Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 1464 ตกตะลึงแปลกใจ

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 1464 ตกตะลึงแปลกใจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ทะลวงขั้นแล้ว!

ชายหนุ่มจักจั่นทองมีสายตาระดับใด ชั่วพริบตาก็มองออก ว่าพลังหลอมกายของหลินสวินได้ก้าวจากระดับอมตะเคราะห์ด่านแปดสู่ระดับอมตะเคราะห์ด่านเก้าแล้ว

ก้าวเดียวทะลวงขั้น!

ตูม…

แสงมรรคเก้าพิสุทธิ์ไหลวนทั่วร่างหลินสวิน ความอิดโรยและเหนื่อยล้าทั่วร่างเขาพลันหายไป ราศีจับไปทั้งตัว กลิ่นอายแข็งแกร่ง

ชายหนุ่มจักจั่นทองยิ้มพลางถอนใจ หันกลับไปเดินหน้าต่อ

ด้านหลังเขา หลินสวินก็ยิ้มแล้วก้าวเท้าเร่งตามไป

บันไดขั้นที่ห้าพัน

ขั้นที่หกพัน…

ขั้นที่เจ็ดพัน…

ตลอดทางที่ก้าวไปข้างหน้า จิตใจของหลินสวินเปลี่ยนไปอย่างสมบูรณ์แล้ว พลังหลอมกายเลื่อนเป็นระดับอมตะเคราะห์ด่านเก้า ในการต้านทานแต่ละครั้งจะได้รับการเคี่ยวกรำอย่างต่อเนื่อง

นี่กลับเป็นประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่อย่างหนึ่ง

พลังเพิ่งเลื่อนขั้นเป็นช่วงที่ยังไม่มั่นคง สั่นคลอนรากฐานที่สุด แต่ในการต้านทานเพื่อขึ้นบันไดหินแต่ละครั้งก็เหมือนหินลับมีดก้อนหนึ่ง ไม่เพียงทำให้ระดับของหลินสวินมั่นคงในการเคี่ยวกรำแต่ละครั้ง ยังทำให้ควบคุมพลังหลอมกายที่เกิดการแปรสภาพได้ตามต้องการในเวลาอันสั้นที่สุดด้วย

‘สำหรับคนใหญ่คนโตพวกนั้น จุดเปลี่ยนใหญ่ในตำหนักคือวาสนาบรรลุจักรพรรดิที่พวกเขาต้องช่วงชิง แต่สำหรับข้า แค่การเคี่ยวกรำตรงหน้านี้ ความจริงก็เป็นวาสนาอย่างหนึ่งแล้ว…’

ในใจหลินสวินเกิดการรู้แจ้ง

เขาเอื้อมไม่ถึงจุดเปลี่ยนใหญ่นั้นก็จริง

แต่หน้าตำหนักจักรพรรดิหมื่นเคราะห์นี้กลับมีวาสนาที่เหมาะกับเขาเช่นกัน!

แต่ไม่นานหลินสวินก็ไม่อาจคิดมากความ เมื่อก้าวสู่บันไดมรรคขั้นที่เจ็ดพันหกร้อย เขาสัมผัสได้ถึงสัญญาณเกินกำลังอีกครั้ง

ทั้งพลังหลอมกายยังถูกผลาญไปอีกครั้งจนแทบไม่มีเหลือในการต้านทานก่อนหน้านี้

ครั้งนี้หลินสวินไม่ได้ฝืนอีก โคจรพลังหลอมปราณอย่างเงียบเชียบ ยามขึ้นบันไดก้าวย่างของเขาเปลี่ยนเป็นมั่นคงขึ้นมาใหม่อีกครั้ง

ตลอดทางนี้ชายหนุ่มจักจั่นทองไม่ส่งเสียง

หลินสวินก็ไม่พูดอะไรมาก ทุ่มเทกายใจทั้งหมดไปกับการต้านแรงสะเทือนที่น่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ นั่น

ยิ่งก้าวสูงขึ้นไปแรงสั่นสะเทือนก็ยิ่งน่ากลัว ต่อให้โคจรพลังหลอมปราณก็ยังทำให้หลินสวินกินแรงหาใดเปรียบ

นี่ก็เหมือนคู่ต่อสู้ของเขาในตอนแรกเป็นแค่พวกธรรมดา แต่ยิ่งก้าวสูงขึ้นไป พลังต่อสู้ของคู่แข่งที่เจอก็ยิ่งแข็งแกร่ง

กระทั่งตอนนี้เขาถึงขั้นมีความรู้สึกว่ากำลังโรมรันกับอริยะเทียมกลุ่มหนึ่งอยู่!

แรงกดดันเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว!

เมื่อก้าวสู่บันไดหินขั้นที่แปดพันสองร้อย เขาก็โคจรพลังหลอมจิตเต็มกำลังโดยไม่ลังเล

แต่เมื่อผ่านไปเพียงหนึ่งถ้วยชา หลินสวินก็รู้สึกเกินกำลังอีกครั้ง

บันไดนี้รวมแล้วมีเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าขั้น ยิ่งก้าวขึ้นไปแรงสั่นสะเทือนก็ยิ่งแข็งแกร่ง โดยเฉพาะเมื่อเหยียบบันไดขั้นที่เก้าพัน ร่างกายหลินสวินก็ซวนเซทันที เกือบจะถูกซัดถอยหลังออกไป!

เขาพลันกัดฟันกรอด ตั้งท่ารับมือเต็มกำลัง

ในเวลาต่อมาสีหน้าหลินสวินจริงจังขึ้นเรื่อยๆ หนทางที่ก้าวเดินนานเข้าก็ยิ่งหนักหน่วง ทั้งตัวราวกับเตาหลอมผลาญพิภพที่ลุกโชน ส่องประกายถึงขีดสุด

เก้าพันหนึ่งร้อย

เก้าพันสองร้อย

เก้าพันสามร้อย

…ถึงตอนท้ายสุด ร่างกายของเขาสั่นเทาไปหมด กระดูกส่งเสียงเสียดสีราวต้านทานไว้ไม่อยู่ เส้นเลือดดำตรงใบหน้าปรินูนจนบิดเบี้ยวขึ้นมา

ยากเกินไปแล้ว!

นี่ยากลำบากกว่าศึกใหญ่ใดๆ ที่หลินสวินเคยเจอในอดีต ทำให้เจตจำนงทั้งตัวเขาแบกรับแรงกดดันอย่างไม่เคยมีมาก่อน

ความจริงตั้งแต่เหยียบบันไดขั้นที่เก้าพัน ชายหนุ่มจักจั่นทองก็เตรียมการพร้อมแล้ว ยามหลินสวินยืนหยัดไม่อยู่จะเข้าไปช่วยเขาทันที

แต่จนถึงตอนนี้ก็ก้าวสู่บันไดขั้นที่เก้าพันเจ็ดร้อยแล้ว หลินสวินยังยืนหยัดอยู่ได้!

แต่ละก้าวของเขา ร่างกายจะโอนเอนเซไปมาราวกับเทียนกลางลม เหมือนจะล้มดับได้ทุกเมื่อ

แต่ทุกครั้งเขาจะยืนหยัดต่อไปได้อย่างปาฏิหาริย์

ฮู่ว… ฮู่ว…

เสียงลมหายใจกระชั้นถี่ของเขาราวกับกระบอกสูบลมที่ถูกดึง หยาดเหงื่อทั่วร่างไหลอาบดั่งกระแสน้ำ ใบหน้าเปลี่ยนเป็นซีดเผือด

ชายหนุ่มจักจั่นทองอยากจะพูดแต่ก็หยุดปากไว้หลายครั้ง เกือบจะยื่นมือเข้าช่วยอย่างอดไม่อยู่หลายต่อหลายครา แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้ทำเช่นนั้น

หลินสวินกำลังพยายาม แล้วทำไมต้องให้เขายอมแพ้เวลานี้

ทันใดนั้นชายหนุ่มจักจั่นทองนึกถึงมหาจักรพรรดิหมื่นเคราะห์ขึ้นมา ในปีนั้นมหาจักรพรรดิหมื่นเคราะห์มุ่งหน้าเย้ยฟ้า ผ่านด่านเคราะห์หมื่นรอบจนได้บรรลุจักรพรรดิ

หากไม่มีปณิธานและเจตจำนงที่แน่วแน่ ไหนเลยจะทำได้

และหลินสวินที่อยู่ตรงหน้า อย่างน้อยในด้านปณิธานและเจตจำนงก็ไม่ด้อยไปกว่ามหาจักรพรรดิหมื่นเคราะห์ในปีนั้นแม้แต่น้อย ถึงขั้นมีแต่จะเหนือกว่า!

‘ผู้ทำการใหญ่ในอดีต ไม่เพียงแต่มีความสามารถเหนือธรรมดา ยังต้องมีเจตจำนงที่มั่นคงหนักแน่น คีรีดวงกมล… มีผู้สืบทอดที่ยอดเยี่ยมเพิ่มมาคนหนึ่งแล้ว…’

ชายหนุ่มจักจั่นทองทอดถอนใจอยู่ภายในใจ

ลำบากยิ่งนัก!

ลำบากอย่างไม่เคยมีมาก่อน

ตั้งแต่กลับมายังโลกชั้นล่าง หลินสวินสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่เกือบจะยืนหยัดไม่อยู่เป็นครั้งแรก

นี่ไม่ใช่การต่อสู้

แต่กลับทรมานและยากลำบากยิ่งกว่าการต่อสู้!

ต่อมาภายหลังร่างกายหลินสวินชาไปหมด จิตสำนึกล้วนว่างเปล่า อาศัยแค่เจตจำนงที่ไม่ย่อท้อยืนหยัดอยู่เท่านั้น

ความคิดอะไรล้วนไม่มี

โลกภายนอก… ทุกอย่างล้วนว่างเปล่า

การเดินไปข้างหน้า กลายเป็นสัญชาตญาณที่คงอยู่ตราบนิรันดร์

เส้นปราณหัวใจตรงหน้าอกของเขา ชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดเปลี่ยนเป็นร้อนระอุ เหมือนกับดวงตะวันดวงหนึ่งที่กำลังลุกโชนในร่างของเขา แผ่คลื่นประหลาดพร่างพราวออกมา

ชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดกำลังสั่นระรัวครวญคร่ำ คล้ายเมล็ดพันธุ์ที่ถูกซ่อนอยู่ใต้ดินมีสัญญาณว่าจะทะลวงหน้าดินออกมา

ทุกอย่างนี้หลินสวินไม่รับรู้ทั้งสิ้น

ขั้นที่เก้าพันเก้าร้อย

ขั้นที่เก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบ

…มาถึงตรงนี้ ในใจชายหนุ่มจักจั่นทองยังตกตะลึง เขาไม่เคยมีความรู้สึกเช่นนี้มานานมากแล้ว

แต่เวลานี้กลับถูกหลินสวินกระตุ้นขึ้นมา!

ด้วยประสบการณ์และสติปัญญาของเขาก็พอจะคาดเดาเรื่องราวบนโลกเกือบทั้งหมดได้ แต่ครั้งนี้แม้แต่เขาก็คาดไม่ถึงว่าหลินสวินจะสามารถยืนหยัดถึงตอนนี้ได้

นี่ก็คือเรื่องไม่คาดฝัน!

เรื่องไม่คาดฝันมักจะทำให้ผู้คนตกตะลึง ชายหนุ่มจักจั่นทองถึงขั้นนึกไม่ออกแล้วว่าครั้งก่อนคือเมื่อไหร่ และเป็นเรื่องอะไรที่ทำให้ตนคาดไม่ถึงและตกตะลึง

ดังนั้นเวลานี้ใจของเขาจึงไม่อาจสงบอยู่บ้าง

‘เข้าฌานจำศีลมาเป็นในกาลเวลาไร้สิ้นสุด ยามนี้เมื่อใกล้จะจากไปกลับมีเรื่องที่ทำให้ข้าคาดไม่ถึงเช่นนี้… เจ้าหนูนี่เป็นตัวแปรหนึ่งดังคาด’

สีหน้าของชายหนุ่มจักจั่นทองดูแปลกออกไป

มหามรรคห้าสิบ อุบัติฟ้าสี่สิบเก้า รอดพ้นเพียงหนึ่ง

คีรีดวงกมลไม่เคยรับศิษย์มานานหลายปี แต่กลับมาเลือกเด็กคนนี้ในยุคนี้ ผู้สืบทอดของคีรีดวงกมลจึงกลายเป็นห้าสิบห้าคน

จากมุมมองนี้ หรือในความลึกลับนี่จะซ่อนนัยลี้ลับอะไรไว้

ยิ่งไปกว่านั้นปัจจุบันตรงกับมหายุคพอดี และมหายุคก็เต็มไปด้วยตัวแปร เมื่อเจ้าหนุ่มที่เหมือนตัวแปรคนหนึ่งแสวงหามรรคในมหายุคที่ทุกอย่างล้วนเป็นไปได้นี้ เส้นทางที่เลือกเดินจะเป็นอย่างไรกันแน่

พริบตานั้นชายหนุ่มจักจั่นทองรู้สึกใคร่รู้อย่างอดไม่ได้ อยากจะอยู่ดูมรรคาในภายหน้าของหลินสวินต่อ

แต่สุดท้ายเขาก็ยังอดกลั้นไว้

ด้วยหากครั้งนี้เขาไม่จากไป ภายหน้าก็จะไม่มีโอกาสอีกแล้ว…

ขณะกำลังใคร่ครวญก็ได้ยินเสียงดังตึง

ชายหนุ่มจักจั่นทองหันกลับไปมอง ก็เห็นหลินสวินก้าวขึ้นมาทรุดตัวนั่งบนบันไดขั้นที่เก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าแล้ว!

ที่นี่คือหน้าประตูใหญ่ของตำหนักจักรพรรดิหมื่นเคราะห์

เก้าเก้ากลับสู่หนึ่ง[1] ไม่ว่าจะกี่เก้า ท้ายที่สุดก็ต้องคืนสู่หนึ่ง

ส่วนมหามรรคห้าสิบ เมื่อถูกจำนวนของอุบัติฟ้าตัดไป ก็คือหนึ่งเช่นกัน

เวลานี้หลินสวินดูเหมือนทรุดตัวนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างน่าอนาถหาใดเปรียบ แต่ในสายตาของชายหนุ่มจักจั่นทองกลับเผยความตกตะลึงแปลกใจยากปกปิด

ตะลึง คือตกตะลึง

แปลก คือแปลกใจ

เวลานี้ท่าทางของชายหนุ่มจักจั่นทองราวเห็นเรื่องไม่คาดฝันที่เหมือนปาฏิหาริย์มาเยือน ทำให้เขายากเข้าใจ และทำให้เขารู้สึกยินดีอย่างบอกไม่ถูก

ครู่ใหญ่เขาจึงค่อยๆ สงบลงแล้วเอ่ยกับตัวเอง “น่าสนใจ ที่แท้ก่อนหน้านี้ข้าก็มองเขาไม่ทะลุมาตลอด หาได้ยาก… ช่างหาได้ยาก…”

แต่เวลานี้หลินสวินที่ร่วงลงไปกองกับพื้นกลับไม่รู้สึกผ่อนคลายสักนิด ทั้งไม่สลบไปด้วยความอ่อนเพลียและหมดแรงเกินไป

เขาถึงกับไม่รู้ว่าเรี่ยวแรงมาจากไหน กัดฟันแน่นกรอด ขยับร่างกายที่หมดความรู้สึกจนไม่ฟังคำสั่งนั้นขึ้นมานั่งขัดสมาธิทีละน้อยอย่างยากลำบาก

จากนั้นก็ค่อยๆ หลับตาลง

บนใบหน้าเห็นชัดว่าซีดเผือดอ่อนเพลียยากปกปิด แต่เวลานี้เขากลับเคร่งขรึมมีสง่า พาให้ผู้คนไหวหวั่น

………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 1464 ตกตะลึงแปลกใจ

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 1464 ตกตะลึงแปลกใจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ทะลวงขั้นแล้ว!

ชายหนุ่มจักจั่นทองมีสายตาระดับใด ชั่วพริบตาก็มองออก ว่าพลังหลอมกายของหลินสวินได้ก้าวจากระดับอมตะเคราะห์ด่านแปดสู่ระดับอมตะเคราะห์ด่านเก้าแล้ว

ก้าวเดียวทะลวงขั้น!

ตูม…

แสงมรรคเก้าพิสุทธิ์ไหลวนทั่วร่างหลินสวิน ความอิดโรยและเหนื่อยล้าทั่วร่างเขาพลันหายไป ราศีจับไปทั้งตัว กลิ่นอายแข็งแกร่ง

ชายหนุ่มจักจั่นทองยิ้มพลางถอนใจ หันกลับไปเดินหน้าต่อ

ด้านหลังเขา หลินสวินก็ยิ้มแล้วก้าวเท้าเร่งตามไป

บันไดขั้นที่ห้าพัน

ขั้นที่หกพัน…

ขั้นที่เจ็ดพัน…

ตลอดทางที่ก้าวไปข้างหน้า จิตใจของหลินสวินเปลี่ยนไปอย่างสมบูรณ์แล้ว พลังหลอมกายเลื่อนเป็นระดับอมตะเคราะห์ด่านเก้า ในการต้านทานแต่ละครั้งจะได้รับการเคี่ยวกรำอย่างต่อเนื่อง

นี่กลับเป็นประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่อย่างหนึ่ง

พลังเพิ่งเลื่อนขั้นเป็นช่วงที่ยังไม่มั่นคง สั่นคลอนรากฐานที่สุด แต่ในการต้านทานเพื่อขึ้นบันไดหินแต่ละครั้งก็เหมือนหินลับมีดก้อนหนึ่ง ไม่เพียงทำให้ระดับของหลินสวินมั่นคงในการเคี่ยวกรำแต่ละครั้ง ยังทำให้ควบคุมพลังหลอมกายที่เกิดการแปรสภาพได้ตามต้องการในเวลาอันสั้นที่สุดด้วย

‘สำหรับคนใหญ่คนโตพวกนั้น จุดเปลี่ยนใหญ่ในตำหนักคือวาสนาบรรลุจักรพรรดิที่พวกเขาต้องช่วงชิง แต่สำหรับข้า แค่การเคี่ยวกรำตรงหน้านี้ ความจริงก็เป็นวาสนาอย่างหนึ่งแล้ว…’

ในใจหลินสวินเกิดการรู้แจ้ง

เขาเอื้อมไม่ถึงจุดเปลี่ยนใหญ่นั้นก็จริง

แต่หน้าตำหนักจักรพรรดิหมื่นเคราะห์นี้กลับมีวาสนาที่เหมาะกับเขาเช่นกัน!

แต่ไม่นานหลินสวินก็ไม่อาจคิดมากความ เมื่อก้าวสู่บันไดมรรคขั้นที่เจ็ดพันหกร้อย เขาสัมผัสได้ถึงสัญญาณเกินกำลังอีกครั้ง

ทั้งพลังหลอมกายยังถูกผลาญไปอีกครั้งจนแทบไม่มีเหลือในการต้านทานก่อนหน้านี้

ครั้งนี้หลินสวินไม่ได้ฝืนอีก โคจรพลังหลอมปราณอย่างเงียบเชียบ ยามขึ้นบันไดก้าวย่างของเขาเปลี่ยนเป็นมั่นคงขึ้นมาใหม่อีกครั้ง

ตลอดทางนี้ชายหนุ่มจักจั่นทองไม่ส่งเสียง

หลินสวินก็ไม่พูดอะไรมาก ทุ่มเทกายใจทั้งหมดไปกับการต้านแรงสะเทือนที่น่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ นั่น

ยิ่งก้าวสูงขึ้นไปแรงสั่นสะเทือนก็ยิ่งน่ากลัว ต่อให้โคจรพลังหลอมปราณก็ยังทำให้หลินสวินกินแรงหาใดเปรียบ

นี่ก็เหมือนคู่ต่อสู้ของเขาในตอนแรกเป็นแค่พวกธรรมดา แต่ยิ่งก้าวสูงขึ้นไป พลังต่อสู้ของคู่แข่งที่เจอก็ยิ่งแข็งแกร่ง

กระทั่งตอนนี้เขาถึงขั้นมีความรู้สึกว่ากำลังโรมรันกับอริยะเทียมกลุ่มหนึ่งอยู่!

แรงกดดันเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว!

เมื่อก้าวสู่บันไดหินขั้นที่แปดพันสองร้อย เขาก็โคจรพลังหลอมจิตเต็มกำลังโดยไม่ลังเล

แต่เมื่อผ่านไปเพียงหนึ่งถ้วยชา หลินสวินก็รู้สึกเกินกำลังอีกครั้ง

บันไดนี้รวมแล้วมีเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าขั้น ยิ่งก้าวขึ้นไปแรงสั่นสะเทือนก็ยิ่งแข็งแกร่ง โดยเฉพาะเมื่อเหยียบบันไดขั้นที่เก้าพัน ร่างกายหลินสวินก็ซวนเซทันที เกือบจะถูกซัดถอยหลังออกไป!

เขาพลันกัดฟันกรอด ตั้งท่ารับมือเต็มกำลัง

ในเวลาต่อมาสีหน้าหลินสวินจริงจังขึ้นเรื่อยๆ หนทางที่ก้าวเดินนานเข้าก็ยิ่งหนักหน่วง ทั้งตัวราวกับเตาหลอมผลาญพิภพที่ลุกโชน ส่องประกายถึงขีดสุด

เก้าพันหนึ่งร้อย

เก้าพันสองร้อย

เก้าพันสามร้อย

…ถึงตอนท้ายสุด ร่างกายของเขาสั่นเทาไปหมด กระดูกส่งเสียงเสียดสีราวต้านทานไว้ไม่อยู่ เส้นเลือดดำตรงใบหน้าปรินูนจนบิดเบี้ยวขึ้นมา

ยากเกินไปแล้ว!

นี่ยากลำบากกว่าศึกใหญ่ใดๆ ที่หลินสวินเคยเจอในอดีต ทำให้เจตจำนงทั้งตัวเขาแบกรับแรงกดดันอย่างไม่เคยมีมาก่อน

ความจริงตั้งแต่เหยียบบันไดขั้นที่เก้าพัน ชายหนุ่มจักจั่นทองก็เตรียมการพร้อมแล้ว ยามหลินสวินยืนหยัดไม่อยู่จะเข้าไปช่วยเขาทันที

แต่จนถึงตอนนี้ก็ก้าวสู่บันไดขั้นที่เก้าพันเจ็ดร้อยแล้ว หลินสวินยังยืนหยัดอยู่ได้!

แต่ละก้าวของเขา ร่างกายจะโอนเอนเซไปมาราวกับเทียนกลางลม เหมือนจะล้มดับได้ทุกเมื่อ

แต่ทุกครั้งเขาจะยืนหยัดต่อไปได้อย่างปาฏิหาริย์

ฮู่ว… ฮู่ว…

เสียงลมหายใจกระชั้นถี่ของเขาราวกับกระบอกสูบลมที่ถูกดึง หยาดเหงื่อทั่วร่างไหลอาบดั่งกระแสน้ำ ใบหน้าเปลี่ยนเป็นซีดเผือด

ชายหนุ่มจักจั่นทองอยากจะพูดแต่ก็หยุดปากไว้หลายครั้ง เกือบจะยื่นมือเข้าช่วยอย่างอดไม่อยู่หลายต่อหลายครา แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้ทำเช่นนั้น

หลินสวินกำลังพยายาม แล้วทำไมต้องให้เขายอมแพ้เวลานี้

ทันใดนั้นชายหนุ่มจักจั่นทองนึกถึงมหาจักรพรรดิหมื่นเคราะห์ขึ้นมา ในปีนั้นมหาจักรพรรดิหมื่นเคราะห์มุ่งหน้าเย้ยฟ้า ผ่านด่านเคราะห์หมื่นรอบจนได้บรรลุจักรพรรดิ

หากไม่มีปณิธานและเจตจำนงที่แน่วแน่ ไหนเลยจะทำได้

และหลินสวินที่อยู่ตรงหน้า อย่างน้อยในด้านปณิธานและเจตจำนงก็ไม่ด้อยไปกว่ามหาจักรพรรดิหมื่นเคราะห์ในปีนั้นแม้แต่น้อย ถึงขั้นมีแต่จะเหนือกว่า!

‘ผู้ทำการใหญ่ในอดีต ไม่เพียงแต่มีความสามารถเหนือธรรมดา ยังต้องมีเจตจำนงที่มั่นคงหนักแน่น คีรีดวงกมล… มีผู้สืบทอดที่ยอดเยี่ยมเพิ่มมาคนหนึ่งแล้ว…’

ชายหนุ่มจักจั่นทองทอดถอนใจอยู่ภายในใจ

ลำบากยิ่งนัก!

ลำบากอย่างไม่เคยมีมาก่อน

ตั้งแต่กลับมายังโลกชั้นล่าง หลินสวินสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่เกือบจะยืนหยัดไม่อยู่เป็นครั้งแรก

นี่ไม่ใช่การต่อสู้

แต่กลับทรมานและยากลำบากยิ่งกว่าการต่อสู้!

ต่อมาภายหลังร่างกายหลินสวินชาไปหมด จิตสำนึกล้วนว่างเปล่า อาศัยแค่เจตจำนงที่ไม่ย่อท้อยืนหยัดอยู่เท่านั้น

ความคิดอะไรล้วนไม่มี

โลกภายนอก… ทุกอย่างล้วนว่างเปล่า

การเดินไปข้างหน้า กลายเป็นสัญชาตญาณที่คงอยู่ตราบนิรันดร์

เส้นปราณหัวใจตรงหน้าอกของเขา ชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดเปลี่ยนเป็นร้อนระอุ เหมือนกับดวงตะวันดวงหนึ่งที่กำลังลุกโชนในร่างของเขา แผ่คลื่นประหลาดพร่างพราวออกมา

ชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดกำลังสั่นระรัวครวญคร่ำ คล้ายเมล็ดพันธุ์ที่ถูกซ่อนอยู่ใต้ดินมีสัญญาณว่าจะทะลวงหน้าดินออกมา

ทุกอย่างนี้หลินสวินไม่รับรู้ทั้งสิ้น

ขั้นที่เก้าพันเก้าร้อย

ขั้นที่เก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบ

…มาถึงตรงนี้ ในใจชายหนุ่มจักจั่นทองยังตกตะลึง เขาไม่เคยมีความรู้สึกเช่นนี้มานานมากแล้ว

แต่เวลานี้กลับถูกหลินสวินกระตุ้นขึ้นมา!

ด้วยประสบการณ์และสติปัญญาของเขาก็พอจะคาดเดาเรื่องราวบนโลกเกือบทั้งหมดได้ แต่ครั้งนี้แม้แต่เขาก็คาดไม่ถึงว่าหลินสวินจะสามารถยืนหยัดถึงตอนนี้ได้

นี่ก็คือเรื่องไม่คาดฝัน!

เรื่องไม่คาดฝันมักจะทำให้ผู้คนตกตะลึง ชายหนุ่มจักจั่นทองถึงขั้นนึกไม่ออกแล้วว่าครั้งก่อนคือเมื่อไหร่ และเป็นเรื่องอะไรที่ทำให้ตนคาดไม่ถึงและตกตะลึง

ดังนั้นเวลานี้ใจของเขาจึงไม่อาจสงบอยู่บ้าง

‘เข้าฌานจำศีลมาเป็นในกาลเวลาไร้สิ้นสุด ยามนี้เมื่อใกล้จะจากไปกลับมีเรื่องที่ทำให้ข้าคาดไม่ถึงเช่นนี้… เจ้าหนูนี่เป็นตัวแปรหนึ่งดังคาด’

สีหน้าของชายหนุ่มจักจั่นทองดูแปลกออกไป

มหามรรคห้าสิบ อุบัติฟ้าสี่สิบเก้า รอดพ้นเพียงหนึ่ง

คีรีดวงกมลไม่เคยรับศิษย์มานานหลายปี แต่กลับมาเลือกเด็กคนนี้ในยุคนี้ ผู้สืบทอดของคีรีดวงกมลจึงกลายเป็นห้าสิบห้าคน

จากมุมมองนี้ หรือในความลึกลับนี่จะซ่อนนัยลี้ลับอะไรไว้

ยิ่งไปกว่านั้นปัจจุบันตรงกับมหายุคพอดี และมหายุคก็เต็มไปด้วยตัวแปร เมื่อเจ้าหนุ่มที่เหมือนตัวแปรคนหนึ่งแสวงหามรรคในมหายุคที่ทุกอย่างล้วนเป็นไปได้นี้ เส้นทางที่เลือกเดินจะเป็นอย่างไรกันแน่

พริบตานั้นชายหนุ่มจักจั่นทองรู้สึกใคร่รู้อย่างอดไม่ได้ อยากจะอยู่ดูมรรคาในภายหน้าของหลินสวินต่อ

แต่สุดท้ายเขาก็ยังอดกลั้นไว้

ด้วยหากครั้งนี้เขาไม่จากไป ภายหน้าก็จะไม่มีโอกาสอีกแล้ว…

ขณะกำลังใคร่ครวญก็ได้ยินเสียงดังตึง

ชายหนุ่มจักจั่นทองหันกลับไปมอง ก็เห็นหลินสวินก้าวขึ้นมาทรุดตัวนั่งบนบันไดขั้นที่เก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าแล้ว!

ที่นี่คือหน้าประตูใหญ่ของตำหนักจักรพรรดิหมื่นเคราะห์

เก้าเก้ากลับสู่หนึ่ง[1] ไม่ว่าจะกี่เก้า ท้ายที่สุดก็ต้องคืนสู่หนึ่ง

ส่วนมหามรรคห้าสิบ เมื่อถูกจำนวนของอุบัติฟ้าตัดไป ก็คือหนึ่งเช่นกัน

เวลานี้หลินสวินดูเหมือนทรุดตัวนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างน่าอนาถหาใดเปรียบ แต่ในสายตาของชายหนุ่มจักจั่นทองกลับเผยความตกตะลึงแปลกใจยากปกปิด

ตะลึง คือตกตะลึง

แปลก คือแปลกใจ

เวลานี้ท่าทางของชายหนุ่มจักจั่นทองราวเห็นเรื่องไม่คาดฝันที่เหมือนปาฏิหาริย์มาเยือน ทำให้เขายากเข้าใจ และทำให้เขารู้สึกยินดีอย่างบอกไม่ถูก

ครู่ใหญ่เขาจึงค่อยๆ สงบลงแล้วเอ่ยกับตัวเอง “น่าสนใจ ที่แท้ก่อนหน้านี้ข้าก็มองเขาไม่ทะลุมาตลอด หาได้ยาก… ช่างหาได้ยาก…”

แต่เวลานี้หลินสวินที่ร่วงลงไปกองกับพื้นกลับไม่รู้สึกผ่อนคลายสักนิด ทั้งไม่สลบไปด้วยความอ่อนเพลียและหมดแรงเกินไป

เขาถึงกับไม่รู้ว่าเรี่ยวแรงมาจากไหน กัดฟันแน่นกรอด ขยับร่างกายที่หมดความรู้สึกจนไม่ฟังคำสั่งนั้นขึ้นมานั่งขัดสมาธิทีละน้อยอย่างยากลำบาก

จากนั้นก็ค่อยๆ หลับตาลง

บนใบหน้าเห็นชัดว่าซีดเผือดอ่อนเพลียยากปกปิด แต่เวลานี้เขากลับเคร่งขรึมมีสง่า พาให้ผู้คนไหวหวั่น

………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+