หมอหญิงยอดมือสังหาร 113 คิดจะเล่นกับข้า รนหาที่ตายหรือ (3)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 113 คิดจะเล่นกับข้า รนหาที่ตายหรือ (3) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

มองใบหน้าตื่นตระหนกของหลินซื่อ หนานกงมั่วจึงถอนหายใจ “จะว่าไป…เพราะข้าผิดเอง ตั้งแต่แรก ข้าไม่ควรเกรงใจต่อพี่สะใภ้มากเพียงนั้น จนทำให้ท่านคิดไปว่าข้าเป็นคนที่ท่านจะหาเรื่องเมื่อใดก็ได้ ตอนนี้จำใส่ใจแล้วหรือไม่”

“เจ้า…เจ้าจะไม่ยอมปล่อยตระกูลหลินไปงั้นหรือ” หลินซื่อมองหนานกงมั่วด้วยความหวาดกลัว

หนานกงมั่วเอ่ยเสียงเรียบนิ่ง “ข้าไม่ได้ทำอันใดทั้งนั้น คงจะบอกให้ปล่อยไปไม่ได้ หรือว่า พี่สะใภ้คิดว่าข้ามีความสามารถเปลี่ยนรับสั่งของฝ่าบาทได้”

หลินซื่อรู้สึกหนักอึ้งอยู่ในใจ ใช่ รับสั่งของฝ่าบาทไม่ว่าใครก็มิอาจเปลี่ยนแปลงได้ กษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำ คงมิใช่ว่าเอ่ยเล่นๆ ได้ แต่ว่าหากมิใช่เพราะหนานกงมั่ว…หากไม่ใช่เพราะนางล่ะก็

มองความเกลียดชังที่ผ่านเข้ามาในดวงตาของหลินซื่อ หนานกงมั่วยังคงยิ้มให้อย่างไม่ใส่ใจ มาจนถึงตอนนี้แล้วยังคิดเอาความผิดไปโยนให้ผู้อื่น นิสัยของหลินซื่อผู้นี้ช่างน่าผิดหวัง

หลินซื่อลุกขึ้น ขณะร่างกายกำลังจะเดินโซซัดโซเซออกไป หนานกงมั่วที่อยู่ด้านหลังจึงเอ่ยขึ้น “พี่สะใภ้ อีกไม่นานข้าก็จะแต่งงานออกเรือนแล้ว ดังนั้น ช่วงนี้อยู่ใครอยู่มันจะดีกว่า ท่านควรรู้สึกยินดี เพราะความสัมพันธ์ของข้าและพี่ใหญ่นั้นมิได้ใกล้ชิดสนิทสนม มิเช่นนั้น…พี่สะใภ้เช่นเจ้า ย่อมมิควรมีอยู่” หลินซื่อตัวสั่นระริก หันกลับมามองหญิงสาวที่นั่งจิบชาอยู่บนเก้าอี้ด้วยสีหน้าเรียบนิ่งผู้นั้น ไม่รู้ทำไมอยู่ดีๆ ถึงนึกถึงใบหน้าเย็นยะเยือกของหนานกงชวี่เมื่อครั้งอยู่ในห้องหนังสือวันนั้นขึ้นมา ได้แต่นึกหวาดหวั่นอยู่ในใจ หลินซื่อหันหลังกลับและรีบเดินออกประตูไปทันที

มองแผ่นหลังของนางที่กำลังวิ่งหนีไป มุมปากของหนานกงมั่วก็ยกยิ้มขึ้น วางหมากต่อไป

“ว่าเยี่ยงไรนะ เป็นนางกำนัลถวายตัวงั้นหรือ” ในห้องโถงใหญ่จวนฉู่กั๋วกง หนานกงซูที่พึ่งออกมาจากศาลบรรพชนกรีดร้องเสียงดัง ทำให้คนที่นั่งอยู่ด้านข้างขมวดคิ้วขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว หนานกงซูใบหน้าซีดเซียว คว้าแขนเสื้อของหนานกงไหวเอาไว้ “ท่านพ่อ ไม่เอา ซูเอ๋อร์ไม่เป็นนางกำนัลถวายตัว ท่านพูดกับหวงจั่งซุนสิ ข้าไม่เป็นนางกำนัลถวายตัว” หนานกงไหวขมวดคิ้ว วันนี้เขาถูกหัวเราะเยาะและถูกดูหมิ่นจากด้านนอกนั่นมามากมาย ยามนี้ไหนเลยจะมีอารมณ์มาใส่ใจความรู้สึกของหนานกงซู สะบัดแขนออก เผยยิ้มเย็น “ไม่อยากเป็นนางกำนัลถวายตัวงั้นหรือ เจ้าช่างกล้า ฝ่าบาทแต่งตั้งตำแหน่งให้เจ้าเป็นพิเศษถึงเพียงนั้น ตอนนี้ข้าฉู่กั๋วกงก็มีชื่อเสียงไปทั่วด้วยแล้ว”

“ท่านพ่อ…” หนานกงซูตื่นตระหนก หากการเป็นสนมทำให้นางรู้สึกน้อยใจอยู่บ้าง การเป็นนางกำนัลถวายตัวนั้นราวกับเหยียบย่ำนางลงกับพื้นดินแล้ว

“นายท่าน” เจิ้งซื่อร้อนใจ นางไม่เคยคิดเลยว่าผลสุดท้ายจะออกมาเช่นนี้

หนานกงมั่วที่อยู่ด้านข้างวางถ้วยชาลง เม้มปากยิ้มบางๆ “หว่านฮูหยิน นี่เป็นรับสั่งของฝ่าบาท พวกท่านจะทำให้ท่านพ่อลำบากใจไปทำไมหรือ ไม่รู้ว่าคนที่ก่อเรื่องพวกนั้นคิดเช่นไร” เจิ้งซื่อได้ยินเช่นนั้นแทบกระอักเลือดออกมา หรือว่า…หรือว่านางจะเป็นคนทำร้ายบุตรีของตน ตนปล่อยข่าวลือของหนานกงมั่วเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากบุตรีของตน ใครจะรู้ว่าผู้ตรวจการพวกนี้จะกัดไม่ปล่อย แม้กระทั่งองค์หญิงฉังผิงเองยังเข้าร่วมด้วย ไม่ ต้องไม่ใช่เช่นนี้สิ นางคงพูดจาเหลวไหลก็เท่านั้น

“เจ้าเหลวไหล”

หนานกงมั่วแสยะยิ้ม ไม่เอ่ยสิ่งใดอีก อย่างไรนางก็ไม่จำเป็นต้องออกแรงทว่ากลับมีละครให้นางได้ดูฟรีเสียได้ เพียงเสียสละชื่อเสียงเพียงเล็กน้อยก็คุ้มค่าแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นฝ่าบาทมีรับสั่งปลดตำแหน่งตระกูลหลิน หนึ่งในเหตุผลของรับสั่งนี้มาจากการเผยแพร่ข่าวลือที่ทำให้ผู้อื่นเสียหาย หึๆ…ยามนี้คนทั่วทั้งเมืองจินหลิงต่างก็ได้รู้แล้วว่าหนานกงมั่วเป็นผู้บริสุทธิ์ ผู้ที่แพ้ราบคาบจริงๆ ก็คือหลินซื่อ พี่สะใภ้ที่ยุยงครอบครัวให้ใส่ร้ายน้องสามีอย่างนางจนเสื่อมเสียชื่อเสียง

ทางด้านหลินซื่อเองก็ไม่ง่ายเลย หนานกงชวี่ไม่อนุญาตให้นางออกจากจวน ทำได้เพียงนั่งมองลูกหลานตระกูลหลินกลายเป็นครอบครัวที่ไร้อำนาจ ตอนนี้ยังกลายเป็นคนที่ใบหน้าซีดเซียว ได้แต่นั่งเงียบไม่เอ่ยวาจาอยู่ด้านข้างเพียงเท่านั้น นางยังไม่ลืมว่าหนานกงไหวยังมิได้คิดบัญชีกับนาง

“พอแล้ว” หนานกงไหวตะคอกเสียงดังด้วยความโกรธ กวาดตามองเจิ้งซื่อที่กำลังโวยวายอย่างบ้าคลั่ง “โง่เง่า”

เสียงโวยวายดังลั่นของเจิ้งซื่อเงียบลงทันทีทันใด นางนิ่งเงียบไปชั่วครู่จึงพุ่งเข้าไปกอดหนานกงซูที่กำลังร้องไห้อย่างไร้สติ หนานกงชวี่ที่นั่งเงียบมาตลอดยามนี้จึงเงยหน้าขึ้นมาพลางเอ่ยถาม “ท่านพ่อ เรื่องนี้จะเอาอย่างไรดีขอรับ” หนานกงไหวถามขึ้นอย่างหงุดหงิด “ทำอย่างไรดีงั้นหรือ ฝ่าบาทออกปากมาแล้ว เราจะขัดรับสั่งได้หรือ”

เจิ้งซื่อเช็ดน้ำตา เอ่ยถาม “ท่านพี่ ท่านจะส่งซูเอ๋อร์ไปเป็นนางกำนัลถวายตัวที่จวนเย่ว์จวิ้นอ๋องจริงหรือเจ้าคะ นางเป็นบุตรีของท่านนะเจ้าคะ”

“หรือบางที หากเจ้ารักนางมาก ก็ให้นางตายไปเลยไม่ดีหรือ” ในเมื่อฝ่าบาทมีรับสั่งเช่นนี้ ต่อในหนานกงซูยินดีอยากออกบวชด้วยตนเองในยามนี้ก็คงเป็นไปไม่ได้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น หนานกงไหวเองรู้จักบุตรีของตนดี นางทนลำบากแบบนั้นไม่ได้เป็นแน่

เจิ้งซื่อพลันเป็นใบ้ขึ้นมากะทันหัน หนานกงซูสะอึกสะอื้นอยู่ในอ้อมแขนของเจิ้งซื่อ

หนานกงชวี่หลุบตาลงต่ำ เอ่ยถามเสียงเรียบ “จวนเย่ว์จวิ้นอ๋องจัดการเช่นไรหรือขอรับ” หากหนานกงซูเข้าไปอยู่ในจวนเย่ว์จวิ้นอ๋องในฐานะนางกำนัลถวายตัว จวนฉู่กั๋วกงไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นญาติกับจวนเย่ว์จวิ้นอ๋องด้วยซ้ำ หนานกงซูนับว่าเสียเปรียบอย่างยิ่งในการแต่งงานครั้งนี้ ไม่สิ นี่ไม่สามารถเรียกว่าการแต่งงานได้ด้วยซ้ำ หนานกงไหวส่งเสียงหยัน “กลับไปรายงานจวนเย่ว์จวิ้นอ๋อง เลือกสักวันแล้วส่งนางไปก็พอแล้ว ทางที่ดีให้เป็นปลายเดือนหก” พิธีแต่งงานของหนานกงมั่วและเว่ยจวินมั่วจะถูกจัดขึ้นในต้นเดือนเก้า เช่นนี้แล้วระหว่างนั้นยังทิ้งช่วงห่างไปกว่าสองเดือน ปล่อยให้คนในเมืองจินหลิงลืมเรื่องขายหน้านี้ไปก่อน จากนั้นส่งหนานกงมั่วออกเรือนอย่างมีหน้ามีตา ศักดิ์ศรีของจวนฉู่กั๋วกงจะได้กลับคืนมาบ้าง แม้เดิมทีหนานกงไหวจะไม่พอใจการแต่งเข้าจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องก็ตาม แต่เมื่อเทียบกับเรื่องของหนานกงซูในตอนนี้นับว่าสามารถทำให้เขาพอใจได้มากทีเดียว

เจิ้งซื่อเองก็เข้าใจว่าเรื่องนี้ไม่มีทางแก้ได้แล้วจึงต้องเอ่ยออกมาอย่างไม่สบายใจ “แต่ว่า สินเจ้าสาวของซูเอ๋อร์ เกรงว่าจะจัดเตรียมไม่ทันนะเจ้าคะ”

หนานกงไหวหัวเราะเสียงเย็น “นางต้องเตรียมสินเจ้าสาวใดอีก เจ้าจัดเตรียมง่ายๆ สักสิบหกหาบ ส่งมันไปพร้อมกับนางก็พอแล้ว” หนานกงไหวโกรธไปถึงเซียวเชียนเยี่ย ไม่มีทางเอาสมบัติของตนไปเป็นหน้าเป็นตาให้เซียวเชียนเยี่ยอย่างแน่นอน เซียวเชียนเยี่ยเป็นโอรสของรัชทายาทงั้นหรือ รัชทายาทไม่ได้มีเซียวเชียนเยี่ยเป็นโอรสเพียงผู้เดียว ขอเพียงเขาหนานกงไหวยอมสนับสนุน ไม่ว่าจะโอรสคนใดของรัชทายาท แน่นอนว่าล้วนแล้วแต่ดีใจและเกรงอกเกรงใจต่อเขาทั้งสิ้น

“อะไรนะเจ้าคะ” เจิ้งซื่อตะโกนออกมา บุตรีของผู้มีอำนาจออกเรือน หกสิบสี่หาบเป็นหนึ่งชุด หนึ่งร้อยสามสิบสองหาบเป็นสองชุด สามสิบสองหาบเป็นครึ่งชุด ทว่าหนานกงซูกลับมีเพียงสิบหกหาบ ไม่เคยมีมาก่อนในตระกูลผู้มีอำนาจเช่นนาง ต่อให้เป็นเชื้อสายรองที่ไม่เป็นที่โปรดปรานก็ไม่น้อยถึงเพียงนี้อยู่ดี หนานกงไหวไม่คิดสนใจ “เจ้าคิดว่านางเข้าไปแล้ว สินเจ้าสาวพวกนี้จะตกถึงมือนางหรือ ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าอนุภรรยาพวกนั้นจะมีสินเจ้าสาวเป็นของตนเอง ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไยต้องเอามันไปมอบให้คนอื่นเล่า”

“นี่…บุตรีที่น่าสงสารของข้า” เจิ้งซื่อกอดหนานกงซูพร้อมกับร้องไห้ออกมาเสียงดัง

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *