Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 2977 พายุก่อตัว

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 2977 พายุก่อตัว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2977 พายุก่อตัว

ชายชุดเงินพลันกล่าว “จริงสิ ได้ยินว่าช่วงนี้เจ็ดขุมอำนาจใหญ่ที่ประจำการตรงทางเข้าแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์จะเปิดฉากโจมตีสำนักยุทธ์ก่อเกิดใหม่อีกครั้ง”

เสวียนจิ่วอิ้นหลุดขำออกมา “พวกเขายิ่งแพ้ยิ่งกล้าจริงๆ”

น้ำเสียงเต็มไปด้วยความดูถูก

ชายชุดเงินกล่าวจริงจัง “ผู้อาวุโส การเคลื่อนไหวของเจ็ดขุมอำนาจใหญ่ครั้งนี้ไม่อาจดูถูกได้ง่ายๆ ได้ยินว่าพวกเขาจะเคลื่อนพลระดับอมตะทั้งหมด ระดับอมตะแต่ละคนล้วนพกสมบัติลับระเบียบที่มีอานุภาพเกินคาดเดา ครั้งนี้ต้องการทำลายแดนลับดวงกมลที่สำนักยุทธ์ก่อเกิดตั้งอยู่ในคราเดียว!”

เสวียนจิ่วอิ้นขานรับว่าอ้อ สายตามองไปทางหลินสวิน

“ขอบคุณมาก”

หลินสวินโยนสมบัติชิ้นหนึ่งให้ชายชุดเงินคนนั้นลวกๆ แล้วพาพวกเสวียนจิ่วอิ้นทะยานห่างออกไป

ชายชุดเงินอึ้งงัน คิดไม่ถึงว่าแค่ตอบคำถามที่คนบางส่วนต่างรับรู้ก็ได้รางวัลด้วย

เขาก้มมองกระบี่บินสีเงินขนาดเท่าฝ่ามือในมือ สีหน้าเปลี่ยนไปทันที

ศาสตรามรรคอมตะชิ้นหนึ่ง!

ชายชุดเงินสูดหายใจสะท้าน กวาดตามองโดยรอบอย่างรวดเร็วแล้วเก็บกระบี่บินสีเงินนั้นเข้าไปในถุงหนังโดยไม่แสดงสีหน้า นึกถึงคนพวกนั้นที่เจอก่อนหน้านี้ หัวใจเขากลับเต้นรัวไม่เป็นส่ำอย่างบอกไม่ถูก

มอบศาสตรามรรคอมตะชิ้นหนึ่งง่ายๆ คนพวกนั้น… ต้องมีความเป็นมาน่ากลัวเพียงใด

จากนั้นชายชุดเงินพลันยิ้มยิงฟันออกมา สวรรค์ทรงโปรด ถึงกับมอบวาสนาเช่นนี้ให้ข้า!

สำหรับมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิอย่างเขา การได้รับศาสตรามรรคอมตะชิ้นหนึ่งไม่ต่างอะไรกับการได้รับมหาศุภโชคอย่างหนึ่งแล้ว

“พี่หลิน ตอนนี้เจ้าคงวางใจได้แล้วกระมัง”

ระหว่างทางเสวียนจิ่วอิ้นยิ้มเอ่ยถาม

“ไม่เจอญาติมิตร มีหรือจะสบายใจอย่างแท้จริง”

หลินสวินกล่าวง่ายๆ

ในสมองปรากฏเงาร่างของพวกจ้าวจิ่งเซวียน หลินฝาน หลินจง เจ้าคางคก อาหลู่ อาหู เสี่ยวอิ๋น เสี่ยวเทียน

ยิ่งใกล้บ้านเกิดอารมณ์ยิ่งสั่นไหว

ตอนนี้ความรู้สึกชอบกลเช่นนี้วนเวียนอยู่ในใจหลินสวิน

ระหว่างทางพวกเขายังเห็นเงาร่างของผู้ฝึกปราณมากมายท่องทะยานกลางอากาศ รีบเร่งมุ่งไปทางแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์

“เจ็ดขุมอำนาจใหญ่นั่นจะลงมือช่วงนี้จริงหรือ”

“ผ่านมาหลายปี โลกลึกลับรอบแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ถูกกำลังพลของเจ็ดขุมอำนาจใหญ่สำรวจแล้ว ได้รับศุภโชคที่เรียกว่าวิเศษอัศจรรย์ไม่น้อย แต่ถ้าพวกเขาอยากมุ่งหน้าไปส่วนลึกของแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ ก็ต้องบุกยึดสำนักยุทธ์ก่อเกิดที่ขวางตรงหน้าก่อน พวกเขา… คงรอไม่ไหวแล้ว”

“สำนักยุทธ์ก่อเกิดร้ายกาจเช่นนั้นจริงหรือ”

“ได้ยินว่าสำนักนี้สร้างโดยบุคคลในตำนานนาม ‘จักรพรรดิเต้ายวน’ คนผู้นี้คือผู้สืบทอดคีรีดวงกมล หลายปีก่อนผงาดเหนือทางเดินโบราณฟ้าดารา ชื่อเสียงสะเทือนใต้หล้า มีผลงานเรียกได้ว่าเป็นตำนานมากมาย ถูกขนานนามว่าจอมจักรพรรดิอันดับหนึ่งแห่งทางเดินโบราณฟ้าดารา”

“แน่นอนว่านี่ล้วนเป็นเรื่องราวในอดีต ได้ยินว่าจักรพรรดิเต้ายวนผู้นี้ออกจากทางเดินโบราณฟ้าดารา มุ่งหน้าไปโลกยอดนิรันดร์นานแล้ว”

“สำนักยุทธ์ก่อเกิดก็เข้ามาตั้งถิ่นฐานในแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ตั้งแต่หลายปีก่อน ได้เปรียบเรื่องสภาพแวดล้อม ก่อนการเปลี่ยนแปลงของแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์จะปะทุ สำนักยุทธ์ก่อเกิดก็เคลื่อนไหวก่อนล่วงหน้า ได้รับศุภโชคเย้ยฟ้าที่คาดไม่ถึงมากมาย” ไอรีนโนเวล

“เท่าที่ข้ารู้คือในสำนักยุทธ์ก่อเกิดตอนนี้ อย่างน้อยก็มีผู้แข็งแกร่งที่ก้าวสู่ระดับอมตะสามคนดูแล คนหนึ่งชื่อจินตู๋อี คนหนึ่งชื่ออาหลู่ คนหนึ่งชื่อจ้าวจิ่งเซวียน จริงสิ จ้าวจิ่งเซวียนก็คือภรรยาของจักรพรรดิเต้ายวนนั่น ตอนนี้สำนักยุทธ์ก่อเกิดทั้งบนล่างล้วนมีนางเป็นใหญ่”

…ตลอดทางพวกหลินสวินได้ยินเสียงวิจารณ์นานัปการ เดิมหลินสวินยังคิดเร่งเดินทางเต็มกำลัง แต่ตอนนี้กลับไม่รีบแล้ว

“พี่หลิน คิดไม่ถึงว่าแม่นางจิ่งเซวียนจะแจ้งมรรคอมตะแล้ว” เสวียนจิ่วอิ้นกล่าวอย่างตกใจ

ในใจหลินสวินยินดีมากเช่นกัน “จิ่งเซวียนมีสายเลือดเจินหลง ปีนั้นยังได้รับเลือดมังกรต้นกำเนิดที่บรรพชนเหลือไว้ ครั้งก่อนตอนข้าอยู่ดินแดนรกร้างโบราณนางก็แจ้งมรรคระดับจักรพรรดิแล้ว ตอนนี้ผ่านไปร้อยกว่าปี กอปรกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ นางแจ้งมรรคอมตะได้ก็เป็นเรื่องสมเหตุสมผล”

เสวียนจิ่วอิ้นเหลือบมองจินเทียนเสวียนเยวี่ยวูบหนึ่งอย่างอดไม่ได้ กลับเห็นฝ่ายหลังรับฟังเงียบๆ ทั้งไม่มีอะไรผิดปกติ เขาจึงลอบเป่าปากโล่งอก

จ้าวจิ่งเซวียนคือภรรยาคนแรกของหลินสวิน เป็นหญิงที่อยู่กับหลินสวินมาก่อน หากมีใจขัดแย้งกับนาง นั่นคงเกิดอุปสรรคไม่น้อย

“ผ่านมาร้อยกว่าปีแล้ว พวกเขายังเรียกคุณชายว่า ‘จักรพรรดิเต้ายวน’ หากให้พวกเขารู้พลังปราณและฐานะของคุณชายตอนนี้ เกรงว่าคงตกใจแน่นอน” จินเทียนเสวียนเยวี่ยยิ้มแย้มงดงาม

หลินสวินยิ้มน้อยๆ “แค่ร้อยกว่าปีเท่านั้น สำหรับเฒ่าชราบางส่วนยังไม่พอปิดด่านครั้งหนึ่งด้วยซ้ำ แต่สำหรับข้าร้อยกว่าปีนี้เกิดเรื่องมากมายนัก หากไม่ใช่ว่าปีนั้นเลือกไปโลกยอดนิรันดร์ เกรงว่าคงไม่มีทางประสบความสำเร็จเช่นทุกวันนี้แน่”

“ไม่ผิด ตอนนี้แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์เกิดการเปลี่ยนแปลงชวนตะลึง ทางเดินโบราณฟ้าดาราเปลี่ยนไปจากแต่ก่อนจริงๆ แต่เทียบกับโลกยอดนิรันดร์แล้ว สุดท้ายยังห่างกันอยู่มาก”

เสวียนจิ่วอิ้นรู้สึกแบบเดียวกัน “อย่างข้ากับแม่นางเสวียนเยวี่ย ตอนนั้นหากไม่มุ่งหน้าไปแดนแรกเริ่ม คิดจะก้าวสู่มรรคาอมตะอย่างง่ายดายเช่นนี้ ย่อมถูกลิขิตให้เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แน่”

“ตอนนี้แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์อาจสู้โลกยอดนิรันดร์ไม่ได้ แต่ภายหน้าก็ไม่แน่แล้ว”

หลินสวินกล่าวอย่างใคร่ครวญ

เวลาสั้นๆ สิบปี การเปลี่ยนแปลงของแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ทำให้ทางเดินโบราณฟ้าดาราพลิกโฉมใหม่ หากเวลาล่วงเลยไป ใต้หล้านี้คงเกิดการเปลี่ยนแปลงมากขึ้นเรื่อยๆ

“เรื่องนี้พูดลำบาก อย่าลืมสิ ภายในพันปีเคราะห์แห่งยุคสมัยจะมาเยือน”

เสวียนจิ่วอิ้นกล่าว “ข้าสงสัยว่าการเปลี่ยนแปลงของแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์คราวนี้เกี่ยวข้องกับเคราะห์แห่งยุคสมัยที่ใกล้มาเยือนหรือไม่”

หลินสวินหรี่ตาลงเล็กน้อย

ในใจเขามีการคาดเดานี้เช่นกัน แต่กลับไม่กล้ายืนยัน

ขณะพูดคุยกันเช่นนี้ ในจุดที่ห่างไปไกลพลันมีเสียงเป่าเขาสัตว์ก้องกังวาน

วู้ๆๆ… 艾琳小說

บรรยากาศกลางฟ้าดินเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมเยียบเย็นขึ้นมา พายุฝนกำลังตั้งเค้า

หลินสวินเงยหน้ามองไป ก็เห็นว่าในน่านน้ำที่ห่างไกลมีเหวลึกมหึมาหาใดเปรียบ น้ำทะเลใกล้เคียงหลั่งลงไปในนั้นโดยไร้สุ้มเสียง หายลับไปโดยไม่เกิดฟองคลื่นแม้แต่น้อย

นั่นคือทางเข้าของแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์!

มีรัศมีถึงหมื่นจั้ง ยิ่งใหญ่ถึงขีดสุด

พื้นที่ใกล้ทางเข้าแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์มีร่างผู้ฝึกปราณประจำการแน่นขนัด แบ่งเป็นเจ็ดค่ายทัพใหญ่ ทุกค่ายทัพล้วนมีผู้ฝึกปราณมากนับพัน ต่างครองน่านน้ำแถบหนึ่งใกล้แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์

ในเจ็ดค่ายทัพใหญ่นี้ผู้อ่อนแอที่สุดมีมรรควิถีระดับบรรพจารย์ขั้นเก้า มกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิยิ่งมีมากจนนับไม่ถ้วน มีระดับอมตะควบคุมดูแลอยู่ภายใน

กระบวนรบยิ่งใหญ่นั้นช่างเหมือนกองทัพขุนพลเทพจากทั่วหล้า แค่กลิ่นอายที่แผ่ออกมาก็ทำให้ผู้คนหวาดกลัวแล้ว

สถานที่ซึ่งอยู่ห่างแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ออกไปอีกก็มีผู้ฝึกปราณมากมายมองมาจากไกลๆ ไม่กล้าเข้าใกล้

เหล่าผู้ฝึกปราณที่รีบเร่งมาเหมือนหลินสวินต่างยืนอยู่ไกลๆ สีหน้าล้วนเจือความตกตะลึง หวาดกลัว กริ่งเกรง

นั่นคือเจ็ดขุมอำนาจใหญ่ที่แข็งแกร่งที่สุดจากแต่ละฟ้าดาราในโลกพันจักรวาล!

หลายปีนี้มีขุมอำนาจนับไม่ถ้วนบุกมา วางแผนเข้าไปในแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ แต่ล้วนไม่อาจทะลวงแนวป้องกันของเจ็ดขุมอำนาจใหญ่ได้ กลับเป็นการส่งผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนไปตาย ย้อมน่านน้ำใกล้เคียงเป็นสีชาด

กระทั่งปัจจุบันไม่มีใครกล้าล่วงล้ำเพียงก้าว

‘กระบวนรบเช่นนี้เกือบตามเผ่าจักรพรรดิอมตะแห่งน่านฟ้าที่หกทันแล้ว’

หลินสวินอดตะลึงอยู่บ้างไม่ได้

แน่นอนว่าในเผ่าจักรพรรดิอมตะแห่งน่านฟ้าที่หกย่อมมีบุคคลขั้นดับเทพบัญชาการ

จุดนี้คือสิ่งที่เจ็ดขุมอำนาจใหญ่นั้นไม่อาจเทียบ ด้วยผู้แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเขาเป็นแค่ขั้นอายุขัยเทียมฟ้าสัมบูรณ์

และแน่นอนว่ากำลังพลเหล่านี้ไม่อยู่ในสายตาหลินสวินแต่แรก หลายปีก่อนเขาบุกน่านฟ้าที่แปด สังหารจนหัวคนเกลือกกลิ้ง ขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์ที่ตายในมือเขาไม่รู้ว่ามีเท่าไร แม้แต่รูปจำลองเจตจำนงของระดับนิรันดร์ยังได้แต่กล้ำกลืนความแค้นภายใต้เงื้อมมือเขา!

“พี่หลิน พวกเขาเป่าเขาสัตว์ นี่คือสัญญาณว่าจะบุก หรือพวกเขาคิดจะบุกไปแดนลับดวงกมลในวันนี้”

เสวียนจิ่วอิ้นกล่าว

กลางฟ้าดินเต็มไปด้วยเสียงเป่าเขาสัตว์ก้องกังวานทรงพลัง ดังกระหึ่มจนน้ำทะเลม้วนซัด ห้วงอากาศส่งเสียงกัมปนาท ไอสังหารเยียบเย็นปกคลุมฟ้าดิน

ในค่ายทัพของเจ็ดขุมอำนาจใหญ่มีระดับอมตะคนแล้วคนเล่าทะยานขึ้นสู่ฟ้า ด้านหลังปรากฏวงแหวนเทพอมตะราวกับนายเหนือหัวมาเยือนโลก ชักนำให้มวลชนหันมามอง

ผู้คนนับไม่ถ้วนเผยสีหน้ายำเกรง

อมตะ!

สำหรับผู้ฝึกปราณแต่ละฟ้าดาราทั่วโลกพันจักรวาลนี้ เรียกได้ว่าเป็นบุคคลที่เหมือนนายเหนือหัวบนสวรรค์แล้ว

“ไม่ต้องรีบ ดูไปก่อน” หลินสวินกล่าวง่ายๆ

เขากับซย่าจื้อ เสวียนจิ่วอิ้น และจินเทียนเสวียนเยวี่ยล้วนเก็บกลิ่นอายยืนอยู่ไกลๆ ไม่ดึงดูดความสนใจ

“ทุกท่าน วันนี้พวกเราร่วมมือกัน ย่อมทำลายปราการของแดนลับดวงกมลได้ในคราเดียวแน่นอน ข้ามีข้อเสนอเพียงเล็กน้อย หลังจากบุกเข้าไปในแดนลับดวงกมล ต้องเหยียบสำนักยุทธ์ก่อเกิดที่ครองพื้นที่ในนั้นให้ราบคาบ!”

ชายผมดำชุดแดงคนหนึ่งยืนตระหง่านกลางอากาศ มือถือกระถางหยกที่มีแสงม่วงไหลวน อานุภาพน่าพรั่นพรึง อหังการทะลวงเมฆ

“แน่นอนว่าต้องเป็นเช่นนั้น”

“สำนักยุทธ์ก่อเกิดสำนักเดียวกลับคิดยึดครองศุภโชคของแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ หลายปีนี้ขัดขวางพวกเราไม่ให้ไปสำรวจตลอด การกระทำเช่นนี้พาให้สวรรค์พิโรธคนเคียดแค้นนานแล้ว วันนี้หากไม่กำจัดพวกเขาคงยากดับความแค้นในใจพวกเรา!”

เหล่าระดับอมตะล้วนกระเหี้ยนกระหือรือ ไม่เก็บงำไอสังหารแม้แต่น้อย อานุภาพอมตะบนตัวทะลวงเมฆ ปั่นป่วนคลื่นลมทั่วทิศ

ผู้ฝึกปราณที่สังเกตการณ์อยู่ไกลออกไปต่างหยุดหายใจ รับรู้ว่าวันนี้จะมีศึกแห่งยุคปะทุขึ้น!

เจ็ดขุมอำนาจใหญ่ร่วมมือกันจัดการสำนักยุทธ์ก่อเกิด ฝ่ายหลังจะต้านทานได้อย่างไร

เสวียนจิ่วอิ้นเห็นดังนี้แล้วอดขันไม่ได้ ในใจกระเหี้ยนกระหือรือ “พี่หลิน ให้ข้าไปจัดการพวกเขาตอนนี้ดีไหม”

จินเทียนเสวียนเยวี่ยกล่าว “เจ้าก็มีพลังปราณขั้นอายุขัยเทียมฟ้า ตัวคนเดียวจัดการเฒ่าชรามากเช่นนั้นได้หรือ”

เสวียนจิ่วอิ้นกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “เสวียนเยวี่ย มรรคาอมตะของพวกเราเหมือนพวกเขาหรือ ยิ่งไปกว่านั้นครั้งนี้ยามข้าจากมา เทียดของข้าให้ไพ่ตายข้ามาไม่น้อย สุ่มเลือกออกมาอย่างหนึ่งก็กำจัดพวกเขาได้นับร้อยครั้งภายในไม่นาน!”

จินเทียนเสวียนเยวี่ยอมยิ้ม ไม่พูดมากความอีก

“คุยโวโอ้อวดไม่กระดาก ผ่านไปหลายปีแล้วพวกเจ้าล้วนถูกขวางอยู่ที่นี่ ตอนนี้ยังมาเอ็ดตะโรเช่นนี้ ไม่รู้สึกขายหน้าหรือ”

เงาร่างหนึ่งพุ่งออกมาจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ทันที เสียงหัวเราะสะเทือนฟ้า ผืนฟ้าปฐพีล้วนก้องด้วยเสียงสะท้อนของเขา มีกลิ่นอายหยิ่งผยองแผ่กระจาย

คนผู้นี้สวมชุดคลุมเขียว ดวงตาทองอร่าม รูปงามเหมือนเด็กหนุ่ม ยืนอยู่เหนือแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์อย่างวางมาด สายตากวาดมองเหล่าผู้กล้าในที่นั้นเหมือนรอบข้างไร้ผู้คน

ท่าทางอวดดีนั้นดึงดูดสายตาทั่วลาน

……………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด