Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 2903 เข้าแดนมงคลไผ่เขียวอีกครั้ง

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 2903 เข้าแดนมงคลไผ่เขียวอีกครั้ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2903 เข้าแดนมงคลไผ่เขียวอีกครั้ง

ฟ้าดินเงียบสงัด

กลิ่นอายคาวเลือดยังคงอบอวล

ผู้นำสี่ตระกูลตงหวงที่พังพาบกับพื้นหน้าซีดเผือดเหมือนสูญเสียบุพการีอย่างไรอย่างนั้น

ครั้งนี้พวกเขาเตรียมตัวมาอย่างดี โจมตีแดนถ้ำสวรรค์หยกงามโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว เดิมครองความได้เปรียบโดยสมบูรณ์ คิดว่าผลลัพธ์ของสถานการณ์ได้ถูกกำหนดแล้ว ตระกูลตู๋กูยากจะพลิกสถานการณ์

ใครจะคิดว่าในช่วงสำคัญตอนท้าย การปรากฏตัวของหลินสวินจะทำลายทุกอย่าง!

ผู้แข็งแกร่งนับพันคน ล้วนเป็นมือฉมังชั้นยอดที่สุดของเผ่าจักรพรรดิอมตะทั้งสี่ตระกูล ตอนนี้กลับดับสิ้นในชั่วพริบตา

ความหนักหน่วงของการสูญเสียนี้ ไม่ใช่แค่พลังดั้งเดิมถูกทำลายแล้ว ถึงขั้นสามารถทำให้รากฐานของพวกเขาสี่ตระกูลสั่นคลอน ปรากฏความเสี่ยงของการล่มสลาย!

แค่คิดก็รู้ว่าเมื่อไม่มีคนระดับพวกเขาบัญชาการ ตระกูลของพวกเขาก็ถูกกำหนดให้กลายเป็นเหยื่อในสายตาขุมอำนาจอื่นๆ สามารถเข่นฆ่าได้ตามใจ

ยามตู๋กูเซียวพาเหล่าคนใหญ่คนโตตระกูลตู๋กูมาถึงก็เห็นภาพเช่นนี้ แต่ละคนนอกจากความตะลึง ในใจยังรู้สึกสะใจอย่างบอกไม่ถูก

“สี่คนนี้ให้ทุกท่านจัดการ”

หลินสวินพูดง่ายๆ

“ขอบคุณสหายน้อยที่ช่วยเหลือ ช่วยตระกูลตู๋กูของข้าจากอันตราย!”

ตู๋กูเซียวคารวะ สีหน้าซาบซึ้ง

“ขอบคุณสหายน้อยยิ่ง!”

คนใหญ่คนโตคนอื่นๆ ต่างคารวะเช่นกัน

ตู๋กูโยวหรันที่อยู่ข้างๆ อดพูดไม่ได้ “ท่านพ่อ ท่านลุง ท่านอาทุกท่าน ตอนนี้หลินสวินเป็นรองหัวหน้าหอแรกนภาของลัทธิแรกกำเนิดแล้ว ฐานะเทียบเท่าท่านปู่น้อย”

พวกตู๋กูเซียวสะท้านไปทั้งตัว อึ้งจนตาค้างแล้ว

รองหัวหน้าหอ!!

ตีหัวจนแตกพวกเขาก็คิดไม่ถึง ว่าเพิ่งจะสิบปีสั้นๆ หลินสวินในตอนนี้ก็เป็นรองหัวหน้าหอแล้ว ตำแหน่งนี้สูงจนน่าตกใจ

อย่าว่าแต่ในน่านฟ้าที่เจ็ด ต่อให้อยู่น่านฟ้าที่แปด พวกเฒ่าดึกดำบรรพ์ของยักษ์ใหญ่อมตะเจอก็ยังต้องเคารพสามส่วน!

“ที่แท้ก็เป็นรองหัวหน้าหอหลิน ก่อนหน้านี้พวกเราสะเพร่า โปรดอภัยให้ด้วย”

ตู๋กูเซียวรีบเปลี่ยนคำเรียกขาน

เขารู้ชัดยิ่งว่าอำนาจของรองหัวหน้าหอลัทธิแรกกำเนิดล้นฟ้าเพียงใด ถึงขั้นสามารถสั่งให้ผู้อาวุโสที่มีมรรควิถีขั้นหลุดพ้นเหล่านั้นทำตามคำสั่งได้

และหลินสวินยังหนุ่มขนาดนี้ก็สามารถกลายเป็นรองหัวหน้าหอได้แล้ว ความหมายที่แฝงอยู่ยิ่งทำให้คนใจสั่น!

“ข้ากับโยวหรันเป็นสหายกัน ผู้อาวุโสทุกท่านไม่ต้องเกรงใจเช่นนี้”

หลินสวินกล่าว “ตอนนี้แม้ศัตรูในแดนถ้ำสวรรค์หยกงามถูกกวาดล้างหมดแล้ว แต่ในเขตแดนดาราจื่อเวยยังมีผู้แข็งแกร่งของสี่ตระกูลตงหวงจำนวนไม่น้อย แต่คนพวกนี้ล้วนเป็นพวกตัวเล็กๆ ข้าคนแซ่หลินก็ไม่สอดมือแล้วกัน”

“ให้พวกเราจัดการก็พอ!”

ตู๋กูเซียวเอ่ยโดยไม่ต้องคิด “ผู้อาวุโสทุกท่าน พวกท่านพาคนไปจัดการเรื่องเหล่านี้ ข้าจะต้อนรับรองหัวหน้าหอหลินด้วยตัวเอง”

“ขอรับ!”

บรรดาผู้อาวุโสที่อยู่รอบๆ รับคำสั่งจากไป

พวกเขาล้วนไฟสุมอกไม่มีที่ระบาย ถือว่าสามารถฉวยโอกาสนี้มาระบายสักหน่อย

จู่ๆ ในใจหลินสวินก็เกิดความคิดหนึ่ง มองไปยังตู๋กูเซียวแล้วเอ่ยว่า “ผู้อาวุโส จากที่นี่ไปสี่ตระกูลตงหวงไกลแค่ไหน”

ตู๋กูเซียวกล่าว “ตระกูลอวิ๋นใกล้ที่สุด พวกเขาตั้งอาณาเขตในแดนถ้ำสวรรค์แสงหยกของเขตแดนดาราจื่อเวย ส่วนอีกสามตระกูลอยู่ในเขตแดนดาราชิงกวง”

หลินสวินคำนวณระยะทางคร่าวๆ ก็กระจ่างในใจ เอ่ยว่า “ในมือผู้อาวุโสมีแผนภาพอาณาเขตที่ตระกูลพวกนี้ตั้งอยู่หรือไม่”

“ข้าสามารถสลักม้วนหยกให้ท่านได้เดี๋ยวนี้”

ว่าพลางตู๋กูเซียวก็หยิบม้วนหยกเปล่าม้วนหนึ่งออกมา ประทับตำแหน่งที่ตั้งของสี่ตระกูลตงหวงลงไป จากนั้นยื่นให้หลินสวินด้วยสองมือ

แม้หลินสวินไม่ใส่ใจความสูงต่ำของระดับอาวุโสและตำแหน่ง แต่ไม่ว่าจะเป็นคำพูดหรือการกระทำของตู๋กูเซียว ล้วนเผยความเคารพอย่างยิ่ง

ต่อให้หลินสวินไม่คุ้นชินอยู่บ้างแต่ก็ไม่สามารถไปแก้อะไรได้

อันที่จริงก็ถูกกำหนดให้เปลี่ยนแปลงไม่ได้

เพราะในโลกผู้ฝึกปราณ ระดับพลังยิ่งสูง ตำแหน่งยิ่งสูง ระดับความอาวุโสก็จะยิ่งสูง นี่คือสิ่งที่สลักอยู่ในขั้วกระดูกของผู้ฝึกปราณทุกคนตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน

หลินสวินหยิบม้วนหยกมาดูแล้วเรียกร่างแยกทั้งสี่อย่างเพลิงแดง ไม้เขียว ทองขาว ดินเหลืองออกมา เมื่อความคิดไหวเคลื่อน ก็ส่งตำแหน่งที่ตั้งของสี่ตระกูลตงหวงให้กับทั้งสี่กายมรรคแล้ว

จากนั้นสี่กายมรรคก็ทะยานจากไปไกล

“หรือรองหัวหน้าหอหลินจะ…”

ตู๋กูเซียวเพิ่งตระหนักได้ถึงบางอย่าง ใจอดหวั่นไหวไม่ได้

“ไม่ถึงกับถอนรากถอนโคน ถึงอย่างไรการฆ่าผู้บริสุทธิ์ก็เป็นเรื่องไม่ดี แต่สี่ตระกูลตงหวงไม่มีความจำเป็นต้องอยู่บนโลกนี้แล้ว”

หลินสวินพูดง่ายๆ

ผู้นำตระกูลทั้งสี่อย่างพวกอวิ๋นฉางคงที่ทรุดนั่งกับพื้นหมดอาลัยตายอยากไปนานแล้ว ได้ยินเช่นนี้เหมือนจะพังทลายไปทั้งตัว ส่งเสียงตะโกนร้อง ก่นด่าสาปแช่งหลินสวิน

ไม่รอให้หลินสวินลงมือ ตู๋กูเซียวก็ยกมือวาดดาบลงมา ฟันศีรษะของผู้นำตระกูลทั้งสี่ที่อำนาจล้นฟ้า เลือดสาดเต็มพื้น

ทำทั้งหมดนี้เสร็จ ตู๋กูเซียวก็เหมือนได้ระบายความชิงชังในที่สุด ทั้งร่างเบาสบายลงไม่น้อย เขาทำท่าเชื้อเชิญพร้อมเอ่ยว่า “รองหัวหน้าหอหลิน รีบเข้ามาเถอะ”

หลินสวินพยักหน้า “รบกวนผู้อาวุโสแล้ว”

จากนั้นเขากับตู๋กูโยวหรันก็เข้าไปในสถานที่สำคัญแกนหลักของตระกูลตู๋กูด้วยกัน

……

ครึ่งวันหลังจากนั้น

เหล่าผู้อาวุโสตระกูลตู๋กูที่ออกไปสังหารศัตรูกลับมาพร้อมข่าวดี ผู้แข็งแกร่งสี่ตระกูลตงหวงที่กระจายอยู่ในเขตแดนดาราจื่อเวยถูกโจมตีพินาศสิ้นแล้ว ส่วนคนตระกูลตู๋กูที่กระจายอยู่ที่ต่างๆ บาดเจ็บล้มตายไม่มาก

นี่ทำให้ตู๋กูเซียวเองก็โล่งอกอย่างสิ้นเชิงแล้ว

……

หนึ่งวันหลังจากนั้น

สี่กายมรรคของหลินสวินทยอยกลับมา

เมื่อความคิดของร่างต้นของหลินสวินขยับไหว ก็รับรู้การเคลื่อนไหวของสี่กายมรรคครั้งนี้ทั้งหมดแล้ว

สรุปง่ายๆ คือ อาณาเขตของสี่ตระกูลตงหวงล้วนถูกเหยียบย่ำพังทลายแล้ว พลังระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้าที่ปกคลุมในตระกูลล้วนถูกหลินสวินเก็บมาทั้งหมด

ก็หมายความว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ในน่านฟ้าที่เจ็ดแห่งนี้จะไม่มี ‘สี่ตระกูลตงหวง’ อีกต่อไป!

วันเดียวกันนั้นหลินสวินไปจากเขตแดนดาราจื่อเวยพร้อมกับตู๋กูโยวหรัน

คนตระกูลตู๋กูทุกคนล้วนถูกจัดแจงให้อยู่ในกระสวยบินอาทิตย์แรกกำเนิด ถูกหลินสวินพกติดตัว เช่นนี้ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไรแล้ว

หลังออกจากเขตแดนดาราจื่อเวย หลินสวินก็ทะยานไปยังเขตแดนดาราเร้นฟ้า

ตระกูลหยวนตั้งอาณาเขตอยู่ในเขตแดนดาราเร้นฟ้า

ในเวลาเดียวกันหลินสวินส่งกายมรรคไม้เขียวมุ่งหน้าไปเขตแดนดาราใจกลาง

เขตแดนดาราใจกลางมีสามสิบหก ‘แดงมงคล’

แดนมงคลไผ่เขียวเป็นหนึ่งในนั้น ตอนนี้เผ่าจักรพรรดิอมตะตระกูลจวงยึดครองอยู่

หลินสวินย่อมไม่ลืมสิ่งที่ประสบยามเขากับศิษย์พี่จวินหวนเดินทางไปยังตระกูลจวง!

และไม่ลืมว่าตระกูลจวงตอบแทนคุณด้วยความแค้นอย่างไร!

……

แดนมงคลไผ่เขียว

ยามกายมรรคไม้เขียวของหลินสวินมาถึง ก็ผ่านไปครึ่งวันแล้ว

ในแววตาหลินสวินเผยแววเหม่อลอยเสี้ยวหนึ่ง

ตอนนั้นเขากับศิษย์พี่จวินหวนเคยมาที่นี่ เพื่อขอให้ตระกูลจวงช่วยติดต่อกับจวงซื่อหลิวที่ดำรงตำแหน่งรองผู้ดูแลในลัทธิแรกกำเนิด

ใครจะคิดว่าตระกูลจวงไม่เพียงปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือ ยังเยาะหยันพวกเขา ถึงตอนท้ายยิ่งวางแผนจะคุมตัวพวกเขาไว้

เหตุผลคือตระกูลจวงมาอยู่ใต้อาณัติยักษ์ใหญ่อมตะน่านฟ้าที่แปดอย่างตระกูลมู่นานแล้ว

และที่ตระกูลจวงจะจับพวกเขา ก็เพื่อไปขอรางวัลจากตระกูลมู่

หากเพียงเท่านี้ก็ช่างเถอะ

ทว่าประเด็นสำคัญคือเจ้าแห่งคีรีดวงกมลมีบุญคุณกับบรรพบุรุษตระกูลจวง เคยสลายอันตรายให้กับบรรพบุรุษตระกูลจวงเมื่อนานมาแล้ว ทั้งชิงแดนมงคลไผ่เขียวมาให้ตระกูลจวง

เพราะฉะนั้นตระกูลจวงจึงมีวันนี้ได้!

แต่ตระกูลจวงในตอนนี้กลับพึ่งยักษ์ใหญ่อมตะตระกูลมู่ มองผู้สืบทอดคีรีดวงกมลเป็นศัตรู การกระทำที่ทดแทนคุณด้วยความแค้นเช่นนี้เป็นสิ่งที่หลินสวินไม่สามารถทนได้เด็ดขาด

ตอนนั้นยามไปจากแดนมงคลไผ่เขียว หลินสวินเคยพูดไว้ ว่าสักวันจะเป็นตัวแทนอาจารย์มารับแดนมงคลไผ่เขียวคืน!

“ผู้มาเป็นใคร”

ผู้คุ้มกันสองคนที่เฝ้าอยู่นอกแดนมงคลไผ่เขียวเอ่ยเสียงดัง

หลินสวินตื่นจากห้วงความคิด มองผู้คุ้มกันสองคนนี้แวบหนึ่ง

พรูด! พรูด!

ผู้คุ้มกันทั้งสองล้มลงกับพื้นอย่างไร้สุ้มเสียง หมดสติไปแล้ว

ด้วยฐานะของหลินสวินในตอนนี้ ไม่ใส่ใจจะสังหารคนตัวเล็กๆ เช่นนี้

เขาก้าวเดินตรงเข้าไป เข้าสู่แดนมงคลไผ่เขียว

ในฐานะหนึ่งในสามสิบหกแดนมงคลของเขตแดนดาราใจกลาง ภูผาธาราในแดนมงคลไผ่เขียวราวกับภาพวาด กลิ่นอายแรกกำเนิดที่เก่าแก่คละคลุ้ง มีชื่อเสียงว่า ‘รวมความงามวิจิตรทั่วหล้า บ่มเพาะบ่อเกิดต้นกำเนิด’

ระหว่างทางหลินสวินพบเจอเงาร่างมากมาย

มีสาวใช้ ข้ารับใช้ ผู้คุ้มกันเป็นต้น และมีคนตระกูลจวงที่ฝึกปราณอยู่ในลานฝึก

เพียงแต่คนเหล่านี้ไม่สังเกตเห็นตัวตนของหลินสวินสักนิด

หลินสวินเองก็ไม่ได้สนใจพวกเขา

แต่ไรมาเขาไม่ใช่คนที่จะฆ่าผู้บริสุทธิ์

สำหรับหลินสวิน คนผิดก็คือบรรดาคนใหญ่คนโตที่ครอบครองอำนาจในตระกูลจวง

ส่วนเรื่องที่ว่าหากไม่ถอนรากถอนโคน ในอนาคตจะถูกทายาทของศัตรูมาแก้แค้นหรือไม่ หลินสวินไม่ได้สนใจสักนิด หากเจ้าแข็งแกร่งมากพอ การแก้แค้นของศัตรูก็ไม่ต่างอะไรกับแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ

ทว่าที่มากกว่าก็คือ ขอเพียงเจ้าแข็งแกร่งมากพอ ทายาทของศัตรูก็ไม่มีโอกาสมาแก้แค้นแล้ว

ไม่นานยอดเขาที่เขียวมรกตเต็มไปด้วยต้นไผ่แห่งหนึ่งก็ปรากฏในสายตาหลินสวิน

นี่ก็คือสถานที่สำคัญของตระกูลจวง

ในคฤหาสน์เก่าแก่แห่งหนึ่ง ผู้นำตระกูลจวงปี้ป๋อกำลังต้มชา ท่าทางผ่อนคลาย

ในเรือนอื่นๆ บรรดาคนใหญ่คนโตตระกูลจวงต่างทำเรื่องของตนเอง บ้างกำลังหลอมยา บ้างกำลังนั่งขัดสมาธิ บ้างกำลังศึกษาม้วนตำรา บ้างกำลังดื่มสุรา…

และก็เป็นตอนนี้เอง พวกเขาล้วนถูกเสียงหนึ่งที่จู่ๆ ก็ดังขึ้นทำให้ตกใจ

“หลินสวินผู้สืบทอดคีรีดวงกมล มารับแดนมงคลไผ่เขียวคืนแทนอาจารย์!”

เสียงราวกับฟ้าร้อง สะเทือนจนหูของคนใหญ่คนโตตระกูลจวงที่กระจายอยู่ในพื้นที่ต่างๆ ส่งเสียงวิ้งๆ ภาพตรงหน้าพร่ามัว

“หลินสวิน!”

จวงปี้ป๋อหัวใจสะท้าน หน้าเปลี่ยนสีไปทันที

ปีนั้นยามหลินสวินเพิ่งเข้าลัทธิแรกกำเนิด ชื่อเสียงสะเทือนทั่วหล้าด้วยผลงานอันดับหนึ่ง เรื่องมากมายที่เกิดขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมาก็กระจายมาถึงตระกูลจวงเช่นกัน

โดยเฉพาะปีนั้นยามข่าวที่จวงซื่อหลิวถูกหลินสวินสังหารเผยแพร่มาถึง ทั้งตระกูลจวงล้วนสะเทือนไหวไม่หยุด ช่วงเวลานั้นเรียกได้ว่าผู้คนจิตใจพะวักพะวง ถึงขั้นที่พวกเขาตระกูลจวงได้เตรียมโยกย้ายหลบหนีแล้ว

แต่พร้อมๆ กับเวลาที่ล่วงเลยไป การแก้แค้นของหลินสวินก็ไม่ได้มาเยือน นี่ทำให้ตระกูลจวงค่อยๆ วางใจลงไม่น้อย

ถึงขั้นคิดว่าหลังจากหลินสวินสังหารจวงซื่อหลิวแล้ว ก็ไม่ได้ถือสาพวกเขาอีกต่อไปแล้ว

แต่ใครจะคิดว่าเรื่องที่พวกเขากังวลที่สุดในช่วงหลายปีมานี้จะเกิดขึ้นแล้ว!

จวงปี้ป๋อลุกขึ้นทันที ตวาดเสียงกร้าว “ผู้อาวุโสทุกท่านฟังคำสั่ง รีบออกด่านสังหารศัตรู!”

ความจริงไม่จำเป็นต้องให้เขาสั่ง หลังจากได้ยินเสียงของหลินสวิน คนใหญ่คนโตที่กระจายอยู่ในพื้นที่ต่างๆ ก็พุ่งออกมาแล้ว มุ่งหน้ามาทางจวงปี้ป๋อ

วู้ม!

ไม่ทันไรทั้งบนล่างยอดเขาเขียวมรกตนั่น พลังผนึกนับไม่ถ้วนถูกเปิดใช้ พร้อมกันนั้นก็มีพลังระเบียบปรากฏออกมาเหมือนด่านกั้นชั้นแล้วชั้นเล่า ปกป้องที่แห่งนี้เอาไว้

หลินสวินเอามือไพล่หลัง มองภาพนี้โดยไม่ได้ขัดขวาง

เพราะสำหรับเขา วิธีป้องกันเหล่านี้ก็เหมือนว่างเปล่า ไม่เพียงพอจริงๆ!

……………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด