Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 2323 กำราบหลีชาง

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 2323 กำราบหลีชาง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลินสวินกุมมือคารวะเอ่ยว่า “ออมมือแล้ว”

จักรพรรดิซิงอู่แววตาซับซ้อน มองดูหลินสวินสักพัก “ดินแดนรกร้างโบราณมีหลินเต้ายวน เป็นเรื่องดีในหมื่นกาล”

นางพูดจบก็หมุนตัวจากไป เกราะสีแดงฉานทั้งชุดดูสะดุดตาเป็นพิเศษ

หลินสวินเดินหน้าต่อ ตั้งแต่เริ่มจนจบต้าหวงก็เหมือนผู้ชมคนหนึ่ง เดินตามหลังหลินสวินต้อยๆ

ในมุมมืด เหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าเงียบงัน แต่ในใจกลับไม่อาจสงบได้

พลังของมกุฎมหาจักรพรรดิพลิกความเข้าใจต่อพลังมรรคจักรพรรดิของพวกเขาโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อจักรพรรดิซิงอู่ยอมแพ้ ทำให้พวกเขาต่างตระหนักได้ว่าในเขตแดนดาราทอดทิ้งแห่งนี้ คิดจะขวางชายหนุ่มเช่นนั้น…

ยากนัก!

สัตว์ประหลาดเฒ่าจำนวนหนึ่งยอมรับว่าตนสู้จักรพรรดิซิงอู่ไม่ได้ ต่างเลิกล้มความคิดที่จะลงมือ นี่จะต่างอะไรกับรนหาที่เอง

และยังมีสัตว์ประหลาดเฒ่าบางส่วนหารือว่าจะลงมือร่วมกัน แต่กลับถูกต่อต้านอย่างแข็งกร้าว

แม้หลินสวินไม่เคยเข้าร่วมพันธมิตรสงครามรกร้างโบราณ แต่อย่างไรก็มาจากดินแดนรกร้างโบราณ ไม่ได้เป็นคนนอก

หนำซ้ำพวกเขาต่างก็รู้เรื่องว่าความแค้นระหว่างมหาจักรพรรดิอีกาทองกับหลินสวินเป็นเพียงความแค้นส่วนตัว ถ้าไม่ได้มาจากขุมอำนาจเดียวกัน พวกเขาก็ถึงขึ้นคร้านจะเข้าไปแทรกแซง

หนึ่งเค่อต่อมา

หลินสวินมาถึงส่วนที่ลึกที่สุดของเขตแดนดาราทอดทิ้ง นี่เป็นฟ้าดาราอันรกร้างปั่นป่วนโดยสมบูรณ์แห่งหนึ่ง

แถบแสงกาลเวลาสาดออกมาจากชั้นห้วงอากาศน่ากลัว ประกายชวนสะพรึงที่ทำให้บรรพจารย์จักรพรรดิยังขวัญหายวาบผ่านอยู่

และเป็นในส่วนลึกของกลุ่มอุกกาบาตนี้เอง โลกที่พังทลายโรยราสามแห่งดำรงอยู่

ที่หนึ่งมีเปลวเพลิงสีทองคับฟ้าลุกโชน ราวกับแคว้นหินหนืดแคว้นหนึ่ง

ที่หนึ่งเงียบเชียบหนาวเย็น สรรพสิ่งแห้งเหี่ยว เผยกลิ่นอายทรุดโทรมชวนอึดอัด ประหนึ่งกลายเป็นโลกแห่งซากปรักหักพัง

ที่สุดท้ายก็เป็นโลกที่ถูกพันธนาการด้วยโซ่สีดำนับไม่ถ้วน โซ่ทบไปทบมามีคลื่นระเบียบพังพินาศฉายวาบ

“เจ้าเฒ่าอีกาทองถูกกำราบอยู่ในโลกหินหนืดแห่งนั้น แต่เจ้าคิดจะไปหาเขา ต้องผ่านด่านข้าไปก่อน”

เสียงแผ่วจางราบเรียบเสียงนั้นดังขึ้น ก็พบว่าในโลกรกร้างอันเงียบเชียบหนาวเย็นนั้นมีเงาร่างหนึ่งลุกขึ้นจากกองฝุ่นบนพื้นดิน

เขาหนวดเครายุ่งเหยิง แต่ลักษณะกลับเหมือนชายหนุ่ม รูปลักษณ์ธรรมดา ทั้งร่างไม่มีคลื่นกลิ่นอายแม้แต่นิดเดียว

แต่พอได้เห็นคนผู้นี้นัยน์ตาต้าหวงพลันหดรัด เผยสีหน้าเคร่งเครียด สื่อจิตเตือนว่า

’เจ้าหมอนี่เกรงว่าจะเป็นบรรพจารย์จักรพรรดิหลีชางคนนั้น กลิ่นอายเก็บงำไว้ภายใน ตัดขาดจากฟ้าดิน บรรลุระดับบรรพจารย์จักรพรรดิขั้นสมบูรณ์แล้ว’

นัยน์ตาหลินสวินหดรัดน้อยๆ แต่ไม่เปลี่ยนสีหน้า

ก็เห็นว่าหลังจากเงาร่างนั้นลุกขึ้น ก็ยื่นมือมาปัดฝุ่นเต็มตัวและเดินกลางอากาศเบาๆ

ชั่วสั้นๆ ก็มาถึงบนฟ้าดาราแล้ว

ความรู้สึกที่มอบให้ผู้อื่น ไม่ใช่ว่าเขาเคลื่อนย้ายมา แต่เป็นโลกใบนั้นบีบตัวเพื่อการก้าวเดินของเขา ดูเหลือเชื่อนัก

ชายหนุ่มคนนี้ย่อมเป็นบรรพจารย์จักรพรรดิหลีชาง และเป็นผู้นำพันธมิตรสงครามรกร้างโบราณคนปัจจุบัน

เขาแววตาเรียบเฉย ทั้งตัวไม่มีคลื่นกลิ่นอายใดๆ อย่างกับปุถุชนคนธรรมดา แต่เมื่ออยู่ในสายตาหลินสวินกับต้าหวง บรรพจารย์จักรพรรดิหลีชางก็เป็นดั่งนายเหนือหัวแห่งฟ้าดาราแห่งนี้ กลิ่นอายของเขา พลังของเขา หลอมรวมไปกับพื้นที่ฟ้าดาราแห่งนี้ทุกกระเบียดแล้ว!

“ตอนนั้นก่อนจักจั่นทองไปได้กำราบเจ้าเฒ่าอีกาทองไว้ที่นี่ด้วยฝ่ามือเดียว ไม่อาจหลุดพ้นได้ในร้อยปี ตอนนี้ช่วงเวลาหนึ่งร้อยปียังไม่สิ้นสุดลง”

บรรพจารย์จักรพรรดิหลีชางเอ่ยปาก “ในความคิดข้า ไม่สู้เจ้ารอเจ้าเฒ่าอีกาทองหลุดออกมาแล้วค่อยตัดความแค้นส่วนตัวครั้งนี้กับเขา”

หลินสวินคิดเล็กน้อยแล้วเอ่ยพูดเพียงไม่กี่คำว่า “เวลาไม่รอข้า”

เขารีบมากจริงๆ

การมุ่งหน้าไปแหล่งสถานคุนหลุนครั้งนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะบังเอิญเจอเขตแดนดาราทอดทิ้งแห่งนี้ระหว่างทาง เกรงว่าเขาคงไม่คิดไปหาเจ้าเฒ่าอีกาทองเอง

“เจ้าเพิ่งฝึกปราณมาไม่เท่าไร กลับกล้าพูดคำว่า ‘เวลาไม่รอข้า’ ออกมาได้”

บรรพจารย์จักรพรรดิหลีชางยิ้มเอ่ย “ยิ่งกว่านั้นตามที่ข้ารู้มา ถ้าไม่ใช่ว่าเจ้าไปตัดต้นไม้เทพฝูซางของเผ่าอีกาทอง เจ้าเฒ่าอีกาทองจะไปมองเจ้าเป็นหนามยอกอกได้อย่างไร เจ้าหนุ่ม ทำการใดจะบีบบังคับเกินไปไม่ได้”

หลินสวินขมวดคิ้ว “ความแค้นของข้ากับเฒ่าชรานั่นไม่ได้เกิดขึ้นเพราะต้นเทพฝูซาง สหายยุทธ์ไม่รู้เรื่องอย่าสรุปเองจะดีกว่า”

เหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าที่จับตาดูเหตุการณ์นี้ในมุมมืดต่างสูดหายใจสะท้าน คิดไม่ถึงว่าขนาดเผชิญหน้ากับบรรพจารย์จักรพรรดิหลีชาง หลินเต้ายวนคนนี้ยังกล้าแข็งกร้าวปานนี้

กลับพบว่ารอยยิ้มมุมปากบรรพจารย์จักรพรรดิหลีชางหุบลง กวาดมองหลินสวินปราดหนึ่งแล้วมองต้าหวงอีก พูดว่า “จักรพรรดิสงครามคำรน เจ้ามาออกหน้าแทนเจ้าหนุ่มนี่หรือ”

ต้าหวงฉีกยิ้ม “ไม่ถึงกับออกหน้า แค่ข้าคิดว่าความแค้นส่วนตัวของชาวบ้าน คนนอกอย่างเจ้ากับข้าอย่าไปแส่จะดีที่สุด จะได้ไม่หาเรื่องใส่ตัว”

บรรพจารย์จักรพรรดิหลีชางร้องอ้อคำหนึ่งแล้วก็มองดูหลินสวินอีกครั้ง “ไม่ว่าจะเป็นใคร กฎของพันธมิตรสงครามรกร้างโบราณจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้ เจ้าหนุ่ม ภายหน้าเจ้ายังมีอนาคตอีกยาวไกล ถ้ายึดติดอยู่กับความแค้นท่าเดียวกลับจะไม่เป็นผลดีต่อการฝึกปราณของเจ้า ข้าไม่อยากทำให้เจ้าลำบาก และหวังว่าเจ้าจะไม่สร้างความยุ่งยากให้กับข้าเช่นกัน”

วาจาไม่ได้บีบคั้น แต่น้ำเสียงวางตัวสูงส่ง รวมถึงท่าทางสอนสั่งคนรุ่นหลังเช่นนั้นก็ชัดเจนยิ่งนัก

นี่ทำให้ในใจหลินสวินทนไม่ได้อยู่บ้าง เอ่ยเสียงเรียบว่า “ถ้าคิดจะเป็นศัตรูกับพันธมิตรสงครามรกร้างโบราณจริงๆ ตลอดทางมานี้ไยข้าคนแซ่หลินต้องออมมืออ่อนข้อให้ด้วย สหายยุทธ์ ข้าคนแซ่หลินก็หวังว่าเจ้าอย่ายกเหตุผลใหญ่โตอะไรมาข่มข้าอีกจะดีที่สุด”

คำว่าสหายยุทธ์ถูกหลินสวินเน้นหนักยิ่งนัก

บรรพจารย์จักรพรรดิหลีชางอดยิ้มไม่ได้ “เจ้าเรียกข้าว่าสหายยุทธ์หรือ”

หรือพูดอีกอย่างก็คือ คนหนุ่มอย่างเจ้าคู่ควรอยู่รุ่นเดียวกับข้าหรือ

กลับพบว่าหลินสวินไม่โมโหสักนิด แต่คิดอย่างจริงจังแล้วเอ่ยว่า “การเรียกนี้ออกจะไม่เหมาะจริงๆ ถ้าว่ากันอย่างเคร่งครัด เจ้าที่ไม่ได้บรรลุระดับมกุฎจักรพรรดิย่อมไม่ได้อยู่บนทางเส้นเดียวกับข้าคนแซ่หลิน ถ้อยคำเติมแต่งสวยหรูของเจ้าก่อนหน้านี้ก็เอาคืนไปได้เลย ถึงอย่างไรมหามรรคของข้า ทั่วหล้านี้ใช่สิ่งที่ใครจะวิจารณ์สุ่มสี่สุ่มห้าก็ได้หรือ”

คำพูดเดียวทำให้ต้าหวงเบิกบานอย่างอดไม่อยู่ ระดับมกุฎจักรพรรดิ! เรื่องนี้สมเหตุสมผลโดยสมบูรณ์ ตบหน้าแบบไร้ร่องรอย!

ใครไม่รู้บ้างว่าหลินสวินเป็นผู้ที่บรรลุมกุฎจักรพรรดิคนแรกในรอบหนึ่งแสนปี

มหามรรคของเขา บนโลกนี้ใครมีสิทธิ์วิจารณ์

สีหน้าบรรพจารย์จักรพรรดิหลีชางอึมครึมลงไม่น้อย เห็นได้ชัดว่าคำพูดนี้ทิ่มแทงใจเขา แต่เขากลับแย้งไม่ได้สักนิด

มกุฎ!

เพียงคำเดียว แต่ความสำคัญในความหมานนั้นใครบ้างจะไม่เข้าใจ

ดวงตาของเขาจ้องหลินสวินเขม็งพักหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “แค่ปากคอเราะราย เสียแรงเปล่าอยู่ดี”

“เช่นนั้นก็มาลงมือให้รู้ดำรู้แดง”

หลินสวินเอ่ยโดยไม่ต้องคิด

ในแดนเจินหลง เขาก็ไม่ใช่ไม่เคยฆ่าบรรพจารย์จักรพรรดิ!

บรรพจารย์จักรพรรดิหลีชางถอนใจยาวเฮือกหนึ่ง ท่าทางถึงกับคล้ายเสียดายอยู่บ้าง “ช่างเถอะ วันนี้ข้าจะลงมือให้เจ้าจักรพรรดิเต้ายวนตื่นสักหน จะได้เลิกนึกว่าบรรลุเป็นมกุฎมหาจักรพรรดิแล้วจะเมินคนทั่วหล้าได้”

ตูม!

เขายื่นมือไปคว้า ดวงดาวเต็มฟ้าสั่นระริก แสงมรรคงามตระการผุดขึ้นดั่งทะเลคลั่งภูผาถล่ม กลายเป็นกรงนิ้วมือทั้งห้ากรงหนึ่งปกคลุมหลินสวิน

ความรู้สึกที่มอบให้ผู้อื่นเสมือนว่าฟ้าดาราแห่งนี้ถูกเขากุมไว้ในกำมือ ผู้ที่อยู่ในฟ้าดาราไม่ว่าใครต่างก็ถูกกำราบกักขัง!

กลับพบว่าหลินสวินยิ้ม “น่าจะทำอย่างนี้ตั้งนานแล้ว ทำไมต้องพูดพร่ำทำเพลง ต้าหวง!”

“จัดการเขา!”

ต้าหวงที่เตรียมลงมือไว้นานแล้วคำรามทีหนึ่ง ถลาตัวทะลวงอากาศเข้าไป

“ต่อให้รวมเจ้าจักรพรรดิสงครามคำรนไปด้วย… ก็เปลืองแรงเปล่า…”

บรรพจารย์จักรพรรดิหลีชางยิ้มเรียบๆ ความคิดไหวเคลื่อน กรงขังนิ้วมือแผ่แสงมรรคมากมาย เหมือนจะกำราบหลินสวินกับต้าหวงไว้ด้วยกัน!

ตูม!

ต้าหวงยื่นกรงเล็บออกมาโบกแรงๆ ทำลายกรงขังนิ้วมือนั้นแล้วบุกต่อไป ดูดุร้ายหาใดเทียบ

“ถ้าเจ้านายเจ้าอยู่ ข้าอาจจะเกรงกลัวอยู่บ้าง แต่แค่เจ้ากับเจ้าหนุ่มนี่… ย่อมเหมือนเอาไม้ซีกมางัดไม้ซุง”

กลับพบว่าบรรพจารย์จักรพรรดิหลีชางยิ้มผ่อนคลาย แขนเสื้อพลิ้วไหว นิ้วมือทั้งห้ายื่นออกอย่างรวดเร็ว

แต่ก็ในตอนนี้เอง แสงเทพขาวไพศาลแถบหนึ่งแผ่ออกมาจากเบื้องหน้าหลินสวิน แยงตาจนบรรพจารย์จักรพรรดิหลีชางยังลืมตาไม่ได้อยู่บ้าง

ก็ในชั่วพริบตานี้เอง กรงเล็บของต้าหวงตะปบลงมาอย่างแรง

ปึง!

เสียงหนักทึบเสียงหนึ่งดังขึ้น

บรรพจารย์จักรพรรดิหลีชางโซเซ เงาร่างล้มพรืดไปกับพื้น เขางุนงง ภาพตรงหน้าพร่ามัว

เกิดอะไรขึ้น!

ชั่วพริบตากลับเหมือนคว่ำฟ้า ทำให้ระดับบรรพจารย์จักรพรรดิขั้นบริบูรณ์อย่างเขารู้สึกมึนงงไม่ทันตั้งตัวได้

บรรพจารย์จักรพรรดิหลีชางกำลังจะลุกขึ้นก็ถูกกรงเล็บหนึ่งของต้าหวงกดลงที่กลางหลัง อีกหนึ่งกดคอไว้ ราวกับจับกระต่ายเฒ่าตัวหนึ่ง ลำพองเป็นที่สุด ร้องลั่นว่า “เจ้าเฒ่า เสแสร้งสิ เจ้าเสแสร้งต่อสิ!”

บรรพจารย์จักรพรรดิหลีชางทั้งอายทั้งโกรธ โมโหจนแทบกระอักเลือด ชั่วพริบตาเท่านั้นเขาถึงกับถูกหมาตัวหนึ่งกำราบอยู่ตรงนี้ นี่เป็นความอัปยศอดสูครั้งใหญ่ที่สุดที่เขาได้ประสบตั้งแต่ฝึกปราณมาจนตอนนี้!

และในมุมมืด สัตว์ประหลาดเฒ่าที่จับตาดูภาพนี้อยู่ทุกคนต่างตกตะลึงอ้าปากค้าง คิดจนหัวแตกยังคิดไม่ออกสักนิดว่าศึกใหญ่นี้เพิ่งปะทุ บรรพจารย์จักรพรรดิหลีชางก็ถูกกำราบไปแล้ว!

ถ้าไม่เห็นด้วยตาตัวเอง พวกเขายังสงสัยว่ากำลังฝันไป

“คิดไม่ถึงว่าจักรพรรดิสงครามคำรนที่องอาจอย่างเจ้า ดันทำเรื่องอย่างการลอบโจมตีได้!” บรรพจารย์จักรพรรดิหลีชางกัดฟัน แววตาน่าสะพรึงฉายวาบในดวงตา สีหน้าคล้ำเขียวจนน่ากลัว

ปึง!

ต้าหวงเงื้อกรงเล็บขึ้นตบท้ายทอยของบรรพจารย์จักรพรรดิหลีชางอย่างแรงทีหนึ่ง “เจ้ามีฐานะเป็นบรรพจารย์จักรพรรดิ แต่กลับไปรังแกชายหนุ่มระดับจักรพรรดิขั้นสี่คนหนึ่ง ไม่รู้สึกอายหรือไง ถุย! เจ้าเฒ่าหน้าไม่อาย!”

บรรพจารย์จักรพรรดิหลีชางตาลุกวาวแล้ว ใกล้จะคลุ้มคลั่ง แผดเสียงว่า “จักรพรรดิสงครามคำรน เจ้าอยากผูกแค้นกับพันธมิตรสงครามรกร้างโบราณของข้าจริงๆ ใช่ไหม”

เขาก่อนหน้านี้ราบเรียบสงบนิ่ง ถือตัวสูงส่งประหนึ่งนายเหนือหัว ไม่ว่าจะเป็นการเผชิญหน้ากับต้าหวงหรือหลินสวิน ล้วนมีท่าทีอย่างผู้อาวุโสชี้แนะหลักการใหญ่โต

แต่ตอนนี้กลับผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ถูกกำราบอยู่ในห้วงอากาศ หมอบคว่ำอยู่เช่นนั้น ซ้ำยังถูกต้าหวงเหยียบร่าง ยับเยิบเสียหน้าเป็นที่สุด

“เลิกเอ่ยไร้สาระ เฒ่าชราอย่างเจ้าชั่วนัก สู้ไม่ได้ก็เริ่มเอาพันธมิตรสงครามรกร้างโบราณมาข่มขู่ น่าขายหน้าไหม” ต้าหวงตะคอก

“เจ้า…” บรรพจารย์จักรพรรดิหลีชางโมโหจนควันออกหู ขนาดจะพูดยังพูดไม่ออกแล้ว

“ต้าหวง ปล่อยเขาไป” ก็ในตอนนี้เองหลินสวินเอ่ยปากแล้ว

“ปล่อยไปหรือ” ต้าหวงลังเล “เกิดเจ้าเฒ่านี่…

“เขาแพ้แล้ว มิหนำซ้ำพวกเราไม่ได้มาผูกแค้นกับพันธมิตรสงครามรกร้างโบราณจริงๆ หาไม่แล้วจะต้องพูดพร่ำทำเพลงขนาดนี้ทำไม ฆ่าเลยก็จบ” หลินสวินเอ่ย

ต้าหวงพยักหน้าแล้วหมุนตัวจากไป

เหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าในความมืดที่จับตามองภาพทั้งหมดนี้ต่างก็ถอนใจยาวโล่งอก

ถ้าหลินสวินจะฉีกหน้าบรรพจารย์จักรพรรดิหลีชางจริงๆ พวกเขาที่มีฐานะเป็นสมาชิกพันธมิตรสงครามรกร้างโบราณเช่นกันย่อมไม่อาจมองดูต่อไปได้

ทว่าบรรพจารย์จักรพรรดิหลีชางได้รับความอัปยศครั้งใหญ่เช่นนี้ จะยินยอมหรือ

สายตาทุกคู่พากันมองไป

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 2323 กำราบหลีชาง

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 2323 กำราบหลีชาง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลินสวินกุมมือคารวะเอ่ยว่า “ออมมือแล้ว”

จักรพรรดิซิงอู่แววตาซับซ้อน มองดูหลินสวินสักพัก “ดินแดนรกร้างโบราณมีหลินเต้ายวน เป็นเรื่องดีในหมื่นกาล”

นางพูดจบก็หมุนตัวจากไป เกราะสีแดงฉานทั้งชุดดูสะดุดตาเป็นพิเศษ

หลินสวินเดินหน้าต่อ ตั้งแต่เริ่มจนจบต้าหวงก็เหมือนผู้ชมคนหนึ่ง เดินตามหลังหลินสวินต้อยๆ

ในมุมมืด เหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าเงียบงัน แต่ในใจกลับไม่อาจสงบได้

พลังของมกุฎมหาจักรพรรดิพลิกความเข้าใจต่อพลังมรรคจักรพรรดิของพวกเขาโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อจักรพรรดิซิงอู่ยอมแพ้ ทำให้พวกเขาต่างตระหนักได้ว่าในเขตแดนดาราทอดทิ้งแห่งนี้ คิดจะขวางชายหนุ่มเช่นนั้น…

ยากนัก!

สัตว์ประหลาดเฒ่าจำนวนหนึ่งยอมรับว่าตนสู้จักรพรรดิซิงอู่ไม่ได้ ต่างเลิกล้มความคิดที่จะลงมือ นี่จะต่างอะไรกับรนหาที่เอง

และยังมีสัตว์ประหลาดเฒ่าบางส่วนหารือว่าจะลงมือร่วมกัน แต่กลับถูกต่อต้านอย่างแข็งกร้าว

แม้หลินสวินไม่เคยเข้าร่วมพันธมิตรสงครามรกร้างโบราณ แต่อย่างไรก็มาจากดินแดนรกร้างโบราณ ไม่ได้เป็นคนนอก

หนำซ้ำพวกเขาต่างก็รู้เรื่องว่าความแค้นระหว่างมหาจักรพรรดิอีกาทองกับหลินสวินเป็นเพียงความแค้นส่วนตัว ถ้าไม่ได้มาจากขุมอำนาจเดียวกัน พวกเขาก็ถึงขึ้นคร้านจะเข้าไปแทรกแซง

หนึ่งเค่อต่อมา

หลินสวินมาถึงส่วนที่ลึกที่สุดของเขตแดนดาราทอดทิ้ง นี่เป็นฟ้าดาราอันรกร้างปั่นป่วนโดยสมบูรณ์แห่งหนึ่ง

แถบแสงกาลเวลาสาดออกมาจากชั้นห้วงอากาศน่ากลัว ประกายชวนสะพรึงที่ทำให้บรรพจารย์จักรพรรดิยังขวัญหายวาบผ่านอยู่

และเป็นในส่วนลึกของกลุ่มอุกกาบาตนี้เอง โลกที่พังทลายโรยราสามแห่งดำรงอยู่

ที่หนึ่งมีเปลวเพลิงสีทองคับฟ้าลุกโชน ราวกับแคว้นหินหนืดแคว้นหนึ่ง

ที่หนึ่งเงียบเชียบหนาวเย็น สรรพสิ่งแห้งเหี่ยว เผยกลิ่นอายทรุดโทรมชวนอึดอัด ประหนึ่งกลายเป็นโลกแห่งซากปรักหักพัง

ที่สุดท้ายก็เป็นโลกที่ถูกพันธนาการด้วยโซ่สีดำนับไม่ถ้วน โซ่ทบไปทบมามีคลื่นระเบียบพังพินาศฉายวาบ

“เจ้าเฒ่าอีกาทองถูกกำราบอยู่ในโลกหินหนืดแห่งนั้น แต่เจ้าคิดจะไปหาเขา ต้องผ่านด่านข้าไปก่อน”

เสียงแผ่วจางราบเรียบเสียงนั้นดังขึ้น ก็พบว่าในโลกรกร้างอันเงียบเชียบหนาวเย็นนั้นมีเงาร่างหนึ่งลุกขึ้นจากกองฝุ่นบนพื้นดิน

เขาหนวดเครายุ่งเหยิง แต่ลักษณะกลับเหมือนชายหนุ่ม รูปลักษณ์ธรรมดา ทั้งร่างไม่มีคลื่นกลิ่นอายแม้แต่นิดเดียว

แต่พอได้เห็นคนผู้นี้นัยน์ตาต้าหวงพลันหดรัด เผยสีหน้าเคร่งเครียด สื่อจิตเตือนว่า

’เจ้าหมอนี่เกรงว่าจะเป็นบรรพจารย์จักรพรรดิหลีชางคนนั้น กลิ่นอายเก็บงำไว้ภายใน ตัดขาดจากฟ้าดิน บรรลุระดับบรรพจารย์จักรพรรดิขั้นสมบูรณ์แล้ว’

นัยน์ตาหลินสวินหดรัดน้อยๆ แต่ไม่เปลี่ยนสีหน้า

ก็เห็นว่าหลังจากเงาร่างนั้นลุกขึ้น ก็ยื่นมือมาปัดฝุ่นเต็มตัวและเดินกลางอากาศเบาๆ

ชั่วสั้นๆ ก็มาถึงบนฟ้าดาราแล้ว

ความรู้สึกที่มอบให้ผู้อื่น ไม่ใช่ว่าเขาเคลื่อนย้ายมา แต่เป็นโลกใบนั้นบีบตัวเพื่อการก้าวเดินของเขา ดูเหลือเชื่อนัก

ชายหนุ่มคนนี้ย่อมเป็นบรรพจารย์จักรพรรดิหลีชาง และเป็นผู้นำพันธมิตรสงครามรกร้างโบราณคนปัจจุบัน

เขาแววตาเรียบเฉย ทั้งตัวไม่มีคลื่นกลิ่นอายใดๆ อย่างกับปุถุชนคนธรรมดา แต่เมื่ออยู่ในสายตาหลินสวินกับต้าหวง บรรพจารย์จักรพรรดิหลีชางก็เป็นดั่งนายเหนือหัวแห่งฟ้าดาราแห่งนี้ กลิ่นอายของเขา พลังของเขา หลอมรวมไปกับพื้นที่ฟ้าดาราแห่งนี้ทุกกระเบียดแล้ว!

“ตอนนั้นก่อนจักจั่นทองไปได้กำราบเจ้าเฒ่าอีกาทองไว้ที่นี่ด้วยฝ่ามือเดียว ไม่อาจหลุดพ้นได้ในร้อยปี ตอนนี้ช่วงเวลาหนึ่งร้อยปียังไม่สิ้นสุดลง”

บรรพจารย์จักรพรรดิหลีชางเอ่ยปาก “ในความคิดข้า ไม่สู้เจ้ารอเจ้าเฒ่าอีกาทองหลุดออกมาแล้วค่อยตัดความแค้นส่วนตัวครั้งนี้กับเขา”

หลินสวินคิดเล็กน้อยแล้วเอ่ยพูดเพียงไม่กี่คำว่า “เวลาไม่รอข้า”

เขารีบมากจริงๆ

การมุ่งหน้าไปแหล่งสถานคุนหลุนครั้งนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะบังเอิญเจอเขตแดนดาราทอดทิ้งแห่งนี้ระหว่างทาง เกรงว่าเขาคงไม่คิดไปหาเจ้าเฒ่าอีกาทองเอง

“เจ้าเพิ่งฝึกปราณมาไม่เท่าไร กลับกล้าพูดคำว่า ‘เวลาไม่รอข้า’ ออกมาได้”

บรรพจารย์จักรพรรดิหลีชางยิ้มเอ่ย “ยิ่งกว่านั้นตามที่ข้ารู้มา ถ้าไม่ใช่ว่าเจ้าไปตัดต้นไม้เทพฝูซางของเผ่าอีกาทอง เจ้าเฒ่าอีกาทองจะไปมองเจ้าเป็นหนามยอกอกได้อย่างไร เจ้าหนุ่ม ทำการใดจะบีบบังคับเกินไปไม่ได้”

หลินสวินขมวดคิ้ว “ความแค้นของข้ากับเฒ่าชรานั่นไม่ได้เกิดขึ้นเพราะต้นเทพฝูซาง สหายยุทธ์ไม่รู้เรื่องอย่าสรุปเองจะดีกว่า”

เหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าที่จับตาดูเหตุการณ์นี้ในมุมมืดต่างสูดหายใจสะท้าน คิดไม่ถึงว่าขนาดเผชิญหน้ากับบรรพจารย์จักรพรรดิหลีชาง หลินเต้ายวนคนนี้ยังกล้าแข็งกร้าวปานนี้

กลับพบว่ารอยยิ้มมุมปากบรรพจารย์จักรพรรดิหลีชางหุบลง กวาดมองหลินสวินปราดหนึ่งแล้วมองต้าหวงอีก พูดว่า “จักรพรรดิสงครามคำรน เจ้ามาออกหน้าแทนเจ้าหนุ่มนี่หรือ”

ต้าหวงฉีกยิ้ม “ไม่ถึงกับออกหน้า แค่ข้าคิดว่าความแค้นส่วนตัวของชาวบ้าน คนนอกอย่างเจ้ากับข้าอย่าไปแส่จะดีที่สุด จะได้ไม่หาเรื่องใส่ตัว”

บรรพจารย์จักรพรรดิหลีชางร้องอ้อคำหนึ่งแล้วก็มองดูหลินสวินอีกครั้ง “ไม่ว่าจะเป็นใคร กฎของพันธมิตรสงครามรกร้างโบราณจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้ เจ้าหนุ่ม ภายหน้าเจ้ายังมีอนาคตอีกยาวไกล ถ้ายึดติดอยู่กับความแค้นท่าเดียวกลับจะไม่เป็นผลดีต่อการฝึกปราณของเจ้า ข้าไม่อยากทำให้เจ้าลำบาก และหวังว่าเจ้าจะไม่สร้างความยุ่งยากให้กับข้าเช่นกัน”

วาจาไม่ได้บีบคั้น แต่น้ำเสียงวางตัวสูงส่ง รวมถึงท่าทางสอนสั่งคนรุ่นหลังเช่นนั้นก็ชัดเจนยิ่งนัก

นี่ทำให้ในใจหลินสวินทนไม่ได้อยู่บ้าง เอ่ยเสียงเรียบว่า “ถ้าคิดจะเป็นศัตรูกับพันธมิตรสงครามรกร้างโบราณจริงๆ ตลอดทางมานี้ไยข้าคนแซ่หลินต้องออมมืออ่อนข้อให้ด้วย สหายยุทธ์ ข้าคนแซ่หลินก็หวังว่าเจ้าอย่ายกเหตุผลใหญ่โตอะไรมาข่มข้าอีกจะดีที่สุด”

คำว่าสหายยุทธ์ถูกหลินสวินเน้นหนักยิ่งนัก

บรรพจารย์จักรพรรดิหลีชางอดยิ้มไม่ได้ “เจ้าเรียกข้าว่าสหายยุทธ์หรือ”

หรือพูดอีกอย่างก็คือ คนหนุ่มอย่างเจ้าคู่ควรอยู่รุ่นเดียวกับข้าหรือ

กลับพบว่าหลินสวินไม่โมโหสักนิด แต่คิดอย่างจริงจังแล้วเอ่ยว่า “การเรียกนี้ออกจะไม่เหมาะจริงๆ ถ้าว่ากันอย่างเคร่งครัด เจ้าที่ไม่ได้บรรลุระดับมกุฎจักรพรรดิย่อมไม่ได้อยู่บนทางเส้นเดียวกับข้าคนแซ่หลิน ถ้อยคำเติมแต่งสวยหรูของเจ้าก่อนหน้านี้ก็เอาคืนไปได้เลย ถึงอย่างไรมหามรรคของข้า ทั่วหล้านี้ใช่สิ่งที่ใครจะวิจารณ์สุ่มสี่สุ่มห้าก็ได้หรือ”

คำพูดเดียวทำให้ต้าหวงเบิกบานอย่างอดไม่อยู่ ระดับมกุฎจักรพรรดิ! เรื่องนี้สมเหตุสมผลโดยสมบูรณ์ ตบหน้าแบบไร้ร่องรอย!

ใครไม่รู้บ้างว่าหลินสวินเป็นผู้ที่บรรลุมกุฎจักรพรรดิคนแรกในรอบหนึ่งแสนปี

มหามรรคของเขา บนโลกนี้ใครมีสิทธิ์วิจารณ์

สีหน้าบรรพจารย์จักรพรรดิหลีชางอึมครึมลงไม่น้อย เห็นได้ชัดว่าคำพูดนี้ทิ่มแทงใจเขา แต่เขากลับแย้งไม่ได้สักนิด

มกุฎ!

เพียงคำเดียว แต่ความสำคัญในความหมานนั้นใครบ้างจะไม่เข้าใจ

ดวงตาของเขาจ้องหลินสวินเขม็งพักหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “แค่ปากคอเราะราย เสียแรงเปล่าอยู่ดี”

“เช่นนั้นก็มาลงมือให้รู้ดำรู้แดง”

หลินสวินเอ่ยโดยไม่ต้องคิด

ในแดนเจินหลง เขาก็ไม่ใช่ไม่เคยฆ่าบรรพจารย์จักรพรรดิ!

บรรพจารย์จักรพรรดิหลีชางถอนใจยาวเฮือกหนึ่ง ท่าทางถึงกับคล้ายเสียดายอยู่บ้าง “ช่างเถอะ วันนี้ข้าจะลงมือให้เจ้าจักรพรรดิเต้ายวนตื่นสักหน จะได้เลิกนึกว่าบรรลุเป็นมกุฎมหาจักรพรรดิแล้วจะเมินคนทั่วหล้าได้”

ตูม!

เขายื่นมือไปคว้า ดวงดาวเต็มฟ้าสั่นระริก แสงมรรคงามตระการผุดขึ้นดั่งทะเลคลั่งภูผาถล่ม กลายเป็นกรงนิ้วมือทั้งห้ากรงหนึ่งปกคลุมหลินสวิน

ความรู้สึกที่มอบให้ผู้อื่นเสมือนว่าฟ้าดาราแห่งนี้ถูกเขากุมไว้ในกำมือ ผู้ที่อยู่ในฟ้าดาราไม่ว่าใครต่างก็ถูกกำราบกักขัง!

กลับพบว่าหลินสวินยิ้ม “น่าจะทำอย่างนี้ตั้งนานแล้ว ทำไมต้องพูดพร่ำทำเพลง ต้าหวง!”

“จัดการเขา!”

ต้าหวงที่เตรียมลงมือไว้นานแล้วคำรามทีหนึ่ง ถลาตัวทะลวงอากาศเข้าไป

“ต่อให้รวมเจ้าจักรพรรดิสงครามคำรนไปด้วย… ก็เปลืองแรงเปล่า…”

บรรพจารย์จักรพรรดิหลีชางยิ้มเรียบๆ ความคิดไหวเคลื่อน กรงขังนิ้วมือแผ่แสงมรรคมากมาย เหมือนจะกำราบหลินสวินกับต้าหวงไว้ด้วยกัน!

ตูม!

ต้าหวงยื่นกรงเล็บออกมาโบกแรงๆ ทำลายกรงขังนิ้วมือนั้นแล้วบุกต่อไป ดูดุร้ายหาใดเทียบ

“ถ้าเจ้านายเจ้าอยู่ ข้าอาจจะเกรงกลัวอยู่บ้าง แต่แค่เจ้ากับเจ้าหนุ่มนี่… ย่อมเหมือนเอาไม้ซีกมางัดไม้ซุง”

กลับพบว่าบรรพจารย์จักรพรรดิหลีชางยิ้มผ่อนคลาย แขนเสื้อพลิ้วไหว นิ้วมือทั้งห้ายื่นออกอย่างรวดเร็ว

แต่ก็ในตอนนี้เอง แสงเทพขาวไพศาลแถบหนึ่งแผ่ออกมาจากเบื้องหน้าหลินสวิน แยงตาจนบรรพจารย์จักรพรรดิหลีชางยังลืมตาไม่ได้อยู่บ้าง

ก็ในชั่วพริบตานี้เอง กรงเล็บของต้าหวงตะปบลงมาอย่างแรง

ปึง!

เสียงหนักทึบเสียงหนึ่งดังขึ้น

บรรพจารย์จักรพรรดิหลีชางโซเซ เงาร่างล้มพรืดไปกับพื้น เขางุนงง ภาพตรงหน้าพร่ามัว

เกิดอะไรขึ้น!

ชั่วพริบตากลับเหมือนคว่ำฟ้า ทำให้ระดับบรรพจารย์จักรพรรดิขั้นบริบูรณ์อย่างเขารู้สึกมึนงงไม่ทันตั้งตัวได้

บรรพจารย์จักรพรรดิหลีชางกำลังจะลุกขึ้นก็ถูกกรงเล็บหนึ่งของต้าหวงกดลงที่กลางหลัง อีกหนึ่งกดคอไว้ ราวกับจับกระต่ายเฒ่าตัวหนึ่ง ลำพองเป็นที่สุด ร้องลั่นว่า “เจ้าเฒ่า เสแสร้งสิ เจ้าเสแสร้งต่อสิ!”

บรรพจารย์จักรพรรดิหลีชางทั้งอายทั้งโกรธ โมโหจนแทบกระอักเลือด ชั่วพริบตาเท่านั้นเขาถึงกับถูกหมาตัวหนึ่งกำราบอยู่ตรงนี้ นี่เป็นความอัปยศอดสูครั้งใหญ่ที่สุดที่เขาได้ประสบตั้งแต่ฝึกปราณมาจนตอนนี้!

และในมุมมืด สัตว์ประหลาดเฒ่าที่จับตาดูภาพนี้อยู่ทุกคนต่างตกตะลึงอ้าปากค้าง คิดจนหัวแตกยังคิดไม่ออกสักนิดว่าศึกใหญ่นี้เพิ่งปะทุ บรรพจารย์จักรพรรดิหลีชางก็ถูกกำราบไปแล้ว!

ถ้าไม่เห็นด้วยตาตัวเอง พวกเขายังสงสัยว่ากำลังฝันไป

“คิดไม่ถึงว่าจักรพรรดิสงครามคำรนที่องอาจอย่างเจ้า ดันทำเรื่องอย่างการลอบโจมตีได้!” บรรพจารย์จักรพรรดิหลีชางกัดฟัน แววตาน่าสะพรึงฉายวาบในดวงตา สีหน้าคล้ำเขียวจนน่ากลัว

ปึง!

ต้าหวงเงื้อกรงเล็บขึ้นตบท้ายทอยของบรรพจารย์จักรพรรดิหลีชางอย่างแรงทีหนึ่ง “เจ้ามีฐานะเป็นบรรพจารย์จักรพรรดิ แต่กลับไปรังแกชายหนุ่มระดับจักรพรรดิขั้นสี่คนหนึ่ง ไม่รู้สึกอายหรือไง ถุย! เจ้าเฒ่าหน้าไม่อาย!”

บรรพจารย์จักรพรรดิหลีชางตาลุกวาวแล้ว ใกล้จะคลุ้มคลั่ง แผดเสียงว่า “จักรพรรดิสงครามคำรน เจ้าอยากผูกแค้นกับพันธมิตรสงครามรกร้างโบราณของข้าจริงๆ ใช่ไหม”

เขาก่อนหน้านี้ราบเรียบสงบนิ่ง ถือตัวสูงส่งประหนึ่งนายเหนือหัว ไม่ว่าจะเป็นการเผชิญหน้ากับต้าหวงหรือหลินสวิน ล้วนมีท่าทีอย่างผู้อาวุโสชี้แนะหลักการใหญ่โต

แต่ตอนนี้กลับผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ถูกกำราบอยู่ในห้วงอากาศ หมอบคว่ำอยู่เช่นนั้น ซ้ำยังถูกต้าหวงเหยียบร่าง ยับเยิบเสียหน้าเป็นที่สุด

“เลิกเอ่ยไร้สาระ เฒ่าชราอย่างเจ้าชั่วนัก สู้ไม่ได้ก็เริ่มเอาพันธมิตรสงครามรกร้างโบราณมาข่มขู่ น่าขายหน้าไหม” ต้าหวงตะคอก

“เจ้า…” บรรพจารย์จักรพรรดิหลีชางโมโหจนควันออกหู ขนาดจะพูดยังพูดไม่ออกแล้ว

“ต้าหวง ปล่อยเขาไป” ก็ในตอนนี้เองหลินสวินเอ่ยปากแล้ว

“ปล่อยไปหรือ” ต้าหวงลังเล “เกิดเจ้าเฒ่านี่…

“เขาแพ้แล้ว มิหนำซ้ำพวกเราไม่ได้มาผูกแค้นกับพันธมิตรสงครามรกร้างโบราณจริงๆ หาไม่แล้วจะต้องพูดพร่ำทำเพลงขนาดนี้ทำไม ฆ่าเลยก็จบ” หลินสวินเอ่ย

ต้าหวงพยักหน้าแล้วหมุนตัวจากไป

เหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าในความมืดที่จับตามองภาพทั้งหมดนี้ต่างก็ถอนใจยาวโล่งอก

ถ้าหลินสวินจะฉีกหน้าบรรพจารย์จักรพรรดิหลีชางจริงๆ พวกเขาที่มีฐานะเป็นสมาชิกพันธมิตรสงครามรกร้างโบราณเช่นกันย่อมไม่อาจมองดูต่อไปได้

ทว่าบรรพจารย์จักรพรรดิหลีชางได้รับความอัปยศครั้งใหญ่เช่นนี้ จะยินยอมหรือ

สายตาทุกคู่พากันมองไป

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+