Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 2948 หมากกระดานโต

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 2948 หมากกระดานโต at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2948 หมากกระดานโต

ยามระดับนิรันดร์ห้าคนมาเยือน บรรยากาศกลางฟ้าดินก็ยิ่งกดดันแล้ว

“พวกเรามาโดยไม่ได้รับเชิญ ถ้าเป็นการรบกวนทุกท่านก็ขออภัยด้วย”

ชายชราชุดเหลืองท่วงท่าสง่าผ่าเผยคนหนึ่งมาถึงเป็นคนแรก จากนั้นก้มหัวคารวะรูปจำลองเจตจำนงของบรรพจารย์ทั้งสี่ “ว่าด้วยลำดับศักดิ์แล้ว ทั้งสี่ท่านเป็นเมธีบนมรรคานิรันดร์ แม้ร่างต้นไม่อยู่ แต่ยังควรค่าให้พวกเราเคารพเช่นเดิม”

“ถ้าเจ้าเคารพจริงก็อย่ามาหาเหาใส่หัวตัวเองที่นี่!”

ก่อนหน้านี้หยวนชูยังยิ้มแย้มมาตลอด ต่อให้เผชิญหน้ากับเทียนอูและซื่อก็ไม่เปลี่ยนสีหน้า

แต่ตอนนี้สีหน้าเขากลับดูอึมครึมนัก

ชายชราชุดเหลืองยิ้มน้อยๆ เอ่ยว่า “ถ้าผู้อาวุโสถอยให้ก้าวหนึ่ง ส่งผู้สืบทอดคีรีดวงกมลนามว่าหลินสวินคนนั้นมา ข้าน้อยจะจากไปทันที”

“มาแล้วก็ต้องการตัวคนทันที ดูท่าพวกเจ้าตระกูลหยวนจะแค้นคีรีดวงกมลเข้ากระดูกดำจริงๆ หรือตอนนั้นเจ้าแห่งคีรีดวงกมลไปทุบประตูบ้านเจ้าที่น่านฟ้าที่เก้ากัน”

ซวีอิ่นแค่นหัวเราะขึ้นมา

ชายชราชุดเหลืองนิ่วหน้าเอ่ย “ข้าน้อยเคารพผู้อาวุโสว่าเป็นเมธี แต่ถ้าผู้อาวุโสไม่เคารพตัวเองก็ทำให้ผู้อื่นเกรงใจไม่ได้แล้ว”

“อ้อ เจ้าลองไม่เกรงใจดูไหมล่ะ”

ซวีอิ่นใบหน้าเปี่ยมรอยยิ้ม “มาๆๆ พวกเราลงมือกันหน่อย ถ้าฆ่าเจ้าไม่ตาย ทุบรากฐานนิรันดร์ของเจ้าให้แหลกเป็นชิ้นๆ ก็ไม่ต้องพูดถึงแล้ว”

ชายชราชุดเหลืองหรี่ตาเล็กน้อย สายตามองไปที่บรรพจารย์ลัทธิฌานซื่อ

ซื่อเอ่ยด้วยสีหน้าสงบนิ่งว่า “มีข้าอยู่ เกรงว่าจมูกโคอย่างเจ้าจะไม่มีโอกาสทำได้ถึงขั้นนี้ กลับกันทันทีที่เปิดศึก ผู้ร่วมมรรคที่มาจากน่านฟ้าที่เก้าห้าคนนี้จะถือโอกาสบุกเข้าไปในลัทธิแรกกำเนิดได้ ผลลัพธ์เป็นเช่นไรทุกคนรู้แก่ใจ”

คำพูดเดียวทำให้บรรยากาศในที่นั้นยิ่งกดดัน พร้อมจะปะทุขึ้นทุกเมื่อ

และตอนนี้หลินสวินได้รู้ฐานะของระดับนิรันดร์ห้าคนนั้นจากปากเสวียนเฟยหลิงแล้ว

พวกเขามีชายสี่หญิงหนึ่ง

แต่ละคนมาจากเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลหยวน ชาง ไท่เฮ่า ผานอู่ และเจวี๋ย

ชายชราชุดเหลืองที่เอ่ยปากก่อนหน้านี้ก็คือระดับนิรันดร์ตระกูลหยวน นามว่าหยวนเฟยหู.

ชายสามคนและหญิงหนึ่งคนที่เหลือได้แก่ชางสยงถู ผานอู่ซิงหยวน เจวี๋ยปี้ไฮ่และไท่เฮ่าหานเว่ย

ในนั้นหลินสวินเคยเจอไท่เฮ่าหานเว่ยมาก่อน ตอนนั้นในน่านฟ้าที่หก เขาเคยสังหารรูปจำลองเจตจำนงของอีกฝ่าย

หลังจากระดับนิรันดร์พวกนี้มาถึง แต่ละคนเก็บงำกลิ่นอายไว้ถึงขีดสุด เห็นชัดว่ากังวลว่าจะชักนำการสะท้อนกลับจากกฎระเบียบฟ้าดิน

แต่ใครๆ ต่างรู้ชัดว่าในเมื่อพวกเขากล้าปรากฏตัวที่นี่ ก็ย่อมไม่สนใจเรื่องพวกนี้แล้ว

หลินสวินเห็นภาพนี้ก็ยิ่งรู้สึกอึดอัดกระวนกระวาย

ถึงตอนนี้เขาถึงตระหนักรู้ได้ว่าก่อนหน้านี้ตนประเมินความแน่วแน่ของศัตรูพวกนี้ต่ำไป

ดูผิวเผินพวกเขาเคลื่อนกำลังพลเป็นเฒ่าดึกดำบรรพ์ขั้นหลุดพ้น ซ้ำยังนำรูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์มามากมาย แต่ไพ่ตายที่แท้จริงของพวกเขากลับเป็นรูปจำลองเจตจำนงบรรพจารย์ผู้ก่อตั้งสองคนนั้น กับระดับนิรันดร์น่านฟ้าที่เก้าห้าคนนี้!

พูดได้ว่าสถานการณ์ตอนนี้ไม่ดีต่อลัทธิแรกกำเนิดแล้วโดยสิ้นเชิง

ไม่ว่าใครได้เห็นภาพนี้เกรงว่าจะเกิดความรู้สึกไร้พลังและสิ้นหวัง

“ตัวเลือกก็อยู่ในมือพวกเจ้าลัทธิแรกกำเนิด พวกเรามาคราวนี้เพียงเพื่อผู้สืบทอดคีรีดวงกมลหลินสวินเท่านั้น ถอยก้าวเดียวก็จะปกป้องลัทธิแรกกำเนิดของพวกเจ้าให้ไร้โศกได้!”

บรรพจารย์ลัทธิพ่อมดเทียนอูเอ่ยปาก วาจาดุดันหนักแน่น ไอรีนโนเวล

“ถอยก้าวเดียวหรือ”

หยวนชูสีหน้าเฉยชา “ถ้าถอยก้าวนี้ไป ข้ามีชีวิตอยู่ยังจะมีความหมายบ้าอะไร”

“เช่นนั้นก็สู้!”

เทียนอูอานุภาพแกร่งกล้า

ซื่อสีหน้าเรียบเฉย เอ่ยว่า “เช่นนี้ดูท่าในวันนี้ลัทธิแรกกำเนิดจะต้องถูกลบชื่อไปจากโลก น่าเสียดายแล้ว…”

“ลัทธิแรกกำเนิดกับคีรีดวงกมลร่วมมือกันกระทำชั่ว ย่อมไม่อาจดำรงอยู่บนโลกนี้ได้อีก”

ชายชราชุดเหลืองหยวนเฟยหูสีหน้าเฉยเมย ดวงตาระดับนิรันดร์ข้างกายเขาอีกสี่คนก็มีประกายเย็นชาน่าหวาดผวาไหวเคลื่อน

“อยากทำลายลัทธิแรกกำเนิด มาถามข้าไท่เสวียนก่อนว่ายอมหรือไม่!”

ทันใดนั้นห้วงอากาศสั่นสะเทือน เงาร่างสูงใหญ่ร่างหนึ่งปรากฏ เขาแต่งกายชุดผ้าป่าน เบื้องหลังมีเงาแสงที่วิวัฒน์จากปราณกระบี่ไพศาล

เป็นร่างต้นของหัวหน้าหอแรกมายาไท่เสวียน!

หลินสวินสะท้านในใจ กลับดีใจไม่ออกสักนิด เขารู้ว่าไท่เสวียนขังตัวเองอยู่ในเขตผนึกแจ้งเร้นเพื่อหยั่งรู้มหามรรค แต่ตอนนี้กลับถูกบีบให้ออกด่าน เกรงว่าความทุ่มเทแสนกว่าปีจะต้องสูญสิ้นไป…

หยวนชูแววตาซับซ้อน เอ่ยว่า “ยังไม่ตัดสินแพ้ชนะเจ้าก็แจ้นมาแล้ว จะร้อนรนไปหน่อยนะ”

ไท่เสวียนหัวเราะเบิกบานเอ่ยว่า “ช้าเร็วล้วนเหมือนกัน ก็แค่สู้จนตัวตายเท่านั้น จะครึกโครมหน่อยก็ไม่เป็นไร”

เมื่อไท่เสวียนปรากฏตัว พวกเทียนอูที่อยู่ไกลๆ ต่างนัยน์ตาหดรัด

“มีแค่เจ้าคนเดียวจะเปลี่ยนสถานการณ์วันนี้ได้หรือ”

เทียนอูเอ่ยเย็นชา

ไท่เสวียนยิ้มเอ่ย “ข้ายังห่วงเรื่องพวกนี้ทำไม ยามตายลากคนไปตายด้วยอีกสองสามคนเป็นพอ”

ประโยคเดียวกลับทำให้พวกหยวนเฟยหูนิ่วหน้าไม่หยุด ถ้าระดับนิรันดร์คนหนึ่งสู้สุดชีวิต… เช่นนั้นก็จัดการยากแล้ว!

“เช่นนั้นหรือ ถ้าอย่างนั้นก็รอถูกฝังไปพร้อมลัทธิแรกกำเนิดเถอะ”

เทียนอูเสียงเหี้ยมเกรียม

“ศึกนี้นับข้าเข้าไปด้วยคน”

ทันใดนั้นเสียงน่าเกรงขามไม่เหมือนใครเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น เงาร่างผอมแห้งของหัวหน้าหอแรกนภาเหยียนจี้ปรากฏตัวในที่นั้น

หลินสวินกับเสวียนเฟยหลิงต่างหน้าเปลี่ยนสี

โหยวเป่ยไห่กำลังข้ามมหาเคราะห์นิรันดร์ แต่เหยียนจี้กลับมาที่นี่ เช่นนั้นใครจะปกป้องแดนแรกเริ่มเล่า

“โรคทางใจรักษาหายแล้วหรือ”

หยวนชูเอ่ยถาม

เหยียนจี้ตอบ “เหลือแต่อาการเล็กๆ น้อยๆ ไม่กระทบกับการต่อสู้”

หยวนชูถอนใจยาว “เฮ้อ ต้องโทษที่ตอนข้าจากไปรีบร้อนไปหน่อย หาไม่เจ้าอาจไม่มีโรคทางใจเช่นนี้”

เหยียนจี้ยิ้มเอ่ย “เคราะห์โชคแนบอิงกัน โรคทางใจนี้สำหรับข้าแล้วกลับเป็นเรื่องน่ายินดีเช่นกัน ทำให้ข้ารู้แจ้งว่าจะไปจะมาอย่างไรในระดับนิรันดร์ได้ในที่สุด” ดฮณ๊ฯดฯฌซ,

หยวนชูไม่พูดอะไรอีก ดวงตามองไปไกล

เขาคล้ายตัดสินใจแล้ว ทั้งตัวดูเยือกเย็นและสงบนิ่งนัก เอ่ยว่า “มาเถอะ จะชักช้าไม่ได้ สู้ให้สาแก่ใจสักตั้ง ต่อให้วันนี้ลัทธิแรกกำเนิดย่อยยับ วันหน้ารอร่างต้นข้ากลับมาจากแหล่งสถานอัศจรรย์จะต้องไปเยือนแดนสมบัติของทุกท่าน!”

เสียงเผยความดุร้าย

ในใจพวกถูมู่หุน จี้คงต่างบีบเกร็ง หน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย

กลับพบว่าเทียนอูยิ้มเย็นชาเอ่ยว่า “เคราะห์แห่งยุคสมัยจะมาเยือนภายในพันปี มหายุคสับเปลี่ยน ทุกสิ่งในอดีตล้วนวอดวาย ถึงตอนนั้นเจ้าเฒ่าหยวนจะรอดมาจากเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพหรือไม่ยังบอกไม่ได้ ตอนนี้กลับโวยวายว่าจะล้างแค้น น่าขันปานไหนกัน!”

ซื่อยิ่งตัดบทตรงๆ ว่า “สหายยุทธ์น่านฟ้าที่เก้าทุกท่าน หยวนชูกับซวีอิ่นมอบให้ข้ากับเทียนอูจัดการ พวกเจ้าแบ่งสองคนไปจัดการไท่เสวียนกับเหยียนจี้ คนอื่นถือโอกาสนี้จับหลินสวิน บุกเข้าลัทธิแรกกำเนิด”

“ได้!”

พวกหยวนเฟยหูพยักหน้า

ฟ้าดินหนาวเหน็บ มหาศึกใกล้จะเกิดขึ้น

หลินสวินกับเสวียนเฟยหลิงต่างใจจมดิ่ง

ก็ในตอนนี้เองพลันมีเสียงหัวเราะเหิมเกริมเสียงหนึ่งดังขึ้น “รีบอะไร คิดว่าคีรีดวงกมลไม่มีคนหรือ”

โครม!

ฟ้าดินปั่นป่วน แสงมรรคสาดกระเซ็น เงาร่างเด็กหนุ่มรูปงามคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นที่นั่น แม้พลังขับเคลื่อนทั้งร่างจะเก็บงำถึงขีดสุด แต่กลิ่นอายระดับนิรันดร์นั้นกลับแข็งแกร่งจนพาให้ใจสั่นระรัว

“อาจารย์อาคงเจวี๋ย!”

หลินสวินตาเป็นประกาย

“ก็รู้ว่าเจ้าต้องปรากฏตัว”

เหยียนจี้คล้ายลอบถอนหายใจโล่งอก ยิ้มเอ่ยปาก

คงเจวี๋ยเอ่ย “ศิษย์หลานข้าคนนี้ได้รับการคุ้มครองจากลัทธิแรกกำเนิดของพวกเจ้ามาตลอด บุญคุณใหญ่ยิ่งเช่นนี้ ข้าคงเจวี๋ยจะนิ่งดูดายได้อย่างไร”

“เฒ่าชราโพธิมีศิษย์น้องเพิ่มมาอีกคนตั้งแต่ตอนไหน”

เทียนอูนิ่วหน้าถาม

คนอื่นก็ฉงน

พวกเขาไม่ได้ไม่รู้จักคงเจวี๋ย แต่ไม่รู้ชัดว่าคงเจวี๋ยกลายเป็นอาจารย์อาของหลินสวินตั้งแต่ตอนไหน เช่นนั้นก็มีแต่ต้องเป็นศิษย์น้องของเจ้าแห่งคีรีดวงกมล

“เรื่องข้ากับพี่โพธิ พวกเจ้ามายุ่งได้หรือ”

คงเจวี๋ยกลอกตา “ไม่ใช่อยากสู้หรือ วันนี้ฆ่ากันให้สาแก่ใจก็พอ ต่อให้ตายก็ไม่เสียดาย!”

การปรากฏตัวของคงเจวี๋ยทำให้พวกเทียนอูกับหยวนเฟยหูประหลาดใจอยู่บ้าง แต่ไม่ถึงกับใส่ใจอะไรมากมาย ก็แค่คู่ต่อสู้ระดับนิรันดร์เพิ่มขึ้นมาหนึ่งคนเท่านั้น

สถานการณ์ตรงหน้า พวกเขายังได้เปรียบอย่างเบ็ดเสร็จเหมือนเดิม!

“เหอะๆ ข้าเข้าใจแล้ว เคราะห์วันนี้ดูคล้ายมีโหยวเป่ยไห่เป็นคนชักนำมา แล้วตกลงบนตัวเจ้าหลินสวินนี่ ความจริงแล้วเจ้าเฒ่าอย่างพวกเจ้าอยากวางหมากกระดานโตละสิท่า”

“ให้ข้าเดา เคราะห์แห่งยุคสมัยจะมาเยือนในพันปี เวลานี้สิ่งที่ทำให้พวกเจ้าร่วมมือโดยไม่สนใจหน้าตาเช่นนี้ได้ อาจจะมีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว”

ซวีอิ่นยิ้มออกมา เขาเหมือนดูอะไรออกแล้ว ยื่นมือไปชี้ที่ส่วนลึกของเวิ้งฟ้า “คนวางหมาก ใช่ผู้บงการที่ซ่อนอยู่หลังม่านนั่นหรือไม่”

ประโยคเดียวประหนึ่งฟ้าผ่า!

บรรยากาศเงียบกริบทันใด

หลินสวินยังอดขนลุกไม่ได้ ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ผู้บงการหลังม่านเคราะห์แห่งยุคสมัยทำหรือ!?

ครั้นหันมองพวกหยวนชู ไท่เสวียน เหยียนจี้ คงเจวี๋ยอีกครั้ง ต่างล้วนนิ่วหน้า

คำพูดนี้ของซวีอิ่นเหมือนแทงทะลุกระดาษหน้าต่าง ทำให้พวกเขาได้กลิ่นที่ต่างออกไป

และห่างออกไปไกล สีหน้าพวกเทียนอู ซื่อ หยวนเฟยหูล้วนแตกต่างกันไป แต่ละคนเหมือนเก็บซ่อนความลับนับไม่ถ้วนเอาไว้ พาให้คนครุ่นคิด

ในใจหลินสวินปั่นป่วน ถ้าเป็นเช่นนี้จริง เคราะห์ในวันนี้ก็น่ากลัวกว่าที่คาดไว้แล้ว!

“เจ้าจมูกโค เคราะห์แห่งยุคสมัยยังไม่มาเยือนเจ้าก็พูดจาเกินจริงที่นี่ จะน่าขันไปหน่อยแล้ว พวกเจ้าลัทธิแรกกำเนิดเก่งกล้าสามารถมาจากไหน ถึงจะถูกผู้บงการหลังม่านนั่นหมายหัว”

เทียนอูหัวเราะเย็นชา ทำลายความเงียบ

“หากในลัทธิแรกกำเนิดปรากฏพลังที่สามารถคุกคามผู้บงการหลังม่านนั่นได้ ย่อมต้องถูกจับจ้อง”

ซวีอิ่นแววตาวาววาม “หาไม่แล้วเหตุใดเฒ่าชราอย่างพวกเจ้า แต่ละคนถึงอยู่มาไม่รู้กี่ปี ล้วนเป็นระดับนิรันดร์นานแล้ว แต่เหตุใดต้องระดมกำลังคนมาจัดการผู้สืบทอดคีรีดวงกมลคนหนึ่งเช่นนี้ด้วย”

เมื่อพูดออกไปเช่นนี้ ทำให้บรรยากาศในที่นั่นยิ่งประหลาดและกดดัน

ไม่ว่าใครต่างฟังออกว่าความหมายในคำพูดของซวีอิ่นคือ เป็นไปได้สูงยิ่งที่บนตัวหลินสวินจะมีพลังที่สามารถคุกคามผู้บงการหลังม่านนั่นได้

นี่น่าเหลือเชื่อนัก

หลินสวินเองยังนิ่งอึ้ง ยากจะเชื่อเช่นกัน

“พลังระเบียบระดับเทพสายนั้นในมือเจ้าหลินสวินนี่เป็นสมบัติล้ำค่าไม่อาจประเมินได้จริงๆ แต่เกรงว่าจะไม่อาจทำให้เกิดสถานการณ์เช่นนี้ได้ เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว หนึ่งบัวที่เจ้าแห่งคีรีดวงกมลรอคอยนี้ หรือพูดอีกอย่างก็คือเจ้าหนูนี่ สำหรับผู้บงการหลังม่านนั่นแล้วก็คือภัยคุกคามที่แฝงอยู่!”

ซวีอิ่นสีหน้าสงบนิ่ง วาจาสะท้อนกลางฟ้าดิน “มีแต่เป็นเช่นนี้ พวกเจ้าลัทธิพ่อมด ลัทธิฌาน รวมถึงน่านฟ้าที่เก้าถึงจะนั่งไม่ติด และก่อศึกใหญ่วันนี้ขึ้นมา นี่เป็นหมากกระดานโตจริงเชียว!”

หลินสวินเสียวสันหลังวาบ เป็นเช่นนี้จริงหรือ

ยามมองสีหน้าคนอื่นๆ ในที่นั้น ต่างแปรงเปลี่ยนแตกต่างกันไป คล้ายว่าหลังจากได้ยินคำพูดซวีอิ่นแล้วต่างมีความคิดต่างๆ กัน

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด