและตำแหน่งงานอย่างหนึ่ง เทียบเท่ากับหัวหน้าหอของลัทธิแรกกำเนิด

หรืออาจกล่าวได้ว่า อวี่เฟิงจื่อมีความเป็นไปได้สูงว่าอาจเป็น ‘พุทธปัจจุบัน’ ในภายภาคหน้า!

ศิษย์พุทธที่ชื่อเสียงสะเทือนทั่วหล้าเช่นนี้ลุกออกมาในเวลานี้ หมายจะไปรับคำท้า จะไม่ให้คนอื่นๆ ในที่นี้ตกใจได้หรือ

ทุกคนทั่วบนล่างลัทธิแรกกำเนิดเวลานี้หัวใจล้วนหนักอึ้ง

การปรากฏตัวของอวี่เฟิงจื่อทำให้พวกเขาตระหนักได้ ว่าเรื่องนี้ไม่ง่ายดายปานนั้นแน่ เป็นไปได้สูงว่าลัทธิฌานอาจวางแผนมาก่อนนานแล้ว

สำหรับเรื่องนี้หลินสวินกลับเสมือนไม่รู้สึกรู้สา โบกมือกล่าวว่า “มาๆๆ ประทับรอยนิ้วมือให้หมดทุกคน จากนั้นไปต่อแถวทางนั้น”

ประโยคเดียวทำลายบรรยากาศกดดันในลานลงโดยพลัน ทำเอาคนไม่รู้เท่าไรจนคำพูด

เวลาไหนแล้ว เจ้าหมอนี่ยังจองหองเช่นนี้อยู่อีก

พอมองดูผู้แข็งแกร่งที่ลุกออกมาเหล่านั้นอีกที สีหน้าแต่ละคนล้วนอึมครึมลงไม่น้อย ยังมีคนลอบกัดฟัน เห็นชัดว่าถูกการยั่วโทสะของหลินสวินทำให้เดือดดาล

“นี่ไม่ใช่เหลวไหลหรือ”

ฝูเหวินหลีชักเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาบ้างแล้วจริงๆ

“หรือเจ้าคิดว่าหลังจากหลินสวินโจมตีสิงจวิ้นพ่ายแพ้แล้ว คนพวกนี้ก็จะไม่กระโดดออกมาแล้ว”

เสวียนเฟยหลิงถามกลับ

นัยน์ตาฝูเหวินหลีหดรัดลง

“ในใจทุกคนต่างรู้ดี สิงจวิ้นเป็นเพียงคนแรก ต่อให้เขาแพ้ ก็ต้องมีคนกระโจนออกมาท้าสู้หลินสวินอีกแน่”

เสวียนเฟยหลิงกล่าวเรียบๆ “แทนที่จะบอกว่าคนพวกนี้มาชมงานเฉยๆ ไม่สู้บอกว่าพวกเขาถือโอกาสนี้หมายจะลองภูมิหลินสวิน หยั่งเชิงพลังของเขายังจะดีกว่า”

“ถึงอย่างไรบนโลกนี้ก็ยังไม่เคยปรากฏมรรคายอดอมตะมาก่อน ตอนที่บนตัวหลินสวินอาจปรากฏพลังระดับนี้ขึ้นมา… ขุมอำนาจที่เป็นศัตรูคู่แค้นกับคีรีดวงกมลพวกนั้น เกรงว่าก็คงนั่งไม่ติดแล้ว”

คนใหญ่คนโตลัทธิแรกกำเนิดเหล่านั้นต่างนิ่งเงียบไม่เอ่ยวาจา

พวกเขาย่อมมองจุดนี้ออกแต่แรกเช่นกัน

หาไม่หลังจากงานถกมรรคเก้ายอดเขาสิ้นสุด ก็คงไม่เกิดคลื่นลมมากมายขนาดนี้

กระทั่งเห็นผู้รับคำท้าเหล่านั้นประทับรอยนิ้วมือทั้งหมด คราวนี้หลินสวินจึงเก็บสารหนังสือหยกไหมแล้วกล่าวขึ้นเองว่า “รวมกับสิงจวิ้นนั่น ทั้งหมดมีเก้าคน ไม่ถือว่าน้อยเกินไป”

คำพูดนี้สบายยิ่ง ทว่าสำหรับพวกสิงจวิ้น จิงฉิงเจี่ยแล้ว กลับเห็นได้ชัดว่าบาดหูเป็นที่สุด เจ้าหมอนี่คงไม่คิดว่าจะมีโอกาสโจมตีพวกเขาพ่ายแพ้ทั้งหมดจริงๆ กระมัง

อวดดี!

สิงจวิ้นทนไม่ไหวเป็นคนแรก ชี้หลินสวินพลางกล่าวอย่างเดือดดาลว่า “เจ้ายังไม่ขึ้นมาอีก”

หลินสวินพยักหน้า “เช่นนั้นก็เริ่มจากเจ้า”

เสียงยังไม่ทันสิ้นสุด เงาร่างเขาก็เหินอากาศมาปรากฏตัวบนลานมรรคเปิดสวรรค์แล้ว

ครู่ต่อมาสายตาทุกคู่ทั่วลานล้วนมองไปเป็นจุดเดียว

ก่อนหน้านี้สิงจวิ้นโจมตีเซี่ยอู๋เหมี่ยน ลั่วอวิ๋นเหิงจากลัทธิแรกกำเนิดจนพ่ายแพ้ติดต่อกัน ระเบิดร่างมรรคของทั้งสอง เห็นชัดว่ากร้าวแกร่งเป็นที่สุด

เขาเป็นไพ่เด็ดที่ลัทธิพ่อมดส่งมาอย่างไม่ต้องสงสัย รากฐานพลังน่าสะพรึงถึงขีดสุด

เวลานี้แม้แต่ผู้สืบทอดเก้ายอดเขาที่มั่นใจในตัวหลินสวินเต็มเปี่ยมยังอดกลั้นหายใจไม่ได้ เริ่มประหม่าขึ้นมาเล็กน้อย

“จำไว้ ห้ามใช้สมบัติลับที่อยู่เหนือระดับนี้ออกมาใช้ ห้ามนำพลังระเบียบมาใช้ ห้ามฆ่าคนตาย!” ไกลออกไปเสวียนเฟยหลิงเอ่ยเตือนเสียงขรึม

บรรยากาศในลานเริ่มเคร่งเครียดและกดดันขึ้นเรื่อยๆ

สีหน้าสิงจวิ้นเจือแววเกรี้ยวกราดดุดัน จ้องหลินสวินพลางกล่าวเน้นทุกคำ “เจ้าวางใจได้ เมื่อครู่ข้าพูดแล้ว จะไม่ระเบิดเจ้าง่ายๆ ขนาดนั้น รับรองว่าจะเล่นสนุกกับเจ้าอย่างดี”

ผิวหนังสีทองแดงของเขาผุดกฎเกณฑ์อมตะสีแดงฉานออกมา ตัดประสานกลายเป็นแผนภาพเก่าแก่โบราณ อานุภาพทั้งตัวพุ่งกระฉูดถึงขีดสุดในคราวเดียว

มองจากไกลๆ ดุจดั่งเทพเถื่อนดึกดำบรรพ์องค์หนึ่ง!

นี่ทำให้ผู้สืบทอดเก้ายอดเขาจำนวนไม่น้อยแสบตา จิตใจหวาดผวา ถึงอย่างไรพวกเขาก็มีมรรควิถีระดับมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิเท่านั้น

หลินสวินกล่าวลวกๆ “แต่ตอนนี้ข้าไม่มีเวลาเล่นกับเจ้ามากนัก ไม่เห็นหรือ ข้างล่างยังมีคนไม่น้อยรออยู่ รีบเริ่มกันเถอะ”

“เจ้าจองหองเกินไปแล้วจริงๆ!”

สิงจวิ้นหน้าผากปูดโปน ระงับไอสังหารภายในใจไม่ไหวอีกต่อไป พุ่งกระโจนออกมา

ฟึ่บ!

เงาร่างเขาโฉบพุ่ง ราวกับกลายเป็นดาบแสงนองเลือดที่คมกริบไร้ทัดเทียมสายหนึ่ง ฟันไปทางหลินสวิน

หนึ่งหมัด ดินสะท้านฟ้าสะเทือน

นั่นเป็นพลังกายที่ปลดปล่อยหมดจด ราวเมฆดำข่มเมือง ห้วงอากาศใกล้เคียงล้วนแตกระแหงโดยพลัน ผุดสัญลักษณ์มรรคพ่อมดเก่าแก่โบราณที่เร้นลับเป็นภาพๆ ขึ้นมา

ดุดันจนทำเอาผู้คนรู้สึกสิ้นหวัง!

หลินสวินยืนนิ่งอยู่กับที่ กระทั่งสิงจวิ้นบุกเข้ามาถึงยื่นมือออกมาผลักออก ง่ายดายและราบเรียบสุดขีดเช่นเดียวกัน

ปึง!!!

หมัดและฝ่ามือปะทะกัน ราวสุริยันจันทราพุ่งชน พลังที่พวยพุ่งออกมาระหว่างคนทั้งสองปั่นป่วนพลิกม้วน

จากนั้นก็เห็นหนึ่งหมัดที่เรียกได้ว่าอหังการของสิงจวิ้นถูกบดขยี้แหลก พลังฝ่ามือนั่นแผ่ขยายออกไปไม่ลดละ ซัดจนเงาร่างของสิงจวิ้นกระเด็นคว่ำออกไป

ทั่วลานเงียบกริบ

คนไม่น้อยสูดหายใจสะท้าน

ความดุดันและอหังการของสิงจวิ้น ทุกคนล้วนเคยเห็นมาก่อน ก่อนหน้านี้ระเบิดเซี่ยอู๋เหมี่ยนและลั่วอวิ๋นเหิง แข็งแกร่งอย่างที่สุด

แต่ตอนนี้เพิ่งออกหมัดก็ถูกซัดถอยไป!

“มาอีก!”

สิงจวิ้นส่งเสียงคำรามยาว ผิวหนังสีทองแดงทั่วร่างแผ่ขยาย ระเบิดแสงมรรคสีแดงฉานน่าสะพรึงออกมา ทั้งตัวเปลี่ยนเป็นสูงใหญ่ขึ้นหลายโขในคราวเดียว

ผมยาวของเขาปลิวไสว ซัดหมัดออกมาอีกครั้ง

ในพลังหมัดนั่นมีลักษณ์ประหลาดน่าสะพรึงที่ฟ้าถล่มดินทลาย สุริยันจันทราจมจ่อมอยู่รางๆ ความรู้สึกที่มอบให้ผู้คนก็เหมือนหมัดนี้สามารถแหวกเวิ้งฟ้า ทุบทำลายภูผาธาราหมื่นชีวิตได้

เมื่อเทียบกับเมื่อครู่ แข็งแกร่งกว่ากันหนึ่งช่วงใหญ่!

ในใจผู้อาวุโสขั้นอายุขัยเทียมฟ้าจำนวนหนึ่งล้วนเย็นวาบอยู่บ้าง ไม่อาจไม่ยอมรับ แม้สิงจวิ้นจะยโส แต่ก็มีความมั่นใจให้หยิ่งยโส

ตูม!!!

บนลานมรรคเปิดสวรรค์เกิดเสียงสนั่นหวั่นไหวราวฟ้าผ่า สะเทือนไปทั่ว

สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าวว่าพลังหมัดนี้ของสิงจวิ้นถูกบดขยี้แหลกลาญทั้งอย่างนั้น แขนเสื้อขวาของเขาล้วนระเบิดทุกกระเบียด จากนั้นก็ซ่านเซ็นปลิวสลายราวผีเสื้อดอมบุปผา ยามเมื่อพลังฝ่ามือของหลินสวินแผ่มาถึง เงาร่างของเขาก็ราวประสบคลื่นทะเลเดือดคลั่ง ถูกพัดลอยสูงออกไปตรงๆ ห่างออกไปหลายสิบจั้งกว่าจะยืนทรงตัวอยู่

และสีหน้าของเขาก็กลายเป็นสีขาวสลับเขียวแล้ว แววตามีความตกใจสงสัยเพิ่มเข้ามา

นอกลานมรรคอึกทึกเป็นที่สุด เสียงเดือดพล่านดังทั้งแถบ

“ศิษย์น้องหลิน จัดการเขาเลย!”

“ร้ายกาจ ร้ายกาจเกินไปแล้ว ก็ควรเป็นเช่นนี้นี่แหละ!”

“แข็งแกร่งยิ่ง!”

ลัทธิแรกกำเนิดทั้งบนล่างล้วนตื้นเต้น โจมตีเพียงสองครั้ง กลับทำให้พวกเขารับรู้ถึงความแข็งแกร่งของหลินสวินได้อย่างชัดเจน

สิงจวิ้นก่อนหน้านี้ดุดันกร้าวแกร่ง สร้างความเดือดดาลมาให้พวกเขา ในท้องไส้ล้วนกดความแค้นเอาไว้ ตอนนี้ในที่สุดก็นับว่าได้ระบายออกมาแล้ว

‘ศิษย์น้องเสวี่ยหยาพูดถูก เดิมทีศิษย์น้องเล็กก็แข็งแกร่งเช่นนี้อยู่แล้ว…’

เฉิงอวี๋ที่อยู่ไกลออกไปก็มองดูอย่างตกใจเช่นกัน

บนแท่นพิธี เหล่าคนใหญ่คนโตทั้งกลุ่มล้วนเผยแววจริงจัง จับตามมองการต่อสู้ ไม่ได้เยือกเย็นและสงบนิ่งเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว

ฐานะของหลินสวินพิเศษยิ่ง มรรคาของเขาก็หาใช่ธรรมดา เพียงแต่เขาจะแข็งแกร่งแค่ไหนกันแน่ พวกเขาไม่รู้ชัด แต่ตอนนี้กลับทำให้พวกเขามีโอกาสสัมผัสและทำความเข้าใจด้วยตัวเองแล้ว

ชิ้ง!

ในลานมรรคเปิดสวรรค์ ในมือสิงจวิ้นปรากฏหอกกระดูกสีดำเล่มหนึ่ง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเรียกสมบัติออกมาใช้นับตั้งแต่มาอยู่บนลานมรรคเปิดสวรรค์

ทุกคนล้วนตระหนักว่าสิงจวิ้นกำลังจะสู้เต็มกำลังแล้ว!

คนของลัทธิพ่อมดไม่กลัวการเอาชีวิตเป็นเดิมพันที่สุด

ตูม!

ทันทีที่ฝ่าเท้าของเขาเหยียบพื้น ร่างราวดุจประกายสายฟ้าสีแดงฉานแหวกผ่านเวิ้งฟ้า ครู่ต่อมาหอกกระดูกในมือเขาก็พุ่งแทงออกมา ราวหอกแห่งความตายที่เทพเถื่อนบรรพกาลขว้างออกมาสุดแรง ประกายคมที่ไร้ศัตรูทัดเทียมฉายออกมา

เสียงอุทานมากมายดังขึ้น ต่อให้มองจากไกลๆ จิตใจก็ยังรู้สึกหวาดหวั่นเหมือนจะถูกแทงทะลุอย่างไรอย่างนั้น

การโจมตีนี้น่าสะพรึงเกินไป

ความเชี่ยวชาญในการใช้และควบคุมกฎเกณฑ์อมตะระดับนั้น ยิ่งบรรลุถึงขั้นน่าเหลือเชื่อ

เคร้ง!!!

ก็เห็นหลินสวินยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่เคลื่อนไหว ฝ่ามือหนึ่งกวัดแกว่งออกไป หอกกระดูกสีดำนั่นพลันบิดเบี้ยว บังเกิดเสียงระเบิดดังสนั่นราวกับจะทะลวงหู แสงมรรคอมตะที่พุ่งกระเซ็นออกมาล้วนกลบพื้นที่แถบนั้น

ตูม!

หอกกระดูกสีดำที่บิดโค้งราวคันธนู ท้ายที่สุดก็คล้ายทนแรงบีบอัดไม่ไหว ถูกพลังของฝ่ามือนี้ซัดออกไปแรงๆ พร้อมกับสิงจวิ้น

สิงจวิ้นปากกระอักเลือด

ทุกคนล้วนหน้าเปลี่ยนสี พลังที่สิงจวิ้นใช้แข็งแกร่งปานใด แต่กลับไม่สามารถสั่นคลอนหลินสวินได้ ตรงข้ามยังถูกโจมตียับเยินอีก!

ไม่รอให้ทุกคนตอบสนอง จู่ๆ หลินสวินที่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิมมาตลอดก็เคลื่อนไหว

สวบ!

สิงจวิ้นเพิ่งจะทรงตัวมั่น เงาร่างหลินสวินก็โผล่พรวดมาแล้ว ยื่นมือออกมาคว้า ทลายพลังป้องกันและต้านทานบนตัวสิงจวิ้นด้วยอานุภาพราวผ่าลำไผ่

ท่ามกลางละอองแสงพร่างพรม นิ้วทั้งห้าของหลินสวินกำรวบ บีบข้อมือของสิงจวิ้นแน่น จากนั้นก็ตวัดร่างอีกฝ่ายขึ้นมาเต็มแรงแล้วทุ่มกระแทกลงพื้นสุดกำลังอีกครั้ง

ปึง!!

ลานมรรคเปิดสวรรค์เกิดแรงสะเทือน ใบหน้าของสิงจวิ้นเลือดเนื้อเปื้อนเละ เบื้องหน้าปรากฏดาวสีทอง ร่างกายบิดเกร็งเพราะความเจ็บปวดรุนแรง

เหล่าคนที่ชมการต่อสู้แค่มองยังรู้สึกเจ็บปวดไปทั้งตัว

เผด็จการเกินไปแล้ว!

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด