Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 2372 ปริศนาบัวเขียว

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 2372 ปริศนาบัวเขียว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ภูเขาชำระจิต

หลินสวินนั่งขัดสมาธิกับพื้น สงบใจตริตรอง

ความทรงจำในพลังจิตของระดับจักรพรรดิทั้งสี่อย่างหมิงหยา เซี่ยซั่งซวี ซิวอวิ๋นจื่อ และเยวี่ยเหิงกำลังถูกเขาสำรวจทั้งหมด

ครู่ใหญ่หลินสวินถึงลืมตาขึ้น

ในความทรงจำของหมิงหยา เมื่อแรกไอวิญญาณฟื้นคืน ที่พระราชวังจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิ หรือก็คือบนเขายอดเทพในปัจจุบันก็มีสระน้ำรวมถึงถึงบัวเขียวในสระปรากฏขึ้นแล้ว

และภายในบัวเขียวนี้ก็มีแดนลับเกิดใหม่แห่งหนึ่ง!

ยามขุมอำนาจใหญ่ของดินแดนรกร้างโบราณบุกมา สมาชิกราชวงศ์แห่งจักรวรรดิต่างหายลับไปนานแล้ว ที่หายไปพร้อมกันยังมีตระกูลหลินแห่งภูเขาชำระจิตด้วย

กระทั่งแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณยึดครองสถานที่ที่เดิมเรียกว่า ‘เขายอดเทพ’ แห่งนี้ พวกคนระดับสูงของแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณอย่างหมิงหยาต่างสงสัย ว่าสมาชิกราชวงศ์กับคนตระกูลหลินแห่งภูเขาชำระจิตที่หายลับไป เป็นไปได้สูงยิ่งว่าจะเข้าไปในแดนลับเกิดใหม่ในบัวเขียวภายในสระน้ำนั้นก่อนแล้ว!

หลายสิบปีนี้หมิงหยานำเหล่าผู้แข็งแกร่งแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณเข้าไปสำรวจในโลกที่ถูกเรียกว่า ‘แดนลับบัวเขียว’ แห่งนี้หลายครั้ง

จากความทรงจำของหมิงหยา ภายในแดนลับบัวเขียวแห่งนี้ลึกลับและกว้างใหญ่ไพศาลหาใดเทียบ มีทางคล้าย ‘รูพรุน’ แน่นขนัดกระจายตัวอยู่ ราวกับรังผึ้งขนาดมหึมาแห่งหนึ่ง

เมื่อเข้าไปในรู ก็จะได้เข้าไปในโลกใบเล็กต่างกันไป

ความรู้สึกที่มอบให้ก็เหมือนแดนลับบัวเขียวแห่งนี้เป็นรังโลกขนาดมหึมาแห่งหนึ่ง ภายในแต่งแต้มด้วยแดนลับเล็กๆ แตกต่างกันไป

หลังการสำรวจหลายปี สถานที่ที่ผู้แข็งแกร่งแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณอย่างพวกหมิงหยาสำรวจได้ ยังไม่ถึงหนึ่งในสิบของแดนลับบัวเขียว!

และในระหว่างการสำรวจหลายปีนี้ พวกหมิงหยาก็ไม่ได้พบคนในราชวงศ์รวมถึงคนตระกูลหลินแห่งภูเขาชำระจิต

แต่ตามที่พวกเขาสันนิษฐาน เป็นไปได้สูงยิ่งที่เชื้อพระวงศ์กับคนตระกูลหลินแห่งภูเขาชำระจิตจะซ่อนตัวอยู่ในแดนลับสักแห่ง เพียงแต่ยังไม่ถูกพบก็เท่านั้น

ข้อมูลนี้ทำให้หลินสวินตื่นเต้น ตัวเขาก่อนหน้านี้ไม่มีเบาะแสใดๆ เรื่องการหายไปของคนตระกูลหลินสักนิด แต่ตอนนี้อย่างน้อยก็หาเบาะแสที่ชัดเจนพอจะไปสืบค้นต่อได้อย่างหนึ่งแล้ว!

ในขณะเดียวกันหลังจากสำรวจความทรงจำของเซี่ยซั่งซวี ซิวอวิ๋นจื่อและเยวี่ยเหิง ก็ทำให้หลินสวินได้ร่องรอยที่เกี่ยวข้องกับแดนลับเกิดใหม่และถ้ำสวรรค์แดนมงคลมากยิ่งขึ้น

นครต้องห้ามถูกมองเป็น ‘แดนศักดิ์สิทธิ์หมื่นมรรค’

สาเหตุก็เพราะแดนลับเกิดใหม่กับถ้ำสวรรค์แดนมงคลที่ปรากฏขึ้นในนครต้องห้ามเหนือล้ำกว่าที่อื่นในจักรวรรดิจื่อเย่า

แดนลับเกิดใหม่เหล่านี้มักเกิดขึ้นในถ้ำสวรรค์แดนมงคลอย่าง ‘เขายอดเทพ’ ‘เขาม่วงกระจ่าง’ ในตอนนี้

อย่างแดนลับบัวเขียวก็ปรากฏในสระที่อยู่ในเขายอดเทพ

สาเหตุที่สี่มหาจักรพรรดิอย่างพวกหมิงหยา เซี่ยซั่งซวีแจ้งมรรคบรรลุจักรพรรดิได้ในเวลาอันสั้นเช่นนี้ ก็เพราะได้รับวาสนามหามรรคแตกต่างกันไปยามสำรวจแดนลับเกิดใหม่ต่างๆ ทุกชิ้นล้วนเรียกได้ว่าหาได้ยากในโลก

เช่นหมิงหยา ตอนที่สำรวจแดนลับบัวเขียวก็บังเอิญเข้าไปในภูเขาเทพลูกหนึ่งที่แปลงจากระเบียบมหามรรค และเจอ ‘ผลมรรคต้นกำเนิด’ อันลึกลับชนิดหนึ่งจากในนั้น หลังจากหลอมมันก็บรรลุระดับจักรพรรดิในคราเดียว

หรืออย่างเซี่ยซั่งซวี ก็ค้นพบแม่น้ำสายหนึ่งที่แปลงมาจาก ‘ต้นกำเนิดมหามรรค’ เกรียงไกรไพศาล ยืดยาวดั่งมังกร หลังจากเซี่ยซั่งซวีหลอมแม่น้ำสายนี้ ในที่สุดก็ทำความปรารถนาที่จะบรรลุจักรพรรดิให้เป็นจริงได้

ประสบการณ์บรรลุจักรพรรดิของซิวอวิ๋นจื่อกับเยวี่ยเหิงก็เป็นทำนองนี้เช่นกัน

จากความทรงจำของมหาจักรพรรดิทั้งสี่ ทำให้หลินสวินได้ข้อสรุปหนึ่งเช่นกัน

หากกล่าวว่าโลกชั้นล่างเป็นแกนกลางของต้นกำเนิดหมื่นมรรค เช่นนั้นที่ตั้งของนครต้องห้ามก็คือใจกลางของแกนกลาง!

และต้นตอของไอวิญญาณที่ฟื้นคืน ก็อยู่ในแดนลับเกิดใหม่ต่างๆ ซึ่งกระจายอยู่ในนครต้องห้ามแห่งนี้!

พูดกลับกันก็คือ

พลังที่ไอวิญญาณฟื้นคืนปลดปล่อยออกมา แผ่ขยายไปทั่วโลกชั้นล่างโดยมีแดนลับเกิดใหม่ต่างๆ ในใต้หล้าเป็นช่องทาง จึงส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงอันน่าตื่นตะลึงไปทั้งโลก!

เมื่อสันนิษฐานเช่นนี้ก็หมายความว่า ยิ่งเข้าใกล้ต้นตอของไอวิญญาณฟื้นคืน วาสนามรรคที่จะได้รับก็ย่อมยิ่งใหญ่ขึ้นตามไปด้วย

อย่างพวกหมิงหยาสี่คนที่บรรลุจักรพรรดิก็เป็นเช่นนี้

พอเข้าใจเรื่องพวกนี้หลินสวินก็ไหวหวั่นในใจอย่างอดไม่ได้

คนบนโลกล้วนรู้ว่าโลกชั้นล่างไอวิญญาณฟื้นคืน ยุคทองที่ไม่เคยมีมาในอดีตหมื่นกาลมาเยือน แต่เกรงว่าบนโลกนี้คงมีคนไม่เท่าไรที่รู้ชัด ว่าต้นตอของไอวิญญาณฟื้นคืนนั้นมาจากที่ไหนกันแน่!

และหากหา ‘ต้นตอ’ นี้พบ ไม่เพียงหารากฐานที่ชักนำให้เกิดไอวิญญาณฟื้นคืนในโลกชั้นล่างเจอ

ไม่แน่ อาจจะยังหยั่งถึงนัยเร้นลับแก่นแท้ของ ‘ต้นกำเนิดหมื่นมรรค’ ได้อีกด้วย!

สิ่งที่ทำให้หลินสวินตะลึงเป็นพิเศษก็คือ

ในความทรงจำของสี่มหาจักรพรรดิอย่างพวกหมิงหยา ต่างมีประสบการณ์ที่คล้ายกันอย่างหนึ่ง นั่นก็คือเคยสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันตรายสุดขีดบางอย่างยามไปสำรวจแดนลับเกิดใหม่!

ก็เป็นเพราะเหตุนี้ ตอนสำรวจแดนลับบางส่วน พวกเขาต่างหลบบริเวณที่กลิ่นอายอันตรายกระจายอยู่เหล่านั้นไปตามจิตใต้สำนึก

ตามการสันนิษฐานของเขา เป็นไปได้สูงยิ่งที่สถานที่แกนกลางต้นกำเนิดหมื่นมรรคแห่งนี้จะมี ‘สิ่งมีชีวิตน่าหวาดกลัว’ ที่ไม่มีใครล่วงรู้ดำรงอยู่!

ที่น่าเสียดายก็คือ หลินสวินค้นความทรงจำของพวกหมิงหยาจนทั่วแล้วก็ยังไม่ทำให้หาเบาะแสที่เกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิตน่าหวาดกลัวเหล่านี้แต่อย่างใด

เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้พวกหมิงหยาไม่กล้าไปสำรวจหรือเฉียดใกล้สักนิด ดังนั้นจึงทำได้เพียงสันนิษฐานเท่านั้น

“อาหู เจ้าคางคก…”

ไม่นานนักหลินสวินก็เรียกให้พวกอาหูมาหา บอกสิ่งที่ตนสันนิษฐานออกมา “ข้าอยากจะพาพวกเจ้าไปสำรวจแดนลับบัวเขียวแห่งนั้นด้วยกัน ไม่แน่อาจจะหาวาสนาบรรลุจักรพรรดิให้พวกเจ้าได้ด้วย”

ได้ยินดังนี้พวกอาหูต่างใจเต้นรัว

ไม่ว่าจะเป็นอาหู เจ้าคางคก อาหลู่ หรือพวกเสี่ยวอิ๋น เสี่ยวเทียน เจ้านกดำ ต่างก็ติดอยู่ระดับกึ่งจักรพรรดิด่านสามบริบูรณ์มาหลายปี

สำหรับพวกเขาแล้ว การบรรลุจักรพรรดิขอแค่จุดเปลี่ยนเดียวเท่านั้นจริงๆ!

แต่จุดเปลี่ยนเช่นนี้หายากยิ่งนัก บางครั้งเสาะหาอย่างยากลำบากมาเป็นร้อยเป็นพันปีก็ไม่ได้สมใจปรารถนา

ได้ครอบครองโอกาสเช่นนี้ พวกเขาย่อมไม่อาจพลาด

“เช่นนั้นเขาชำระจิตแห่งนี้…”

อาหูกังวลอยู่บ้าง ถ้าพวกเขาเข้าไปในแดนลับบัวเขียวด้วยกัน ก็จะไม่มีใครดูแลภูเขาชำระจิต เกรงว่าจะเกิดคลื่นลมมากมาย

หลินสวินยิ้มน้อยๆ เอ่ยว่า “เรื่องนี้ไม่ต้องกังวล ให้ร่างแยกมหามรรคของข้าอยู่ที่นี่ก็สามารถต่อกรกับศัตรูใดๆ ได้แล้ว”

เขาเว้นช่วงไป ดวงตาดำลุ่มลึก เอ่ยว่า “ยิ่งไปกว่านั้น แม้นครต้องห้ามจะเพิ่งผ่านความโกลาหลครั้งใหญ่มา ดูเหมือนกำลังพลของขุมอำนาจดินแดนรกร้างโบราณเหล่านั้นถูกกำจัดไปหมด แต่พอเวลาผ่านไป ขุมอำนาจที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาต้องส่งกำลังคนออกจากดินแดนรกร้างโบราณมายังโลกนี้มากขึ้นแน่”

“แต่ถ้ามีร่างแยกมหามรรคของข้าอยู่ก็ไม่ต้องกังวลมากไปนัก”

ทุกคนได้ยินดังนี้ต่างก็พยักหน้า ผ่อนคลายลงไม่น้อย

กำลังพลที่ถูกหลินสวินเหยียบย่ำไปก่อนหน้านี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของขุมอำนาจดินแดนรกร้างโบราณเท่านั้น สำนักของพวกเขายังอยู่ที่ดินแดนรกร้างโบราณ

นี่ก็หมายความว่าภายหน้ายังต้องมีกำลังพลจากขุมอำนาจดินแดนรกร้างโบราณมากยิ่งขึ้นมายังโลกชั้นล่างแห่งนี้แน่

แต่ขอเพียงมีร่างแยกมหามรรคของหลินสวินควบคุมดูแล ต่อให้มีกำลังคนมากมาก็ไม่เป็นอันตรายใหญ่โตนัก

เวลาไม่คอยท่า ในวันนั้นหลินสวินก็พาพวกอาหูออกเคลื่อนไหว ส่วนร่างแยกของมหามรรคทั้งห้าของเขาก็ดูแลอยู่บนภูเขาชำระจิต

นครต้องห้ามยังปั่นป่วนครึกโครม ขุมอำนาจดินแดนรกร้างโบราณถูกกวาดล้างจนเกลี้ยง สำหรับผู้ฝึกปราณทุกคนแล้วก็เท่ากับ ‘ฟ้าเปลี่ยน’

อีกทั้งข่าวก็กระจายไปภายนอกอย่างรวดเร็วจนน่าตะลึงแล้ว เชื่อว่าอีกไม่นานทั้งโลกชั้นล่างจะถูกศึกสะท้านโลกครั้งนี้สั่นสะเทือน!

……

“เสี่ยวอู่ เจ้ามาเฝ้าที่นี่ ตอนที่ข้ายังไม่กลับมาห้ามใครเข้าใกล้ที่นี่ และไม่ว่าใครเดินออกมาจากแดนลับบัวเขียวแห่งนี้ก็ต้องจับไว้ให้ข้าก่อนเช่นกัน”

หน้าสระน้ำนั้นหลินสวินเอ่ยกำชับ

ใกล้กับสระน้ำถูกหลินสวินวางกระบวนผนึกไว้ก่อนแล้ว มีวิญญาณค่ายกลเสี่ยวอู่ควบคุม สามารถตั้งรับสถานการณ์ต่างๆ ได้แล้ว

“พี่ใหญ่วางใจเป็นพอ”

เสี่ยวอู่พยักหน้า เปี่ยมด้วยความเชื่อมั่นในตัวเอง

ฮูม!

เมื่อหลินสวินสะบัดแขนเสื้อ ลวดลายมรรคลึกลับมากมายอุบัติขึ้นบนใบบัวกลมเกลี้ยงสีเขียวเหมือนหยกนั้น ก่อโครงร่างเป็นประตูลึกลับบานหนึ่งกลางอากาศ

หลินสวินให้พวกอาหูเข้าไปในเจดีย์ไร้สิ้นสุดก่อนแล้ว เห็นดังนี้จึงเดินเข้าไปโดยไม่ลังเล

พอเงาร่างหายลับไปในประตูบานนั้น ประตูนั้นก็เปลี่ยนเป็นลวดลายมรรคใหม่ กลับไปอยู่บนใบบัวแต่ละใบนั้น

แดนลับบัวเขียว

ยอดเขาชันสูงราวหมื่นจั้งลูกหนึ่ง

วู้ม…

พร้อมกับคลื่นประหลาดระลอกหนึ่ง ประตูว่างเปล่าบานหนึ่งปรากฏขึ้นเหนือยอดเขา เงาร่างของหลินสวินเดินออกมา

ตรงยอดเขาก็มีสระแห่งหนึ่ง บัวเขียวต้นหนึ่งเช่นกัน

จากความทรงจำของหมิงหยา ที่นี่ก็คือที่ที่ ‘ทางออก’ เพื่อกลับสู่โลกภายนอกตั้งอยู่

หลินสวินเงยมองไปก็พบว่าเหนือเวิ้งฟ้ามีเมฆมงคลลอยเอื่อย แสงประกายหมื่นจั้ง ไอขุ่นมัวอันถาโถมซัดสาดปั่นป่วน

เพียงพริบตา หลินสวินก็สัมผัสได้ว่าระดับพลังที่ถูกกดข่มไว้ของตนคล้ายจะคลายตัวลงอยู่กลายๆ

‘ดูท่าแดนลับแห่งนี้ เพราะยิ่งอยู่ใกล้แกนกลางต้นกำเนิดหมื่นมรรค ทำให้รองรับพลังที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นได้…’

‘หากเป็นเช่นนี้จะหมายความว่ายามข้าเคลื่อนไหว หากพลังปราณที่ถูกกดข่มค่อยๆ ฟื้นคืนมาทีละนิด ก็หมายความว่ายิ่งเข้าใกล้แกนกลางต้นกำเนิดหมื่นมรรคหรือเปล่า’

หลินสวินครุ่นคิด

ไม่นานนักเงาร่างเขาก็หายไปจากยอดเขาแห่งนี้ ทะยานไปทางตะวันออกอย่างฉับไว

จากความทรงจำของหมิงหยา ทำให้หลินสวินรู้จักบริเวณนี้ของแดนลับบัวเขียวเป็นอย่างดี ระบุได้ทันทีว่าทาง ‘รูพรุน’ คล้ายรังผึ้งนั้นตั้งอยู่ห่างจากทางออกสามหมื่นลี้

สวบ!

ระหว่างทะยานไปจิตรับรู้ของหลินสวินก็แผ่ขยาย ไม่ทันไรก็สัมผัสได้ว่าในห้วงอากาศที่ทางทิศตะวันออกจากตรงนี้มีกลิ่นอายหลงเหลืออยู่มากมาย

‘ดูท่าผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณที่หายไปเหล่านั้นคงจะหลบในแดนลับบัวเขียวแห่งนี้จริงๆ…’

ตาดำหลินสวินลุ่มลึก คาดเดาออกมา

หนึ่งเค่อผ่านไป

จู่ๆ กลางฟ้าดินก็มีเสียงมหามรรคหนักทึบระลอกหนึ่งดังก้องฟ้าดิน

หลินสวินเงยมองไป ก็พบว่ากลางฟ้าดินที่อยู่ไกลลิบมีไอขุ่นมัวราวกับพายุคลั่ง หมุนวนอยู่กลางฟ้าดินช้าๆ ก่อตัวขึ้นเป็นวังวนมหึมากลบฟ้าบังตะวัน ปกคลุมฟ้าดินแถบนั้นไว้โดยสมบูรณ์

เมื่อมองดูโดยละเอียด กลางวังวนนั้นมีจุดแสงสะดุดตาเป็นจุดๆ สะท้อนอยู่ พริบไหวไม่หยุดคล้ายกับดวงดารา

และในสายตาหลินสวิน วังวนไอขุ่นมัวนั้นก็เหมือนกับรังผึ้งมหึมารังหนึ่ง จุดแสงเหล่านั้นก็คืออุโมงค์รูพรุนที่เชื่อมไปยังแดนลับต่างๆ!

สวบ!

เงาร่างหลินสวินพริบวาบ เมื่อเข้าไปใกล้ในใจก็สั่นไหวอย่างอดไม่ได้

วังวนขุ่นมัวนี้ใหญ่โตเกินไปแล้ว บังฟ้ากลบดิน ปลดปล่อยคลื่นมหามรรคอันคลุมเครือและลึกลับออกมา

คนอยู่เบื้องหน้ามัน เหมือนหยดน้ำในมหาสมุทร

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 2372 ปริศนาบัวเขียว

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 2372 ปริศนาบัวเขียว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ภูเขาชำระจิต

หลินสวินนั่งขัดสมาธิกับพื้น สงบใจตริตรอง

ความทรงจำในพลังจิตของระดับจักรพรรดิทั้งสี่อย่างหมิงหยา เซี่ยซั่งซวี ซิวอวิ๋นจื่อ และเยวี่ยเหิงกำลังถูกเขาสำรวจทั้งหมด

ครู่ใหญ่หลินสวินถึงลืมตาขึ้น

ในความทรงจำของหมิงหยา เมื่อแรกไอวิญญาณฟื้นคืน ที่พระราชวังจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิ หรือก็คือบนเขายอดเทพในปัจจุบันก็มีสระน้ำรวมถึงถึงบัวเขียวในสระปรากฏขึ้นแล้ว

และภายในบัวเขียวนี้ก็มีแดนลับเกิดใหม่แห่งหนึ่ง!

ยามขุมอำนาจใหญ่ของดินแดนรกร้างโบราณบุกมา สมาชิกราชวงศ์แห่งจักรวรรดิต่างหายลับไปนานแล้ว ที่หายไปพร้อมกันยังมีตระกูลหลินแห่งภูเขาชำระจิตด้วย

กระทั่งแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณยึดครองสถานที่ที่เดิมเรียกว่า ‘เขายอดเทพ’ แห่งนี้ พวกคนระดับสูงของแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณอย่างหมิงหยาต่างสงสัย ว่าสมาชิกราชวงศ์กับคนตระกูลหลินแห่งภูเขาชำระจิตที่หายลับไป เป็นไปได้สูงยิ่งว่าจะเข้าไปในแดนลับเกิดใหม่ในบัวเขียวภายในสระน้ำนั้นก่อนแล้ว!

หลายสิบปีนี้หมิงหยานำเหล่าผู้แข็งแกร่งแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณเข้าไปสำรวจในโลกที่ถูกเรียกว่า ‘แดนลับบัวเขียว’ แห่งนี้หลายครั้ง

จากความทรงจำของหมิงหยา ภายในแดนลับบัวเขียวแห่งนี้ลึกลับและกว้างใหญ่ไพศาลหาใดเทียบ มีทางคล้าย ‘รูพรุน’ แน่นขนัดกระจายตัวอยู่ ราวกับรังผึ้งขนาดมหึมาแห่งหนึ่ง

เมื่อเข้าไปในรู ก็จะได้เข้าไปในโลกใบเล็กต่างกันไป

ความรู้สึกที่มอบให้ก็เหมือนแดนลับบัวเขียวแห่งนี้เป็นรังโลกขนาดมหึมาแห่งหนึ่ง ภายในแต่งแต้มด้วยแดนลับเล็กๆ แตกต่างกันไป

หลังการสำรวจหลายปี สถานที่ที่ผู้แข็งแกร่งแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณอย่างพวกหมิงหยาสำรวจได้ ยังไม่ถึงหนึ่งในสิบของแดนลับบัวเขียว!

และในระหว่างการสำรวจหลายปีนี้ พวกหมิงหยาก็ไม่ได้พบคนในราชวงศ์รวมถึงคนตระกูลหลินแห่งภูเขาชำระจิต

แต่ตามที่พวกเขาสันนิษฐาน เป็นไปได้สูงยิ่งที่เชื้อพระวงศ์กับคนตระกูลหลินแห่งภูเขาชำระจิตจะซ่อนตัวอยู่ในแดนลับสักแห่ง เพียงแต่ยังไม่ถูกพบก็เท่านั้น

ข้อมูลนี้ทำให้หลินสวินตื่นเต้น ตัวเขาก่อนหน้านี้ไม่มีเบาะแสใดๆ เรื่องการหายไปของคนตระกูลหลินสักนิด แต่ตอนนี้อย่างน้อยก็หาเบาะแสที่ชัดเจนพอจะไปสืบค้นต่อได้อย่างหนึ่งแล้ว!

ในขณะเดียวกันหลังจากสำรวจความทรงจำของเซี่ยซั่งซวี ซิวอวิ๋นจื่อและเยวี่ยเหิง ก็ทำให้หลินสวินได้ร่องรอยที่เกี่ยวข้องกับแดนลับเกิดใหม่และถ้ำสวรรค์แดนมงคลมากยิ่งขึ้น

นครต้องห้ามถูกมองเป็น ‘แดนศักดิ์สิทธิ์หมื่นมรรค’

สาเหตุก็เพราะแดนลับเกิดใหม่กับถ้ำสวรรค์แดนมงคลที่ปรากฏขึ้นในนครต้องห้ามเหนือล้ำกว่าที่อื่นในจักรวรรดิจื่อเย่า

แดนลับเกิดใหม่เหล่านี้มักเกิดขึ้นในถ้ำสวรรค์แดนมงคลอย่าง ‘เขายอดเทพ’ ‘เขาม่วงกระจ่าง’ ในตอนนี้

อย่างแดนลับบัวเขียวก็ปรากฏในสระที่อยู่ในเขายอดเทพ

สาเหตุที่สี่มหาจักรพรรดิอย่างพวกหมิงหยา เซี่ยซั่งซวีแจ้งมรรคบรรลุจักรพรรดิได้ในเวลาอันสั้นเช่นนี้ ก็เพราะได้รับวาสนามหามรรคแตกต่างกันไปยามสำรวจแดนลับเกิดใหม่ต่างๆ ทุกชิ้นล้วนเรียกได้ว่าหาได้ยากในโลก

เช่นหมิงหยา ตอนที่สำรวจแดนลับบัวเขียวก็บังเอิญเข้าไปในภูเขาเทพลูกหนึ่งที่แปลงจากระเบียบมหามรรค และเจอ ‘ผลมรรคต้นกำเนิด’ อันลึกลับชนิดหนึ่งจากในนั้น หลังจากหลอมมันก็บรรลุระดับจักรพรรดิในคราเดียว

หรืออย่างเซี่ยซั่งซวี ก็ค้นพบแม่น้ำสายหนึ่งที่แปลงมาจาก ‘ต้นกำเนิดมหามรรค’ เกรียงไกรไพศาล ยืดยาวดั่งมังกร หลังจากเซี่ยซั่งซวีหลอมแม่น้ำสายนี้ ในที่สุดก็ทำความปรารถนาที่จะบรรลุจักรพรรดิให้เป็นจริงได้

ประสบการณ์บรรลุจักรพรรดิของซิวอวิ๋นจื่อกับเยวี่ยเหิงก็เป็นทำนองนี้เช่นกัน

จากความทรงจำของมหาจักรพรรดิทั้งสี่ ทำให้หลินสวินได้ข้อสรุปหนึ่งเช่นกัน

หากกล่าวว่าโลกชั้นล่างเป็นแกนกลางของต้นกำเนิดหมื่นมรรค เช่นนั้นที่ตั้งของนครต้องห้ามก็คือใจกลางของแกนกลาง!

และต้นตอของไอวิญญาณที่ฟื้นคืน ก็อยู่ในแดนลับเกิดใหม่ต่างๆ ซึ่งกระจายอยู่ในนครต้องห้ามแห่งนี้!

พูดกลับกันก็คือ

พลังที่ไอวิญญาณฟื้นคืนปลดปล่อยออกมา แผ่ขยายไปทั่วโลกชั้นล่างโดยมีแดนลับเกิดใหม่ต่างๆ ในใต้หล้าเป็นช่องทาง จึงส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงอันน่าตื่นตะลึงไปทั้งโลก!

เมื่อสันนิษฐานเช่นนี้ก็หมายความว่า ยิ่งเข้าใกล้ต้นตอของไอวิญญาณฟื้นคืน วาสนามรรคที่จะได้รับก็ย่อมยิ่งใหญ่ขึ้นตามไปด้วย

อย่างพวกหมิงหยาสี่คนที่บรรลุจักรพรรดิก็เป็นเช่นนี้

พอเข้าใจเรื่องพวกนี้หลินสวินก็ไหวหวั่นในใจอย่างอดไม่ได้

คนบนโลกล้วนรู้ว่าโลกชั้นล่างไอวิญญาณฟื้นคืน ยุคทองที่ไม่เคยมีมาในอดีตหมื่นกาลมาเยือน แต่เกรงว่าบนโลกนี้คงมีคนไม่เท่าไรที่รู้ชัด ว่าต้นตอของไอวิญญาณฟื้นคืนนั้นมาจากที่ไหนกันแน่!

และหากหา ‘ต้นตอ’ นี้พบ ไม่เพียงหารากฐานที่ชักนำให้เกิดไอวิญญาณฟื้นคืนในโลกชั้นล่างเจอ

ไม่แน่ อาจจะยังหยั่งถึงนัยเร้นลับแก่นแท้ของ ‘ต้นกำเนิดหมื่นมรรค’ ได้อีกด้วย!

สิ่งที่ทำให้หลินสวินตะลึงเป็นพิเศษก็คือ

ในความทรงจำของสี่มหาจักรพรรดิอย่างพวกหมิงหยา ต่างมีประสบการณ์ที่คล้ายกันอย่างหนึ่ง นั่นก็คือเคยสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันตรายสุดขีดบางอย่างยามไปสำรวจแดนลับเกิดใหม่!

ก็เป็นเพราะเหตุนี้ ตอนสำรวจแดนลับบางส่วน พวกเขาต่างหลบบริเวณที่กลิ่นอายอันตรายกระจายอยู่เหล่านั้นไปตามจิตใต้สำนึก

ตามการสันนิษฐานของเขา เป็นไปได้สูงยิ่งที่สถานที่แกนกลางต้นกำเนิดหมื่นมรรคแห่งนี้จะมี ‘สิ่งมีชีวิตน่าหวาดกลัว’ ที่ไม่มีใครล่วงรู้ดำรงอยู่!

ที่น่าเสียดายก็คือ หลินสวินค้นความทรงจำของพวกหมิงหยาจนทั่วแล้วก็ยังไม่ทำให้หาเบาะแสที่เกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิตน่าหวาดกลัวเหล่านี้แต่อย่างใด

เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้พวกหมิงหยาไม่กล้าไปสำรวจหรือเฉียดใกล้สักนิด ดังนั้นจึงทำได้เพียงสันนิษฐานเท่านั้น

“อาหู เจ้าคางคก…”

ไม่นานนักหลินสวินก็เรียกให้พวกอาหูมาหา บอกสิ่งที่ตนสันนิษฐานออกมา “ข้าอยากจะพาพวกเจ้าไปสำรวจแดนลับบัวเขียวแห่งนั้นด้วยกัน ไม่แน่อาจจะหาวาสนาบรรลุจักรพรรดิให้พวกเจ้าได้ด้วย”

ได้ยินดังนี้พวกอาหูต่างใจเต้นรัว

ไม่ว่าจะเป็นอาหู เจ้าคางคก อาหลู่ หรือพวกเสี่ยวอิ๋น เสี่ยวเทียน เจ้านกดำ ต่างก็ติดอยู่ระดับกึ่งจักรพรรดิด่านสามบริบูรณ์มาหลายปี

สำหรับพวกเขาแล้ว การบรรลุจักรพรรดิขอแค่จุดเปลี่ยนเดียวเท่านั้นจริงๆ!

แต่จุดเปลี่ยนเช่นนี้หายากยิ่งนัก บางครั้งเสาะหาอย่างยากลำบากมาเป็นร้อยเป็นพันปีก็ไม่ได้สมใจปรารถนา

ได้ครอบครองโอกาสเช่นนี้ พวกเขาย่อมไม่อาจพลาด

“เช่นนั้นเขาชำระจิตแห่งนี้…”

อาหูกังวลอยู่บ้าง ถ้าพวกเขาเข้าไปในแดนลับบัวเขียวด้วยกัน ก็จะไม่มีใครดูแลภูเขาชำระจิต เกรงว่าจะเกิดคลื่นลมมากมาย

หลินสวินยิ้มน้อยๆ เอ่ยว่า “เรื่องนี้ไม่ต้องกังวล ให้ร่างแยกมหามรรคของข้าอยู่ที่นี่ก็สามารถต่อกรกับศัตรูใดๆ ได้แล้ว”

เขาเว้นช่วงไป ดวงตาดำลุ่มลึก เอ่ยว่า “ยิ่งไปกว่านั้น แม้นครต้องห้ามจะเพิ่งผ่านความโกลาหลครั้งใหญ่มา ดูเหมือนกำลังพลของขุมอำนาจดินแดนรกร้างโบราณเหล่านั้นถูกกำจัดไปหมด แต่พอเวลาผ่านไป ขุมอำนาจที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาต้องส่งกำลังคนออกจากดินแดนรกร้างโบราณมายังโลกนี้มากขึ้นแน่”

“แต่ถ้ามีร่างแยกมหามรรคของข้าอยู่ก็ไม่ต้องกังวลมากไปนัก”

ทุกคนได้ยินดังนี้ต่างก็พยักหน้า ผ่อนคลายลงไม่น้อย

กำลังพลที่ถูกหลินสวินเหยียบย่ำไปก่อนหน้านี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของขุมอำนาจดินแดนรกร้างโบราณเท่านั้น สำนักของพวกเขายังอยู่ที่ดินแดนรกร้างโบราณ

นี่ก็หมายความว่าภายหน้ายังต้องมีกำลังพลจากขุมอำนาจดินแดนรกร้างโบราณมากยิ่งขึ้นมายังโลกชั้นล่างแห่งนี้แน่

แต่ขอเพียงมีร่างแยกมหามรรคของหลินสวินควบคุมดูแล ต่อให้มีกำลังคนมากมาก็ไม่เป็นอันตรายใหญ่โตนัก

เวลาไม่คอยท่า ในวันนั้นหลินสวินก็พาพวกอาหูออกเคลื่อนไหว ส่วนร่างแยกของมหามรรคทั้งห้าของเขาก็ดูแลอยู่บนภูเขาชำระจิต

นครต้องห้ามยังปั่นป่วนครึกโครม ขุมอำนาจดินแดนรกร้างโบราณถูกกวาดล้างจนเกลี้ยง สำหรับผู้ฝึกปราณทุกคนแล้วก็เท่ากับ ‘ฟ้าเปลี่ยน’

อีกทั้งข่าวก็กระจายไปภายนอกอย่างรวดเร็วจนน่าตะลึงแล้ว เชื่อว่าอีกไม่นานทั้งโลกชั้นล่างจะถูกศึกสะท้านโลกครั้งนี้สั่นสะเทือน!

……

“เสี่ยวอู่ เจ้ามาเฝ้าที่นี่ ตอนที่ข้ายังไม่กลับมาห้ามใครเข้าใกล้ที่นี่ และไม่ว่าใครเดินออกมาจากแดนลับบัวเขียวแห่งนี้ก็ต้องจับไว้ให้ข้าก่อนเช่นกัน”

หน้าสระน้ำนั้นหลินสวินเอ่ยกำชับ

ใกล้กับสระน้ำถูกหลินสวินวางกระบวนผนึกไว้ก่อนแล้ว มีวิญญาณค่ายกลเสี่ยวอู่ควบคุม สามารถตั้งรับสถานการณ์ต่างๆ ได้แล้ว

“พี่ใหญ่วางใจเป็นพอ”

เสี่ยวอู่พยักหน้า เปี่ยมด้วยความเชื่อมั่นในตัวเอง

ฮูม!

เมื่อหลินสวินสะบัดแขนเสื้อ ลวดลายมรรคลึกลับมากมายอุบัติขึ้นบนใบบัวกลมเกลี้ยงสีเขียวเหมือนหยกนั้น ก่อโครงร่างเป็นประตูลึกลับบานหนึ่งกลางอากาศ

หลินสวินให้พวกอาหูเข้าไปในเจดีย์ไร้สิ้นสุดก่อนแล้ว เห็นดังนี้จึงเดินเข้าไปโดยไม่ลังเล

พอเงาร่างหายลับไปในประตูบานนั้น ประตูนั้นก็เปลี่ยนเป็นลวดลายมรรคใหม่ กลับไปอยู่บนใบบัวแต่ละใบนั้น

แดนลับบัวเขียว

ยอดเขาชันสูงราวหมื่นจั้งลูกหนึ่ง

วู้ม…

พร้อมกับคลื่นประหลาดระลอกหนึ่ง ประตูว่างเปล่าบานหนึ่งปรากฏขึ้นเหนือยอดเขา เงาร่างของหลินสวินเดินออกมา

ตรงยอดเขาก็มีสระแห่งหนึ่ง บัวเขียวต้นหนึ่งเช่นกัน

จากความทรงจำของหมิงหยา ที่นี่ก็คือที่ที่ ‘ทางออก’ เพื่อกลับสู่โลกภายนอกตั้งอยู่

หลินสวินเงยมองไปก็พบว่าเหนือเวิ้งฟ้ามีเมฆมงคลลอยเอื่อย แสงประกายหมื่นจั้ง ไอขุ่นมัวอันถาโถมซัดสาดปั่นป่วน

เพียงพริบตา หลินสวินก็สัมผัสได้ว่าระดับพลังที่ถูกกดข่มไว้ของตนคล้ายจะคลายตัวลงอยู่กลายๆ

‘ดูท่าแดนลับแห่งนี้ เพราะยิ่งอยู่ใกล้แกนกลางต้นกำเนิดหมื่นมรรค ทำให้รองรับพลังที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นได้…’

‘หากเป็นเช่นนี้จะหมายความว่ายามข้าเคลื่อนไหว หากพลังปราณที่ถูกกดข่มค่อยๆ ฟื้นคืนมาทีละนิด ก็หมายความว่ายิ่งเข้าใกล้แกนกลางต้นกำเนิดหมื่นมรรคหรือเปล่า’

หลินสวินครุ่นคิด

ไม่นานนักเงาร่างเขาก็หายไปจากยอดเขาแห่งนี้ ทะยานไปทางตะวันออกอย่างฉับไว

จากความทรงจำของหมิงหยา ทำให้หลินสวินรู้จักบริเวณนี้ของแดนลับบัวเขียวเป็นอย่างดี ระบุได้ทันทีว่าทาง ‘รูพรุน’ คล้ายรังผึ้งนั้นตั้งอยู่ห่างจากทางออกสามหมื่นลี้

สวบ!

ระหว่างทะยานไปจิตรับรู้ของหลินสวินก็แผ่ขยาย ไม่ทันไรก็สัมผัสได้ว่าในห้วงอากาศที่ทางทิศตะวันออกจากตรงนี้มีกลิ่นอายหลงเหลืออยู่มากมาย

‘ดูท่าผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณที่หายไปเหล่านั้นคงจะหลบในแดนลับบัวเขียวแห่งนี้จริงๆ…’

ตาดำหลินสวินลุ่มลึก คาดเดาออกมา

หนึ่งเค่อผ่านไป

จู่ๆ กลางฟ้าดินก็มีเสียงมหามรรคหนักทึบระลอกหนึ่งดังก้องฟ้าดิน

หลินสวินเงยมองไป ก็พบว่ากลางฟ้าดินที่อยู่ไกลลิบมีไอขุ่นมัวราวกับพายุคลั่ง หมุนวนอยู่กลางฟ้าดินช้าๆ ก่อตัวขึ้นเป็นวังวนมหึมากลบฟ้าบังตะวัน ปกคลุมฟ้าดินแถบนั้นไว้โดยสมบูรณ์

เมื่อมองดูโดยละเอียด กลางวังวนนั้นมีจุดแสงสะดุดตาเป็นจุดๆ สะท้อนอยู่ พริบไหวไม่หยุดคล้ายกับดวงดารา

และในสายตาหลินสวิน วังวนไอขุ่นมัวนั้นก็เหมือนกับรังผึ้งมหึมารังหนึ่ง จุดแสงเหล่านั้นก็คืออุโมงค์รูพรุนที่เชื่อมไปยังแดนลับต่างๆ!

สวบ!

เงาร่างหลินสวินพริบวาบ เมื่อเข้าไปใกล้ในใจก็สั่นไหวอย่างอดไม่ได้

วังวนขุ่นมัวนี้ใหญ่โตเกินไปแล้ว บังฟ้ากลบดิน ปลดปล่อยคลื่นมหามรรคอันคลุมเครือและลึกลับออกมา

คนอยู่เบื้องหน้ามัน เหมือนหยดน้ำในมหาสมุทร

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+