Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 2960 กันไว้ดีกว่าแก้P

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 2960 กันไว้ดีกว่าแก้P at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2960 กันไว้ดีกว่าแก้

เขาเทพจันทร์กระจ่าง

อาณาเขตของตระกูลตงหวง

ว่ากันว่าภายในรัศมีหนึ่งแสนลี้ใต้เขาสั่งสมชีพจรมรรคต้นกำเนิดตั้งแต่ยามแรกกำเนิดฟ้าดิน เป็นแดนมงคลที่ไม่เป็นรองใครในน่านฟ้าที่แปด

สำหรับผู้ฝึกปราณทั่วไป ฝึกปราณที่นี่หนึ่งวันก็เทียบได้กับทุ่มเทเป็นร้อยวันในโลกภายนอกแล้ว!

มองดูเขาเทพจันทร์กระจ่างที่ถูกปกคลุมใต้สีรัตติกาลจากไกลๆ หลินสวินเองก็อดทอดถอนใจไม่ได้

แดนมงคลเช่นนี้ เทียบกับแดนแรกเริ่มยังไม่ด้อยกว่ากันเท่าไร ฝึกปราณที่นี่ตั้งแต่เด็ก ต่อให้เป็นคนโง่เขลาแค่ไหนก็สามารถตื่นรู้ปลุกจิตวิญญาณขึ้นได้มากมาย

สีรัตติกาลค่อยๆ เข้มขึ้น

หลินสวินนั่งลงกับพื้นลวกๆ แล้วหยิบน้ำเต้าสุรามาดื่มเพียงลำพัง รอคอยเงียบๆ

ภายในเขาเทพจันทร์กระจ่างตอนนี้กลับเป็นบรรยากาศกดดันทั้งแถบ

โถงใหญ่ของตระกูล แสงไฟสว่างไสว

ตงหวงจิ่วหุ่ยนั่งบนที่นั่งประธานตรงกลาง สีหน้าใต้เงาโคมไฟอึมครึมไม่สามารถสงบได้

สองฝั่งของโถงใหญ่ คนใหญ่คนโตตระกูลตงหวงล้วนนั่งไม่ติด รอคอยอย่างร้อนรน

ไม่นานเงาร่างผอมสูงสายหนึ่งปรากฏกลางอากาศในโถงใหญ่ ดึงดูดสายตาของทุกคนในที่นั้นทันที

ตงหวงจิ่วหุ่ยยิ่งลุกขึ้นเอ่ยพูดทันควัน “ผู้อาวุโส เป็นอย่างไร”

เงาร่างผอมสูงนี้สวมชุดแดง รูปลักษณ์ราวกับเด็กหนุ่ม ดวงตาเรียวยาวทั้งคู่เฉียบคม เป็นขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์คนหนึ่งในตระกูลตงหวง นามว่าตงหวงเค่อ

เพียงแต่ตอนนี้สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความอึมครึม “น่านฟ้าที่เก้าส่งข่าวมา ว่าหัวหน้าเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลหยางมีคำสั่งลงมาแล้วตั้งแต่เมื่อสามวันก่อน ว่าไม่อนุญาตให้คนในตระกูลออกไปข้างนอกเด็ดขาด”

ตงหวงจิ่วหุ่ยพลันอึ้งงันอยู่ตรงนั้น ใจหล่นวูบ

เผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลหยางคือที่พึ่งของตระกูลตงหวง แต่ตอนนี้… ตระกูลหยางกลับไม่สนความเป็นความตายของพวกเขาอีกต่อไปแล้ว!

สีหน้าของคนอื่นๆ ที่นั่งอยู่ล้วนเปลี่ยนไปเช่นกัน แต่ละคนต่างตกตะลึง

เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร

เผ่าเทพนิรันดร์ที่ยิ่งใหญ่ กลับไม่กล้าส่งคนมาจัดการหลินสวินหรือ

“ผู้อาวุโส นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เหตุใดเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลหยางจึงเลือกจะนิ่งดูดาย” มีคนพูดอย่างไม่เข้าใจ

ตงหวงเค่อสีหน้ามืดทะมึน “เหตุผลข้าพอจะเดาได้ คงจะเกี่ยวข้องกับเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพ หากข้าเดาไม่ผิด เกรงว่าระดับนิรันดร์ในตระกูลหยางคงเริ่มเตรียมการไปจากโลกยอดนิรันดร์ มุ่งหน้าไปแหล่งสถานคุนหลุนแล้ว ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาย่อมไม่มีทางสนใจความเป็นตายของตระกูลตงหวงของเรา!”

บรรยากาศในโถงใหญ่อึดอัด กดดันจนแทบหายใจไม่ออก

ครู่หนึ่งหลังจากนั้นตงหวงจิ่วหุ่ยสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ในดวงตาความเด็ดเดี่ยว กล่าวว่า “ทุกท่าน นับแต่นี้เป็นต้นไป ลงมือตามแผนที่หารือกันก่อนหน้านี้!”

ว่าพลางสายตาเขามองไปยังคนผู้หนึ่งในโถงใหญ่ เอ่ยว่า “ผู้อาวุโสใหญ่ ท่านไปติดต่อยักษ์ใหญ่อมตะอื่นๆ บอกพวกเขาว่า น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า หากพวกเราจบสิ้น พวกเขาก็หนีไม่พ้น ถ้าอยากสลายเคราะห์นี้ก็ส่งกำลังพลทั้งหมดมาช่วยพวกเราโดยเร็วที่สุด”

“ได้”

ผู้อาวุโสใหญ่ตงหวงซิวรับคำสั่งจากไป

“ผู้อาวุโสรอง ท่านไปรวบรวมขั้นหลุดพ้นในตระกูล ให้พวกเขาปักหลักใน ‘กระบวนสังหารเก้ายอด’ ทั้งหมด พร้อมฟังคำสั่งตลอดเวลา”

“รับทราบ!”

“ผู้อาวุโสสาม ท่านไปรวมตัวคนทั้งหมดในตระกูล ให้พวกเขาไปอยู่ในสมบัติพิทักษ์ตระกูล ‘แผนภาพเทพภูผาธารา’”

“รับทราบ!”

“ผู้อาวุโสสี่ ท่านกับผู้อาวุโสห้าและผู้อาวุโสหกไปดูแลพลังระเบียบของตระกูลด้วยกัน”

“รับทราบ!”

“ผู้อาวุโสเจ็ด ท่านไปศาลบรรพชนถ่ายทอดคำสั่ง ใช้นามของตระกูลตงหวง ระดมกำลังพลทั้งหมดที่อยู่ใต้อาณัติตระกูลเรามาเสริมทัพ ข้าต้องการให้พวกเขามารวมตัวกันหน้าประตูภูเขาภายในหนึ่งวัน”

“รับทราบ!”

“ผู้อาวุโสแปด ท่านกระจายข่าวไปยังโลกภายนอกว่าลัทธิแรกกำเนิดบุกรุกน่านฟ้าที่แปด รองหัวหน้าหอหลินสวินเผยร่องรอยแล้ว เจ้าหลินสวินคนนี้ปรากฏตัวแล้ว!”

“ขอรับ!”

ระหว่างที่คำสั่งแต่ละอย่างถูกถ่ายทอดออกไป หัวใจของตงหวงจิ่วหุ่ยก็ค่อยๆ สงบลง

ตอนนี้ผู้อาวุโสเหล่านั้นต่างรับคำสั่งจากไป เหลือเพียงแค่เขาและตงหวงเค่อสองคน

ตงหวงเค่อเอ่ยด้วยสายตาวูบไหว “เจ้าคิดจะรวบรวมกำลังพลของสิบยักษ์ใหญ่อมตะมาไว้ในตระกูลเรา ต่อสู้ตัดสินกับหลินสวินหรือ”

ตงหวงจิ่วหุ่ยถอนหายใจเบาๆ “นอกจากทำเช่นนี้ยังมีวิธีอื่นหรือ ตอนนั้นพันธมิตรสงครามสิบตระกูลของพวกเราเสียหายหนักในน่านฟ้าที่หก ขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์ถูกสังหารสิ้น แม้แต่ในตระกูลหวังตอนนี้ก็เหลือขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์เพียงสามคน อย่างตระกูลฝูยิ่งน่าอนาถ ขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์เหลือเพียงฝูเฉาหลันคนเดียว”

เขาเว้นช่วงไปแล้วเอ่ยว่า “สิบยักษ์ใหญ่อมตะในตอนนี้ ขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์รวมกันแล้วยังไม่ถึงยี่สิบคน! หากไม่รวมตัวกันย่อมต้องถูกหลินสวินโจมตีจนพ่ายแพ้ทั้งหมด! เหตุผลนี้เชื่อว่ายักษ์ใหญ่อมตะตระกูลอื่นๆ ล้วนกระจ่าง!”

ตงหวงเค่อขมวดคิ้วน้อยๆ กล่าวว่า “หลินสวินคนเดียวเท่านั้น น่ากลัวขนาดนี้จริงหรือ”

ตงหวงจิ่วหุ่ยเอ่ย “หลินสวินคนเดียวแน่นอนว่าไม่น่ากลัว แต่ถ้าเขาพากำลังพลของลัทธิแรกกำเนิดมาด้วยกันกลับต่างออกไปแล้ว สิ่งที่ข้ากลัวที่สุดก็คือกำลังพลของลัทธิแรกกำเนิด”

ตงหวงเค่อพยักหน้าเอ่ยว่า “ตอนนี้ในตระกูลยังมีรูปจำลองเจตจำนงของระดับนิรันดร์อีกสองคน ในช่วงเวลาสำคัญตัดสินเป็นตายของตระกูลก็สามารถนำมาใช้เป็นไพ่ใบสุดท้ายได้”

จู่ๆ ตงหวงจิ่วหุ่ยก็เอ่ยว่า “ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสสิบสามตงหวงฉยงส่งข่าวมา บอกว่าตั้งแต่ต้นจนจบมีแค่หลินสวินคนเดียวที่ปรากฏตัว ถ้ามีเพียงเขาคนเดียวจริงๆ บางทีอาจจะจัดการง่ายขึ้น…”

“ตอนนี้ยังติดต่อเจ้าสิบสามได้หรือไม่” ตงหวงเค่อเอ่ยถาม

ตงหวงจิ่วหุ่ยส่ายหน้า “ข้ากับเขานัดหมายกันว่าจะติดต่อกันทุกๆ หนึ่งเค่อ แต่ตอนนี้ผ่านไปสามชั่วยาม ข้าสงสัยว่าเป็นไปได้สูงมากที่เขาจะถูกหลินสวินฆ่าไปแล้ว”

นัยน์ตาตงหวงเค่อหดรัด กล่าวว่า “พูดเช่นนี้ เวลาเตรียมตัวสำหรับพวกเราก็มีไม่มากแล้ว”

แววตาตงหวงจิ่วหุ่ยเผยประกายเย็นเยียบปานบ้าคลั่ง “สิ่งที่ควรเตรียมพวกเราล้วนเตรียมพร้อมแล้ว เช่นนั้นก็ต้องดูว่าเขามีความสามารถแค่ไหนกันแน่!”

ภายใต้สีรัตติกาลเดียวกัน

ตระกูลหวัง ยักษ์ใหญ่อมตะอันดับหนึ่ง

ผู้นำตระกูลหวังจ้งเทียนอ่านข่าวที่เพิ่งส่งมาจากตระกูลตงหวง สีหน้าอึมครึมไม่สามารถสงบได้

“ผู้อาวุโสทั้งสอง ท่านคิดว่าเรื่องนี้ควรจัดการอย่างไร”

ครู่ใหญ่หวังจ้งเทียนก็เอ่ยปากเสียงขรึม

ในโถงใหญ่มีเพียงเขาและผู้อาวุโสตระกูลหวังที่มีปราณขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์อีกสองคน

คนหนึ่งนามว่าหวังเต้าชวน อีกคนนามว่าหวังฝูผิง

“ผู้นำตระกูลตัดสินใจเป็นพอ”

หวังเต้าชวนสีหน้าราบเรียบ มีสง่าราศี สวมเกี้ยวสูงชุดโบราณ ฝึกปราณมาไม่รู้นานเท่าไร มองความเป็นตายดุจปุยนุ่นมานานแล้ว

หวังฝูผิงเอ่ยเสียงขรึม “ข้ากลับคิดว่าที่ตงหวงจิ่วหุ่ยพูดไม่ผิด ตอนนี้สิบยักษ์ใหญ่อมตะต้องร่วมแรงร่วมใจกัน เคลื่อนไหวด้วยกันจึงจะสามารถต้านทานการคุกคามของลัทธิแรกกำเนิดได้ ไม่เช่นนั้นเกรงว่าคงถูกลัทธิแรกกำเนิดโจมตีจนพ่ายแพ้ทั้งหมด”

หวังจ้งเทียนสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง เอ่ยว่า “ไม่นานมานี้บนทะเลหมื่นดาราหน้าประตูลัทธิแรกกำเนิด ระดับนิรันดร์ห้าคนของน่านฟ้าที่เก้าไปแล้วไม่หวนกลับ ไร้ซึ่งข่าวคราว หากไม่ผิดจากที่คาด เป็นไปได้สูงมากว่าอาจประสบเคราะห์ไปแล้ว ในนั้นก็มีชางสยงถู เฒ่าดึกดำบรรพ์ของเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลชาง ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ตระกูลชางไม่มีทางส่งกำลังมาช่วยพวกเราอีกแน่”

เขาหยุดไปครู่หนึ่งแล้วกล่าวต่อว่า “ยักษ์ใหญ่อมตะอื่นๆ สถานการณ์น่าจะเหมือนตระกูลหวังของเรา คงไม่มีทางได้รับความช่วยเหลือจากน่านฟ้าที่เก้าอีก…”

หวังฝูผิงพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ผู้นำตระกูล เรื่องพวกนี้พวกเราต่างรู้ดี เพียงออกคำสั่งก็พอแล้ว”

เห็นเช่นนี้หวังจ้งเทียนเองก็ไม่ลังเลอีกต่อไป พูดอย่างเด็ดขาด “เช่นนั้นก็เชิญผู้อาวุโสทั้งสองนำ ‘กระบี่ตัดมรรค’ สมบัติพิทักษ์ตระกูลไปตระกูลตงหวง!”

หวังฝูผิงและหวังเต้าชวนสบตากัน ล้วนลุกขึ้นรับคำสั่ง

“ผู้นำตระกูล ทั้งตระกูลก็ฝากท่านแล้ว” หวังฝูผิงกล่าว

หวังจ้งเทียนพยักหน้าน้อยๆ

……

“ผู้อาวุโส ท่านพาคนไปเถอะ”

ตระกูลจงหลี ผู้นำตระกูลจงหลีชิ่งกัดฟันกล่าว “ตระกูลเราอยู่ใกล้ตระกูลตงหวงที่สุด หากตระกูลตงหวงประสบเคราะห์ รายต่อไปต้องเป็นพวกเราอย่างแน่นอน”

“รับทราบ!”

จงหลีป๋อเหวินที่ครอบครองพลังปราณขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์หมุนตัวจากไป

……

“ลัทธิพ่อมดกับลัทธิฌานล้วนพ่ายแพ้อย่างน่าอนาถ น่านฟ้าที่เก้ายังเอาตัวไม่รอด ตอนนี้น่านฟ้าที่แปดแห่งนี้ หากสิบยักษ์ใหญ่อมตะไม่ร่วมมือกันย่อมแหลกสลาย”

ตระกูลฉี ผู้นำตระกูลฉีซูเหิงเสียงทรงพลังดังกึกก้อง “ผู้อาวุโส รบกวนท่านนำกำลังพลของตระกูลเราไปด้วยตัวเอง”

“ได้”

ฉีลิ่วเจี่ยค่อยๆ ลุกขึ้น จากไปด้วยสีหน้านิ่งสงบ

……

ในรัตติกาลนี้ นอกจากตระกูลหวัง ตระกูลจงหลี ตระกูลฉี มู่ชางไห่ผู้นำตระกูลมู่ ชือลั่วเฉินผู้นำตระกูลชือ จิงจุ่นผู้นำตระกูลจิง จู่ฝ่าเทียนผู้นำตระกูลจู่ จ้งเจี้ยนสยาผู้นำตระกูลจิ้งล้วนตัดสินใจเหมือนกัน คือส่งคนไปเสริมทัพตระกูลตงหวง!

มีเพียงตระกูลฝูที่ไม่ได้ทำเช่นนี้

เหตุผลง่ายมาก ทั้งตระกูลฝูเหลือขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์เพียงแค่คนเดียวคือผู้นำตระกูลฝูเฉาหลัน ย่อมไม่มีทางจากไป

ไม่เช่นนั้นตระกูลฝูจะกลายเป็นมังกรไร้หัว!

……

ในเขาเทพจันทร์กระจ่าง หน้าค่ายกลเคลื่อนย้ายเก่าแก่แห่งหนึ่ง

ภายใต้ท้องฟ้าสีรัตติกาล ค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณแห่งนี้จะเกิดคลื่นละอองแสงเป็นระยะๆ จากนั้นจะมีเงาร่างกลุ่มหนึ่งเดินออกมา

เงาร่างเหล่านี้เห็นชัดว่าเป็นเหล่าผู้ยิ่งใหญ่ที่มาจากยักษ์ใหญ่อมตะตระกูลอื่นๆ

ค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณเช่นนี้ ในยักษ์ใหญ่อมตะอื่นๆ ล้วนมีหนึ่งแห่ง ต่างเชื่อมต่อกัน สามารถทำให้ผู้แข็งแกร่งของยักษ์ใหญ่อมตะอื่นๆ เคลื่อนย้ายมาด้วยเวลาเพียงชั่วพริบตา

“รายงาน… ผู้อาวุโสชั้นสูงหวังเต้าชวนและหวังฝูผิงแห่งตระกูลหวัง นำผู้แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่งมาเยือน”

“รายงาน… ผู้อาวุโสชั้นสูงจงหลีป๋อเหวินตระกูลจงหลี…”

“รายงาน… ผู้อาวุโสชั้นสูงมู่ยงถิงตระกูลมู่…”

“รายงาน…”

เสียงรายงานครั้งแล้วครั้งเล่าดังก้องนอกโถงใหญ่ตระกูลฝู ทำให้สภาวะจิตของผู้นำตระกูลตงหวงจิ่วหุ่ยดีขึ้นเรื่อยๆ

เขาต้อนรับด้วยตัวเองทุกครั้ง พาเหล่าผู้ยิ่งใหญ่ที่มาจากตระกูลอื่นๆ เข้าโถงใหญ่ของตระกูล ให้ความเคารพยิ่งยวด

จนถึงสุดท้าย นอกจากตระกูลฝู คนใหญ่คนโตจากเก้ายักษ์ใหญ่อมตะต่างมารวมตัวกัน กำลังพลระดับนี้ทำให้ตงหวงจิ่วหุ่ยมั่นใจเต็มเปี่ยม ความหวาดหวั่นและกังวลก่อนหน้านี้หายเกลี้ยง!

ขณะเดียวกันขั้นหลุดพ้นของตระกูลตงหวงก็รวมตัวกัน เข้าไปอยู่ในกระบวนสังหารเก้ายอด

พลังระเบียบของตระกูลตงหวงก็ถูกผู้อาวุโสสามคนควบคุม รอจังหวะลงมือ

ข่าวเรียกระดมขุมอำนาจใต้อาณัติเหล่านั้นมาเสริมทัพก็กระจายออกไปเช่นกัน…

แม้แต่ข่าวที่หลินสวินปรากฏตัวในน่านฟ้าที่แปด ยังแพร่สะพัดไปยังแต่ละพื้นที่ของน่านฟ้าที่แปดด้วยความเร็วอย่างที่สุดภายใต้รัตติกาลนี้

จวบจนราตรีล่วงพ้น รุ่งสางมาเยือน

ยามเห็นภาพที่เตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว ตงหวงจิ่วหุ่ยอดเกิดความมาดมั่นไม่ได้

เขาถึงขั้นรอคอยให้หลินสวินปรากฏตัวไวๆ แล้ว!

……………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด