Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 2498 ชุดขาวขวางทาง

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 2498 ชุดขาวขวางทาง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2498 ชุดขาวขวางทาง

บันไดหินขั้นที่สาม

มีประสบการณ์สองครั้งก่อนแล้ว หลินสวินย่อมคุ้นเคย เปิดฉากโจมตีตั้งแต่พริบตาแรกทันที ไม่ล่าช้าแม้เพียงเสี้ยว

เร็วจนน่าเหลือเชื่อ

ทั้งแข็งแกร่งถึงขีดสุด ไม่เก็บงำแม้แต่น้อย พุ่งโจมตีเต็มกำลัง

มรรคนรกที่เขาครอบครองมีประโยชน์ต่อการสยบซากศพน่ากลัวพวกนี้ตามธรรมชาติ ทำให้ภัยคุกคามและการโจมตีที่เขาได้รับน้อยกว่าที่จินตนาการไว้มาก

ไม่นานเขาก็บุกไปถึงขั้นสี่ ขั้นห้า ขั้นหก…

ก้าวขึ้นไปทีละขั้น!

จากสายตาของเซี่ยงเสี่ยวหยวนและเยวี่ยตู๋ชิว

เห็นเพียงเงาร่างของหลินสวินดุจอสนีเจิดจรัสที่เฉียบคมหาใดเปรียบสายหนึ่ง ฉีกทึ้งห้วงอากาศ ทะลวงฝ่าวงล้อม บุกฝ่าหาทางรอดจากการปิดล้อมทั้งมวลอย่างแข็งกร้าว

ห้อทะยานผงาดง้ำ!

นี่ทำให้ทั้งสองอึ้งงันอย่างอดไม่ได้ เหมือนเห็นปาฏิหาริย์ครั้งหนึ่งเกิดขึ้นกับตา ส่วนเงาร่างของหลินสวินก็กลายเป็นแสงซึ่งเปล่งประกายที่สุดในปาฏิหาริย์ครั้งนี้อย่างไม่ต้องสงสัย

ทั้งสองคนยังหยุดหายใจเป็นครั้งคราว ด้วยสังเกตเห็นว่าอันตรายที่หลินสวินเผชิญร้ายแรงเกินไป น่ากลัวหาใดเปรียบ

แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ถึงตอนนั้น หลินสวินล้วนสลายภัยร้ายได้ทั้งสิ้น ใช้วิธีเหนือความคาดหมายทะลวงฝ่าวงล้อมแล้วจากไปอย่างปลอดภัย

ไม่รอให้ทั้งสองคนถอนใจโล่งอก หลินสวินที่ก้าวสู่บันไดหินขั้นสูงกว่าเจอการล้อมสังหารที่ร้ายแรงและน่ากลัวยิ่งขึ้น ทั้งสองตัวแข็งทื่อ ใจพลันกระตุกวูบ

ความรู้สึกนี้เหมือนมีลมมาจุกอก เปลี่ยนแปลงไปมาไม่อาจระบาย แค่มองก็ทำให้ทั้งสองรู้สึกว่ากำลังถูกทรมานอยู่บนภูเขาดาบทะเลเพลิง

ใช้คำว่าระทึกขวัญก็ไม่อาจบรรยายความรู้สึกนี้ได้อย่างชัดเจน

ขั้นที่สิบแปด

ขั้นที่ยี่สิบเก้า

ขั้นที่…

เงาร่างของหลินสวินก้าวสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ราวกับร่ายรำบนปลายดาบ มีเคราะห์เป็นตายมาเยือนได้ตลอดเวลา

หากหยุดชะงักแม้เพียงนิด ก็มีโอกาสพบจุดจบที่ไม่อาจย้อนคืนมาได้ตลอดกาล!

จิตใจของเซี่ยงเสี่ยวหยวนกับเยวี่ยตู๋ชิวล้วนไหวสั่นขึ้นมาเล็กน้อย ฝึกปราณมาถึงตอนนี้ พวกเขายังไม่เคยประหม่าเช่นนี้มาก่อน

ซ้ำยังเป็นการประหม่าแทนคนอื่นด้วย

ขณะเดียวกันทั้งสองคนก็สังเกตเห็นว่าบนบันไดหินที่หลินสวินก้าวผ่าน ซากศพน่ากลัวที่ฟื้นคืนชีวิตพวกนั้นทยอยจมสู่ความเงียบอีกครั้ง เหมือนตายไปอย่างสมบูรณ์

เซี่ยงเสี่ยวหยวนก้าวไปข้างหน้าเพื่อหยั่งเชิง แต่เพิ่งเข้าใกล้บันไดหินขั้นแรก บนนั้นก็แผ่กลิ่นอายน่าหวาดกลัวไร้ขอบเขตออกมา ซากศพน่ากลัวแต่ละตัวที่นอนขวางอยู่ตรงนั้นมีสัญญาณว่าจะฟื้นคืนชีพ!

นางหยุดเท้าแล้วถอยกลับมาทันที สายตาทอดมองไปหน้าคฤหาสน์ใหญ่ตรงจุดสิ้นสุดของบันไดหินเก้าสิบเก้าขั้นนั้น ตำราหยกขาวดุจหิมะเล่มนั้นส่งเสียงใสครวญ รอยสลักลับปริศนาไหลวน

“ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าตำราหยกนี้เหมือนมีจิตวิญญาณและสติปัญญาแล้ว” เซี่ยงเสี่ยวหยวนขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้

ตำราหยกนี้มหัศจรรย์เกินไปแล้ว ไม่เพียงดูดซับและหลอมพลังในตัววิญญาณร้ายได้

ในโบราณสถานสำนักเซียนยอดยุทธ์นี้ มันยังเหมือนนายเหนือหัวองค์หนึ่งด้วย ควบคุมซากศพน่ากลัวบนบันไดหินเก้าสิบเก้าขั้น ขวางผู้ที่กล้าบังอาจเข้าไปใกล้ทุกคน!

เยวี่ยตู๋ชิวสูดหายใจลึกพลางกล่าว “มีความเป็นไปได้แค่อย่างเดียว ก็คือในคฤหาสน์นั้นต้องซ่อนของชั้นยอดไว้แน่!”

ขณะพูดคุยเสียงการต่อสู้สะท้านฟ้าดังก้องขึ้น

ทั้งสองหน้าเปลี่ยนสีพร้อมกัน

เมื่อเงยหน้ามองไปก็เห็นหลินสวินทะยานถึงบันไดหินขั้นที่ห้าสิบสี่แล้ว ที่นี่เองที่เขาเจออุปสรรค

ซากศพน่ากลัวสิบกว่าตนฟื้นคืนชีพ พุ่งโจมตีเข้ามาพร้อมกัน ปลดปล่อยอานุภาพปกคลุมบันไดหินขั้นนั้นไว้อย่างสมบูรณ์!

เปรียบเทียบกับเหล่าซากศพน่ากลัวบนบันไดหินก่อนหน้านี้แล้ว เหล่าซากศพที่ล้อมโจมตีหลินสวินตอนนี้แข็งแกร่งกว่าอย่างเห็นได้ชัด

กลิ่นอายที่ทุกตนปลดปล่อยออกมา ล้วนไม่ด้อยไปกว่าระดับบรรพจารย์จักรพรรดิที่ยังมีลมหายใจอย่างเหวินเทาเลวี่ยกับเหิงสิงโจว แข็งแกร่งจนน่าเหลือเชื่อ

หรือพูดได้ว่า ตอนนี้หลินสวินเหมือนเผชิญการสังหารจากบรรพจารย์จักรพรรดิสิบกว่าคนพร้อมกัน!

นี่น่ากลัวเกินไปแล้ว!

แค่มองดูก็ทำให้พวกเซี่ยงเสี่ยวหยวนขนพองสยองเกล้า นัยน์ตาเผยแววตระหนกและกังวลอย่างไม่อาจระงับ

หลินสวินในตอนนี้ไม่มีทางฝ่าการล้อมโจมตีของบรรพจารย์จักรพรรดิสิบกว่าคนด้วยตัวคนเดียวได้แน่

แต่ตอนนี้สถานการณ์ไม่ธรรมดา

อันดับแรก แม้ว่าซากศพพวกนี้จะน่ากลัวจนทัดเทียมบรรพจารย์จักรพรรดิ แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่บรรพจารย์จักรพรรดิ ทั้งไม่มีสติปัญญา รู้จักแต่การพุ่งโจมตีอย่างเดียว

อันดับต่อมา มรรคนรกที่หลินสวินครอบครองเป็นพลังข่มซากศพน่ากลัวพวกนี้โดยธรรมชาติ ทำให้ภัยคุกคามที่เขาได้รับไม่ร้ายแรงเหมือนอย่างที่พวกเซี่ยงเสี่ยวหยวนคิดไว้

แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น ตัวคนเดียวเผชิญหน้ากับซากศพสิบกว่าตนที่มีพลังทำลายล้างไม่ด้อยไปกว่าบรรพจารย์จักรพรรดิ ก็ทำให้แรงกดดันของหลินสวินเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว

เขาปล่อยกายมรรคไม้เขียวออกมาแทบจะในทันที ทั้งยังสำแดงมรรคนรกเหมือนร่างต้นด้วย คอยเสริมทัพช่วยร่างต้นพุ่งโจมตี

ตูม!

ในการห้ำหั่นดุเดือดราวกับฟ้าถล่มดินทลาย หลินสวินพลันฝ่าวงล้อมออกไปเหมือนเสือติดปีก พุ่งขึ้นไปบนบันไดที่สูงกว่า

เหตุการณ์นั้นทำให้เซี่ยงเสี่ยวหยวนกับเยวี่ยตู๋ชิวตาลายไปพักหนึ่ง

ร่างแยก?

ทำเช่นนี้ได้ด้วยหรือ

“ร่างแยกมหามรรคเช่นนี้ ล้วนมีอานุภาพไม่ด้อยไปกว่าร่างต้นแล้ว นี่คือมรดกมหามรรคอะไร” เยวี่ยตู๋ชิวสั่นสะท้าน

วิชาร่างแยกมหามรรค แต่ละมิติจักรวาลล้วนมีการสืบทอด แต่ละวิชาล้วนมีความอัศจรรย์ของตน

บ้างถึงขั้นวิวัฒน์เป็นร่างแยกนับหมื่นพัน ลึกลับชวนประหวั่น

แต่แกนพลังของร่างแยกพวกนี้มาจากร่างต้น ล้วนด้อยกว่าร่างต้นโดยไม่มีวิชาใดเป็นข้อยกเว้น เวลาต่อสู้เข่นฆ่าจะไม่มีสติปัญญา ทั้งไม่มีมรรควิถีอย่างแท้จริง ย่อมแข็งแกร่งสู้ร่างต้นไม่ได้

ทว่าร่างแยกมหามรรคของหลินสวินมีมรรควิถีและพรสวรรค์เป็นของตน แข็งแกร่งจนคาดไม่ถึง!

“เท่าที่ข้ารู้ ในโลกยอดนิรันดร์มีมรดกอย่างหนึ่งที่ได้อันดับเก้าในเก้าน่านฟ้าใหญ่ สามารถขัดเกลาร่างแยกมหามรรคเช่นนี้ออกมาได้”

เซี่ยงเสี่ยวหยวนเอ่ย “มรดกนั้นนามว่า ‘กายสี่ลักษณ์เก้าวิญญาณ’ เป็นมรดกชั้นสูงของ ‘ตระกูลฝู’ หนึ่งในสิบยักษ์ใหญ่อมตะแห่งน่านฟ้าที่แปด เมื่อเคี่ยวกรำถึงขีดสุดจะมีร่างแยกมหามรรคที่ต่างกันถึงสี่ร่าง ร่างแยกแต่ละร่างล้วนครอบครองพลังพรสวรรค์ชวนประหวั่นบางอย่าง ยามต่อสู้โรมรันสามารถระเบิดอานุภาพที่คาดไม่ถึงออกมาได้”

กายสี่ลักษณ์เก้าวิญญาณ!

มรดกชั้นสูงของตระกูลฝู หนึ่งในสิบยักษ์ใหญ่อมตะแห่งน่านฟ้าที่แปด!

เยวี่ยตู๋ชิวใจกระตุกวูบ กล่าวว่า “เจ้าคงไม่ได้สงสัยว่าเจ้าหมอนี่เกี่ยวข้องกับหนึ่งในยักษ์ใหญ่อมตะอย่างตระกูลฝูกระมัง”

เซี่ยงเสี่ยวหยวนยิ้มน้อยๆ “หากเขาเกี่ยวข้องกับตระกูลฝู เผ่าจักรพรรดิอมตะอย่างตระกูลเหิง ตระกูลเหวิน ตระกูลลั่ว มีหรือจะกล้าจัดการเขา”

ตระกูลฝู!

นั่นคือตระกูลที่เรียกได้ว่าเป็นขุมอำนาจยักษ์ใหญ่ในโลกยอดนิรันดร์!

ยามทั้งสองคนพูดคุยกัน เงาร่างของหลินสวินกำลังพุ่งไปบนบันไดหินเบื้องหน้าอย่างต่อเนื่อง อันตรายที่พบเจอก็น่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ

กระทั่งมาถึงบันไดหินขั้นที่หกสิบ ต่อให้มีกายมรรคไม้เขียวคอยให้หนุน แรงกดดันของหลินสวินก็ยังเพิ่มขึ้นเท่าตัว

คู่ต่อสู้มีแค่เก้าตน

แต่ทุกตนล้วนแข็งแกร่งถึงขีดสุด เรียกได้ว่าวิปริต หากมีสติปัญญาและเป็นสิ่งมีชีวิตอย่างแท้จริงย่อมน่ากลัวกว่านี้แน่

หลินสวินเรียกกายมรรคเพลิงแดงออกมาโดยไม่ลังเล

เมื่อบุกจู่โจมเช่นนี้ไปถึงบันไดหินขั้นที่เจ็ดสิบสาม หลินสวินก็จำต้องเรียกกายมรรควารีดำออกมา

กระทั่งไปถึงขั้นที่แปดสิบเอ็ด กายมรรคดินเหลืองก็ออกศึก

เหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ในสายตาของเซี่ยงเสี่ยวหยวนกับเยวี่ยตู๋ชิวทั้งสิ้น

ทั้งสองสบตากันวูบหนึ่ง ล้วนมองเห็นความตกตะลึงในดวงตาของอีกฝ่าย อดไม่ได้ที่จะเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา…

ตอนอยู่ในเมืองยอดยุทธ์นั้น แค่ร่างต้นของหลินสวินก็สู้กับบรรพจารย์จักรพรรดิอย่างเหวินเทาเลวี่ยได้ หากร่างแยกของเขาลงมือพร้อมกัน…

ไม่ใช่ว่าแม้แต่เหวินเทาเลวี่ยก็จะถูกสยบสิ้นหรือ!?

ทั้งสองนึกถึงตรงนี้แล้วสูดหายใจสะท้านอย่างอดไม่ได้

พวกเขาเพิ่งตระหนักได้ตอนนี้ ว่าต่อให้รู้ว่าพลังต่อสู้ของหลินสวินเย้ยฟ้าหาใดเปรียบมานานแล้ว

แต่ก็มีแค่ตอนนี้ หลังจากได้เห็นพลังต่อสู้ที่ปลดปล่อยเต็มกำลังนั้นของหลินสวิน พวกเขาถึงรับรู้ว่าก่อนหน้านี้ก็ยังประเมินอีกฝ่ายต่ำไป!

ไม่นานทั้งสองต่างไม่กล้าคิดเรื่อยเปื่อยอีก สลัดความคิดฟุ้งซ่าน สายตาถูกเงาร่างของหลินสวินบนบันไดหินนั้นดึงดูด

จิตใจก็ตึงเครียดอย่างที่สุด

ด้วยตอนนี้หลินสวินปลดปล่อยกายมรรคทั้งห้าออกมาหมดแล้ว มาถึงบันไดหินขั้นที่เก้าสิบสาม!

ตูม!

ที่นั่นฟ้ามืดดินหม่น พลังดุดันไร้ขอบเขตกลายเป็นภาพโลกมลายนานัปการ แค่ทอดมองก็พาให้คนสิ้นหวังและพังทลาย

ความจริงแล้วตอนนี้หลินสวินก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันอย่างมาก ได้รับบาดเจ็บทั้งตัว เสื้อผ้าขาดวิ่น หน้าเผือดสีเล็กน้อย

ตั้งแต่บันไดหินขั้นแรกจนถึงตอนนี้ เขาแทบจะบุกตะลุยในคราเดียว ไม่หยุดพักแม้แต่น้อย ปลดปล่อยพลังอย่างสุดกำลังตลอดทาง กระทั่งบุกมาถึงตรงนี้ได้ในที่สุด

ตลอดทางนี้อันตรายที่พบเจอไม่รู้มีมากเท่าไหร่ หากไม่ระวังเพียงนิดย่อมถูกลิขิตให้พบจุดจบที่ร่างแหลกกระดูกป่น กายสิ้นมรรคสลายแน่

เวลานี้คู่ต่อสู้ของเขามีแค่เจ็ดคน

หากพูดถึงพลังต่อสู้ ทั้งเจ็ดคนล้วนแข็งแกร่งกว่าบรรพจารย์จักรพรรดิอย่างเหิงเทียนซั่วกับเหวินเทาเลวี่ยอยู่ช่วงใหญ่!

หลินสวินแคลงใจเป็นอย่างยิ่ง ยามมีชีวิตซากศพน่ากลัวทั้งเจ็ดนี้ มีโอกาสสูงว่าจะเป็นยอดผู้แข็งแกร่งที่เหนือกว่าระดับบรรพจารย์ บรรลุถึงระดับอมตะแล้ว

แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!

ต่อให้พลังของมรรคนรกจะข่มเหล่าภูตผีพวกนี้ได้โดยธรรมชาติ แต่ยามต่อสู้ก็ยังสร้างภัยคุกคามอย่างหนักให้กับหลินสวินเหมือนเดิม ได้รับบาดเจ็บอย่างต่อเนื่อง เลือดสีสดสาดกระจาย

“ฆ่า!”

แววตาหลินสวินนิ่งสงบ ไม่สนใจอาการบาดเจ็บพวกนั้นโดยสิ้นเชิง ความจริงคือไม่อาจไปสนใจเรื่องพวกนี้ได้แล้ว ระยะห่างจากคฤหาสน์หยกขาวนั่นเหลือเพียงบันไดหินหกขั้น เขามีหรือจะยอมแพ้ตอนนี้

เวลานี้เขาเหมือนคลุ้มคลั่ง ปลดปล่อยพลังเต็มที่ บุกจู่โจมอย่างต่อเนื่อง ให้ร่างแยกทั้งห้าแบกรับภัยคุกคามถึงชีวิตบางส่วน ถึงได้ฝ่าวงล้อมและก้าวสู่บันไดหินขั้นเก้าสิบสี่ได้ในที่สุด!

คู่ต่อสู้ของที่นี่คือหกคน!

เสื้อผ้าของหลินสวินเปื้อนเลือด สีหน้าซีดเผือดแล้ว แต่การเคลื่อนไหวกลับไม่ได้ช้าลงแม้เพียงนิด เพิ่งก้าวขึ้นบันไดก็โจมตีเต็มกำลัง

สุดท้ายแม้จะฝ่าวงล้อมออกไปถึงขั้นที่เก้าสิบห้า แต่กายมรรคไม้เขียวก็ได้รับบาดเจ็บหนักเกินไป แตกสลายกลายเป็นแสงมรรคสีเขียวแล้วถูกหลินสวินเก็บไป

ปึง!

เมื่อหลินสวินใช้พลังทั้งหมดบุกทะลวงถึงขั้นที่เก้าสิบหก กายมรรคดินเหลืองก็ถูกโจมตีจนแหลกสลายตามไป

หลินสวินไม่อาจมาปวดใจแล้ว เก็บพลังต้นกำเนิดของกายมรรคดินเหลืองลงไปแล้วบุกต่ออีกครั้ง

ขั้นที่เก้าสิบเจ็ด

กายมรรควารีดำก็ถูกซัดพินาศ กลายเป็นละอองแสงสีดำโถมเข้าไปในร่างหลินสวิน

ขั้นที่เก้าสิบแปด

กายมรรคทองขาวกับกายมรรคเพลิงแดงที่เหลืออยู่ถูกตีพ่ายยับเยินพร้อมกัน

เมื่อหลินสวินมาถึงขั้นที่เก้าสิบเก้า ร่างแยกมหามรรคทั้งห้าล้วนแตกซ่าน แม้แต่ร่างต้นยังได้รับบาดเจ็บสาหัส ผิวหนังเกิดรอยแยกเหมือนเครื่องกระเบื้องเคลือบแตกร้าว เลือดสีสดหลั่งชโลมทั้งตัว

ใบหน้าหล่อเหลานั้นล้วนซีดเผือดเหมือนโปร่งแสง!

เวลานี้เขาอยู่ห่างจากคฤหาสน์หยกขาวนั้นแค่ก้าวเดียว

แต่ก่อนจะก้าวไปกลับมีซากศพน่ากลัวร่างหนึ่งขวางอยู่

นี่คือชายชุดขาวคนหนึ่ง ผมดำดุจสีหมึก เงาร่างโดดเด่นดั่งเซียน ทั่วร่างสมบูรณ์ไร้ความเสียหาย ราวกับมาจากยุคก่อน

ส่วนกลิ่นอายของเขาก็น่ากลัวถึงขั้นไม่อาจคาดเดาได้!

………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด