Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 2848 มีการซุ่มโจมตี

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 2848 มีการซุ่มโจมตี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2848 มีการซุ่มโจมตี

“ฆ่า!”

กลางฝ่ามือจิงอิ่งปรากฏมีดสั้นสีดำสนิทเล่มหนึ่ง เงาร่างอรชรสูงระหงทะยานกลางห้วงอากาศอย่างรุนแรง พุ่งกระหน่ำเข้าใส่กายมรรคเพลิงแดง

นางตอบสนองรวดเร็วสุดขีด เชี่ยวชาญวิถีสังหารในการโจมตีเดียว ยามกระโจนออกไปมรรควิถีขั้นดับเทพสัมบูรณ์ในตัวโคจรถึงจุดสูงสุด สำแดงการโจมตีอันแข็งแกร่งที่สุดของตนออกมา

สวบ!

มีดสั้นที่ตวัดออกมาเหมือนเส้นด้ายสีเทาขุ่นสายหนึ่ง พลังที่ควบรวมถึงขีดสุดล้วนเก็บงำอยู่ในนั้น ทำให้ไม่มีคลื่นพลังใดๆ แผ่ออกมา

แต่ทุกที่ที่กวาดผ่าน ห้วงอากาศเกิดรอยแยกตรงสายหนึ่งอย่างไร้สุ้มเสียง ลุกลามไปทางกายมรรคเพลิงแดงด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ

หนามมรณะ!

ต่อให้จัดการกับคนระดับเดียวกัน จิงอิ่งก็มั่นใจว่าจะสังหารได้ในการโจมตีเดียว!

เพราะนี่คือไพ่ตายของนาง

ทว่าก็ในพริบตานี้เอง…

เสียงครวญกระบี่สายหนึ่งดังก้อง ฟ้าดินดุจนิ่งงันในทันที มีเพียงปราณกระบี่ที่กวาดขวางทั่วลานสายหนึ่งปรากฏอยู่กลางฟ้าดินอันเงียบสงัดนี้

หนามมรณะของจิงอิ่งก็หยุดชะงักในพริบตาเช่นกัน

ยามที่นางตอบสนอง ปราณกระบี่ที่กวาดขวางทั่วลานนั่นก็พุ่งมาแล้ว อยู่ใกล้แค่เอื้อม!

นางหน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ อภินิหารหยุดเวลา!

เคร้ง…!

จิงอิ่งใช้มีดสั้นสกัดขวางได้ทันอย่างฉิวเฉียด ต้านปราณกระบี่ถึงชีวิตสายนี้ไว้ได้หวุดหวิด แต่ทั้งตัวนางถูกซัดจนลอยคว่ำออกไปอย่างรุนแรง ริมฝีปากกระอักเลือด

ท้ายที่สุดก็เป็นการต้านทานโดยไม่ทันตั้งตัว ทำให้นางประสบแรงโจมตีหนักหน่วง

แต่ยังดีที่สุดท้ายยังรอดมาได้…

กระนั้นยังไม่ทันรอให้เงาร่างของนางยืนมั่น มือใหญ่เรียวยาวข้างหนึ่งก็บีบคอของนางจากด้านหลังอย่างแรง พลังน่าสะพรึงสายหนึ่งแผ่กว้าง ทำเอาเบื้องหน้าสายตาดำมืดในทันที ทั่วร่างอ่อนยวบไร้เรี่ยวแรง มีความรู้สึกหายใจติดขัด

คนที่จับตัวจิงอิ่งย่อมเป็นกายมรรคเพลิงแดง

ชั่วพริบตาก่อน ร่างต้นของหลินสวินใช้เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งออกโจมตีควบคู่กับอภินิหารหยุดเวลา ปราณกระบี่เคลื่อนขวางทั่วลาน และผนึกเวลาชั่วพริบตาของทั่วบริเวณนี้ไว้

ก่อนจะจับตัวจิงอิ่งที่ถูกโจมตีจนตั้งตัวไม่ทันในชั่วพริบตานี้!

แต่สิ่งที่ไม่อาจปฏิเสธคือจิงอิ่งเป็นพวกร้ายกาจน่าทึ่งคนหนึ่งจริงๆ ก่อนหน้านี้ถึงกับต้านกระบี่จากร่างต้นของหลินสวินเอาไว้ได้ หากไม่ใช่เพราะใช้กายมรรคเพลิงแดงด้วยเกรงว่าคงไม่อาจจับตัวนางได้ในทันที

“หนี หนีเร็ว!”

จิงอิ่งที่ถูกจับตัวไม่ยินยอม ตะโกนร้องเสียงแหลม

เพียงแต่ครู่ต่อมาเสียงของนางพลันหยุดชะงัก

ในครรลองสายตาของจิงอิ่ง พวกพ้องสี่คนของนางล้วนถูกจับตัวแล้ว แต่ละคนสีหน้าซีดเผือด

เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร

ความหวาดกลัวที่ไม่อาจควบคุมทะลักสู่กลางใจจิงอิ่ง

การต่อสู้ครั้งนี้เกิดขึ้นปับปุบเกินไป และสิ้นสุดลงรวดเร็วเกินไป ราวกับฝันร้ายฉากหนึ่งชัดๆ ทำเอาสมองจิงอิ่งขาวโพลนทั้งแถบ

ไม่ใช่เพียงจิงอิ่ง แม้แต่หลีเจินก็ยังงุนงงอยู่บ้าง

ตั้งแต่เข้าสู่แดนมารสิบทิศจนถึงตอนนี้เป็นเวลาเพียงห้าวันเท่านั้น

ไม่กี่วันนี้หลินสวินปิดด่านหลอมพลังระเบียบที่รวบรวมมาได้ตลอด

เพียงแต่ก็เป็นช่วงก่อนหน้านี้เช่นกันที่หลีเจินเพิ่งพบว่าพลังปราณของหลินสวินรุดหน้าไปหนึ่งช่วงใหญ่ เริ่มส่อแววจะทะลวงขั้นดับเทพขั้นกลางอยู่รำไร!

การก้าวหน้าเช่นนี้ไม่ใช่แค่ความเร็วระดับเทพ แต่เป็นความเร็วชวนสยองชัดๆ!

การหลอมพลังระเบียบต้องใช้เวลาเช่นกัน

แต่ในช่วงห้าวันสั้นๆ หลินสวินกลับมีแนวโน้มสูงว่าอาจหลอมพลังระเบียบได้จำนวนมาก หาไม่พลังปราณของเขาไม่มีทางพัฒนาอย่างมากเช่นนี้เด็ดขาด

เมื่อคิดถึงตรงนี้หลีเจินก็ตระหนักได้ว่า เป็นไปได้สูงที่ตนอาจมองทะลุความลับอย่างหนึ่งบนตัวหลินสวินได้แล้ว ความลับนี้เกี่ยวข้องกับการหลอมพลังระเบียบ!

“ศึกมรรคอมตะเพิ่งเริ่มขึ้นเพียงห้าวัน พวกเจ้าก็รีบเร่งเดินทางมาจากแดนมารอื่นๆ อีกทั้งดูเหมือนจะมาเพื่อข้าคนแซ่หลินโดยเฉพาะ พวกเจ้า… รู้ที่อยู่ของข้าคนแซ่หลินได้อย่างไร”

ร่างต้นของหลินสวินเอ่ยถาม

จิงอิ่งเม้มปากไม่เอ่ยคำ

พวกพ้องสี่คนของนางก็ไม่พูดอะไรสักคำเช่นกัน

ปึง!

กายมรรควารีดำลงมือ โจมตีชายชราชุดเทาตายคาที่ ร่างจิตล้วนดับสูญ

ขั้นดับเทพสัมบูรณ์จากตระกูลจิงคนหนึ่งถูกฆ่าทั้งอย่างนี้!

ภาพล้มตายฉากนี้กระตุ้นจนพวกจิงอิ่งหน้าเปลี่ยนยกใหญ่

“เวลามีค่า ทางที่ดีพวกเจ้าอย่าเสียเวลาดีกว่า”ไอลีนโนเวล

ร่างต้นของหลินสวินกล่าวง่ายๆ

บนดวงหน้างดงามของจิงอิ่งเต็มไปด้วยแววเกลียดชัง “นอกเทือกเขาหมื่นห้วยแห่งนี้ ผู้เข้าร่วมศึกจากยักษ์ใหญ่อมตะทั้งหมดล้วนรวมตัวกันอยู่ที่นั่น ก่อนหน้านี้ข้าส่งข่าวออกไปแล้ว อีกไม่นานเจ้าก็จะประสบเคราะห์ยากจะหนีพ้น!”

ปึง!

มีขั้นดับเทพสัมบูรณ์ตระกูลจิงคนหนึ่งถูกสังหารอีก ร่างระเบิดกระจุยกลายเป็นเถ้าธุลี

จิงอิ่งดวงตาก่ำเลือด กัดฟันกล่าวลอดไรฟัน “หลินสวิน เจ้าต้องไม่ตายดี!!”

ปึง! ปึง!

ผู้เข้าร่วมศึกตระกูลจิงสองคนที่เหลืออยู่ต่างก็ตายอนาถคาที่เช่นกัน

ความตายและภาพนองเลือดเป็นฉากๆ นี้ทำเอาทั้งตัวจิงอิ่งยังรู้สึกพังทลาย

หลินสวินกล่าว “ผู้อาวุโส จะไปหรืออยู่ต่อ”

หลีเจินเอ่ย “เจ้าตัดสินใจได้เลย”

หลินสวินยิ้มกล่าว “เช่นนั้นก็เล่นสนุกกับพวกเขาสักหน่อย หากไม่เข้าทีก็จากไป”

ขณะพูดเขาผนึกจิงอิ่งไว้แล้วยัดเข้าไปในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง จากนั้นทะยานผ่านกลางอากาศไปพร้อมกับหลีเจิน

หลังพวกเขาเพิ่งจากไปไม่นานนัก

เสียงแหวกอากาศระลอกหนึ่งดังขึ้น หวังเจวี๋ยฮ่วนพาผู้แข็งแกร่งทั้งกลุ่มมาถึง

ยามเห็นร่องรอยนองเลือดในที่นั้น ทุกคนล้วนอดหน้าเปลี่ยนสีไม่ได้

รวมเวลาไม่ถึงครึ่งเค่อ พวกจิงอิ่งถึงกับประสบเคราะห์หมดแล้ว!?

นัยน์ตาหวังเจวี๋ยฮ่วนวับวาว เอ่ยว่า “ตอนนี้พวกเจ้าน่าจะรู้ว่าคู่ต่อสู้ที่พวกเราต้องจัดการในครั้งนี้รับมือยากแค่ไหนแล้วกระมัง”

ทุกคนเงียบไประลอกหนึ่ง

“นายน้อย หลินสวินน่าจะเพิ่งออกไปไม่นานนัก”

เฒ่าชราตระกูลหวังคนหนึ่งเอ่ยเตือน

จะไล่ตามหรือไม่

สายตาของคนอื่นๆ ล้วนมองไปที่หวังเจวี๋ยฮ่วน

ครั้งนี้แม้ว่าผู้เข้าร่วมศึกจากสิบยักษ์ใหญ่อมตะจะมีห้าสิบคน ทว่ายักษ์ใหญ่อมตะแต่ละแห่งก็ส่งขั้นดับเทพออกมาเพียงห้าคนเท่านั้น

และตอนนี้ปฏิบัติการจัดการหลินสวินเพิ่งจะเริ่มต้น ผู้เข้าร่วมศึกห้าคนจากตระกูลจิงก็ถูกกำจัดทิ้งในคราวเดียว นี่ทำเอาพวกเขาสั่นเทิ้มทั้งที่ไม่หนาว

“ตาม!”

ริมฝีปากหวังเจวี๋ยฮ่วนเอ่ยคำหนึ่งอกมา

ธนูที่ยิงออกไปแล้วไม่อาจหันกลับ ไม่ฆ่าหลินสวินคราวนี้ หากคิดอยากหาโอกาสเช่นนี้อีกยังไม่รู้ว่าจะต้องรออีกนานแค่ไหน

เขาเคลื่อนไหวก่อนเป็นคนแรก

คนอื่นๆ ต่างก็รีบตามไป

“ก่อนมาคิดว่าทุกคนคงพกสมบัติลับที่ต้านพลังกาลเวลาได้ติดตัวมาแล้ว ข้าขอเตือนทุกคนว่าอย่าเก็บงำอีก สวมใส่บนตัวตอนนี้เลยจะดีที่สุด”

ระหว่างทางหวังเจวี๋ยฮ่วนกล่าว “หากข้าสันนิษฐานไม่ผิด ก่อนหน้านี้ที่พวกจิงอิ่งประสบเคราะห์ก็เพราะถูกหลินสวินใช้อภินิหารหยุดเวลาจนไม่อาจรับมือทัน และทุกคนอย่าลืมเชียวว่าเจ้าหมอนี่ยังเคยใช้ดาบกาลเวลาตัดมรรควิถีในตัวศิษย์พุทธอวี่เฟิงจื่อ หากถูกเขาซุ่มโจมตี…”

พูดยังไม่ทันจบทุกคนก็เอาสมบัติลับที่พกติดตัวออกมาแล้ว มีกระดิ่ง บาตร โคมทองแดง ประทับโบราณเป็นต้น มากมายหลายชนิด ล้วนคละคลุ้งกลิ่นอายคลุมเครือเร้นลับ

ก่อนการเคลื่อนไหวครั้งนี้ พวกเขาก็ล่วงรู้ข้อมูลโดยละเอียดของหลินสวินอยู่ก่อนแล้ว รู้ดียิ่งว่าไพ่ตายยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาซึ่งสืบทอดพรสวรรค์หุบเหวกลืนกิน ก็คืออภินิหารพรสวรรค์ที่เกี่ยวข้องกับกาลเวลา

ฉะนั้นพวกเขาแต่ละตระกูลล้วนเอาสมบัติลับที่สามารถต้านทานพลังแห่งกาลเวลาออกมา แจกจ่ายให้ผู้เข้าร่วมศึกเหล่านี้พกติดตัว

หวังเจวี๋ยฮ่วนเห็นเช่นนี้ในใจก็ค่อยๆ สงบลงบ้าง

ก่อนหน้านี้นานมาแล้ว สิบยักษ์ใหญ่อมตะน่านฟ้าที่แปดก็เคยลิ้มรสความน่าสะพรึงของพรสวรรค์หุบเหวกลืนกินมาแล้ว ตอนนั้นเพื่อต่อกรกับลั่วทงเทียนยิ่งต้องจ่ายค่าตอบแทนสาหัส

แต่ก็ด้วยเหตุนี้ ทำให้สิบยักษ์ใหญ่อมตะมีประสบการณ์ในการต้านทานพรสวรรค์หุบเหวกลืนกิน

เหมือนอย่างสมบัติลับที่บรรดาผู้เข้าร่วมศึกในครั้งนี้พกติดตัว ก็เป็นสมบัติที่ต้านทานและสกัดขวางพลังแห่งกาลเวลาโดยเฉพาะ

บนตัวพวกจิงอิ่งก็มีสมบัติทำนองเดียวกัน แต่พวกเขาเจอการต่อสู้กะทันหัน ไม่มีเวลาเรียกสมบัติเหล่านี้ออกมาสักนิด จึงถูกหลินสวินจับตัวได้ในคราวเดียว

นี่ก็เป็นสาเหตุที่ว่าทำไมหวังเจวี๋ยฮ่วนจึงให้ทุกคนเตรียมพร้อมเช่นนี้ล่วงหน้า

“แจ้งผู้เข้าร่วมศึกจากห้าขุมอำนาจที่กำลังเร่งเดินทางมาพวกนั้น ว่าให้พวกเขาเตรียมพร้อมแบบเดียวกัน”

หวังเจวี๋ยฮ่วนออกคำสั่ง

“ขอรับ”

เฒ่าชราคนหนึ่งสะบัดมือออกไปคราหนึ่ง ยันต์หยกส่งสารสายหนึ่งกลายเป็นแสงเพลิงพุ่งทะยานฟ้าขึ้นไป

หวังเจวี๋ยฮ่วนปลดกระบี่โบราณลายสนที่สะพายบนหลังลงมาแล้วถือไว้ในมือซ้าย

ตั้งแต่เล็กจนโต เขาเคยชินกับการถือกระบี่มือซ้าย

ส่วนมือขวาของเขากลับมีมุกมรรคสีครามเพิ่มขึ้นมาเม็ดหนึ่ง

มุกอสนีกาลเวลา!

แวววาวโปร่งแสงราวหินกรวด ภายในมุกมีเส้นอสนีบาตที่เร้นลับคลุมเครือไหลหลั่ง นั่นเป็นพลังกาลเวลาและห้วงมิติกำลังปะทะกัน ก่อให้เกิด ‘อสนีเทพกาลเวลา’ อย่างหนึ่งขึ้น

ก่อนหน้านี้นานมาแล้ว เฒ่าดึกดำบรรพ์คนหนึ่งของตระกูลหวังเคยอาศัยมุกอสนีกาลเวลาต้านทานดาบกาลเวลาของลั่วทงเทียน ต่อสู้ดุเดือดกับเขาไปหลายกระบวนท่า

แม้ว่าจะไม่เคยได้รับชัยชนะ แต่กลับจำกัดการเคลื่อนไหวของลั่วทงเทียนได้ เปิดโอกาสชั้นเลิศให้แก่สัตว์ประหลาดเฒ่าคนอื่นๆ ที่โจมตีล้อมกรอบลั่วทงเทียน สุดท้ายก็ทำให้ลั่วทงเทียนประสบเคราะห์ได้!

กล่าวอย่างไม่เกินจริง มุกอสนีกาลเวลาเป็นสมบัติสำคัญยิ่งยวดของตระกูลหวัง

และตอนนี้สมบัตินี้ถูกหวังเจวี๋ยฮ่วนหยิบยืมมาใช้ จากจุดนี้จะเห็นได้ว่าตระกูลหวังให้ความสำคัญกับบุตรฟ้าประทานเช่นเขายิ่ง

หลังทำทั้งหมดนี้เสร็จ ในใจหวังเจวี๋ยฮ่วนสงบลงโดยสมบูรณ์ ทั้งตัวแผ่มาดเหยียดหยันมั่นใจอย่างหนึ่งออกมา

เขามองหลินสวินเป็นศัตรูตัวฉกาจ ไม่กล้ามองข้ามแม้แต่นิด

แต่ขณะเดียวกันเขาก็มั่นใจในตัวเองว่าครั้งนี้ต้องจับหลินสวินได้แน่ สำแดงอานุภาพเกรียงไกรเหมือนกับเมื่อปีนั้นที่สิบยักษ์ใหญ่อมตะร่วมมือกันล้อมกรอบลั่วทงเทียนอีกครั้ง!

เทือกเขาเวิ้งว้าง โขดผาซ้อนเรียงราย

เทือกเขาหมื่นห้วยกว้างใหญ่ไพศาลสุดขีด พยับหมอกคละคลุ้งกลางภูผาธารา โกรกธารพาดขวาง

ทันใดนั้น…

ส่วนลึกของโกรกธารสายหนึ่งมีสายฟ้าแลบสีดำสายหนึ่งพุ่งออกมาฉับพลัน วาบไหวกลางห้วงอากาศ ก่อนจะควบรวมเป็นตาข่ายยักษ์อสนีที่เต็มไปด้วยผ่พลังระเบียบ ปิดครอบมาทางพวกหวังเจวี๋ยฮ่วน

สวบ!

หวังเจวี๋ยฮ่วนที่สั่งสมกำลังเตรียมสู้ตลอดทางตวัดกระบี่ฟันออกไปทันที

กระบี่โบราณลายสนที่เรียบง่ายไม่หรูหราส่งเสียงครวญกระบี่สะเทือนฟ้า ทำเอาภูผาธาราล้วนสั่นโคลง ก็เห็นปราณกระบี่สีเขียวขุ่นสายหนึ่งแหวกเวิ้งฟ้า พริบวาบลงมา

ตาข่ายยักษ์อสนีที่พลังระเบียบอบอวลนั่นบังเกิดเสียงสนั่นอึงอลสะเทือนโสตจนหูแทบดับในฉับพลัน ถูกกระบี่นี้ฟันแยกแตกกระจุยอย่างง่ายดาย แตกซ่านดุจกระแสน้ำ

“ฟัน!”

“ฆ่า!”

“โอม!”

เกือบจะเวลาเดียวกัน ทุกคนที่อยู่ข้างหลังหวังเจวี๋ยฮ่วนลงมือพร้อมกัน เรียกสมบัติออกมาพลางพุ่งโจมตีไปยังส่วนลึกของโกรกธารแห่งนั้น แสงมรรคและประกายเทพแน่นขนัดดุจธารดาราเก้าสวรรค์พุ่งลงพื้น น่าสะพรึงจนทำให้คนใจสะท้าน

ชั่วอึดใจเสียงคำรามของสัตว์ปีศาจสายหนึ่งดังมาจากส่วนลึกของโกรกธาร เผยความสิ้นหวังและหวาดกลัว สะท้อนอยู่กลางฟ้าดินเป็นเวลานาน

เมื่อเห็นเช่นนี้กลุ่มคนที่ไอสังหารพลุ่งพล่านอึ้งไปเป็นอันดับแรก จากนั้นล้วนผ่อนคลายลง

“ที่แท้เป็นสัตว์ระเบียบตัวหนึ่ง ข้ายังคิดว่าเจอการซุ่มโจมตีของหลินสวินนั่นเข้าให้แล้ว”

มีคนเอ่ยปากหัวเราะ

คนอื่นๆ ก็หัวเราะตามเช่นกัน ถึงขั้นสงสัยว่าการตอบสนองเมื่อครู่ของตนแตกตื่นเกินเหตุหรือไม่

“สัตว์ระเบียบก่อนหน้านั้น อย่างน้อยก็มีพลังระเบียบระดับสวรรค์ขั้นสี่ นี่เป็นสมบัติที่หาไม่ได้ง่ายนัก ทุกคนรอก่อน ข้าจะไปเอามันมาเอง”

คนตระกูลจงหลีคนหนึ่งเดินออกไป พุ่งไปยังส่วนลึกของโกรกธารนั่นในทันที

เมื่อเห็นภาพนี้ในใจหวังเจวี๋ยฮ่วนก็เกิดความรู้สึกชอบกลแปลกๆ

และเป็นเวลานี้เอง…

ส่วนลึกของโกรกธารนั่น มีเสียงตะโกนอย่างตกใจปนเดือดดาลของคนตระกูลจงหลีผู้นั้นดังออกมา

“มีการซุ่มโจมตี!”

…………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด