Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 2663 วางแผน

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 2663 วางแผน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2663 วางแผน

ในสนามรบ

หลินสวินมองเหล่าบรรพจารย์จักรพรรดิที่อยู่ไกลๆ เหล่านั้นปราดหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “ท่านลู่ ข้าขอตัวไปก่อน”

ขณะพูดเขาก็ผินหน้าจากไป ไม่แม้แต่ลังเล

ลู่ป๋อหยา ลั่วซิวและลั่วยงสบตากัน ต่างยิ้มขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

เห็นชัดว่าหลินสวินไม่เห็นบรรพจารย์จักรพรรดิเหล่านั้นในสายตาสักนิด แต่ที่สำคัญคือ… พวกเขาระดับอมตะจะไปสนใจบรรพจารย์จักรพรรดิเหล่านี้ได้อย่างไร

บัดนี้บรรพจารย์จักรพรรดิตระกูลเหยาและตระกูลหลิงมากกว่าร้อยคนเหล่านั้นต่างงุนงงไปหมดแล้ว

โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอนก็เป็นเช่นนี้

ครู่ก่อนพวกเขายังตั้งตารอให้พวกเหยาเทียนหานเอาชนะได้โดยเบ็ดเสร็จ นำพวกเขาเหยียบย่ำตระกูลลั่ว แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นลูกแกะรอถูกเชือดแล้ว!

บรรพจารย์จักรพรรดิแล้วอย่างไร

ในสายตาระดับอมตะก็ไม่ต่างอะไรกับลูกแกะจริงๆ…

“เหล่าลู่ เจ้าว่าจะจัดการอย่างไรดี” ลั่วซิวลูบคางพลางเอ่ยถาม

ลู่ป๋อหยายังไม่ทันเอ่ยปาก ลั่วยงก็พูดด้วยไอสังหารพลุ่งพล่านว่า “เมื่อครู่พวกเขาไม่ได้คุยโวว่าจะเหยียบเขาเทพหลังมังกรให้ราบ หมายจะถอนรากถอนโคนตระกูลลั่วของพวกเราหรือ เช่นนั้นตอนนี้ก็ถอนรากถอนโคนพวกเขาให้สิ้นซากเสียเลย!”

บรรพจารย์จักรพรรดิตระกูลเหยาและตระกูลหลิงเหล่านั้นต่างตัวสั่นงันงก หน้าเปลี่ยนสียกใหญ่

“ผู้อาวุโส พวกเราเป็นเพียงผู้ติดตาม ไม่ใช่คนของสองตระกูลนี้ ทุกอย่างล้วนทำไปตามคำสั่ง ยังขอให้ไว้ชีวิตพวกเราด้วย” มีคนเอ่ยเสียงสั่นเครือ

ที่ตามมาติดๆ คือบรรพจารย์จักรพรรดิหลายคนก็เริ่มเอ่ยอ้อนวอน

ความจริงแล้วพวกเขาก็ไม่ได้โป้ปด แม้มีจำนวนเป็นร้อย แต่ละคนต่างเป็นระดับบรรพจารย์ แต่ส่วนมากเป็นผู้ติดตามอาวุโสที่รับใช้ตระกูลเหยาและหลิง

“อยากรอดหรือ ก็ได้ พวกเจ้าฆ่าคนตระกูลเหยากับตระกูลหลิงตัวจริงที่อยู่ข้างกายพวกเจ้าเหล่านั้น แล้วข้าจะให้โอกาสพวกเจ้าสักครั้ง”

ลู่ป๋อหยาเอ่ยเสียงเรียบ

ทันใดนั้นบรรพจารย์จักรพรรดิเหล่านั้นต่างร้อนรนขึ้นมา สายตาหลายคู่มองไปยังบรรพจารย์จักรพรรดิตระกูลเหยากับตระกูลหลิง ไอสังหารผุดขึ้นในดวงตา

“พวกเจ้าจะทำอะไร ถ้าไม่มีพวกเราตระกูลเหยาจะมีพวกเจ้าในวันนี้ได้อย่างไร”

“ทาสอย่างพวกเจ้ารักตัวกลัวตาย ทรยศตระกูลข้า ช่างสมควรแล่เป็นพันชิ้น!”

คนตระกูลเหยาและหลิงต่างกระวนกระวายแล้ว ร้องตระหนกไม่หยุด

“นี่มันเวลาไหนกันแล้ว ยังมองพวกเราเป็นทาส รนหาที่ตาย!”

บรรพจารย์จักรพรรดิคนหนึ่งคำรามลั่น “พี่น้องเอ๋ย ใครไม่อยากตายก็ไปฆ่าเจ้าพวกนี้ด้วยกันกับข้า!”

“ฆ่า!”

“ฆ่า!”

ทันใดนั้นการต่อสู้ครั้งหนึ่งปะทุขึ้น สถานการณ์ก็เปลี่ยนเป็นโกลาหลขึ้นมา

เพื่อเอาชีวิตรอด พวกผู้ติดตามของตระกูลเหยากับหลิงเหล่านั้นต่างเด็ดขาด ร่วมกันลงมือเข่นฆ่าจนคนตระกูลเหยาและตระกูลหลิงที่เดิมทีก็มีน้อยนิดเหล่านั้นคำรามกราดเกรี้ยวไม่ว่างเว้น ไม่นานนักก็สิ้นชีพไปคนแล้วคนเล่า

มีคนลองอาศัยช่วงชุลมุนหนีเอาชีวิตรอด แต่กลับถูกพวกลั่วซิวลงมือสังหารคาที่ทันที

การต่อสู้ดุเดือดนัก เสียงร้องโหยหวนสะท้านฟ้า เลือดสดๆ สาดกระเซ็น เกิดเป็นภาพดุจนรก

เพียงครู่เดียวเท่านั้นการต่อสู้ก็จบลง ระดับบรรพจารย์จักรพรรดิตระกูลเหยาและตระกูลหลิงเกือบยี่สิบคนถูกสังหารสิ้น

ส่วนผู้ติดตามเหล่านั้นก็บาดเจ็บล้มตายไปหลายคน

เพียงแต่ไม่ว่าลั่วซิว ลั่วยงหรือลู่ป๋อหยา ล้วนไม่สนใจเรื่องพวกนี้สักนิด

“ผู้อาวุโส ขอท่านไว้ชีวิตพวกเราด้วย!”

คนผู้หนึ่งโค้งตัวคารวะ ก้มหัวเอ่ย

คนอื่นก็พากันโค้งตัวอ้อนวอน

“โทษตายเลี่ยงได้ โทษเป็นยากหนีพ้น ข้าให้พวกเจ้ารอดต่อไปก็ได้ แต่ตั้งแต่วันนี้ไปจะต้องรับใช้ตระกูลลั่วของข้า ถ้ามีความคิดเป็นอื่นแม้แต่นิดเดียวย่อมต้องถูกทำลาย พวกเจ้าก็คิดให้ดีแล้วกัน”

ลู่ป๋อหยาเอ่ยเสียงเรียบ

ด้วยความสามารถของเขา ย่อมมีวิธีควบคุมระดับบรรพจารย์เหล่านี้

ผู้แข็งแกร่งระดับบรรพจารย์จักรพรรดิเหล่านั้นสีหน้าบิดเบี้ยวไม่ว่างเว้น แต่ไม่นานนักต่างก็รับปาก

เดิมทีสมัยพวกเขาอยู่ตระกูลหลิงและตระกูลเหยาก็เป็นเพียงผู้ติดตาม ตอนนี้ก็แค่เปลี่ยนผู้ที่ต้องรับใช้ใหม่เท่านั้น

ขอแค่มีชีวิตรอดได้ก็พอแล้ว

เรื่องนี้ดูเหมือนเป็นการทรยศ แต่สำหรับพวกเขาแล้วไม่ได้สลักสำคัญอะไรสักนิด

ในโลกยอดนิรันดร์ ต่อให้พลังปราณแข็งแกร่งแค่ไหน ถ้าไม่มีชาติกำเนิดที่ดี ไม่มีภูมิหลังที่แข็งแกร่ง ก็ย่อมเป็นได้เพียงบริวารที่ผูกติดกับเผ่าจักรพรรดิอมตะเหล่านั้น

มิเช่นนั้นจะไม่มีโอกาสเข้ามาฝึกปราณในน่านฟ้าที่หกแห่งนี้สักนิด!

อย่างที่น่านฟ้าที่หนึ่ง เนี่ยชิ่งหรงและเหลิ่งชิงเสวี่ยก็เป็นผู้มีพลังปราณระดับบรรพจารย์จักรพรรดิ แต่ถ้าไม่ได้พบหลินสวิน เกรงว่าชาตินี้คงไม่มีทางออกจากน่านฟ้าที่หนึ่งได้

และสำหรับบรรพจารย์จักรพรรดิที่เคยรับใช้ตระกูลเหยาและตระกูลหลิงเหล่านี้ ก็เป็นเพียงบริวารเช่นกัน จึงไม่อาจเอ่ยถึงความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งอะไรได้

เพราะพวกเขารู้ดีกว่าใครว่าในสายตาของเผ่าจักรพรรดิอมตะ แม้ปากบอกว่าพวกเขาเป็นผู้ติดตามอาวุโส แต่ความจริงแล้วก็ไม่ได้ต่างอะไรกับคนใช้

……

การต่อสู้ครั้งนี้ พวกหลินสวิน ลู่ป๋อหยา ลั่วซิวและลั่วยงออกศึก สังหารระดับอมตะขั้นดับเทพอย่างเหยาเทียนหาน ปลิดชีพขั้นอายุขัยเทียมฟ้าอย่างเหยาชิงลู่ หลิงฉิงอู๋และหลิงเสวี่ยเฮิ่น!

นอกจากนี้บรรพจารย์จักรพรรดิของตระกูลเหยาและหลิงสิบเก้าคนก็ถูกฆ่า บรรพจารย์จักรพรรดิเจ็ดสิบสองคนที่เหลือสวามิภักดิ์กับตระกูลลั่วทั้งสิ้น!

ผลการต่อสู้เช่นนี้เรียกได้ว่าชนะเบ็ดเสร็จ!

ทั้งตระกูลลั่วอื้ออึงเซ็งแซ่เพราะเรื่องนี้

และในศึกนี้ คนที่ถูกจับตามองที่สุดก็คือหลินสวินอย่างไม่ต้องสงสัย

เขาออกโจมตีด้วยเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง บดขยี้พลังระเบียบที่พวกเหยาเทียนหานครอบครอง สร้างโอกาสให้พวกลู่ป๋อหยา ทำให้พวกเหยาเทียนหานบาดเจ็บสาหัสได้ในการโจมตีเดียว!

เป็นเขาเช่นกันที่สำแดงอภินิหารหยุดเวลาในท้ายที่สุด จึงทำให้เหยาเทียนหานสิ้นชีพตรงนั้น!

ไม่ว่าใครก็รู้ว่าถ้าไม่มีหลินสวิน คิดจะชนะศึกนี้ย่อมเป็นเรื่องยาก

และคิดจะชนะอย่างงดงามยิ่งแทบเป็นไปไม่ได้!

แล้วก็ตอนนี้เอง ผู้อาวุโสในตระกูลลั่วเหล่านั้นจึงตระหนักได้ว่าทำไมตอนแรกลั่วเซียวถึงสุขุมเยือกเย็นได้ปานนั้น

มีหลินสวินอยู่ ก็สามารถพลิกจักรวาลได้แล้ว!

“ท่านอาก็เหมือนเป็นเทพจริงๆ!” บัดนี้คนเฉยชาอย่างลั่วเสวียนฝูยังตื่นเต้นจนดวงตาทั้งสองเปล่งประกาย

“ถ้าท่านอาอยู่ตระกูลลั่วของพวกเราไปตลอด เช่นนั้นจะดีขนาดไหนกัน…”

ลั่วเสวียนเจินก็ทอดถอนใจอย่างอดไม่ได้

ขณะที่ทั้งตระกูลลั่วต่างอื้ออึงและโห่ร้องยินดี หลินสวินก็กลับยอดเขาต้นกกมาก่อนแล้ว

เขานั่งขัดสมาธิฟื้นพลังกายที่เสียไปใต้ต้นหลิวโบราณ

ศึกนี้เดิมทีก็อยู่ในแผนของเขากับท่านลู่ ไม่ได้มีเหตุไม่คาดฝันอะไร ได้รับชัยชนะมาก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลอยู่แล้ว

ไม่นานนักลู่ป๋อหยาก็มา

“เจ้าดูเหมือนไม่ตื่นเต้นสักนิด” ลู่ป๋อหยายิ้มถาม

“นี่เป็นแค่ศึกแรก ต่างเสียระดับอมตะไปสองคน เชื่อว่าตระกูลเหยากับตระกูลหลิงจะไม่กล้าบุกมาง่ายๆ อีกแล้ว แต่ข้ากล้ามั่นใจว่าเผ่าจักรพรรดิอมตะอย่างตระกูลเหิง ตระกูลหง ตระกูลเหวิน ตระกูลจู้ ตระกูลเฮ่อจะต้องไม่ตกใจกับศึกนี้”

หลินสวินยิ้มเอ่ย “มิหนำซ้ำเมื่อมีตัวอย่างจากตระกูลเหยากับตระกูลหลิงแล้ว ถ้าพวกเขามา จะต้องรวมกำลังพลที่น่ากลัวยิ่งขึ้น ในสถานการณ์เช่นนี้ข้าจะมีแก่ใจตื่นเต้นอะไรได้”

“เจ้าพูดถูก”

ลู่ป๋อหยาเอ่ย “แต่กลับมองข้ามไปจุดหนึ่ง คราวนี้ตระกูลเหยากับตระกูลหลิงเท่ากับแพ้ราบคาบทั้งกองทัพ ทุกคนอาจจะรู้ผลลัพธ์ของการต่อสู้แล้ว แต่รายละเอียดของศึกนี้กลับไม่ใช่สิ่งที่ศัตรูพวกนั้นคาดเดาได้”

หลินสวินพยักหน้า เห็นด้วยกับคำพูดนี้

การมีอยู่ของเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งเป็นอาวุธสังหารชิ้นโตของพลังระเบียบ

และสำหรับเผ่าจักรพรรดิอมตะแล้ว พวกเขามักจะมองพลังระเบียบที่อาศัยหยิบยืมพลังมาเป็นไพ่ตาย

ในสถานการณ์เช่นนี้ หากมีเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งอยู่ ก็เพียงพอจะเล่นงานพวกเขาโดยไม่ทันตั้งตัวได้

เช่นเดียวกัน พลังต้องห้ามอย่างอภินิหารหยุดเวลาก็มีประโยชน์ยิ่งในการต่อสู้!

เพียงอาศัยสองสิ่งนี้ก็สลายเคราะห์สังหารมากมายได้

แต่หลินสวินคิดมากขึ้นไปอีกขั้น เขาเอ่ยเสียงเยือกเย็นว่า “ได้รับชัยชนะคราวนี้ หนึ่งเป็นเพราะเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งเล่นงานอีกฝ่ายโดยไม่ทันตั้งตัวจนได้รับบาดเจ็บสาหัส และด้วยสถานการณ์ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงส่งผลให้อภินิหารหยุดเวลามีประโยชน์คุกคามถึงชีวิตได้”

“แต่คราวหน้าคนที่จะเคลื่อนไหวก็คือขั้นดับเทพหลายคน เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งอาจต้านพลังระเบียบที่พวกเขาครอบครองได้ แต่แค่อาศัยพลังต่อสู้ในขั้นนั้นของพวกเขา พวกเราก็ไม่อาจต้านทานได้แล้ว”

“ส่วนอภินิหารหยุดเวลา ถ้าเล่นทีเผลออาจจะฆ่าอีกฝ่ายโดยไม่ทันตั้งตัวได้ แต่คิดจะสังหารอีกฝ่ายอย่างในคราวนี้อีกก็ยากมากแล้ว”

พอฟังจบลู่ป๋อหยาก็เอ่ยอย่างยินดีว่า “ไม่เลวๆ เช่นนั้นเจ้าคิดว่าพวกเราควรทำอย่างไรต่อไป”

หลินสวินเอ่ยโดยไม่ต้องคิดว่า “เรื่องสำคัญตอนนี้ ยังคงเป็นการรบกวนให้ท่านลู่รีบหลอมระเบียบคำสาปนั้น ขอเพียงสามารถครอบครองพลังระเบียบ ก็จะอยู่ในสถานะไร้พ่ายในน่านฟ้าที่หกนี้ได้ ถึงตอนนั้นต่อให้มีศัตรูมากมายแค่ไหนก็ไม่ต่างอะไรจากการมารนหาที่ตาย”

ลู่ป๋อหยาพูดเสียงขรึม “ต่อให้ข้าทุ่มพลังทั้งหมด อย่างน้อยที่สุดก็ต้องใช้เวลาครึ่งปี”

พลังระเบียบระดับสวรรค์หลอมยากที่สุด แตกต่างจากระเบียบระดับปฐพีที่สามารถหลอมได้ในเวลาสั้นๆ

หรือพูดได้ว่าพลังระเบียบระดับยิ่งสูงก็ยิ่งหลอมยาก นี่เป็นเรื่องที่เผ่าจักรพรรดิอมตะทุกตระกูลในโลกยอดนิรันดร์ล่วงรู้โดยทั่วกัน

“ดังนั้นพวกเราต้องยันให้ผ่านครึ่งปีนี้ไปให้ได้”

หลินสวินเอ่ยเสียงขรึม

“ครึ่งปี… ต้องลำบากมากแน่ แต่ขอเพียงทนได้ ตระกูลลั่วในภายหน้าจะต้องผงาดขึ้นได้อีกครั้ง!” ลู่ป๋อหยาเอ่ยเสียงขรึม

ถึงตอนนั้นเมื่อมีระเบียบคำสาประดับสวรรค์ ทั้งน่านฟ้าที่หกใครจะยังเป็นศัตรูได้อีก

……

ในช่วงเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่วัน ข่าวผู้แข็งแกร่งตระกูลเหยาและหลิงที่นำโดยเหยาเทียนหานและหลิงฉิงอู๋พินาศทั้งกองทัพที่หน้าเขาเทพหลังมังกรก็กระจายไปทั้งแคว้นเทพวารีนภา ซัดคลื่นสะท้านฟ้าขึ้นในบัดดล

“ตระกูลลั่วตกต่ำถึงขั้นนั้น ถึงกับยังได้รับชัยชนะในศึกแรกนี้หรือ”

คนไม่รู้เท่าไรตกตะลึงอ้าปากค้าง รู้สึกทึ่งไม่หยุด

“ผู้แข็งแกร่งขั้นดับเทพอย่างเหยาเทียนหานยังตายหรือ หรือตระกูลลั่วยังมีกำลังพลน่ากลัวที่พวกเราไม่รู้ซุกซ่อนอยู่”

หลายคนสันนิษฐาน

ข่าวนี้น่าตระหนกเกินไปประหนึ่งสายฟ้าฟาด ทำให้คนทั้งน่านฟ้าไม่อาจสงบได้

ความย่ำแย่ของสถานการณ์ตระกูลลั่วเรียกได้ว่าใครๆ ก็รู้ ก่อนศึกนี้แทบไม่มีใครถือหางตระกูลลั่ว ต่างนึกว่าคราวนี้ตระกูลลั่วไม่ถูกล้างตระกูลก็ต้องถูกขับไล่ ไม่มีทางเลือกอื่น

แต่ผลลัพธ์กลับเหนือความคาดหมายของผู้คนโดยสิ้นเชิง ตระกูลลั่วถึงกับชนะแล้ว ทั้งยังชนะโดยสมบูรณ์!

นี่จะน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว

“เรื่องนี้จะต้องมีความลับที่พวกเราไม่รู้อยู่แน่ และนี่เป็นไปได้สูงยิ่งว่าจะเป็นกุญแจสำคัญที่ตระกูลลั่วได้รับชัยชนะครั้งใหญ่ไป!”

หลายคนรับรู้ได้ถึงปัญหา เพียงแต่ไม่ว่าใครก็คาดเดาไม่ได้ว่าตกลงตระกูลลั่วชนะในสถานการณ์บีบคั้นเช่นนี้ได้อย่างไร

และข่าวก็กระจายกลับไปถึงตระกูลเหยาและตระกูลหลิงเช่นกัน

ว่ากันว่าเผ่าจักรพรรดิอมตะใหญ่สองตระกูลนี้ล้วนสะท้านไหวยิ่งยวด จะแค้นเคืองก็สมควร

แต่ที่มาพร้อมกับความแค้นเคือง ก็คือความหวาดหวั่นที่ไม่อาจสลายและสลัดไปได้

ตระกูลลั่วที่ตกต่ำจนถึงขีดสุดกลับเผยเขี้ยวเล็บแหลมคม กลืนกินกำลังพลที่พวกเขาส่งไปในคราวเดียวเช่นนี้ได้

นี่เป็นสิ่งที่เหนือการคาดเดาก่อนหน้านี้ของพวกเขาโดยสิ้นเชิง

ตระกูลลั่วทำถึงขั้นนี้ได้เช่นไรกันแน่

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด