Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 2370 ดำเนินการกวาดล้างสังหาร

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 2370 ดำเนินการกวาดล้างสังหาร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2370 ดำเนินการกวาดล้างสังหาร

คำพูดของหลินสวินเผยแววดูถูกโดยไม่ปิดบังสักนิด

บัดนี้พวกผู้ฝึกปราณที่ใจหล่นวูบและผิดหวังอยู่ต่างรู้สึกงุนงง ปั่นป่วนโดยสมบูรณ์

ระดับจักรพรรดิสี่คนอย่างเซี่ยซ่างซวี หมิงหยา ซิวอวิ๋นจื่อและเยวี่ยเหิงต่างก็ผงะไป สีหน้าแต่ละคนอึมครึมลง

ไอวิญญาณฟื้นฟู ลมเมฆปั่นป่วนห้าสิบปี

ถึงตอนนี้มีเพียงพวกเขาสี่คนที่แจ้งมรรคบรรลุจักรพรรดิในวาสนามหายุคของโลกชั้นล่าง

การบรรลุระดับนี้เท่ากับหลุดพ้นขอบเขตการรับรู้ของปุถุชนทั่วไป เรียกได้ว่าเป็นนายเหนือหัวที่แท้จริงไปแล้ว สามารถทำให้ทะเลพลิกผัน ภูผาธาราจ่อมจม!

แต่หลินสวินกลับยังดูแคลนได้ปานนั้น นี่เป็นการดูถูกและท้าทายพวกเขาอย่างที่สุดโดยไม่ต้องสงสัย

“ถ้าทะเลาะทำศึกกันใหญ่โตที่นี่ เกรงว่าจะเป็นการทำลายนครต้องห้ามแห่งนี้ ทุกท่าน ไม่สู้ร่วมกันลงมือจับเจ้าหมอนี่ไว้แล้วเอามันไม่ฆ่านอกเมืองดีหรือไม่”

เซี่ยซ่างซวีเอ่ยปากเย็นชา

“ดียิ่ง ถึงอย่างไรนครต้องห้ามก็เป็นแดนศักดิ์สิทธิ์หมื่นมรรค มีสรรพชีวิตนับไม่ถ้วนกระจายอยู่ พวกเราไม่อาจเป็นคนเลวฆ่าล้างเมือง ถูกชาวบ้านร้านตลาดชี้นิ้วด่าทอได้”

ซิวอวิ๋นจื่อพยักหน้าอย่างหยิ่งผยอง

หมิงหยากับเยวี่ยเหิงย่อมไม่มีความเห็นอื่น

หลินสวินยิ้มเย็นชาอย่างอดไม่ได้ “เจ้าเฒ่า ยังมาตีหน้าห่วงใยผู้คน ก็แค่กังวลว่าพอเปิดศึกจะทำลายเขาแดนมงคลที่สำนักเบื้องหลังพวกเจ้ายึดครองอยู่ก็เท่านั้น ถ้าพวกเจ้าสนใจสรรพชีวิตเหล่านี้จริง ในช่วงหลายปีมานี้ทำไมต้องทำการสังหารนองเลือดมากมายขนาดนั้นเพื่อบุกรุกอาณาเขตด้วย”

ประโยคเดียวเหมือนเปิดผ้ากันอายของระดับจักรพรรดิสี่คนนี้ออก ทำให้พวกเขาสีหน้ายิ่งเย็นชาและไม่น่าดู

“ลงมือ!”

เซี่ยซ่างซวีตะคอกลั่น

ระดับจักรพรรดิอีกสามคนก็ออกโจมตีตามทิศต่างๆ ร่วมกับเซี่ยซ่างซวีแทบจะในทันที ท่าทางหมายจะกำราบและจับกุมหลินสวินให้ได้

ตูม!

เวิ้งฟ้าโกลาหล สุริยันจันทราพลิกคว่ำ

เมื่อระดับจักรพรรดิเคลื่อนไหว อานุภาพเช่นนั้นจะธรรมดาได้อย่างไร

พวกเซี่ยซ่างซวีตั้งใจจะสำแดงอานุภาพระดับจักรพรรดิต่อหน้าผู้คนบนโลกา ดังนั้นตอนลงมือจึงไม่ออมมือสักนิด เตรียมพร้อมจับศัตรู

ก็เห็นว่าแสงมรรคครั่นครืน ประกายเทพดุจกระแสธารคล้ายจะกดเวิ้งฟ้าให้ทรุดตัว ภาพน่ากลัวเช่นนั้นทำให้สรรพชีวิตทั้งนครต้องห้ามต่างอกสั่นขวัญแขวนยิ่ง

ราวกับวันโลกาวินาศมาเยือน!

และยามนี้หลินสวินสีหน้าเรียบเฉยเช่นเคย ขยับตัวเบาๆ ก็พลันปลดปล่อยอานุภาพน่ากลัวออกมา ราวกับเตาหลอมกำราบโลก

ชั่วพริบตาเดียวพลังมรรคจักรพรรดิต่างๆ ที่โจมตีลงมาต่างถูกผนึกกดข่ม ไม่อาจเคลื่อนไหวได้ แผ่คลื่นแรงกล้าราวกับเสียงร้องครวญคราง

พวกเซี่ยซ่างซวีต่างนัยน์ตาแข็งทื่อ หน้าเปลี่ยนสีในทันใด

“ฆ่าพวกเจ้า กระบี่เดียวก็พอแล้ว”

ท่ามกลางเสียงเรียบเฉยเย็นชา หลินสวินรวบนิ้วเป็นกระบี่ฟันลงมาจากกลางอากาศ

ตูม!

ปราณกระบี่โชติช่วงสายหนึ่งอุบัติ งามตระการเจิดจรัส สำแดงการเปลี่ยนแปลงถึงขีดสุด ในปราณกระบี่แปลงเป็นปรากฏการณ์ยิ่งใหญ่อย่างโลกโคจร หมื่นสรรพสิ่งเปลี่ยนผัน

ประหนึ่งโลกแห่งกระบี่ใบหนึ่งกำลังสำแดงออกมาถึงขีดสุด

หนึ่งกระบี่กำเนิดหมื่นวิชา หนึ่งกระบี่ทำลายหมื่นมรรค

นี่ก็คือหนึ่งกระบี่เกิดดับ!

“ฆ่า!”

“ลงมือเต็มกำลัง!”

พวกเซี่ยซ่างซวีรับรู้ได้ว่าไม่เข้าทีพลันคำรามลั่น เข้าต้านเต็มกำลัง

แต่ไม่ว่าจะดิ้นรนอย่างไร มรรควิถีทั้งร่างต่างถูกโลกปราณกระบี่โชติช่วงนั้นกดข่ม

ชั่วพริบตาเงาร่างสัตว์ประหลาดเฒ่าทั้งสี่ที่เพิ่งบรรลุระดับจักรพรรดิไม่นานต่างถูกกระแสปราณกระบี่เกรียงไกรกลบมิด บดขยี้ทุกกระเบียด!

ชั่วขณะนี้คนนับไม่ถ้วนขวัญหาย ต่อให้เป็นพวกอาหู เจ้าคางคกยังตื่นตะลึงนัก ในใจปั่นป่วน ระดับจักรพรรดิสี่คนถูกสังหารในชั่วพริบตา ภาพเช่นนั้นกระทบจิตใจรุนแรงอย่างยิ่ง

“เป็นไปไม่ได้ ผู้อาวุโสชั้นสูงสำนักข้าไม่มีทางแพ้เด็ดขาด!”

ณ ที่นั้น เหล่าผู้สืบทอดสำนักกระบี่เทียมฟ้าต่างร้องเสียงดังหวาดผวา ไม่อาจรับแรงโจมตีจิตใจอันหนักอึ้งเช่นนี้ได้

ไม่เพียงสำนักกระบี่เทียมฟ้า

ในกลุ่มคนที่มองดูอยู่ไกลๆ บัดนี้ผู้สืบทอดที่มาจากขุมอำนาจใหญ่ต่างๆ ในดินแดนรกร้างโบราณต่างรู้สึกเหมือนถูกกระบองซัดกระแทกหัว ใกล้จะพังทลาย

ต่อให้เป็นตอนที่กึ่งจักรพรรดินับร้อยตายไปก่อนหน้านี้ พวกเขายังไม่ได้สัมผัสถึงความรู้สึกสิ้นหวังเช่นนี้ เปรียบได้กับภูเขาใหญ่สูงตระหง่านในใจลูกหนึ่งถล่มลงสะเทือนเลื่อนลั่น

เพราะตอนนี้คนที่ตายก็คือระดับจักรพรรดิ!

ไอวิญญาณฟื้นคืนมาห้าสิบปี จวบจนตอนนี้เพิ่งมีระดับจักรพรรดิเพียงสี่คนเท่านั้น ต่อให้กลับไปในดินแดนรกร้างโบราณ ระดับจักรพรรดิก็เป็นบุคคลผู้สูงส่ง

แต่ตอนนี้

ภายใต้กระบี่เดียวของหลินสวิน สังหารสิ้นสี่มหาจักรพรรดิ! นี่จะให้ใครกล้าเชื่อได้ และใครจะรับได้กัน

ใต้เวิ้งฟ้า

ครั้นเห็นว่าจิตวิญญาณของพวกเซี่ยซ่างซวีกำลังจะถูกทำลาย ก็เห็นว่าหลินสวินยื่นมือมาคว้าเอาพลังจิตของระดับจักรพรรดิทั้งสี่ไว้ ผนึกในฝ่ามือราวกับกักขังมดตัวจ้อยสี่ตัว

ที่น่าเหลือเชื่อที่สุดก็คือ ศึกใหญ่ปานนี้ กลิ่นอายทำลายล้างทั้งหมดกลับไม่ได้กระจายออกไปข้างนอกแม้แต่นิดเดียว ต่างถูกหลินสวินกดไว้อย่างเบ็ดเสร็จ จากนั้นก็มลายหายไปอย่างเงียบเชียบ

หรือพูดอีกอย่างก็คือ ศึกนี้ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดโดนลูกหลงไปด้วย หาไม่แล้วเพียงแค่พลังที่แผ่ออกมาก็ทำลายนครต้องห้ามไปได้ครึ่งหนึ่งแล้ว!

และยามนี้ผู้แข็งแกร่งในขุมอำนาจใหญ่ของดินแดนรกร้างโบราณเหมือนถูกสาดน้ำเย็นใส่ เย็นวาบไปตั้งแต่หัวจรดเท้า

ผู้คนนับไม่ถ้วนเหม่ออยู่เช่นนั้น สมองสั่นสะท้านจนขาวโพลน

ตั้งแต่เริ่มจนจบ แค่ชั่วขณะที่หลินสวินดีดนิ้วก็กวาดล้างกึ่งจักรพรรดินับร้อย จากนั้นฟันหนึ่งกระบี่ออกมาก็สังหารมหาจักรพรรดิไปสี่คน พลังจิตที่เคราะห์ดีรอดมาได้ก็ถูกหลินสวินผนึกไว้

ภาพทั้งหมดนี้ประหนึ่งตำนานเทพ สั่นสะท้านน่าเหลือเชื่อ

กระทั่งผ่านไปครู่หนึ่ง

บรรยากาศอันเงียบสงัดถูกคลื่นเสียงดังคับฟ้าทำลายลงทันที ผู้ฝึกปราณโลกชั้นล่างนับไม่ถ้วนส่งเสียงร้องดังลั่นบ้าคลั่ง ตื่นเต้นยิ่งยวด

“สวรรค์ เจ้าแห่งภูเขาชำระจิตชนะแล้วจริงๆ น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว ภายใต้น้ำมือเขา ขนาดระดับจักรพรรดิยังอ่อนแออย่างกับต้นหญ้า!”

“ตั้งแต่นี้ไปขุมอำนาจดินแดนรกร้างโบราณนั่นยังมีสิทธิ์อะไรมาถือตัวว่าสูงส่ง ยังมีความมั่นใจอะไรมาโอหังเหยียบย่ำพวกเราได้อย่างแต่ก่อนนั้น”

คนรุ่นอาวุโสมากมายตัวสั่นระริก ลิงโลดจนน้ำหูน้ำตาไหล ทั้งยังมีคนแหงนหน้าหัวเราะยาวๆ ปลดปล่อยความรู้สึกในใจอย่างเหิมเกริม

ในอดีตเมื่อหลายปีก่อนนั้น สรรพชีวิตโลกชั้นล่างถูกขุมอำนาจดินแดนรกร้างโบราณเหยียดหยันและควบคุมอย่างกับอยู่ชั้นต่ำสุด อัดอั้นตันใจมานานแล้ว

ทุกอย่างนี้ต่างระบายออกมาโดยสมบูรณ์ ณ บัดนี้

“คุณชายไร้เทียมทาน อำนาจทั่วนครหลวง!”

“ตำนานของเจ้าแห่งภูเขาชำระจิตไม่เคยจืดจางลง!”

……

ทั้งนครต้องห้ามกลายเป็นมหาสมุทรอันอึกทึกคึกโครมดังสนั่น ผู้คนนับไม่ถ้วนปรีดาจนแทบคลั่ง

“เขา… เขา…”

บัดนี้หญิงสาวเย่อหยิ่งที่มากับเว่ยอวิ๋นจงท่าทางขวัญหาย จะพูดยังพูดไม่ออก

พอนึกถึงก่อนหน้านี้ที่ตนถึงกับเคยดูถูกหลินสวิน ในใจนางก็รู้สึกเหมือนรอดจากหายนะ ถ้าตอนนั้นหลินสวินลงมือสั่งสอนตน ตนจะยังรอดมายืนอยู่ตรงนี้ได้อีกหรือ

แม้แต่เว่ยอวิ๋นจง ความหยิ่งทระนงและอวดดีในใจยังพังทลายไปแล้ว ยกยิ้มขมขื่น จู่ๆ ก็รู้สึกว่าตอนที่ได้พบหลินสวินครั้งแรก ตนเหมือนจำอวดที่เต้นแร้งเต้นกา

“ฆ่าจักรพรรดิเหมือนเชือดไก่… ฆ่าจักรพรรดิเหมือนเชือดไก่…” สืออวี่แววตาเลื่อนลอย เขาเชื่อคำที่พวกเจ้าคางคกกับอาหลู่เคยว่าไว้อย่างสนิทใจแล้ว

แต่เขาไม่อาจคาดคิดได้สักนิดว่าในช่วงหลายปีที่จากไปนี้ หลินสวินได้พบเจออะไรบ้างกันแน่ ถึงได้มีวิชามหามรรคที่น่ากลัวปานนี้

“ท่านอาชนะแล้วหรือ”

สือหลินหลางลืมตาโตมีชีวิตชีวาขึ้น เอ่ยถามอย่างสงสัย ก่อนหน้านี้เพราะกังวลว่านางจะกระทบกระเทือนใจ อาหูจึงผนึกสัมผัสทั้งหมดของนาง ให้นางหลับลึก จนตอนนี้เพิ่งตื่นขึ้นมา

“ชนะแล้ว! ชนะแล้ว!” สืออวี่พยักหน้าแรงๆ

พวกอาหู เจ้าคางคก อาหลู่สบตากัน ต่างหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้

เหนือเวิ้งฟ้ากลับพบว่าหลินสวินเก็บพลังจิตของระดับจักรพรรดิทั้งสี่แล้วเอ่ยว่า “อาหู พาพวกเขากลับไปก่อน รอข้าทำลายขุมอำนาจดินแดนรกร้างโบราณเหล่านั้นแล้วจะกลับมา”

เสียงยังล่องลอยอยู่

เงาร่างหลินสวินแปลงเป็นแสงเคลื่อนสายหนึ่งตัดผ่านอากาศออกไปแล้ว

ทุกคนตกตะลึงอ้าปากค้าง

……

และในตอนนี้เอง

ขุมอำนาจใหญ่ดินแดนรกร้างโบราณที่กระจายอยู่ในนครต้องห้ามต่างจมสู่ความโกลาหล

ระดับกึ่งจักรพรรดินับร้อยตาย สี่มหาจักรพรรดิประสบเคระห์!

ทั้งหมดนี้ทำให้พวกเขาเปลี่ยนจากกราดเกรี้ยวในตอนแรกเป็นหวาดกลัวในตอนนี้

ในหมู่ขุมอำนาจต่างๆ ย่อมยังมีคนใหญ่คนโตสั่งการ แต่พวกร้ายกาจส่วนมากไปเสาะหาวาสนามรรคในแดนลับเกิดใหม่ หรือในถ้ำสวรรค์แดนมงคลที่โผล่ออกมานานแล้ว บางคนไปอยู่หลายปีจนตอนนี้ก็ยังไม่กลับมา

สำหรับสรรพชีวิตโลกชั้นล่าง เพียงแค่อานุภาพที่ขุมอำนาจใหญ่ของดินแดนรกร้างโบราณครอบครองก็ทำให้พวกเขายำเกรงได้

แต่สำหรับหลินสวิน กลับไม่มีค่าเลยสักนิด!

มิหนำซ้ำเพื่อกันไม่ให้ขุมอำนาจใหญ่ของดินแดนรกร้างโบราณหลบหนี ทันทีที่เคลื่อนไหว หลินสวินก็ปลดปล่อยกายมรรคทั้งห้าแยกกันออกเคลื่อนไหว

เขาม่วงกระจ่าง

อาณาเขตของเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ

“เร็วเข้า ตอนนี้เจ้าเดรัจฉานแซ่หลินนั่นเป็นระดับจักรพรรดิแล้ว ศักยภาพน่ากลัวถึงขีดสุด!”

บนเขาม่วงกระจ่างโกลาหลไปหมด คนใหญ่คนโตเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬมากมายกระวนกระวายอยู่ไม่สุข เรียกคนในเผ่ามารวมกันคิดจะหลบหนี

จู่ๆ เสียงเฉยชาเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น

“ตอนนี้ยังคิดหนีหรือ สายไปแล้ว!”

พร้อมกับเสียงนั้นเงาร่างของหลินสวินอุบัติขึ้นกลางอากาศ มือขวาทำมุทรา ประทับฝ่ามือสายหนึ่งโจมตีเข้าใส่เขาม่วงกระจ่าง

“แย่แล้ว”

ผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬเหล่านั้นต่างหน้าเปลี่ยนสี หนีตายไปข้างนอกอย่างบ้าคลั่ง แต่ก็สายไปแล้ว

โครม!

ประทับฝ่ามือนี้ของหลินสวินบังฟ้ากลบอาทิตย์ เจือแสงมรรคมากมาย ทำให้ฟ้าดินหม่นแสง ปกคลุมทั้งเขาม่วงกระจ่างไว้ข้างใต้

พลังประทับฝ่ามืออันถาโถมนั้นยังไม่ทันมาถึง ผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬก็ถูกอานุภาพที่เล็ดลอดออกมาบดขยี้เป็นหมอกเลือด

และเมื่อประทับฝ่ามือนี้ร่วงลงมา

ตูม!

ทั้งเขาม่วงกระจ่างก็ถูกแสงมรรคตระการตามหาศาลกลบมิด พลังกระบวนผนึกที่ปกคลุมอยู่บนนั้นหายลับไปอย่างไร้ร่องรอยในชั่วพริบตาเหมือนเศษกระดาษ ส่วนผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬที่กระจายตัวอยู่บนนั้นต่างถูกสังหาร ตายคาที่ด้วยประทับฝ่ามือนี้

ยามหลินสวินเก็บมือขวา

เขาม่วงกระจ่างที่สูงนับหมื่นจั้งเหมือนถูกลบไปจากผืนดิน และบนพื้นก็มีประทับฝ่ามือมหึมาที่ลึกสุดหยั่ง น่าตกตะลึงเมื่อได้เห็นเพิ่มขึ้นมา

“สวรรค์!”

“น่ากลัวเกินไปแล้ว!”

ผู้ฝึกปราณที่อยู่ใกล้ๆ จำนวนหนึ่งตื่นตะลึง ยามเห็นภาพนี้ต่างสูดหายใจสะท้าน เหม่อลอยอยู่ตรงนั้น

หลินสวินเงาร่างไหวเคลื่อน บุกไปขุมอำนาจดินแดนรกร้างโบราณแห่งอื่นต่อไปทันทีโดยไม่หยุดพัก

และในเวลาเดียวกันนี้

ร่างแยกทั้งห้าของหลินสวินก็ปรากฏตัวที่อาณาเขตของสำนักยุทธ์นครนิล เขาวิญญาณหมื่นอสูร แดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ สำนักกระบี่เทียมฟ้าเป็นต้น

หลังจากชั่วดีดนิ้วสามสิบครั้ง

เขาสนไหวที่สำนักยุทธ์นครนิลตั้งอยู่ เขามหาวาโยที่เขาวิญญาณหมื่นอสูรยึดครอง… ต่างถูกเหยียบย่ำ ผู้แข็งแกร่งที่อยู่ในนั้นต่างพินาศและหายไปพร้อมกับสำนัก

หลังจากชั่วดีดนิ้วห้าสิบครั้ง

ขุมอำนาจดินแดนรกร้างโบราณที่ถูกหลินสวินถอนรากถอนโคน มีถึงเก้าแห่งแล้ว!

และการกวาดล้างเช่นนี้ก็ยังดำเนินต่อไป…

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 2370 ดำเนินการกวาดล้างสังหาร

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 2370 ดำเนินการกวาดล้างสังหาร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2370 ดำเนินการกวาดล้างสังหาร

คำพูดของหลินสวินเผยแววดูถูกโดยไม่ปิดบังสักนิด

บัดนี้พวกผู้ฝึกปราณที่ใจหล่นวูบและผิดหวังอยู่ต่างรู้สึกงุนงง ปั่นป่วนโดยสมบูรณ์

ระดับจักรพรรดิสี่คนอย่างเซี่ยซ่างซวี หมิงหยา ซิวอวิ๋นจื่อและเยวี่ยเหิงต่างก็ผงะไป สีหน้าแต่ละคนอึมครึมลง

ไอวิญญาณฟื้นฟู ลมเมฆปั่นป่วนห้าสิบปี

ถึงตอนนี้มีเพียงพวกเขาสี่คนที่แจ้งมรรคบรรลุจักรพรรดิในวาสนามหายุคของโลกชั้นล่าง

การบรรลุระดับนี้เท่ากับหลุดพ้นขอบเขตการรับรู้ของปุถุชนทั่วไป เรียกได้ว่าเป็นนายเหนือหัวที่แท้จริงไปแล้ว สามารถทำให้ทะเลพลิกผัน ภูผาธาราจ่อมจม!

แต่หลินสวินกลับยังดูแคลนได้ปานนั้น นี่เป็นการดูถูกและท้าทายพวกเขาอย่างที่สุดโดยไม่ต้องสงสัย

“ถ้าทะเลาะทำศึกกันใหญ่โตที่นี่ เกรงว่าจะเป็นการทำลายนครต้องห้ามแห่งนี้ ทุกท่าน ไม่สู้ร่วมกันลงมือจับเจ้าหมอนี่ไว้แล้วเอามันไม่ฆ่านอกเมืองดีหรือไม่”

เซี่ยซ่างซวีเอ่ยปากเย็นชา

“ดียิ่ง ถึงอย่างไรนครต้องห้ามก็เป็นแดนศักดิ์สิทธิ์หมื่นมรรค มีสรรพชีวิตนับไม่ถ้วนกระจายอยู่ พวกเราไม่อาจเป็นคนเลวฆ่าล้างเมือง ถูกชาวบ้านร้านตลาดชี้นิ้วด่าทอได้”

ซิวอวิ๋นจื่อพยักหน้าอย่างหยิ่งผยอง

หมิงหยากับเยวี่ยเหิงย่อมไม่มีความเห็นอื่น

หลินสวินยิ้มเย็นชาอย่างอดไม่ได้ “เจ้าเฒ่า ยังมาตีหน้าห่วงใยผู้คน ก็แค่กังวลว่าพอเปิดศึกจะทำลายเขาแดนมงคลที่สำนักเบื้องหลังพวกเจ้ายึดครองอยู่ก็เท่านั้น ถ้าพวกเจ้าสนใจสรรพชีวิตเหล่านี้จริง ในช่วงหลายปีมานี้ทำไมต้องทำการสังหารนองเลือดมากมายขนาดนั้นเพื่อบุกรุกอาณาเขตด้วย”

ประโยคเดียวเหมือนเปิดผ้ากันอายของระดับจักรพรรดิสี่คนนี้ออก ทำให้พวกเขาสีหน้ายิ่งเย็นชาและไม่น่าดู

“ลงมือ!”

เซี่ยซ่างซวีตะคอกลั่น

ระดับจักรพรรดิอีกสามคนก็ออกโจมตีตามทิศต่างๆ ร่วมกับเซี่ยซ่างซวีแทบจะในทันที ท่าทางหมายจะกำราบและจับกุมหลินสวินให้ได้

ตูม!

เวิ้งฟ้าโกลาหล สุริยันจันทราพลิกคว่ำ

เมื่อระดับจักรพรรดิเคลื่อนไหว อานุภาพเช่นนั้นจะธรรมดาได้อย่างไร

พวกเซี่ยซ่างซวีตั้งใจจะสำแดงอานุภาพระดับจักรพรรดิต่อหน้าผู้คนบนโลกา ดังนั้นตอนลงมือจึงไม่ออมมือสักนิด เตรียมพร้อมจับศัตรู

ก็เห็นว่าแสงมรรคครั่นครืน ประกายเทพดุจกระแสธารคล้ายจะกดเวิ้งฟ้าให้ทรุดตัว ภาพน่ากลัวเช่นนั้นทำให้สรรพชีวิตทั้งนครต้องห้ามต่างอกสั่นขวัญแขวนยิ่ง

ราวกับวันโลกาวินาศมาเยือน!

และยามนี้หลินสวินสีหน้าเรียบเฉยเช่นเคย ขยับตัวเบาๆ ก็พลันปลดปล่อยอานุภาพน่ากลัวออกมา ราวกับเตาหลอมกำราบโลก

ชั่วพริบตาเดียวพลังมรรคจักรพรรดิต่างๆ ที่โจมตีลงมาต่างถูกผนึกกดข่ม ไม่อาจเคลื่อนไหวได้ แผ่คลื่นแรงกล้าราวกับเสียงร้องครวญคราง

พวกเซี่ยซ่างซวีต่างนัยน์ตาแข็งทื่อ หน้าเปลี่ยนสีในทันใด

“ฆ่าพวกเจ้า กระบี่เดียวก็พอแล้ว”

ท่ามกลางเสียงเรียบเฉยเย็นชา หลินสวินรวบนิ้วเป็นกระบี่ฟันลงมาจากกลางอากาศ

ตูม!

ปราณกระบี่โชติช่วงสายหนึ่งอุบัติ งามตระการเจิดจรัส สำแดงการเปลี่ยนแปลงถึงขีดสุด ในปราณกระบี่แปลงเป็นปรากฏการณ์ยิ่งใหญ่อย่างโลกโคจร หมื่นสรรพสิ่งเปลี่ยนผัน

ประหนึ่งโลกแห่งกระบี่ใบหนึ่งกำลังสำแดงออกมาถึงขีดสุด

หนึ่งกระบี่กำเนิดหมื่นวิชา หนึ่งกระบี่ทำลายหมื่นมรรค

นี่ก็คือหนึ่งกระบี่เกิดดับ!

“ฆ่า!”

“ลงมือเต็มกำลัง!”

พวกเซี่ยซ่างซวีรับรู้ได้ว่าไม่เข้าทีพลันคำรามลั่น เข้าต้านเต็มกำลัง

แต่ไม่ว่าจะดิ้นรนอย่างไร มรรควิถีทั้งร่างต่างถูกโลกปราณกระบี่โชติช่วงนั้นกดข่ม

ชั่วพริบตาเงาร่างสัตว์ประหลาดเฒ่าทั้งสี่ที่เพิ่งบรรลุระดับจักรพรรดิไม่นานต่างถูกกระแสปราณกระบี่เกรียงไกรกลบมิด บดขยี้ทุกกระเบียด!

ชั่วขณะนี้คนนับไม่ถ้วนขวัญหาย ต่อให้เป็นพวกอาหู เจ้าคางคกยังตื่นตะลึงนัก ในใจปั่นป่วน ระดับจักรพรรดิสี่คนถูกสังหารในชั่วพริบตา ภาพเช่นนั้นกระทบจิตใจรุนแรงอย่างยิ่ง

“เป็นไปไม่ได้ ผู้อาวุโสชั้นสูงสำนักข้าไม่มีทางแพ้เด็ดขาด!”

ณ ที่นั้น เหล่าผู้สืบทอดสำนักกระบี่เทียมฟ้าต่างร้องเสียงดังหวาดผวา ไม่อาจรับแรงโจมตีจิตใจอันหนักอึ้งเช่นนี้ได้

ไม่เพียงสำนักกระบี่เทียมฟ้า

ในกลุ่มคนที่มองดูอยู่ไกลๆ บัดนี้ผู้สืบทอดที่มาจากขุมอำนาจใหญ่ต่างๆ ในดินแดนรกร้างโบราณต่างรู้สึกเหมือนถูกกระบองซัดกระแทกหัว ใกล้จะพังทลาย

ต่อให้เป็นตอนที่กึ่งจักรพรรดินับร้อยตายไปก่อนหน้านี้ พวกเขายังไม่ได้สัมผัสถึงความรู้สึกสิ้นหวังเช่นนี้ เปรียบได้กับภูเขาใหญ่สูงตระหง่านในใจลูกหนึ่งถล่มลงสะเทือนเลื่อนลั่น

เพราะตอนนี้คนที่ตายก็คือระดับจักรพรรดิ!

ไอวิญญาณฟื้นคืนมาห้าสิบปี จวบจนตอนนี้เพิ่งมีระดับจักรพรรดิเพียงสี่คนเท่านั้น ต่อให้กลับไปในดินแดนรกร้างโบราณ ระดับจักรพรรดิก็เป็นบุคคลผู้สูงส่ง

แต่ตอนนี้

ภายใต้กระบี่เดียวของหลินสวิน สังหารสิ้นสี่มหาจักรพรรดิ! นี่จะให้ใครกล้าเชื่อได้ และใครจะรับได้กัน

ใต้เวิ้งฟ้า

ครั้นเห็นว่าจิตวิญญาณของพวกเซี่ยซ่างซวีกำลังจะถูกทำลาย ก็เห็นว่าหลินสวินยื่นมือมาคว้าเอาพลังจิตของระดับจักรพรรดิทั้งสี่ไว้ ผนึกในฝ่ามือราวกับกักขังมดตัวจ้อยสี่ตัว

ที่น่าเหลือเชื่อที่สุดก็คือ ศึกใหญ่ปานนี้ กลิ่นอายทำลายล้างทั้งหมดกลับไม่ได้กระจายออกไปข้างนอกแม้แต่นิดเดียว ต่างถูกหลินสวินกดไว้อย่างเบ็ดเสร็จ จากนั้นก็มลายหายไปอย่างเงียบเชียบ

หรือพูดอีกอย่างก็คือ ศึกนี้ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดโดนลูกหลงไปด้วย หาไม่แล้วเพียงแค่พลังที่แผ่ออกมาก็ทำลายนครต้องห้ามไปได้ครึ่งหนึ่งแล้ว!

และยามนี้ผู้แข็งแกร่งในขุมอำนาจใหญ่ของดินแดนรกร้างโบราณเหมือนถูกสาดน้ำเย็นใส่ เย็นวาบไปตั้งแต่หัวจรดเท้า

ผู้คนนับไม่ถ้วนเหม่ออยู่เช่นนั้น สมองสั่นสะท้านจนขาวโพลน

ตั้งแต่เริ่มจนจบ แค่ชั่วขณะที่หลินสวินดีดนิ้วก็กวาดล้างกึ่งจักรพรรดินับร้อย จากนั้นฟันหนึ่งกระบี่ออกมาก็สังหารมหาจักรพรรดิไปสี่คน พลังจิตที่เคราะห์ดีรอดมาได้ก็ถูกหลินสวินผนึกไว้

ภาพทั้งหมดนี้ประหนึ่งตำนานเทพ สั่นสะท้านน่าเหลือเชื่อ

กระทั่งผ่านไปครู่หนึ่ง

บรรยากาศอันเงียบสงัดถูกคลื่นเสียงดังคับฟ้าทำลายลงทันที ผู้ฝึกปราณโลกชั้นล่างนับไม่ถ้วนส่งเสียงร้องดังลั่นบ้าคลั่ง ตื่นเต้นยิ่งยวด

“สวรรค์ เจ้าแห่งภูเขาชำระจิตชนะแล้วจริงๆ น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว ภายใต้น้ำมือเขา ขนาดระดับจักรพรรดิยังอ่อนแออย่างกับต้นหญ้า!”

“ตั้งแต่นี้ไปขุมอำนาจดินแดนรกร้างโบราณนั่นยังมีสิทธิ์อะไรมาถือตัวว่าสูงส่ง ยังมีความมั่นใจอะไรมาโอหังเหยียบย่ำพวกเราได้อย่างแต่ก่อนนั้น”

คนรุ่นอาวุโสมากมายตัวสั่นระริก ลิงโลดจนน้ำหูน้ำตาไหล ทั้งยังมีคนแหงนหน้าหัวเราะยาวๆ ปลดปล่อยความรู้สึกในใจอย่างเหิมเกริม

ในอดีตเมื่อหลายปีก่อนนั้น สรรพชีวิตโลกชั้นล่างถูกขุมอำนาจดินแดนรกร้างโบราณเหยียดหยันและควบคุมอย่างกับอยู่ชั้นต่ำสุด อัดอั้นตันใจมานานแล้ว

ทุกอย่างนี้ต่างระบายออกมาโดยสมบูรณ์ ณ บัดนี้

“คุณชายไร้เทียมทาน อำนาจทั่วนครหลวง!”

“ตำนานของเจ้าแห่งภูเขาชำระจิตไม่เคยจืดจางลง!”

……

ทั้งนครต้องห้ามกลายเป็นมหาสมุทรอันอึกทึกคึกโครมดังสนั่น ผู้คนนับไม่ถ้วนปรีดาจนแทบคลั่ง

“เขา… เขา…”

บัดนี้หญิงสาวเย่อหยิ่งที่มากับเว่ยอวิ๋นจงท่าทางขวัญหาย จะพูดยังพูดไม่ออก

พอนึกถึงก่อนหน้านี้ที่ตนถึงกับเคยดูถูกหลินสวิน ในใจนางก็รู้สึกเหมือนรอดจากหายนะ ถ้าตอนนั้นหลินสวินลงมือสั่งสอนตน ตนจะยังรอดมายืนอยู่ตรงนี้ได้อีกหรือ

แม้แต่เว่ยอวิ๋นจง ความหยิ่งทระนงและอวดดีในใจยังพังทลายไปแล้ว ยกยิ้มขมขื่น จู่ๆ ก็รู้สึกว่าตอนที่ได้พบหลินสวินครั้งแรก ตนเหมือนจำอวดที่เต้นแร้งเต้นกา

“ฆ่าจักรพรรดิเหมือนเชือดไก่… ฆ่าจักรพรรดิเหมือนเชือดไก่…” สืออวี่แววตาเลื่อนลอย เขาเชื่อคำที่พวกเจ้าคางคกกับอาหลู่เคยว่าไว้อย่างสนิทใจแล้ว

แต่เขาไม่อาจคาดคิดได้สักนิดว่าในช่วงหลายปีที่จากไปนี้ หลินสวินได้พบเจออะไรบ้างกันแน่ ถึงได้มีวิชามหามรรคที่น่ากลัวปานนี้

“ท่านอาชนะแล้วหรือ”

สือหลินหลางลืมตาโตมีชีวิตชีวาขึ้น เอ่ยถามอย่างสงสัย ก่อนหน้านี้เพราะกังวลว่านางจะกระทบกระเทือนใจ อาหูจึงผนึกสัมผัสทั้งหมดของนาง ให้นางหลับลึก จนตอนนี้เพิ่งตื่นขึ้นมา

“ชนะแล้ว! ชนะแล้ว!” สืออวี่พยักหน้าแรงๆ

พวกอาหู เจ้าคางคก อาหลู่สบตากัน ต่างหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้

เหนือเวิ้งฟ้ากลับพบว่าหลินสวินเก็บพลังจิตของระดับจักรพรรดิทั้งสี่แล้วเอ่ยว่า “อาหู พาพวกเขากลับไปก่อน รอข้าทำลายขุมอำนาจดินแดนรกร้างโบราณเหล่านั้นแล้วจะกลับมา”

เสียงยังล่องลอยอยู่

เงาร่างหลินสวินแปลงเป็นแสงเคลื่อนสายหนึ่งตัดผ่านอากาศออกไปแล้ว

ทุกคนตกตะลึงอ้าปากค้าง

……

และในตอนนี้เอง

ขุมอำนาจใหญ่ดินแดนรกร้างโบราณที่กระจายอยู่ในนครต้องห้ามต่างจมสู่ความโกลาหล

ระดับกึ่งจักรพรรดินับร้อยตาย สี่มหาจักรพรรดิประสบเคระห์!

ทั้งหมดนี้ทำให้พวกเขาเปลี่ยนจากกราดเกรี้ยวในตอนแรกเป็นหวาดกลัวในตอนนี้

ในหมู่ขุมอำนาจต่างๆ ย่อมยังมีคนใหญ่คนโตสั่งการ แต่พวกร้ายกาจส่วนมากไปเสาะหาวาสนามรรคในแดนลับเกิดใหม่ หรือในถ้ำสวรรค์แดนมงคลที่โผล่ออกมานานแล้ว บางคนไปอยู่หลายปีจนตอนนี้ก็ยังไม่กลับมา

สำหรับสรรพชีวิตโลกชั้นล่าง เพียงแค่อานุภาพที่ขุมอำนาจใหญ่ของดินแดนรกร้างโบราณครอบครองก็ทำให้พวกเขายำเกรงได้

แต่สำหรับหลินสวิน กลับไม่มีค่าเลยสักนิด!

มิหนำซ้ำเพื่อกันไม่ให้ขุมอำนาจใหญ่ของดินแดนรกร้างโบราณหลบหนี ทันทีที่เคลื่อนไหว หลินสวินก็ปลดปล่อยกายมรรคทั้งห้าแยกกันออกเคลื่อนไหว

เขาม่วงกระจ่าง

อาณาเขตของเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ

“เร็วเข้า ตอนนี้เจ้าเดรัจฉานแซ่หลินนั่นเป็นระดับจักรพรรดิแล้ว ศักยภาพน่ากลัวถึงขีดสุด!”

บนเขาม่วงกระจ่างโกลาหลไปหมด คนใหญ่คนโตเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬมากมายกระวนกระวายอยู่ไม่สุข เรียกคนในเผ่ามารวมกันคิดจะหลบหนี

จู่ๆ เสียงเฉยชาเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น

“ตอนนี้ยังคิดหนีหรือ สายไปแล้ว!”

พร้อมกับเสียงนั้นเงาร่างของหลินสวินอุบัติขึ้นกลางอากาศ มือขวาทำมุทรา ประทับฝ่ามือสายหนึ่งโจมตีเข้าใส่เขาม่วงกระจ่าง

“แย่แล้ว”

ผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬเหล่านั้นต่างหน้าเปลี่ยนสี หนีตายไปข้างนอกอย่างบ้าคลั่ง แต่ก็สายไปแล้ว

โครม!

ประทับฝ่ามือนี้ของหลินสวินบังฟ้ากลบอาทิตย์ เจือแสงมรรคมากมาย ทำให้ฟ้าดินหม่นแสง ปกคลุมทั้งเขาม่วงกระจ่างไว้ข้างใต้

พลังประทับฝ่ามืออันถาโถมนั้นยังไม่ทันมาถึง ผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬก็ถูกอานุภาพที่เล็ดลอดออกมาบดขยี้เป็นหมอกเลือด

และเมื่อประทับฝ่ามือนี้ร่วงลงมา

ตูม!

ทั้งเขาม่วงกระจ่างก็ถูกแสงมรรคตระการตามหาศาลกลบมิด พลังกระบวนผนึกที่ปกคลุมอยู่บนนั้นหายลับไปอย่างไร้ร่องรอยในชั่วพริบตาเหมือนเศษกระดาษ ส่วนผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬที่กระจายตัวอยู่บนนั้นต่างถูกสังหาร ตายคาที่ด้วยประทับฝ่ามือนี้

ยามหลินสวินเก็บมือขวา

เขาม่วงกระจ่างที่สูงนับหมื่นจั้งเหมือนถูกลบไปจากผืนดิน และบนพื้นก็มีประทับฝ่ามือมหึมาที่ลึกสุดหยั่ง น่าตกตะลึงเมื่อได้เห็นเพิ่มขึ้นมา

“สวรรค์!”

“น่ากลัวเกินไปแล้ว!”

ผู้ฝึกปราณที่อยู่ใกล้ๆ จำนวนหนึ่งตื่นตะลึง ยามเห็นภาพนี้ต่างสูดหายใจสะท้าน เหม่อลอยอยู่ตรงนั้น

หลินสวินเงาร่างไหวเคลื่อน บุกไปขุมอำนาจดินแดนรกร้างโบราณแห่งอื่นต่อไปทันทีโดยไม่หยุดพัก

และในเวลาเดียวกันนี้

ร่างแยกทั้งห้าของหลินสวินก็ปรากฏตัวที่อาณาเขตของสำนักยุทธ์นครนิล เขาวิญญาณหมื่นอสูร แดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ สำนักกระบี่เทียมฟ้าเป็นต้น

หลังจากชั่วดีดนิ้วสามสิบครั้ง

เขาสนไหวที่สำนักยุทธ์นครนิลตั้งอยู่ เขามหาวาโยที่เขาวิญญาณหมื่นอสูรยึดครอง… ต่างถูกเหยียบย่ำ ผู้แข็งแกร่งที่อยู่ในนั้นต่างพินาศและหายไปพร้อมกับสำนัก

หลังจากชั่วดีดนิ้วห้าสิบครั้ง

ขุมอำนาจดินแดนรกร้างโบราณที่ถูกหลินสวินถอนรากถอนโคน มีถึงเก้าแห่งแล้ว!

และการกวาดล้างเช่นนี้ก็ยังดำเนินต่อไป…

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+