หมอหญิงยอดมือสังหารต้นเถาเยาเยา 18

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter ต้นเถาเยาเยา 18 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ต้นเถาเยาเยา 18

โอรสสวรรค์เลือกจวิ้นหม่า ในเมืองหลวงนับว่าเป็นเรื่องที่หาได้ยาก อย่างไรที่ผ่านมาเคยได้ยินแต่โอรสสวรรค์เลือกราชบุตรเขยด้วยพระองค์เอง สามีของจวิ้นจู่ไม่จำเป็นต้องให้ฮ่องเต้ต้องมากังวล เพียงแต่เยาเยาจวิ้นจู่น้อยผู้นี้สถานะไม่ธรรมดา บุตรีคนโตขององค์รัชทายาท ด้วยตำแหน่งที่มั่นคงดุจหินผาขององค์รัชทายาทรวมไปถึงการได้รับความโปรดปรานของหวงจั่งซุน ในอนาคตจวิ้นจู่ผู้นี้ต้องเป็นจั่งกงจู่อย่างแน่นอน

เพราะเหตุนี้จึงแตกต่างไปจากเหล่าลูกหลานตระกูลขุนนางที่ต้องการหนีห่างเพราะเคยถูกเยาเยากลั่นแกล้งมาไม่น้อย ท่าทีของผู้นำตระกูลต่างๆ นั้นกลับเห็นดีเห็นงามกับการคัดเลือกในครั้งนี้ อย่างไรเยาเยาจวิ้นจู่ก็ไม่เคยถูกวิจารณ์ถึงความไม่สุภาพอย่างจริงจัง ส่วนเรื่องอื่น จวิ้นจู่น้อยฐานะสูงส่ง เป็นที่รักได้รับการเอาอกเอาใจ จะดื้อสักหน่อยก็สมเหตุสมผล มีปัญหาอันใดหรือไม่

ด้วยเหตุนี้วันคัดเลือกจวิ้นหม่า เหล่าคุณชายจากตระกูลที่ได้รับเทียบเชิญไม่ว่าจะยินยอมหรือไม่ยินยอม ต่างก็ถูกผู้อาวุโสในตระกูลจับส่งเข้ามาในวังอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย

ฮ่องเต้ไท่ชูตั้งใจจัดการตกแต่งตำหนักที่อยู่ใกล้ประตูพระราชวังที่สุดเชื่อมต่อกับอุทยานเล็กๆ เพื่อเป็นสถานที่คัดเลือกจวิ้นหม่าในครั้งนี้ เพื่อไม่ให้เหล่าลูกหลานขุนนางต้องเคร่งเครียด แรกเริ่มฮ่องเต้และองค์รัชทายาทจึงไม่ได้ปรากฏตัว แต่ให้หวงจั่งซุนเซียวจิ่งเสาคอยรับรองดูแล เหล่าลูกหลานขุนนางในเมืองหลวงต่างคุ้นเคยกับหวงจั่งซุนเป็นอย่างดี หวงจั่งซุนผู้นี้ไม่ได้เข้มงวดอย่างฮ่องเต้ไท่ชู และไม่ได้เย็นชาอย่างองค์รัชทายาท แม้จะถูกฮ่องเต้เลี้ยงดูด้วยตนเองมาตั้งแต่เด็กจนโต แต่ว่านิสัยกลับอ่อนโยน อิสระ เข้าถึงง่าย เพราะเหตุนี้เหล่าลูกหลานขุนนางในเมืองหลวงจึงมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเขา

“หวงจั่งซุน” เห็นเซียวจิ่งเสาเดินนำกลุ่มคนเข้ามา ทุกคนจึงลุกขึ้นทำความเคาพ

เซียวจิ่งเสาพยักหน้ายิ้มให้ทุกคน มองเห็นซังเจี้ยวและจวินหนานเยี่ยนก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจ เพพียงเลิกคิ้วมองทั้งสองคนอย่างมีความหมายเท่านั้น

เซียวจิ่งเสาพูดคุยกับคนอื่นๆ เพียงไม่กี่ประโยคก็เดินมาทักทายจวินหนานเยี่ยน “คุณชายจวิน เจอกันอีกแล้ว”

จวินหนานเยี่ยนรู้สึกเขินอายเล็กน้อย ยกมือขึ้นประสาน “หวงจั่งซุน”

ความจริงจวินหนานเยี่ยนยังมึนงง แน่นอนว่าเขาเข้าใจความรู้สึกของตนที่มีต่อเยาเยา แต่ก็เข้าใจว่าเยาเยาไม่ได้รู้สึกพิเศษอันใดกับตน ยิ่งเข้าใจถึงความแตกต่างของเมืองจูเชวี่ยและจวนรัชทายาท ไม่ใช่เพราะจวินหนานเยี่ยนดูถูกตนเอง แต่ว่าคนในยุทธภพและเชื้อพระวงศ์เดิมทีก็คนละเส้นทาง ดังนั้นเขาจึงรับปากคุณชายเสียนเกอปกป้องเยาเยาห้าปี ความจริงเป็นการตอบรับที่มีทั้งความเจ็บปวดและไม่มีทางเลือก ไม่ใช่เพราะเขาไม่เต็มใจปกป้องเยาเยาแต่เพราะนี่เป็นสิ่งที่เขาสามารถเข้าใกล้เยาเยาได้ดีที่สุดแล้ว

แต่จวินหนานเยี่ยนไม่เคยคาดคิด เมื่อคืนกลับถึงจวนพลันได้รับเทียบเชิญที่จวนรัชทายาทให้คนนำมาส่งให้ จวินหนานเยี่ยนถือเทียบเชิญนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้านข้างโต๊ะไม่ได้นอนทั้งคืน ยามฟ้าสว่างตอนที่ตนยังไม่ได้สติก็แต่งตัวเรียบร้อยถือเทียบเชิญออกจากจวนมาแล้ว

เขาไม่คิดว่าองค์รัชทายาทและพระชายารัชทายาทจะยอมรับจอมยุทธ์ผู้หนึ่งมาเป็นคนรักของบุตรสาวที่รักของตนได้ ต่อให้มีคุณสมบัติเพียงอย่างเดียวก็ตาม

แม้เมื่อวานจะเป็นเพียงการพูดคุยสั้นๆ เพียงไม่กี่ประโยค แต่จวินหนานเยี่ยนดูออกว่าองค์รัชทายาทและพระชายารัชทายาทไม่ใช่คนที่จะเล่นกับความรู้สึกของผู้อื่น ในเมื่อส่งเทียบเชิญมาถึงมือเขา ก็หมายความว่าพวกเขายอมรับการตามจีบเยาเยาของเขา

หัวใจของจวินหนานเยี่ยนราวกับมีไฟลุกเปล่งประกายขึ้นมา ในเมื่อสวรรค์ให้โอกาสนี้กับเขา เขาก็จะทำให้เต็มที่ เต็มที่กับการมีคุณสมบัติได้อยู่เคียงข้างเสี่ยวเยาตลอดไป ต่อให้ท้ายที่สุดต้องพ่ายแพ้ ก็คงดีกว่าไม่ทำสิ่งใดเลย

สายตาของเซียวจิ่งเสาที่มองไปยังจวินหนานเยี่ยนมีความชื่นชมขึ้นมา เอ่ยตามตรงโอกาสของจวินหนานเยี่ยนไม่ได้มีมากนัก หนึ่งเพราะเขาเป็นจอมยุทธ์ในยุทธภพ สองคือร่างกายของเขา จวินหนานเยี่ยนดูเด็กกว่าคนที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันอย่างเห็นได้ชัด กระทั่งเทียบกับเยาเยาที่ดูเด็กกว่าเขาก็ยังดูเด็กกว่าเยาเยาถึงสองปี ไม่ว่าจะเป็นเสด็จปู่หรือใคร เกรงว่าคงไม่เลือกคนเช่นนี้ และจวินหนานเยี่ยนเป็นคนทะนงตน การมาที่นี่อย่างหุนหันพลันแล่นเท่ากับเอาชนะตนเอง แต่จวินหนานเยี่ยนก็ยังมาด้วยใจที่มีต่อเยาเยา เซียวจิ่งเสาถือว่าเป็นการเอาชนะเหล่าลูกหลานขุนนางพวกนั้นแล้ว

เพียงแต่…เท่านี้ยังไม่พอ มุมปากของเซียวจิ่งเสายกยิ้ม คิดจะแต่งงานกับเยาเยาของพวกเขาไหนเลยจะง่ายเพียงนั้น

พูดคุยกับจวินหนานเยี่ยนไม่กี่ประโยค เซียวจิ่งเสาจึงมองไปยังซังเจี้ยว เดินสาวเท้าเข้าไปหา

“ข้านึกว่าท่านจะไม่มาเสียอีก” เซียวจิ่งเสาเอ่ย

ทั้งสองเดินมานั่งลงที่โต๊ะหินในมุมหนึ่งของอุทยาน ซังเจี้ยวจึงเอ่ย “อาจารย์…”

เซียวจิ่งเสายกมือขึ้นหยุดวาจาของเขา เอ่ย “ท่านไม่อยากมาท่านแม่ไม่บังคับท่านอย่างแน่นอน ศิษย์พี่ การเป็นพี่น้องข้าหวังว่าท่านได้แต่งงานกับเยาเยาเป็นสิ่งที่ดีที่สุด บนโลกใบนี้นอกจากท่านพ่อท่านแม่ คนที่ข้าไว้ใจที่สุดก็คือท่าน แต่ว่า…หากข้าเป็นเพียงพี่ชายของเยาเยาเพียงอย่างเดียว ข้าไม่มีทางยกเยาเยาให้แต่งงานกับท่านอย่างแน่นอน”

ซังเจี้ยวเงยหน้าขึ้นมามองเด็กหนุ่มตรงหน้า แม้จะอายุยังน้อยทว่าเซียวจิ่งเสาผู้เป็นหวงจั่งซุนนั้นดูเป็นผู้ใหญ่ที่เฉียบคมและทรงอำนาจ

ร่างกายของเซียวจิ่งเสายืดตรง ดวงตาที่คล้ายคลึงกับเยาเยาคู่นั้นจับจ้องมายังซังเจี้ยว เอ่ย “การเป็นพี่ชาย ข้าหวังว่าเยาเยาจะมีสามีที่รักนางดุจของของล้ำค่า แน่นอนท่านจะดีต่อเยาเยาไปตลอดชีวิต กระทั่งยอมสละชีวิตเพื่อนาง แต่ว่า…ท่าทีเช่นนี้ของท่าน บางทีสักวันอาจทำให้นางรู้สึกหนาวเหน็บอยู่ในใจ”

ซังเจี้ยวนิ่งเงียบไม่เอ่ยวาจา

เซียวจิ่งเสาส่ายศีรษะ เอนตัวพิงต้นไม้ที่อยู่ด้านหลัง

เมื่อครั้งมารดารับซังเจี้ยวมาเป็นศิษย์ เซียวจิ่งเสาอายุยังน้อยจำเรื่องราวไม่ได้มาก แต่ต่อมาได้ยินคนเอ่ยถึงบ้าง เซียวจิ่งเสาก็เคยได้ยินมารดาเอ่ยถึง เด็กบางคนได้รับประสบการณ์เมื่อครั้งยังเด็กก็ส่งผลกระทบไปทั้งชีวิต แม้ตลอดหลายปีมานี้ซังเจี้ยวจะดูสบายดีทว่านิสัยของเขากลับเย็นชา ไม่ใช่เย็นชาในแบบของท่านพ่อ แต่เป็นความแปลกแยกที่ถูกซ่อนเอาไว้อย่างดีทว่าคนใกล้ชิดสามารถสัมผัสได้

ซังเจี้ยวดีกับเยาเยาได้ ซังเจี้ยวยินดีทำทุกอย่างเพื่อเยาเยา ซังเจี้ยวเป็นพี่ชายที่ดีที่สุดในโลกได้ แต่เขายากที่จะกลายเป็นคนรักของเยาเยา เพราะตัวเขาเองยังไม่กล้ามั่นใจว่าจะนำพาความสุขมาให้เยาเยาได้ เขารู้สึกว่าตนเองไม่คู่ควรกับเยาเยา กระทั่งเขากลัวว่าตนเองจะทำร้ายเยาเยา

สำหรับซังเจี้ยวที่เป็นเช่นนี้ เซียวจิ่งเสารู้สึกเห็นใจทว่าทำอันใดไม่ได้ แม้แต่มารดาของเขาและแม่ทัพซังก็ยังจนปัญญา จนมีบางครั้งเซียวจิ่งเสาเคยคิดว่าพวกเขาคาดหวังกับซังเจี้ยวเกินไปหรือไม่ บนโลกใบนี้หลายคนที่ไม่ได้สมหวังมากนักก็ใช้ชีวิตราบเรียบไปตลอดชีวิตได้มิใช่หรือ ซังเจี้ยวเป็นบุตรชายที่ดี ลูกศิษย์ที่ดี ศิษย์พี่ที่ดี พี่ชายที่ดี ไยพวกเขายังต้องคาดหวังกับอีกฝ่ายมากมายเพียงนั้น

เซียวจิ่งเสาเอ่ย “ศิษย์พี่ เยาเยาไม่ใช่ความรับผิดชอบของท่าน ท่านแม่ให้ท่านมาก็ไม่ใช่ให้ท่านรับเยาเยาเอาไว้ แต่ตอนนี้ท่านรู้แล้ว การเลือกอยู่ตรงหน้าแล้ว จะคว้าเอาไว้…หรือว่าปล่อยมันไป”

เอ่ยจบ เซียวจิ่งเสาจึงลุกขึ้นตบไหล่เขาเบาๆ หมุนตัวเดินหนีไป วันนี้เขาเป็นเจ้างานจึงไม่มีเวลาคุยกับซังเจี้ยวมากนัก ยิ่งไปกว่านั้นปัญหานี้พวกเขาเคยคุยกันก่อนหน้านี้แล้ว เซียวจิ่งเสาคิดว่าด้วยความฉลาดของซังเจี้ยวไม่จำเป็นต้องให้เขาเอ่ยถึงเหตุผลเหล่านั้นอีกรอบ

แต่ประโยคสุดท้ายของเขานั้นเอ่ยด้วยความจริงใจ

เพียงเยาเยาเลือกจวิ้นหม่าแล้ว ซังเจี้ยวก็ไม่มีโอกาสได้เสียใจอีกแล้ว

ซังเจี้ยวมองเซียวจิ่งเสาที่เดินหนีไปเงียบๆ นั่งเหม่อลอยอยู่ชั่วครู่

สายตามองไปยังจวินหนานเยี่ยนที่อยู่ไม่ไกล ในดวงตาของเด็กหนุ่มที่มีอายุอ่อนกว่าเขาหลายปีมีความมุ่งมั่น ดวงตาของซังเจี้ยวมีแววอิจฉาพาดผ่าน เขาไม่มีทางทำได้อย่างเด็กคนนั้นที่ไม่ต้องกังวลสิ่งใด

เยาเยาให้ความใกล้ชิดสนิทสนมกับจวินหนานเยี่ยน ในใจของซังเจี้ยวใช่ว่าจะไม่รู้สึกอันใด เพียงแต่…มองเด็กหนุ่มคนนั้น นอกจากความหึงหวงจางๆ ที่เกิดขึ้นในใจ ยังมีความอิจฉาและนับถืออีกด้วย

เด็กหนุ่มอายุสิบหก สามารถเดินทางมาไกลตัวคนเดียวนับพันลี้มายังเมืองหลวงเพื่อเด็กสาวที่ตนชื่นชอบ เผชิญหน้ากับครอบครัวยิ่งใหญ่แต่กลับไม่ยอมถอย เพียงจิตใจอันแน่วแน่นี้ก็เพียงพอให้ซังเจี้ยวนับถือได้แล้ว เพียงแต่…มองเด็กสาวที่กระโดดโลดเต้นวิ่งมาหาตน ดวงตาของซังเจี้ยวมีรอยยิ้มเอ็นดูขึ้นมา

“พี่อาเจี้ยว” เยาเยาวิ่งมาอยู่ตรงหน้าซังเจี้ยว มองเขาด้วยความตกใจ “พี่อาเจี้ยว ท่านมาอยู่ที่นี่ได้เยี่ยงไร”

ซังเจี้ยวยิ้มบาง เอ่ย “ข้าอยู่ที่นี่มิได้หรือ”

เยาเยาส่ายศีรษะ สับสนเล็กน้อย เอ่ย “ไม่ใช่เสียหน่อย…เพียงแต่ แปลกใจเล็กน้อยเท่านั้น ท่านแม่ข้าบังคับท่านมาค้ำยันข้าไว้หรือ”

ซังเจี้ยวเคาะศีรษะของเยาเยาเบาๆ เอ่ย “ค้ำยันอันใดเล่า ออกไปวิ่งเล่นข้างนอกกว่าสองปีไปเอาคำเหล่านี้มาจากที่ใดกัน”

เยาเยากลอกตา เอ่ย “ท่านนึกว่าข้าไม่รู้ว่าคนในเมืองหลวงพวกนั้นคิดอันใดหรือ ฉินหล่างผู้นั้นหนีข้าจนจะกลายเป็นอาการป่วยไปแล้ว ถึงตอนนั้นพวกเขาไม่ยอมแต่ง เสด็จปู่คงได้ขายหน้าอย่างแน่นอน” ฮ่องเต้ขายหน้า ทุกคนคงไม่พอใจนัก

“เหลวไหล” ซังเจี้ยวเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “อย่าได้ดูถูกตนเอง”

เยาเยาไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจ เอ่ยด้วยความเห็นใจ “ไม่สนใจแล้ว ในเมื่อมาแล้วก็ลำบากพี่อาเจี้ยวสักพัก ข้าไม่ยอมให้ท่านต้องลำบากใจอย่างแน่นอน ถือเสียว่ามาเที่ยวเล่นสักหน่อย อย่างไรปกติท่านก็ยุ่งเพียงนั้น พักผ่อนสักหน่อยดีต่อร่างกาย” เอ่ยจบ เยาเยาหันไปเห็นจวินหนานเยี่ยนที่ยืนกอดอกพิงต้นไม้อยู่ไม่ไกล รอยยิ้มสว่างสดใสโบกมือให้กับจวินหนานเยี่ยน เอ่ย “พี่อาเจี้ยว ข้าจะไปหาจวินหนานเยี่ยน ท่านไปเล่นกับอานอานเถิด”

“ไปเถิด” ซังเจี้ยวเอ่ยเสียงเบา

เยาเยาโบกมือหมุนตัววิ่งไปทางที่จวินหนานเยี่ยนอยู่อย่างร่าเริง ซังเจี้ยวที่อยู่ด้านหลังเหม่อมองแผ่นหลังร่าเริงของนางอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะถอนหายใจออกมาแล้วส่ายศีรษะเบาๆ เก็บความโศกเศร้าและสิ้นหวังในดวงตาเอาไว้

ฮ่องเต้ไท่ชูเลือกสามีให้หลานสาวแน่นอนว่าไม่มีความคลุมเครือ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงเมื่อมีหวงจั่งซุนผู้เป็นพี่ชายคอยตัดสินใจ กติกาเข้มงวดกวดขัน ไม่เพียงชาติตระกูล อายุ รูปโฉม ความสามารถ นิสัยใจคอขาดเพียงอย่างเดียวก็ไม่ได้ ฮ่องเต้ไท่ชูยังไม่มาทว่าคุณชายตระกูลขุนนางทั้งหลายก็ถูกคัดออกไปกว่าครึ่ง เหตุผลที่เซียวจิ่งเสาคัดพวกเขาออกคือไร้ความสามารถ นิสัยใจคอไม่ดีพอ รูปโฉมธรรมดา ไม่ทุ่มเท เหตุผลแปลกๆ ต่างๆ นานา เพียงแต่คนที่ถูกคัดออกกลับไม่รู้สึกเสียใจ ทว่ามีไม่น้อยแสดงใบหน้าราวกับหลุดพ้น

เยาเยาพาจวินหนานเยี่ยนมานั่งบนต้นไม้สูงในอุทยาน มองภาพตรงหน้านิ่งๆ กินขนมในมือสบายอารมณ์

จวินหนานเยี่ยนหันมามองนาง เอ่ยถาม “เสี่ยวเยา เจ้าไม่กังวลหรือ”

“กังวลอันใดกัน” เยาเยาเอ่ยถาม

จวินหนานเยี่ยนเอ่ย “เจ้าไม่กังวล…ว่าคนที่หวงจั่งซุนเลือกจะไม่ถูกใจเจ้าหรือ”

เยาเยาเอ่ย “มีอันใดให้กังวล คนที่แต่งก็คือข้า ถ้าไม่ชอบข้าก็ไม่แต่งสิ”

“แต่ว่าฝ่าบาท…”

เยาเยาไหวไหล่ เอ่ย “แม้เสด็จปู่มีราชโองการเลือกจวิ้นหม่าโดยไม่ถามความยินยอมของข้า แต่ใครใช้ให้เขาเป็นฮ่องเต้เล่า แน่นอนว่าเราต้องยอมเขาสักหน่อย มิเช่นนั้นเขาขายหน้าพวกเราเองก็โชคร้ายไปด้วย แต่ใครบอกล่ะว่าเลือกจวิ้นหม่าจะเลือกใครก็ได้ ข้าไม่ชอบสักคนมิได้หรือ เสด็จปู่คงไม่ตีข้าตายกระมัง”

จวินหนานเยี่ยนอดหัวเราะไม่ได้ สมกับที่เป็นเด็กที่โตมากับการเอาอกเอาใจ

เยาเยากะพริบตา “เจ้ามองข้าเยี่ยงนี้ทำไมเล่า”

จวินหนานเยี่ยนเอ่ย “เสี่ยวเยารู้หรือไม่ว่าไยข้าจึงมาอยู่ที่นี่”

เยาเยาเอ่ย “ท่านพ่อข้าส่งเทียบเชิญให้เจ้ามิใช่หรือ”

จวินหนานเยี่ยนมองนางนิ่ง เอ่ยอย่างมั่นคง “ดังนั้น ข้าเองก็มาคัดเลือกจวิ้นหม่าอย่างไรเล่า”

“หา” เยาเยาชะงัก เมื่อได้สติร่างทั้งร่างก็ร่วงหล่นลงจากต้นไม้

“เสี่ยวเยา”

โชคดีที่เยาเยามีความสามารถไม่เลว ลอยค้างอยู่เช่นนั้นไม่จำเป็นต้องให้จวินหนานเยี่ยนช่วย พลิกตัวลงบนพื้นอย่างมั่นคง จวินหนานเยี่ยนรีบกระโดดตามลงมา เอ่ยอย่างร้อนใจ “เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่”

เยาเยาเอ่ยอย่างไม่พอใจ “ข้าไม่เป็นไร เพียงแต่…ไยเจ้าต้องทำให้ข้าตกใจเล่า”

จวินหนานเยี่ยนยิ้มขมขื่น “ข้าปรากฏตัวอยู่ที่นี่ ไม่อาจบอกถึงเหตุผลการมาของข้าได้หรืออย่างไร”

เยาเยานิ่งอึ้ง ทำตัวไม่ถูกขึ้นมา แน่นอนว่านางเป็นคนฉลาด ใช่ว่าไม่เคยคิดว่าไยจวินหนานเยี่ยนจึงปรากฏตัวอยู่ที่นี่ แต่การคาดเดานั้นเพียงผ่านมาและผ่านไปเท่านั้นเพราะคิดว่าได้รับเทียบเชิญจากท่านพ่อท่านแม่ จวินหนานเยี่ยนไม่ไว้หน้าองค์รัชทายาทไม่ได้ ดังนั้นจึงต้องมา อย่างไรเยาเยาจวิ้นจู่น้อยมีทุกอย่างไม่มีเพียงอย่างเดียวก็คือ…โชคเรื่องคู่ครอง

“เสี่ยวเยา ข้าจริงจังนะ” จวินหนานเยี่ยนมองนางแล้วเอ่ยอย่างจริงจังขึ้นมา “หรือเจ้าคิดว่าข้าเดินทางนับพันลี้มาเมืองหลวงเพื่อมาเอ่ยขอบคุณเจ้าเท่านั้นหรือ เสี่ยวเยา…ข้าชอบเจ้า อยากแต่งเจ้าเป็นภรรยา”

“ท่านลุงเสียนเกอ…” เยาเยาหดหู่ เมืองจูเชวี่ยต้องการตอบแทนบุญคุณที่ท่านลุงเสียนเกอช่วยชีวิตมีหลากหลายวิธี แน่นอนไม่จำเป็นต้องให้นายน้อยของตนมาเป็นองครักษ์ติดตามผู้ใดตั้งห้าปี ตั้งแต่เด็กจนโต นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนสารภาพต่อหน้านางว่าเขาชอบนาง

ฉับพลันเยาเยาจึงทำตัวไม่ถูกขึ้นมา

ทำอย่างไรดี ทำอย่างไร

เขามองใบหน้าเล็กของเด็กสาวตรงหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อดวงตากลมโตมีแววสับสน จวินหนานเยี่ยนอยากหัวเราะขึ้นมา

เขาเอ่ยเสียงเบา “เสี่ยวเยาไม่ต้องคิดอันใดมาก ข้าเอ่ยเยี่ยงนี้มิใช่อยากบีบบังคับเจ้า เพียงอยากบอกเจ้า…ให้เจ้าได้รับรู้ความในใจของข้าเท่านั้น”

เยาเยามองเขาด้วยความลังเล เอ่ย “แต่ว่า…ข้าคิดมาตลอดว่า เจ้าเป็นน้องชายของข้านี่นา”

“…” หัวเราะไม่ออกแล้วทำอย่างไรดี

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด