Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 2804 ภายใต้รัตติกาล คลื่นใต้น้ำพลุ่งพล่าน

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 2804 ภายใต้รัตติกาล คลื่นใต้น้ำพลุ่งพล่าน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2804 ภายใต้รัตติกาล คลื่นใต้น้ำพลุ่งพล่าน

ทะเลสาบจันทร์หม่น

พื้นที่ในเมืองเทพศุภโชคที่เผ่าเทพตระกูลเหลียงชิวครอบครอง

ในตำหนักเทพทองอร่ามโอ่อ่า ผู้แข็งแกร่งระดับมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิของตระกูลเหลียงชิวรวมตัว แต่ละคนขมวดคิ้วแน่น บรรยากาศกดดัน

ข่าวที่เกิดขึ้นในเมืองพวกเขาล้วนรับรู้ตั้งแต่แรกแล้ว

ถึงขั้นที่พวกเขาได้รับข่าวจากนอกเมือง ว่าชายแซ่หลินคนนั้นนามว่าหลินสวิน มาจากนอกแหล่งสถานศุภโชค เป็นเหลนของลั่วทงเทียน!

นี่ก็คือเหตุผลที่ผู้ยิ่งใหญ่ระดับนิรันดร์สิบกว่าคนนั้นลงมือด้วยกัน

“ข้าส่งข่าวไปแล้ว หากไม่ผิดคาด อีกไม่นานตระกูลจะส่งใต้เท้าบุตรเทพสามคนมา”

เหลียงชิวจิ่งเอ่ยปากเสียงขรึม

เขาเป็นผู้ปกครองตระกูลเหลียงชิวในเมืองเทพศุภโชค เป็นมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิรุ่นหนุ่มที่โดดเด่นมากคนหนึ่ง

บุตรเทพสามคน!

ทุกคนต่างเผยสีหน้าประหลาด นั่นเป็นถึงบุคคลระดับตำนานสามคนที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูล ปกติไม่มีทางมาสถานที่อย่างเมืองเทพศุภโชคนี้

ว่ากันว่ายามบุตรเทพทั้งสามอยู่ในระดับมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิ ล้วนมีอานุภาพปานไร้ศัตรู พลังต่อสู้น่ากลัวอย่างที่สุด

เมื่อนานมาแล้วใน ‘การถกมรรคร้อยตระกูล’ บุตรเทพทั้งสามนี้ยังเคยใช้มรรควิถีระดับมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิ คว้าสามสิบอันดับแรกในบรรดาคนระดับเดียวกันของเผ่าเทพแต่ละตระกูล

ในหมู่พวกเขา บุตรเทพเหลียงชิวหูยิ่งอยู่ในอันดับเก้า!

ตอนนี้แม้บุตรเทพทั้งสามทะลวงระดับไปนานแล้ว ต่อให้ยามอยู่ในเมืองเทพศุภโชคจะถูกกดระดับลงเป็นมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิ รากฐานพลังระดับนั้นก็ยังไม่ใช่สิ่งที่คนระดับเดียวกันจะเทียบได้

“น้ำไกลไม่อาจดับไฟใกล้ สิ่งที่พวกเราต้องทำตอนนี้คือก็คือปกป้องทะเลสาบจันทร์หม่นไว้ ปกปักษ์อาณาเขตของตระกูลเหลียงชิว!”

เหลียงชิวจิ่งพูด

ในใจทุกคนอดหวาดหวั่นไม่ได้

ก่อนหน้านี้พวกเขาล้วนได้รับข่าวแล้วว่าหลินสวินสืบหาอาณาเขตที่เก้าเผ่าเทพครอบครอง อีกทั้งยังบุกสังหารไปยังยอดเขาลมพิสุทธิ์ที่เผ่าเทพตระกูลเยี่ยนตั้งอยู่แล้ว

“ญาติผู้พี่มองคนผู้นั้นสูงไปหรือไม่ ด้วยพลังของคนผู้เดียว เขาจะสามารถกวาดล้างอาณาเขตของพวกเราเก้าเผ่าเทพได้หรือ ข้าไม่เชื่อหรอก”

มีคนพูดอย่างไม่เห็นด้วย

ก็ตอนนี้เองเสียงรายงานร้อนรนดังมาจากนอกตำหนัก

“ใต้เท้า เมื่อครู่นี้มีข่าวว่ายอดเขาลมพิสุทธิ์ของเผ่าเทพตระกูลเยี่ยนล่มสลายแล้ว มกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิสามสิบเก้าคนของตระกูลเยี่ยนและผู้แข็งแกร่งอื่นๆ มากกว่าร้อยคนล้วนถูกสังหารจนหมด!”

“ว่ากันว่าแม้แต่มกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิหลายสิบคนของตระกูลฉู่และเป้าที่มาเสริมทัพเผ่าเทพตระกูลเยี่ยน ล้วนประสบเคราะห์ร่วงหล่นแล้ว…”

บรรยากาศในตำหนักพลันเปลี่ยนเป็นกดดันหาใดเปรียบ สีหน้าของทุกคนล้วนเปลี่ยนไป

ฝันร้ายเช่นนี้ก็เหมือนฟ้าผ่าในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส ทำเอาในใจพวกเขาแข็งค้างไประลอกหนึ่ง

อาณาเขตของเผ่าเทพตระกูลเยี่ยนถึงกับถูกทำลายล้างแล้ว!

“ทุกคน ตั้งแต่นี้ไปให้ระดมกำลังทั้งหมดเฝ้าอยู่ที่ทะเลสาบจันทร์หม่น ไม่ว่าอย่างไรจะให้จุดจบของเผ่าเทพตระกูลเยี่ยนเกิดขึ้นกับพวกเราไม่ได้เด็ดขาด!”

เหลียงชิวจิ่งสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง พูดอย่างเด็ดขาด

……

อาณาเขตที่เผ่าเทพตระกูลเยี่ยนปักหลักถูกถอนรากถอนโคน!

ยามข่าวนี้กระจายไปในเมืองเทพศุภโชค ก็ราวกับสายฟ้าจากเก้าสวรรค์ผ่าลงพื้น สร้างความโกลาหลไปทั่ว เสียงแตกตื่นดังขึ้นไม่รู้เท่าไร

ทุกคนต่างรู้สึกมึนงง

เมืองเทพศุภโชคในวันนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่

เริ่มจากเหล่าผู้ยิ่งใหญ่ระดับนิรันดร์มาเยือนพร้อมกัน จากนั้นเก้าเผ่าเทพออกคำสั่งติดๆ กัน ตามล่าเป้าหมายเดียว

และตอนนี้เป้าหมายนี้กลับบุกสังหารจากประตูสวรรค์ทิศใต้มายังยอดเขาลมพิสุทธิ์ และกวาดล้างอาณาเขตของเผ่าเทพตระกูลเยี่ยนไปแล้ว!

นี่น่ากลัวเกินไป!

เพียงแต่ยังไม่ทันที่ผู้ฝึกปราณในเมืองเทพศุภโชคจะตอบสนอง ข่าวใหญ่อีกข่าวก็กระจายออกมา…

“คนคลั่งแซ่หลินบุกเขาดาราม่วง กวาดล้างขุมอำนาจเผ่าเทพตระกูลเป้าในคราวเดียว!”

ชั่วขณะนั้นทุกคนต่างรู้สึกเหมือนจะบ้าคลั่ง

นี่เพิ่งไม่นานเท่าไร อาณาเขตของเผ่าเทพตระกูลเป้าก็ถูกเหยียบราบแล้วหรือ

และต่อจากนั้นก็มีข่าวมากมายกระจายออกมาเรื่อยๆ เมืองเทพศุภโชคจมสู่ความปั่นป่วนอย่างสิ้นเชิงแล้ว บรรยากาศแตกตื่นโกลาหลแผ่ขยายออกไปราวกับพายุคลั่ง

“อาณาเขตเผ่าเทพตระกูลฉู่ หุบเขาสะพานเมฆพินาศแล้ว!”

“อาณาเขตเผ่าเทพตระกูลอิ๋ง ธารวิหคมรกตพินาศแล้ว!”

“อาณาเขตเผ่าเทพ…”

ข่าวเช่นนี้กระจายออกมาเป็นระยะ ราวกับคลื่นที่โหมกระหน่ำ ซัดสาดมาระลอกแล้วระลอกเล่า พุ่งโจมตีจิตใจของผู้ฝึกปราณทุกคน

จนกระทั่งม่านรัตติกาลมาเยือน

ริมฝั่งทะเลสาบจันทร์หม่น ตอนที่เงาร่างของหลินสวินปรากฏ ที่นี่ล้วนว่างเปล่าแล้ว ไม่เหลือใครแม้แต่คนเดียว

เผ่าเทพตระกูลเหลียงชิวที่ปกครองที่นี่ ถึงกับหนีไปก่อนแล้ว!

นี่ทำให้หลินสวินอึ้งไป

ในเก้าเผ่าเทพ ตระกูลเหลียงชิวแข็งแกร่งที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย

หลินสวินจึงวางอีกฝ่ายไว้เป็นเป้าหมายสุดท้าย แต่ใครจะคิดว่าผู้แข็งแกร่งตระกูลเหลียงชิวที่เป็นห้าอันดับแรกในหมู่ขุมอำนาจเผ่าเทพ กลับทิ้งฐานที่มั่นหนีไป

‘นี่เพิ่งจะวันแรก หนีไปก็ไม่เป็นไร เวลาค่อยๆ เล่นสนุกยังมีอยู่’

ดวงตาดำของหลินสวินลุ่มลึก ขณะใคร่ครวญก็มาถึงบนทะเลสาบจันทร์หม่นแล้ว

ทะเลสาบแห่งนี้งดงามมาก น้ำทะเลสาบเขียวมรกต สิ่งก่อสร้างกลิ่นอายเก่าแก่เรียงรายอยู่บนทะเลสาบ เงียบสงบและโอ่อ่า

ในทะเลสาบปลูกบัวเทพสีทอง ในน้ำทะเลสาบมีปลาวิญญาณเป็นฝูงแหวกว่าย ใต้ท้องฟ้าสีรัตติกาล หมอกควันคละคลุ้งอยู่บนทะเลสาบราวกับแดนเซียน

หลินสวินตัดสินใจทันทีว่าจะยึดครองที่นี่เป็นที่พักชั่วคราว

……

เวลาเดียวกัน นอกประตูสวรรค์ทิศตะวันออก

เหล่าผู้แข็งแกร่งตระกูลเหลียงชิวอย่างพวกเหลียงชิวจิ่ง แต่ละคนสีหน้ามืดทะมึนคล้ำเขียว ในใจเต็มไปด้วยความอับอายและเดือดดาลที่พูดไม่ออก

เดิมทีอิงตามที่เหลียงชิวจิ่งตัดสินใจ พวกเขาจะเฝ้าอยู่ที่ทะเลสาบจันทร์หม่นไม่ไปไหน

แต่พร้อมๆ กับข่าวที่ขุมอำนาจเผ่าเทพแต่ละตระกูลถูกถอนรากถอนโคนกระจายออกมา ทำให้พวกเหลียงชิวจิ่งล้วนหวั่นไหว

จนท้ายที่สุดพวกเขาก็ตัดสินใจถอยหนีก่อน

นี่น่าขายหน้ามากอย่างไม่ต้องสงสัย

แต่พวกเขากลับจำต้องทำเช่นนี้

ในอาณาเขตของเก้าเผ่าเทพ แปดแห่งถูกทำลายล้างไปแล้ว อาศัยคนตระกูลเหลียงชิวอย่างพวกเขา จะหลีกเลี่ยงหายนะเช่นนี้ได้อย่างไร

“ผู้อาวุโส ข้าเป็นคนตัดสินใจเรื่องนี้ ข้ายินยอมรับการลงโทษทุกอย่าง!”

เหลียงชิวจิ่งมองส่วนลึกของฟ้าดาราไกลๆ โค้งกายคารวะพลางเอ่ยเสียงขมขื่น

“อาณาเขตของเก้าเผ่าเทพ… ล้วนพินาศแล้วหรือ”

ส่วนลึกของฟ้าดาราปรากฏเงาร่างน่ากลัวสายแล้วสายเล่า เห็นชัดว่าเป็นระดับนิรันดร์ของเก้าเผ่าเทพนั้น

ก่อนหน้านี้ก็เป็นพวกเขาที่ตามฆ่าไท่เสวียนกันหลินสวิน และโจมตีรูปจำลองเจตจำนงของไท่เสวียนจนพินาศหน้าประตูสวรรค์ทิศใต้

“ขอรับ”

สีหน้าของเหลียงชิวจิ่งยิ่งดูมืดทะมึน

“เจ้าหมอนี่ สมควรบดขยี้เป็นผุยผง!”

“กำเริบเสิบสานนัก!”

“นี่คือการแก้แค้นเก้าเผ่าเทพของพวกเรา!”

ระดับนิรันดร์เหล่านั้น แต่ละคนล้วนสีหน้าไม่น่าดู

“วันแรกที่เข้าเมืองก็เปิดฉากเข่นฆ่านองเลือดเช่นนี้แล้ว ตั้งแต่ต้นจนจบกลับไม่มีใครสู้ได้ หรือเจ้าหมอนี่มีอานุภาพไร้ศัตรูตั้งแต่ยามอยู่ในระดับมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิแล้ว”

“หากเป็นเช่นนี้ก็รับมือยากแล้ว…”

หลังจากใจเย็นลง สัตว์ประหลาดเฒ่าเหล่านี้ต่างตระหนักถึงความยุ่งยากของปัญหา

หลินสวินที่มีพลังต่อสู้ระดับนี้ หากอยู่ในเมืองเทพศุภโชคไม่ยอมออกมา บนโลกนี้ใครจะทำอะไรเขาได้

“ข้ามีข้อเสนอหนึ่ง ระดมบุตรเทพธิดาเทพของแต่ละตระกูลมา บางทีอาจสามารถสังหารเจ้าหมอนี่ในเมืองได้”

เฒ่าดึกดำบรรพ์คนหนึ่งเอ่ยเสียงขรึม

เผ่าเทพทุกตระกูลล้วนมีบุตรเทพและธิดาเทพหนึ่งคนหรือหลายคนอยู่ ถูกบ่มเพาะในฐานะผู้สืบทอดของตระกูล แต่ละคนล้วนราวกับปีศาจเย้ยฟ้า รากฐานพลังน่ากลัวไร้ขอบเขต

มกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิทั่วไปไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาสักนิด

“นี่…”

มีคนลังเล “หากมีการบาดเจ็บล้มตาย ความสูญเสียจะมากเกินไป…”

“หยกไม่เจียระไนก็ไร้ค่า ไม่ผ่านการเคี่ยวกรำเช่นนี้จะบ่มเพาะความองอาจไร้ศัตรูออกมาได้อย่างไร ต่อไปจะรับภาระหนักของตระกูลได้อย่างไร ข้าเห็นด้วยกับการทำเช่นนี้”

มีคนพูดอย่างครัดเคร่ง

“ข้าเองก็เห็นด้วย”

ไม่ทันไรคนอื่นๆ ต่างตอบรับ

ก็เป็นในวันนั้น เฒ่าดึกดำบรรพ์เหล่านี้ใช้ชื่อของตนส่งข่าวไปยังเผ่าเทพตระกูลตน ขอให้บุตรเทพและธิดาเทพในตระกูลเร่งเดินทาง มุ่งหน้ามายังเมืองเทพศุภโชค

เห็นเช่นนี้พวกเหลียงชิวจิ่งต่างฮึกเหิม ราวกับยกภูเขาออกจากอก

เล่นงานปีศาจ ย่อมต้องเคลื่อนกำลังพลปีศาจถึงจะไหว

หากบุตรเทพธิดาเทพเหล่านั้นมา ต้องสามารถพลิกสถานการณ์ได้แน่!

กลางดึก

ในเมืองเทพศุภโชคยังคงโกลาหลไม่หยุด เมืองเทพที่เทียบเท่าโลกใบหนึ่งนี้ ทุกพื้นที่ ทุกถนน ทุกที่ที่มีผู้ฝึกปราณอาศัยอยู่ ล้วนกำลังเอ่ยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้

“หลินสวินคนนี้ถึงกับเป็นเหลนของลั่วทงเทียน มิน่าถึงได้เจอการร่วมมือตามฆ่าของเก้าเผ่าเทพ จะต้องทำเพื่อโลงนิรันดร์อย่างแน่นอน!”

ถึงตอนนี้เมื่อข่าวต่างๆ เผยแพร่ออกไป ทำให้คนในเมืองได้รู้ที่มาและชื่อของหลินสวินแล้ว

“ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดที่ผ่านมา ข่าวของโลงนิรันดร์ปรากฏขึ้นอีกครั้ง แหล่งสถานศุภโชคนี้… เกรงว่าคงมีเหตุการณ์สะท้านโลกปะทุขึ้นอีกแน่!”

ผู้คนในเมืองหัวใจกระเพื่อมไหว ไม่สามารถสงบได้

พวกเขาต่างเคยได้ยินว่าในโลงนิรันดร์มีนัยเร้นลับศุภโชคที่สะท้านโลกซ่อนอยู่ ใครได้ไปก็จะสามารถกลายเป็นเจ้าแห่งศุภโชค ทำให้โลกยุคสมัยนับร้อยก้มหัวให้!

สมบัติเช่นนี้สามารถดึงดูดให้เผ่าเทพแต่ละตระกูลแย่งกันลงมือได้แล้ว!

“หลินสวินนี่หลบอยู่ในเมืองเทพศุภโชค นับว่าเป็นการกระทำที่ฉลาด อย่างน้อยในระดับมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิ ด้วยพลังต่อสู้ที่เขาเผยออกมาในวันนี้ คงมีน้อยคนที่ทำอะไรเขาได้ ขอเพียงเขาหลบอยู่ในเมืองไม่ออกไป ต่อให้ผู้ยิ่งใหญ่ของเผ่าเทพนับร้อยนั่นมาก็ทำอะไรไม่ได้”

ทุกคนนึกถึงเหตุการณ์นองเลือดที่หลินสวินก่อขึ้นในเมืองวันนี้ ต่างขนลุกซู่ไปทั้งตัว

อาณาเขตของเก้าเผ่าเทพ แปดแห่งถูกกวาดล้างไม่เหลือซาก ล่มสลายอย่างสิ้นเชิง จำนวนของมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิที่บาดเจ็บล้มตายรวมกัน มีมากถึงหลายร้อยคน!

นี่เป็นตัวเลขนองเลือดที่น่ากลัวอย่างที่สุด

ควรรู้ว่าในเมืองเทพศุภโชค มกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิก็คือระดับสูงสุดแล้ว ตอนนี้ไม่ทันไรก็ถูกสังหารไปหลายร้อยคน จะไม่ให้คนหวาดหวั่นได้อย่างไร

“แม้ว่าการที่ผู้แข็งแกร่งตระกูลเหลียงชิวหนีไปก่อนจะขายหน้าอยู่ไม่น้อย แต่ก็สามารถเข้าใจได้ ถึงอย่างไรหากรออยู่ที่ทะเลสาบจันทร์หม่น เกรงว่าคงยากจะหนีจุดจบที่ถูกสังหารพ้น”

“จะว่าไปหลินสวินนี่ก็ใจกล้าจริงๆ ยึดครองทะเลสาบจันทร์หม่นไปทั้งอย่างนั้น ตอนนี้ก็อาศัยอยู่ที่นั่น ไม่กลัวว่าคนอื่นจะไปหาเขาสักนิด”

ภายใต้ฟ้ายามรัตติกาล ในเมืองมีเสียงนับไม่ถ้วนกำลังวิพากษ์วิจารณ์

และขุมอำนาจเผ่าเทพมากมายที่เดิมทีไม่ได้เข้าร่วมเรื่องนี้ หลังจากได้รู้ที่มาของหลินสวินก็เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว

ทำให้ในคืนนี้ข่าวที่กระจายออกจากเมืองเทพศุภโชคมีมากมายจนนับไม่ถ้วน!

“โลงนิรันดร์… ลั่วทงเทียน เหตุใดเจ้าไม่มาด้วยตัวเอง!”

ในตำหนักเก่าแก่ทรุดโทรมที่เงียบสงัดไร้แสงไฟแห่งหนึ่งในเมือง ร่างผอมซูบสายหนึ่งที่นั่งอยู่ในความมืดลืมตาขึ้นโดยพลัน

พริบตานั้นราวกับสายฟ้าที่คมปลาบไร้ใดเทียบแหวกผ่านม่านรัตติกาลมืดมิดลงมา!

เงาร่างที่ผอมซูบนั้นลุกขึ้น เดินออกจากตำหนักที่มืดมิด มองเห็นรางๆ ว่าเขาสวมเกราะแตกหัก ผมหนวดยุ่งเหยิง สกปรกไปทั้งตัว ดูสะบักสะบอมยิ่ง

แต่เมื่อสายตาของเขามองไปยังท้องฟ้าไกลๆ กลับเจิดจ้าราวกับกระบี่คม เย็นเยียบดั่งหิมะ

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด