Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 2371 ประวัติศาสตร์เรียกว่าวันจอมจักรพรรดิกลับมา

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 2371 ประวัติศาสตร์เรียกว่าวันจอมจักรพรรดิกลับมา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

พร้อมๆ กับที่ไอวิญญาณฟื้นคืน ฟ้าดินพลันแปรเปลี่ยน อาณาเขตที่นครต้องห้ามตั้งอยู่ก็เปรียบได้กับโลกใบหนึ่ง

ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งระดับกึ่งจักรพรรดิจะเคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศ ยังต้องใช้เวลาหลายชั่วยามกว่าจะผ่านทั้งนครต้องห้าม

แต่เมื่อหลินสวินออกเคลื่อนไหว แค่ชั่วครู่สั้นๆ เงาร่างเขาก็เหยียบย่ำอาณาเขตขุมอำนาจดินแดนรกร้างโบราณไปเก้าแห่งแล้ว!

หนึ่งคือเขารวดเร็วยิ่ง

สองคือร่างต้นกับกายมรรคทั้งห้าแยกกันไปสังหารเป้าหมายต่างกันไป

สามคือพลังต่อสู้ของเขาน่าพรั่นพรึงเกินไป ทำลายอาณาเขตขุมอำนาจหนึ่งด้วยเวลาแค่ไม่กี่ชั่วดีดนิ้วเท่านั้น

เหลือบมองทั้งนครต้องห้ามจากเวิ้งฟ้า

การทำลายล้างแต่ละขุมอำนาจก็เหมือนเปลวเพลิงเปล่งประกายงดงามปะทุขึ้น ฉายส่องไปทั้งเก้าชั้นฟ้า เพริศแพร้วถึงขีดสุด

แต่สำหรับผู้คนในนครต้องห้ามแล้ว ภาพที่กำลังเกิดขึ้นแต่ละภาพนี้กลับหมายความว่า ขุมอำนาจของดินแดนรกร้างโบราณที่ประหนึ่งนายเหนือหัวนั้น ล้มลง โรยรา และดับสลายไปที่แล้วที่เล่า!

และเพราะหลินสวินจู่โจมอย่างรวดเร็วยิ่งนัก พอข่าวกระจายออกมาก็ตามหลังการสังหารของเขาไปไกลแล้ว

“เผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬดับสลาย!”

“สำนักยุทธ์นครนิลดับสลาย!”

“เขาวิญญาณหมื่นอสูรดับสลาย!”

…ข่าวทำนองนี้ก็เหมือนพายุฝนแน่นขนัดม้วนตลบ นี่ทำให้ทุกคนในโลกต่างรู้สึกปั่นป่วนอย่างอดไม่ได้ เสียงวิ้งดังในสมอง ทำใจเชื่อได้ยาก

“เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร… นี่จะเร็วเกินไปแล้วกระมัง…”

“ขุมอำนาจดินแดนรกร้างโบราณพวกนั้นเป็นไก่กระเบื้องสุนัขดินเผาหรือ ไม่ใช่ แต่ด้วยการสังหารของเจ้าแห่งภูเขาชำระจิต พวกเขาก็คือไก่กระเบื้องสุนัขดินเผาที่แตกหักได้ง่าย!”

“แข็งแกร่ง แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!”

เสียงฮือฮาเผยความสะท้านนับไม่ถ้วนดังขึ้น และทั้งหมดนี้ก็ยังคงดำเนินไปไม่มีที่สิ้นสุดตามกาลเวลาที่ผันผ่าน

นครต้องห้ามในวันนี้ ถูกกำหนดให้มีการล้างไพ่ครั้งใหญ่อันสะเทือนเลื่อนลั่น!

……

เขายอดเทพ

อาณาเขตของแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ

ที่นี่เดิมเป็นที่ที่พระราชวังแห่งจักรวรรดิตั้งอยู่ เมื่อฟ้าดินแปรเปลี่ยน ไอวิญญาณฟื้นคืน ภูเขาใหญ่ลูกหนึ่งผุดขึ้นมา ไอม่วงพวยพุ่งตลอดปี แสงมงคลไหลเวียน คุณลักษณะเหนือล้ำกว่าเขาแดนมงคลในความหมายทั่วๆ ไป

ตอนนี้ถูกยกให้เป็นแดนมงคลอันดับหนึ่งในนครต้องห้าม!

ตอนนั้นเพื่อชิงเขายอดเทพ ขุมอำนาจใหญ่ของดินแดนรกร้างโบราณถึงกับเกิดความขัดแย้งนองเลือดยาวนานถึงหนึ่งปี ในที่สุดก็ถูกแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณโชคดีชิงไป

สวบ!

เหนือฟ้าสูง ร่างต้นหลินสวินปรากฏขึ้นกลางอากาศ มองลงมาเบื้องล่าง จิตรับรู้อันกว้างใหญ่คลุมไปทั้งเขายอดเทพในทันใด

แต่ที่ทำให้หลินสวินเหนือความคาดหมายก็คือ ทั้งด้านบนและด้านล่างเขายอดเทพกลับว่างเปล่าไม่มีใครอยู่สักคน

เงาร่างหลินสวินลงมาอย่างรวดเร็ว เดินไปบนเขายอดเทพ ประเมินรอบทิศ

ที่นี่พิเศษนัก สิ่งที่อบอวลอยู่ในอากาศมีแต่ไอวิญญาณต้นกำเนิดหนาแน่น ต้นไม้ใบหญ้าป่าเขาต่างฉายประกายวิญญาณ

บนเขาโกลาหลนัก สิ่งของกระจัดกระจายพบเห็นได้ทุกหนแห่ง คงเป็นเพราะตอนที่กำลังหนี ผู้แข็งแกร่งแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณต่างรีบร้อนจากไป

หลินสวินมาถึงยอดเขา ที่นี่มีตำหนักเรียงราย สร้างทั้งลานมรรค สวนโอสถ คลังหลอมยาต่างๆ แต่ว่างเปล่าไม่มีคนเช่นกัน

‘ไม่มีใครอยู่สักคน หนีไปหมดแล้วหรือ’

หลินสวินนิ่วหน้า

ต่อให้หนีไปก็ต้องทิ้งร่อยรอยเอาไว้ แต่เขาสำรวจมาตลอดทางกลับไม่พบร่องรอยที่มีค่าอะไร

สายตาหลินสวินชำเลืองไปเห็นสระแห่งหนึ่งโดยไม่ตั้งใจ

สระนั้นมีพื้นที่ประมาณหนึ่งจั้งเท่านั้น น้ำในสระใสกระจ่าง มีดอกบัวเขียวมรกตอยู่ต้นเดียว โบกไหวเบาๆ กลางสายลม

หืม?

ดวงตาหลินสวินฉายแววประหลาด เดินไปสังเกตโดยละเอีย ก็พบว่าดอกบัวต้นนี้ดูเหมือนธรรมดา แต่เห็นได้ชัดว่าต่างจากที่ได้พบเห็นในโลกทั่วไป

บนใบกลมเกลี้ยงสีเขียวมันปลาบของมันมีลวดลายมหามรรคเป็นธรรมชาติประทับอยู่เป็นริ้วๆ รวมแล้วใบไม้เก้าใบ ลายมรรคแต่ละใบล้วนต่างกันไป

พอในสมองหลินสวินอนุมานลายมรรคบนใบไม้ทั้งเก้านี้ทั้งหมด ภาพอันน่าตื่นตะลึงก็อุบัติขึ้น ลายมรรคเหล่านี้ถึงกับวาโครงออกมาเป็นรูปประตูบานหนึ่ง!

มีใบไร้ดอก ประตูลับลายมรรคบานนี้อาจจะเป็น ‘ดอก’ ที่บัวนี้ซุกซ่อนไว้!

หลินสวินถึงกับสันนิษฐานออกมาว่าเป็นไปได้สูงยิ่งที่บัวต้นเดียวในสระนี้ จะเป็นประตูสู่ ‘โลกเกิดใหม่’ หรือถ้ำสวรรค์แดนลับแห่งหนึ่ง

และเกรงว่าผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณเหล่านั้นจะไม่ได้หนีไปสักนิด แต่หลบเข้าไปใน ‘โลก’ ภายในบัวเขียวแห่งนี้!

นัยน์ตาดำหลินสวินไหววูบ สะบัดแขนเสื้อทันที

ครืน!

กระบวนค่ายกลลายมรรคเต็มฟ้าควบรวม ร่างเค้าโครงขึ้นกลางห้วงอากาศ สุดท้ายแปลงเป็นกระบวนผนึกกระบวนหนึ่งปิดคลุมสระน้ำรวมถึงต้นบัวที่อยู่ภายในนั้นเอาไว้

จากนั้นหลินสวินก็หมุนตัวจากไป

เวลานี้เห็นได้ชัดว่าไม่เหมาะไปสำรวจที่ที่ไม่ยังไม่รู้จัก รอสืบข่าวแน่ชัดแล้วค่อยเคลื่อนไหวก็ไม่สาย

……

เพียงครึ่งเค่อเท่านั้น

กำลังพลของขุมอำนาจใหญ่ดินแดนรกร้างโบราณต่างๆ ที่กระจายอยู่ในนครต้องห้ามถูกกำจัดสิ้น!

และครึ่งเค่อก่อนหน้านี้ หลินสวินเพิ่งสังหารกึ่งจักรพรรดินับร้อย รวมถึงสัตว์ประหลาดเฒ่าที่บรรลุระดับจักรพรรดิไปสี่คน!

เมื่อทุกคนได้รู้ข่าวสุดท้ายนี้ ต่างอึ้งอยู่ตรงนั้น ตกตะลึงอ้าปากค้าง ราวกับได้ยินปาฏิหาริย์ที่เป็นไปไม่ได้เกิดขึ้นครั้งหนึ่ง

“พินาศแล้ว… ถึงกับพินาศหมดแล้ว… นี่เพิ่งผ่านไปเท่าไรเอง”

ผู้คนนับไม่ถ้วนเหม่อลอย สะท้านไหวจนสมองว่างเปล่า ขนลุกเกรียวไปทั้งตัว

“วีรกรรมของศึกนี้เกริกก้องหมื่นกาล นามระบือชั่วนิรันดร์ ต่อให้เรื่องราวในโลกผันแปร ก็ต้องถูกจารึกไว้ให้คนรุ่นหลังตลอดกาล!”

คนรุ่นอาวุโสจำนวนหนึ่งยังตื่นเต้นจนร้องลั่น กระโดดโลดเต้น ยินดีปรีดาเหมือนบ้าคลั่ง

สำหรับผู้ฝึกปราณพื้นถิ่นในนครต้องห้ามเหล่านี้ ขุมอำนาจดินแดนรกร้างโบราณเหล่านั้นก็เหมือนภูเขาลูกใหญ่ที่ทับอยู่บนหัว หลายปีมานี้กดข่มจนพวกเขาหลังคดหลังงอ ต้องก้มหัวต่ำ กดจนพวกเขาแทบหายใจไม่ออก มองไม่เห็นความหวัง

แต่ตอนนี้เมื่อหลินสวินออกศึก ใช้พลังตัวคนเดียวกวาดล้างกำลังพลของขุมอำนาจดินแดนรกร้างโบราณทั้งหมด เท่ากับ… กำจัดภูเขาลูกใหญ่ที่กดอยู่บนหัวพวกเขาไปโดยสมบูรณ์!

ใครจะไม่ตื่นเต้น ใครจะไม่ปรีดาได้กัน

“ก่อนหน้านี้พวกเรายังสิ้นหวังแทนเจ้าแห่งภูเขาชำระจิต คิดว่าศึกนี้เขาก็เหมือนมดเขย่าต้นไม้ ไม่ประเมินกำลังตน แต่ตอนนี้… ข้ารู้สึกเพียงขายขี้หน้าไปหมด! น่าละอายใจนัก!”

ทั้งยังมีผู้ฝึกปราณมากมายละอายใจ

หลินสวินเงียบหายไปหลายปี หลายคนนึกว่าเขาพลาดยุคทองที่ไอวิญญาณฟื้นคืน ไม่อาจงัดข้อกับขุมอำนาจดินแดนรกร้างโบราณได้

แต่วันนี้หลินสวินใช้ความจริงที่หนักแน่นดั่งเหล็กพิสูจน์ให้ใต้หล้าเห็นแล้วว่า เขาในวัยเยาว์อำนาจทั่วนครหลวงได้ เขาในตอนนี้ก็ทำได้เช่นกัน!

เรื่องราวในโลกผันแปรยิ่งใหญ่ สรรพสิ่งเปลี่ยนแปลง มีเพียงผู้กล้าที่แท้จริงจึงจะสำแดงความสง่างามไร้เทียมทานได้!

“ฮ่าๆ ตอนนี้ถึงเข้าใจ ยังไม่ถือว่าสายไป…”

เมื่อสัมผัสได้ถึงบรรยากาศอึกทึกครึกโครมเช่นนั้นในเมือง ได้เห็นเหล่าผู้ฝึกปราณตื่นเต้นจนโห่ร้องเสียงดังอย่างไม่สงวนท่าที พวกเจ้าคางคก อาหลู่ อาหูยังยิ้มอย่างอดไม่ได้ แววตาวาววาม รู้สึกเป็นเกียรติไปด้วย!

“ท่านพ่อ พวกเขาโห่ร้องยินดีให้ท่านอาอยู่หรือ”

สือหลินหลางกะพริบตาดวงโตคู่งาม เอ่ยถามอย่างสงสัย

“ใช่!”

สืออวี่พยักหน้าแรงๆ ใบหน้าเปี่ยมรอยยิ้ม เจือแววทอดถอนใจ

บัดนี้ทั้งนครต้องห้าม ผู้ฝึกปราณรับไม่ถ้วนกำลังครื้นเครง เสียงสนทนา เสียงฮือฮาดังไปทั้งเก้าฟ้าสิบแผ่นดินประหนึ่งกระแสธารพลุ่งพล่าน!

หลินสวิน!

หลินสวิน!

หลินสวิน!

ชื่อนี้ถูกผู้คนนับไม่ถ้วนเอ่ยถึง ประหนึ่งตำนานเทพในปัจจุบัน ตำนานไร้เทียมทาน ส่องสะท้อนใต้หล้า ไม่อาจเทียบได้ในนครต้องห้ามวันนี้!

“ทุกท่านเคยได้ยินลำนำผู้กล้าหรือไม่”

มีคนรุ่นอาวุโสเจือแววหวนอดีต ความรู้สึกไหวหวั่น “เด็กหนุ่มเจ้าภูเขาในปีนั้นเรืองรองเจิดจรัส พรสวรรค์ไร้เทียบเทีบม หลิ่วชิงเยียนที่เป็นผู้ฝึกปราณสายศิลป์อันดับหนึ่งในใต้หล้าตอนนั้นดังระเบิดขึ้นทันทีเพราะแต่งลำนำผู้กล้าให้เขา มาคิดดูตอนนี้ ภาพเหล่านั้น… ยังคงติดตาอยู่เลย”

คนรุ่นเยาว์เหล่านั้นต่างประหลาดใจอย่างอดไม่ได้ พากันเอ่ยถาม ถึงขนาดที่ในตอนนี้ลำนำผู้กล้ายังดังขึ้นมาอีกครั้งในชั่วขณะ ทุกถนนตรอกซอกซอย ทั่วอาณาบริเวณต่างขับขาน

“ตอนนี้ไม่น่าเรียกว่าเจ้าแห่งภูเขาชำระจิตอีกแล้ว เขาในตอนนี้ฆ่ากึ่งจักรพรรดิเหมือนฉีกภาพเขียน ทำลายระดับจักรพรรดิเหมือนล้วงถุงหยิบของ ควรเปลี่ยนคำเรียกแล้ว”

มีคนเอ่ยใคร่ครวญ

พอแนะนำเช่นนี้ไป กลับจุดประกายให้ทุกคนกระตือรือร้น พากันเสนอคำเรียกขาน

“เรียกว่าจักรพรรดิสงครามหลินดีไหม”

“หรือจะจักรพรรดิหลิน”

ข้อเสนอแนะต่างๆ ไหลหลั่งมากมาย แต่ล้วนถูกปฏิเสธอย่างว่องไว

กระทั่งคนรุ่นอาวุโสคนหนึ่งเอ่ยปาก

“เจ้าแห่งภูเขาชำระจิตผงาดในโลกชั้นล่าง และวันนี้กลับมาก็กวาดล้างดินแดนรกร้างโบราณ พลังกดข่มมหาจักรพรรดิ ประหนึ่งจอมราชันเคลื่อนทัพ สร้างความสงบให้จักรวาล และพลังมหามรรคที่เขาครอบครองก็ลึกลับสุดหยั่ง ประหนึ่งกระทำการแทนสวรรค์ ช่วยเหลือพวกเราจากน้ำลึกไฟร้อน ย่อมควรเรียกว่าเป็น ‘จอมจักรพรรดิ’!”

พอคำพูดเช่นนี้ดังมา ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างพยักหน้าชื่นชม

ดังนั้นชื่อเรียกจอมจักรพรรดิหลินจึงแพร่กระจายไปในเวลาอันสั้นที่สุด ไม่นานนักก็ขยายออกจากนครต้องห้ามไปทั้งจักรวรรดิจื่อเย่า หรือพูดได้ว่ากระจายไปทั้งแดนหมื่นมรรค

……

และในตอนนี้

บนเขายอดเทพ หลินสวินพาพวกอาหู เจ้าคางคกรวมถึงเหล่าผู้ฝึกปราณอย่างสืออวี่ คนของสำนักศึกษมฤคมรกต ภาคีนักสลักวิญญาณ โถงทองคำกลับมา

“ต่อแต่นี้ไปเขายอดเทพนี้จะเปลี่ยนชื่อเป็น ‘ชำระจิต’ ข้าคนแซ่หลินตัดสินใจว่าจะเปิดสำนักที่นี่ สร้างรากฐานให้หมื่นยุค ไม่ขออหังการเหนือใต้หล้า ขอเพียงวันหน้าหากมีภัยใหญ่เกิดขึ้นอีก คนที่เกี่ยวข้องกับข้าคนแซ่หลินทุกคนจะไม่ต้องรับเภทภัยไม่คาดฝันอีก”

ณ ยอดเขา หลินสวินเรียกรวมทุกคน เอ่ยปากเสียงขรึม

พอพูดเช่นนี้ออกไป ทุกคนต่างตื่นเต้นอย่างอดไม่ได้ขึ้นมา

พวกเขาล้วนรู้ดีว่าการกระทำนี้ของหลินสวินไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง แต่เพื่อพวกเขาที่อยู่ที่นี่!

“ทว่าการเปิดสำนักเป็นเรื่องสำคัญนัก เรื่องนี้ยังต้องให้ทุกท่านร่วมแรงร่วมใจ ให้คำชี้แนะ ร่วมกันเตรียมการ”

หลินสวินเอ่ย “รอหลังข้าช่วยคนตระกูลหลินกลับมา ก็จะลงมือเปิดสำนักอย่างเป็นทางการทันที”

เป็นอย่างที่เขาพูด การเปิดสำนักแห่งหนึ่งนั้นง่ายดาย ด้วยพลังของเขาในตอนนี้ ตัวคนเดียวก็แบกรับอานุภาพที่สำนักแห่งหนึ่งควรมีได้

แต่คิดจะเปิดสำนักที่ดำรงอยู่หมื่นกาลแห่งหนึ่ง กลับไม่ใช่เรื่องง่ายดายนัก

หลายปีมานี้หลินสวินท่องไปทั่วทั้งทางเดินโบราณฟ้าดารา ได้เห็นสำนักโบราณไม่รู้เท่าไร มีเพียงเขาที่รู้ดีที่สุดว่าต่อให้แข็งแกร่งอย่างแดนกษิติครรภ์หรือสำนักโบราณจรัสเทพ ทันทีที่พบกับศัตรูอย่างตน รากฐานชั่วกาลที่มีก็จะถูกทำลายลงในวันเดียว

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เป้าหมายที่หลินสวินเปิดสำนักก็เพื่อให้ญาติมิตรที่เกี่ยวข้องกับตนเหล่านี้มีที่หลบลมฝนสักแห่งหลังตนจากไป

ดังนั้นเรื่องนี้ต้องวางแผนให้ดี

วันนี้หลินสวินปลิดชีพสี่จักรพรรดิ สังหารกึ่งจักรพรรดินับร้อย กวาดล้างขุมอำนาจดินแดนรกร้างโบราณทั้งปวง สร้างความอึกทึกครึกโครมให้นครต้องห้าม บนโลกแข่งกันขับขานลำนำผู้กล้า ผู้คนในโลกต่างขนานนามเขาว่า ‘จอมจักรพรรดิหลิน’

วันนี้เขายอดเทพเปลี่ยนชื่อเป็นเขาชำระจิต พวกจอมจักรพรรดิหลินพำนักอยู่บนนั้น วางแผนเรื่องเปิดสำนัก พอข่าวกระจายออกไปก็ดึงดูดให้ใต้หล้าจับตามอง

วันนี้ถูกบันทึกลงในหนังสือประวัติศาสตร์แดนหมื่นมรรค ประวัติศาสตร์ขนานนามว่า ‘วันจอมจักรพรรดิกลับมา’!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 2371 ประวัติศาสตร์เรียกว่าวันจอมจักรพรรดิกลับมา

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 2371 ประวัติศาสตร์เรียกว่าวันจอมจักรพรรดิกลับมา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

พร้อมๆ กับที่ไอวิญญาณฟื้นคืน ฟ้าดินพลันแปรเปลี่ยน อาณาเขตที่นครต้องห้ามตั้งอยู่ก็เปรียบได้กับโลกใบหนึ่ง

ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งระดับกึ่งจักรพรรดิจะเคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศ ยังต้องใช้เวลาหลายชั่วยามกว่าจะผ่านทั้งนครต้องห้าม

แต่เมื่อหลินสวินออกเคลื่อนไหว แค่ชั่วครู่สั้นๆ เงาร่างเขาก็เหยียบย่ำอาณาเขตขุมอำนาจดินแดนรกร้างโบราณไปเก้าแห่งแล้ว!

หนึ่งคือเขารวดเร็วยิ่ง

สองคือร่างต้นกับกายมรรคทั้งห้าแยกกันไปสังหารเป้าหมายต่างกันไป

สามคือพลังต่อสู้ของเขาน่าพรั่นพรึงเกินไป ทำลายอาณาเขตขุมอำนาจหนึ่งด้วยเวลาแค่ไม่กี่ชั่วดีดนิ้วเท่านั้น

เหลือบมองทั้งนครต้องห้ามจากเวิ้งฟ้า

การทำลายล้างแต่ละขุมอำนาจก็เหมือนเปลวเพลิงเปล่งประกายงดงามปะทุขึ้น ฉายส่องไปทั้งเก้าชั้นฟ้า เพริศแพร้วถึงขีดสุด

แต่สำหรับผู้คนในนครต้องห้ามแล้ว ภาพที่กำลังเกิดขึ้นแต่ละภาพนี้กลับหมายความว่า ขุมอำนาจของดินแดนรกร้างโบราณที่ประหนึ่งนายเหนือหัวนั้น ล้มลง โรยรา และดับสลายไปที่แล้วที่เล่า!

และเพราะหลินสวินจู่โจมอย่างรวดเร็วยิ่งนัก พอข่าวกระจายออกมาก็ตามหลังการสังหารของเขาไปไกลแล้ว

“เผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬดับสลาย!”

“สำนักยุทธ์นครนิลดับสลาย!”

“เขาวิญญาณหมื่นอสูรดับสลาย!”

…ข่าวทำนองนี้ก็เหมือนพายุฝนแน่นขนัดม้วนตลบ นี่ทำให้ทุกคนในโลกต่างรู้สึกปั่นป่วนอย่างอดไม่ได้ เสียงวิ้งดังในสมอง ทำใจเชื่อได้ยาก

“เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร… นี่จะเร็วเกินไปแล้วกระมัง…”

“ขุมอำนาจดินแดนรกร้างโบราณพวกนั้นเป็นไก่กระเบื้องสุนัขดินเผาหรือ ไม่ใช่ แต่ด้วยการสังหารของเจ้าแห่งภูเขาชำระจิต พวกเขาก็คือไก่กระเบื้องสุนัขดินเผาที่แตกหักได้ง่าย!”

“แข็งแกร่ง แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!”

เสียงฮือฮาเผยความสะท้านนับไม่ถ้วนดังขึ้น และทั้งหมดนี้ก็ยังคงดำเนินไปไม่มีที่สิ้นสุดตามกาลเวลาที่ผันผ่าน

นครต้องห้ามในวันนี้ ถูกกำหนดให้มีการล้างไพ่ครั้งใหญ่อันสะเทือนเลื่อนลั่น!

……

เขายอดเทพ

อาณาเขตของแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ

ที่นี่เดิมเป็นที่ที่พระราชวังแห่งจักรวรรดิตั้งอยู่ เมื่อฟ้าดินแปรเปลี่ยน ไอวิญญาณฟื้นคืน ภูเขาใหญ่ลูกหนึ่งผุดขึ้นมา ไอม่วงพวยพุ่งตลอดปี แสงมงคลไหลเวียน คุณลักษณะเหนือล้ำกว่าเขาแดนมงคลในความหมายทั่วๆ ไป

ตอนนี้ถูกยกให้เป็นแดนมงคลอันดับหนึ่งในนครต้องห้าม!

ตอนนั้นเพื่อชิงเขายอดเทพ ขุมอำนาจใหญ่ของดินแดนรกร้างโบราณถึงกับเกิดความขัดแย้งนองเลือดยาวนานถึงหนึ่งปี ในที่สุดก็ถูกแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณโชคดีชิงไป

สวบ!

เหนือฟ้าสูง ร่างต้นหลินสวินปรากฏขึ้นกลางอากาศ มองลงมาเบื้องล่าง จิตรับรู้อันกว้างใหญ่คลุมไปทั้งเขายอดเทพในทันใด

แต่ที่ทำให้หลินสวินเหนือความคาดหมายก็คือ ทั้งด้านบนและด้านล่างเขายอดเทพกลับว่างเปล่าไม่มีใครอยู่สักคน

เงาร่างหลินสวินลงมาอย่างรวดเร็ว เดินไปบนเขายอดเทพ ประเมินรอบทิศ

ที่นี่พิเศษนัก สิ่งที่อบอวลอยู่ในอากาศมีแต่ไอวิญญาณต้นกำเนิดหนาแน่น ต้นไม้ใบหญ้าป่าเขาต่างฉายประกายวิญญาณ

บนเขาโกลาหลนัก สิ่งของกระจัดกระจายพบเห็นได้ทุกหนแห่ง คงเป็นเพราะตอนที่กำลังหนี ผู้แข็งแกร่งแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณต่างรีบร้อนจากไป

หลินสวินมาถึงยอดเขา ที่นี่มีตำหนักเรียงราย สร้างทั้งลานมรรค สวนโอสถ คลังหลอมยาต่างๆ แต่ว่างเปล่าไม่มีคนเช่นกัน

‘ไม่มีใครอยู่สักคน หนีไปหมดแล้วหรือ’

หลินสวินนิ่วหน้า

ต่อให้หนีไปก็ต้องทิ้งร่อยรอยเอาไว้ แต่เขาสำรวจมาตลอดทางกลับไม่พบร่องรอยที่มีค่าอะไร

สายตาหลินสวินชำเลืองไปเห็นสระแห่งหนึ่งโดยไม่ตั้งใจ

สระนั้นมีพื้นที่ประมาณหนึ่งจั้งเท่านั้น น้ำในสระใสกระจ่าง มีดอกบัวเขียวมรกตอยู่ต้นเดียว โบกไหวเบาๆ กลางสายลม

หืม?

ดวงตาหลินสวินฉายแววประหลาด เดินไปสังเกตโดยละเอีย ก็พบว่าดอกบัวต้นนี้ดูเหมือนธรรมดา แต่เห็นได้ชัดว่าต่างจากที่ได้พบเห็นในโลกทั่วไป

บนใบกลมเกลี้ยงสีเขียวมันปลาบของมันมีลวดลายมหามรรคเป็นธรรมชาติประทับอยู่เป็นริ้วๆ รวมแล้วใบไม้เก้าใบ ลายมรรคแต่ละใบล้วนต่างกันไป

พอในสมองหลินสวินอนุมานลายมรรคบนใบไม้ทั้งเก้านี้ทั้งหมด ภาพอันน่าตื่นตะลึงก็อุบัติขึ้น ลายมรรคเหล่านี้ถึงกับวาโครงออกมาเป็นรูปประตูบานหนึ่ง!

มีใบไร้ดอก ประตูลับลายมรรคบานนี้อาจจะเป็น ‘ดอก’ ที่บัวนี้ซุกซ่อนไว้!

หลินสวินถึงกับสันนิษฐานออกมาว่าเป็นไปได้สูงยิ่งที่บัวต้นเดียวในสระนี้ จะเป็นประตูสู่ ‘โลกเกิดใหม่’ หรือถ้ำสวรรค์แดนลับแห่งหนึ่ง

และเกรงว่าผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณเหล่านั้นจะไม่ได้หนีไปสักนิด แต่หลบเข้าไปใน ‘โลก’ ภายในบัวเขียวแห่งนี้!

นัยน์ตาดำหลินสวินไหววูบ สะบัดแขนเสื้อทันที

ครืน!

กระบวนค่ายกลลายมรรคเต็มฟ้าควบรวม ร่างเค้าโครงขึ้นกลางห้วงอากาศ สุดท้ายแปลงเป็นกระบวนผนึกกระบวนหนึ่งปิดคลุมสระน้ำรวมถึงต้นบัวที่อยู่ภายในนั้นเอาไว้

จากนั้นหลินสวินก็หมุนตัวจากไป

เวลานี้เห็นได้ชัดว่าไม่เหมาะไปสำรวจที่ที่ไม่ยังไม่รู้จัก รอสืบข่าวแน่ชัดแล้วค่อยเคลื่อนไหวก็ไม่สาย

……

เพียงครึ่งเค่อเท่านั้น

กำลังพลของขุมอำนาจใหญ่ดินแดนรกร้างโบราณต่างๆ ที่กระจายอยู่ในนครต้องห้ามถูกกำจัดสิ้น!

และครึ่งเค่อก่อนหน้านี้ หลินสวินเพิ่งสังหารกึ่งจักรพรรดินับร้อย รวมถึงสัตว์ประหลาดเฒ่าที่บรรลุระดับจักรพรรดิไปสี่คน!

เมื่อทุกคนได้รู้ข่าวสุดท้ายนี้ ต่างอึ้งอยู่ตรงนั้น ตกตะลึงอ้าปากค้าง ราวกับได้ยินปาฏิหาริย์ที่เป็นไปไม่ได้เกิดขึ้นครั้งหนึ่ง

“พินาศแล้ว… ถึงกับพินาศหมดแล้ว… นี่เพิ่งผ่านไปเท่าไรเอง”

ผู้คนนับไม่ถ้วนเหม่อลอย สะท้านไหวจนสมองว่างเปล่า ขนลุกเกรียวไปทั้งตัว

“วีรกรรมของศึกนี้เกริกก้องหมื่นกาล นามระบือชั่วนิรันดร์ ต่อให้เรื่องราวในโลกผันแปร ก็ต้องถูกจารึกไว้ให้คนรุ่นหลังตลอดกาล!”

คนรุ่นอาวุโสจำนวนหนึ่งยังตื่นเต้นจนร้องลั่น กระโดดโลดเต้น ยินดีปรีดาเหมือนบ้าคลั่ง

สำหรับผู้ฝึกปราณพื้นถิ่นในนครต้องห้ามเหล่านี้ ขุมอำนาจดินแดนรกร้างโบราณเหล่านั้นก็เหมือนภูเขาลูกใหญ่ที่ทับอยู่บนหัว หลายปีมานี้กดข่มจนพวกเขาหลังคดหลังงอ ต้องก้มหัวต่ำ กดจนพวกเขาแทบหายใจไม่ออก มองไม่เห็นความหวัง

แต่ตอนนี้เมื่อหลินสวินออกศึก ใช้พลังตัวคนเดียวกวาดล้างกำลังพลของขุมอำนาจดินแดนรกร้างโบราณทั้งหมด เท่ากับ… กำจัดภูเขาลูกใหญ่ที่กดอยู่บนหัวพวกเขาไปโดยสมบูรณ์!

ใครจะไม่ตื่นเต้น ใครจะไม่ปรีดาได้กัน

“ก่อนหน้านี้พวกเรายังสิ้นหวังแทนเจ้าแห่งภูเขาชำระจิต คิดว่าศึกนี้เขาก็เหมือนมดเขย่าต้นไม้ ไม่ประเมินกำลังตน แต่ตอนนี้… ข้ารู้สึกเพียงขายขี้หน้าไปหมด! น่าละอายใจนัก!”

ทั้งยังมีผู้ฝึกปราณมากมายละอายใจ

หลินสวินเงียบหายไปหลายปี หลายคนนึกว่าเขาพลาดยุคทองที่ไอวิญญาณฟื้นคืน ไม่อาจงัดข้อกับขุมอำนาจดินแดนรกร้างโบราณได้

แต่วันนี้หลินสวินใช้ความจริงที่หนักแน่นดั่งเหล็กพิสูจน์ให้ใต้หล้าเห็นแล้วว่า เขาในวัยเยาว์อำนาจทั่วนครหลวงได้ เขาในตอนนี้ก็ทำได้เช่นกัน!

เรื่องราวในโลกผันแปรยิ่งใหญ่ สรรพสิ่งเปลี่ยนแปลง มีเพียงผู้กล้าที่แท้จริงจึงจะสำแดงความสง่างามไร้เทียมทานได้!

“ฮ่าๆ ตอนนี้ถึงเข้าใจ ยังไม่ถือว่าสายไป…”

เมื่อสัมผัสได้ถึงบรรยากาศอึกทึกครึกโครมเช่นนั้นในเมือง ได้เห็นเหล่าผู้ฝึกปราณตื่นเต้นจนโห่ร้องเสียงดังอย่างไม่สงวนท่าที พวกเจ้าคางคก อาหลู่ อาหูยังยิ้มอย่างอดไม่ได้ แววตาวาววาม รู้สึกเป็นเกียรติไปด้วย!

“ท่านพ่อ พวกเขาโห่ร้องยินดีให้ท่านอาอยู่หรือ”

สือหลินหลางกะพริบตาดวงโตคู่งาม เอ่ยถามอย่างสงสัย

“ใช่!”

สืออวี่พยักหน้าแรงๆ ใบหน้าเปี่ยมรอยยิ้ม เจือแววทอดถอนใจ

บัดนี้ทั้งนครต้องห้าม ผู้ฝึกปราณรับไม่ถ้วนกำลังครื้นเครง เสียงสนทนา เสียงฮือฮาดังไปทั้งเก้าฟ้าสิบแผ่นดินประหนึ่งกระแสธารพลุ่งพล่าน!

หลินสวิน!

หลินสวิน!

หลินสวิน!

ชื่อนี้ถูกผู้คนนับไม่ถ้วนเอ่ยถึง ประหนึ่งตำนานเทพในปัจจุบัน ตำนานไร้เทียมทาน ส่องสะท้อนใต้หล้า ไม่อาจเทียบได้ในนครต้องห้ามวันนี้!

“ทุกท่านเคยได้ยินลำนำผู้กล้าหรือไม่”

มีคนรุ่นอาวุโสเจือแววหวนอดีต ความรู้สึกไหวหวั่น “เด็กหนุ่มเจ้าภูเขาในปีนั้นเรืองรองเจิดจรัส พรสวรรค์ไร้เทียบเทีบม หลิ่วชิงเยียนที่เป็นผู้ฝึกปราณสายศิลป์อันดับหนึ่งในใต้หล้าตอนนั้นดังระเบิดขึ้นทันทีเพราะแต่งลำนำผู้กล้าให้เขา มาคิดดูตอนนี้ ภาพเหล่านั้น… ยังคงติดตาอยู่เลย”

คนรุ่นเยาว์เหล่านั้นต่างประหลาดใจอย่างอดไม่ได้ พากันเอ่ยถาม ถึงขนาดที่ในตอนนี้ลำนำผู้กล้ายังดังขึ้นมาอีกครั้งในชั่วขณะ ทุกถนนตรอกซอกซอย ทั่วอาณาบริเวณต่างขับขาน

“ตอนนี้ไม่น่าเรียกว่าเจ้าแห่งภูเขาชำระจิตอีกแล้ว เขาในตอนนี้ฆ่ากึ่งจักรพรรดิเหมือนฉีกภาพเขียน ทำลายระดับจักรพรรดิเหมือนล้วงถุงหยิบของ ควรเปลี่ยนคำเรียกแล้ว”

มีคนเอ่ยใคร่ครวญ

พอแนะนำเช่นนี้ไป กลับจุดประกายให้ทุกคนกระตือรือร้น พากันเสนอคำเรียกขาน

“เรียกว่าจักรพรรดิสงครามหลินดีไหม”

“หรือจะจักรพรรดิหลิน”

ข้อเสนอแนะต่างๆ ไหลหลั่งมากมาย แต่ล้วนถูกปฏิเสธอย่างว่องไว

กระทั่งคนรุ่นอาวุโสคนหนึ่งเอ่ยปาก

“เจ้าแห่งภูเขาชำระจิตผงาดในโลกชั้นล่าง และวันนี้กลับมาก็กวาดล้างดินแดนรกร้างโบราณ พลังกดข่มมหาจักรพรรดิ ประหนึ่งจอมราชันเคลื่อนทัพ สร้างความสงบให้จักรวาล และพลังมหามรรคที่เขาครอบครองก็ลึกลับสุดหยั่ง ประหนึ่งกระทำการแทนสวรรค์ ช่วยเหลือพวกเราจากน้ำลึกไฟร้อน ย่อมควรเรียกว่าเป็น ‘จอมจักรพรรดิ’!”

พอคำพูดเช่นนี้ดังมา ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างพยักหน้าชื่นชม

ดังนั้นชื่อเรียกจอมจักรพรรดิหลินจึงแพร่กระจายไปในเวลาอันสั้นที่สุด ไม่นานนักก็ขยายออกจากนครต้องห้ามไปทั้งจักรวรรดิจื่อเย่า หรือพูดได้ว่ากระจายไปทั้งแดนหมื่นมรรค

……

และในตอนนี้

บนเขายอดเทพ หลินสวินพาพวกอาหู เจ้าคางคกรวมถึงเหล่าผู้ฝึกปราณอย่างสืออวี่ คนของสำนักศึกษมฤคมรกต ภาคีนักสลักวิญญาณ โถงทองคำกลับมา

“ต่อแต่นี้ไปเขายอดเทพนี้จะเปลี่ยนชื่อเป็น ‘ชำระจิต’ ข้าคนแซ่หลินตัดสินใจว่าจะเปิดสำนักที่นี่ สร้างรากฐานให้หมื่นยุค ไม่ขออหังการเหนือใต้หล้า ขอเพียงวันหน้าหากมีภัยใหญ่เกิดขึ้นอีก คนที่เกี่ยวข้องกับข้าคนแซ่หลินทุกคนจะไม่ต้องรับเภทภัยไม่คาดฝันอีก”

ณ ยอดเขา หลินสวินเรียกรวมทุกคน เอ่ยปากเสียงขรึม

พอพูดเช่นนี้ออกไป ทุกคนต่างตื่นเต้นอย่างอดไม่ได้ขึ้นมา

พวกเขาล้วนรู้ดีว่าการกระทำนี้ของหลินสวินไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง แต่เพื่อพวกเขาที่อยู่ที่นี่!

“ทว่าการเปิดสำนักเป็นเรื่องสำคัญนัก เรื่องนี้ยังต้องให้ทุกท่านร่วมแรงร่วมใจ ให้คำชี้แนะ ร่วมกันเตรียมการ”

หลินสวินเอ่ย “รอหลังข้าช่วยคนตระกูลหลินกลับมา ก็จะลงมือเปิดสำนักอย่างเป็นทางการทันที”

เป็นอย่างที่เขาพูด การเปิดสำนักแห่งหนึ่งนั้นง่ายดาย ด้วยพลังของเขาในตอนนี้ ตัวคนเดียวก็แบกรับอานุภาพที่สำนักแห่งหนึ่งควรมีได้

แต่คิดจะเปิดสำนักที่ดำรงอยู่หมื่นกาลแห่งหนึ่ง กลับไม่ใช่เรื่องง่ายดายนัก

หลายปีมานี้หลินสวินท่องไปทั่วทั้งทางเดินโบราณฟ้าดารา ได้เห็นสำนักโบราณไม่รู้เท่าไร มีเพียงเขาที่รู้ดีที่สุดว่าต่อให้แข็งแกร่งอย่างแดนกษิติครรภ์หรือสำนักโบราณจรัสเทพ ทันทีที่พบกับศัตรูอย่างตน รากฐานชั่วกาลที่มีก็จะถูกทำลายลงในวันเดียว

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เป้าหมายที่หลินสวินเปิดสำนักก็เพื่อให้ญาติมิตรที่เกี่ยวข้องกับตนเหล่านี้มีที่หลบลมฝนสักแห่งหลังตนจากไป

ดังนั้นเรื่องนี้ต้องวางแผนให้ดี

วันนี้หลินสวินปลิดชีพสี่จักรพรรดิ สังหารกึ่งจักรพรรดินับร้อย กวาดล้างขุมอำนาจดินแดนรกร้างโบราณทั้งปวง สร้างความอึกทึกครึกโครมให้นครต้องห้าม บนโลกแข่งกันขับขานลำนำผู้กล้า ผู้คนในโลกต่างขนานนามเขาว่า ‘จอมจักรพรรดิหลิน’

วันนี้เขายอดเทพเปลี่ยนชื่อเป็นเขาชำระจิต พวกจอมจักรพรรดิหลินพำนักอยู่บนนั้น วางแผนเรื่องเปิดสำนัก พอข่าวกระจายออกไปก็ดึงดูดให้ใต้หล้าจับตามอง

วันนี้ถูกบันทึกลงในหนังสือประวัติศาสตร์แดนหมื่นมรรค ประวัติศาสตร์ขนานนามว่า ‘วันจอมจักรพรรดิกลับมา’!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+