หมอหญิงยอดมือสังหาร 120 เยือนจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋อง (2)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 120 เยือนจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋อง (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

อย่างไรก็ตามหลินซื่อผู้กล้าเป็นศัตรูกับหนานกงมั่วเพียงเพราะความริษยาเพียงเท่านั้น แน่นอนว่าไม่ใช่คนที่จะยอมล้มได้ง่ายๆ ดังนั้นนางจึงกอดอำนาจในจวนเอาไว้แน่นไม่ยอมวาง และยังมีข้อเสนอที่ทำให้ทุกคนต้องขมวดคิ้ว ก็คือลดค่าใช้จ่ายในจวน พูดให้สวยงามคือการเพิ่มรายได้และลดรายจ่าย เมื่อได้ยินเช่นนี้ เจิ้งซื่อจึงแสยะยิ้มเย็น

เดิมเรื่องนี้มิได้เป็นปัญหาอันใดต่อหนานกงมั่ว ค่าใช้จ่ายของนางนั้นล้วนแล้วแต่มาจากรายได้ของเรือนจี้ชั่ง ในทุกๆ เดือนนอกจากเงินบัญชีส่วนของเรือนจี้ชั่งและค่าใช้จ่ายส่วนตัวของนางไม่กี่สิบตำลึงนั่น ย่อมกล่าวได้ว่าไม่เกี่ยวข้องอันใดกับจวนเลย แต่ไม่คิดว่าหลินซื่อจะเริ่มลงมือกับเรือนจี้ชั่งเป็นที่แรก

จ้องมองหลินซื่อที่นั่งอยู่ตรงหน้าอย่างเกียจคร้าน หนานกงมั่วยิ้มบางๆ เอ่ยเสียงเรียบ “พี่สะใภ้มาหาข้าเวลานี้ มีเรื่องอันใดหรือ”

หลินซื่อมองหนานกงมั่ว แววตาร้ายกาจที่ตัวนางคิดว่าปกปิดเอาไว้แล้วนั้นเผยออกมาให้เห็น ทว่าใบหน้ายังคงแย้มยิ้ม “รบกวนน้องสาวแล้ว หลายวันนี้…ไม่รู้ว่าน้องสาวพอจะทราบข่าวเรื่องราวในจวนบ้างหรือไม่”

หนานกงมั่วเลิกคิ้ว “พี่สะใภ้หมายถึง…เรื่องเพิ่มรายได้ลดรายจ่ายหรือ เป็นเรื่องที่ดีเลยเจ้าค่ะ”

หลินซื่อก้มหน้า แสร้งทำท่าทางลำบากใจ “น้องสาวเป็นน้องรักของท่านพี่ ข้าจึงได้มาปรึกษากับน้องสาว เรื่องเช่นนี้อย่างไรก็ต้องมีคนไม่พอใจ ดังนั้นจึงอยากขอให้น้องสาวช่วยเป็นแบบอย่าง ก่อนหน้านี้หากพี่สะใภ้มีอันใดทำให้น้องสาวไม่พอใจ ขอน้องสาวอย่าได้ถือสา”

หนานกงมั่วมองสตรีตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม ไม่เจอกันหลายวันในที่สุดหลินซื่อก็มีพัฒนาการแล้ว อย่างไรเสียคำพูดนี้ก็ดูประดิษฐ์ประดอยงดงาม เพียงแต่น่าเสียดาย… “วาจาของพี่สะใภ้ ตามหลักแล้วคงหมายถึงเป็นน้องสาวอย่างไรก็ต้องสนับสนุนเต็มที่จึงจะถูก เพียงแต่…พี่สะใภ้ก็รู้ว่าเรือนจี้ชั่งของข้านั้นใหญ่เพียงใด มีคนมากมายเพียงนี้ เมื่อก่อนที่หว่านฮูหยินให้มานั้นยังไม่พอเสียด้วยซ้ำ ยังเป็นข้าเองที่ออกเงินสมทบเพิ่มไปอีก ข้าคิดว่า…ยามนี้พี่สะใภ้เป็นผู้ดูแลจวน ควรต้องสมทบเงินส่วนนี้ให้ข้า ถูกหรือไม่”

รอยยิ้มบนใบหน้าของหลินซื่อชะงักค้าง นางยังมิทันได้พูดเกลี้ยกล่อมให้หนานกงมั่วยอมคายเงินออกมา ไม่คิดว่าหนานกงมั่วจะทำให้นางต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก รายจ่ายในแต่ละเดือนของเรือนจี้ชั่งมากกว่าเรือนลี่ฉินเป็นสองเท่า ยังบอกว่า…ไม่เพียงพออีกหรือ

หนานกงมั่วเองย่อมมิได้โกหก เงินส่วนของเรือนจี้ชั่งมากกว่าเรือนลี่ฉินสองเท่าไม่ผิด ทว่าพื้นที่ของเรือนจี้ชั่งนั้นใหญ่กว่าเรือนลี่ฉินถึงเจ็ดเท่า คนในจวนหรือต้นไม้ใบหญ้า อาคารต่างๆ สิ่งใดๆ ก็จำเป็นต้องดูแลทั้งนั้น เพียงแต่เมื่อก่อนหนานกงมั่วนั้นคิดว่าเรือนจี้ชั่งเป็นของนางเอง ไม่จำเป็นต้องไปขอเงินจากเจิ้งซื่อ ในเมื่อตอนนี้หลินซื่อมาหานางด้วยตัวเองเช่นนี้ก็อย่าหาว่านางไม่เกรงใจเลย

หนานกงมั่วนั่งมองหลินซื่อที่มีใบหน้าเปลี่ยนสีไปมาไม่นิ่ง นั่งมองปฏิกิริยาของนางอยู่เงียบๆ ไม่เอ่ยสิ่งใดเพิ่มเติม เนิ่นนาน หลินซื่อจึงเงยหน้าขึ้นมา รอยยิ้มแข็งกระด้างเล็กน้อย “น้องสาว…ตอนนี้ในจวนของเรา…”

หนานกงมั่วเอ่ยขัดวาจาของนาง “พี่สะใภ้ไม่ต้องเอาเรื่องลำบากของจวนมาพูดกับข้าหรอก สิ่งที่ท่านเอ่ย จะเอาหน้าของท่านพ่อไปไว้ที่ใด ท่านพ่อเป็นถึงแม่ทัพอันดับหนึ่งมีชื่อเสียง จวนฉู่กั๋วกงพึ่งจะสืบสกุลได้รุ่นเดียวก็ลำบากยากแค้นแล้วหรือ”

“เอ่อ…ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น ก็ควรประหยัดและดูแลบ้านจึงจะถูก”

หนานกงมั่วเลิกคิ้วอย่างไม่ใส่ใจ มิใช่ว่านางต่อต้านการประหยัดและการดูแลบ้านเรือน แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องที่ดี อย่างไรเสียก็ไม่มีใครรับรองได้ว่าตระกูลหนานกงจะมั่งมีตลอดไป แต่หลินซื่ออยากประหยัดอย่างนั้นหรือ แต่การที่หลินซื่อเอ่ยปากแล้วจะตัดค่าใช้จ่ายในจวนไปกว่าครึ่งนั่นเป็นการบีบคนในจวนให้ไร้หนทาง เจ้านายยิ่งไม่ต้องกล่าวถึง ออกไปข้างนอกซื้อสิ่งใดเล็กน้อยนั่นเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ โชคดีที่หนานกงฮุยเองก็ตามท่านพ่อออกไปด้วย มิเช่นนั้นคุณชายรองจวนหนานกงก็คงมีเงินเดือนเดือนละไม่กี่ตำลึงเพียงเท่านั้น ใครจะไม่ดูหมิ่นเขาบ้าง ยิ่งเป็นบ่าวรับใช้ น้อยที่สุดคือครึ่งตำลึงต่อเดือน หากนางคิดจะหักไปกว่าครึ่ง ยังต้องการให้คนมีชีวิตอยู่ได้อีกหรือ

หากเป็นเพราะลำบากจริงๆ ตัดส่วนของบ่าวรับใช้ลงไปบ้างเล็กน้อย เพียงเท่านั้นก็นับว่าประหยัดค่าใช้จ่ายไปมากแล้ว หลินซื่อไม่เพียงทำเพื่ออำนาจและความมั่งคั่งของตนเอง ยังต้องการชื่อเสียงเรื่องความมัธยัสถ์อีกด้วย เห็นได้ชัดว่าสมองคงถูกประตูบีบอัดไปหมดแล้ว

หลินซื่อมองไปยังสาวใช้ทั้งสี่ จือซู หมิงฉิน หุยเสวี่ย เฟิงเหอ ที่ยืนอยู่ด้านหลังหนานกงมั่ว ได้แต่ไม่พอใจอยู่ในใจ ตั้งแต่หนานกงมั่วกลับมา บ่าวในจวนฉู่กั๋วกงมีใครบ้างที่จะไม่อิจฉาสาวใช้ในเรือนจี้ชั่ง โดยเฉพาะหมิงฉินและจือซูสองคนนี้ เมื่อก่อนคอยติดตามแม่นมหลานอยู่ในเรือนจี้ชั่งไม่เป็นที่รู้จัก ตอนนี้หนานกงมั่วกลับมาก็กลายเป็นสาวใช้เคียงกายที่มีความสามารถของหนานกงมั่ว ว่ากันว่าหนานกงมั่วดูแลบ่าวรับใช้เป็นอย่างดี บางครั้งตบรางวัลเป็นเงินทอง เสื้อผ้า เครื่องประดับหรืออัญมณี สิ่งของมีค่างดงามยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึง เพียงมองสาวใช้ที่ดูไม่ได้ด้อยไปกว่าบรรดาคุณหนู หนานกงมั่วยังเพิ่มเงินเดือนให้สาวใช้เป็นคนละสามตำลึง ทำให้บรรดาบ่าวรับใช้ทั้งหลายในจวนฉู่กั๋วกงต่างอิจฉา น่าเสียดายที่นายเรือนอื่นไม่มีใครใจกว้างและมีกำลังเท่ากับหนานกงมั่ว แม้แต่เจิ้งซื่อเองก็ยังทำมิได้ ทำเพียงให้เงินกับสาวใช้เคียงกายมากขึ้นครึ่งตำลึงเท่านั้น

“น้องสาว เจ้าหวังดีพี่สะใภ้เองก็รู้ แต่ว่า…บ่าวรับใช้ก็ต้องทำตัวให้เหมือนบ่าวรับใช้ เดินออกไปข้างนอกคนอื่นคงจะคิดว่าเป็นคุณหนูจวนเราได้” หลินซื่อเอ่ยเสียดสีเล็กน้อย

หนานกงมั่วเอ่ยเสียงเรียบ “พี่สะใภ้กังวลเกินไปแล้ว”

หุยเสวี่ยที่ปากไวนั้นอดไม่ได้ ก้าวขึ้นมาด้านหน้าหนึ่งก้าวพลางย่อตัวทำความเคารพ “ฮูหยินน้อยท่านกล่าวผิดแล้วเจ้าค่ะ เพราะคุณหนูใหญ่รักพวกเราจึงได้ให้รางวัล เมื่อออกไปข้างนอกผู้คนก็จะมองว่าคุณหนูใหญ่นั้นจิตใจกว้างขวางมีเมตตาต่อผู้น้อย ยิ่งไปกว่านั้น คุณหนูงดงามสูงส่ง สาวใช้อย่างเราจะไปเทียบคุณหนูได้เยี่ยงไรเจ้าคะ ไม่ว่าจะแต่งตัวอย่างไร เมื่อเดินออกไปพร้อมคุณหนูทุกคนก็ต้องมองออกว่าเราเป็นสาวใช้ของคุณหนู เพียงแต่งตัวงดงามให้คุณหนูอารมณ์ดีก็เท่านั้น ไยจึงกลายเป็นคุณหนูของจวนไปได้เล่าเจ้าคะ”

หลินซื่อส่งเสียงหยัน เอ่ยเสียงเรียบ “ข้าพูดกับคุณหนู บ่าวอย่างเจ้ามาแทรกแซงได้เยี่ยงไร”

หนานกงมั่วเอ่ย “หุยเสวี่ย ออกไปก่อนเถิด พี่สะใภ้ ท่านอย่าโทษพวกนางเลย ข้าชื่นชอบสิ่งสวยงาม มองเห็นพวกนางแต่งตัวงดงามข้าเองก็ดีใจ”

หลินซื่อเอ่ยเสียงเย็น “น้องสาวอายุยังน้อยมิรู้ความ ต่อไปหากแต่งออกไปยังจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องแล้วยังเป็นเช่นนี้เจ้าจะเสียใจเอาได้ หากรอถึงอนาคต…สาวใช้กลายมาเป็นพี่น้องแล้วจะมาเสียใจทีหลังได้”

สาวใช้ที่อยู่ตรงนั้นใบหน้าเปลี่ยนสี ด้านหลังมีเสียงเย็นของแม่นมหลานดังขึ้น “ฮูหยินน้อย วาจาเช่นนี้เป็นสิ่งที่พี่สะใภ้กล่าวกับน้องสามีได้หรือ” ฮูหยินน้อยผู้นี้เอ่ยวาจาเช่นนี้ต่อหน้าหญิงสาวที่ยังไม่ออกเรือน ช่างมิรู้จักกาลเทศะเอาเสียเลย หลินซื่อเองก็เกิดตระหนักขึ้นมา ทว่าไม่อาจยอมรับผิดต่อหน้าบ่าวรับใช้ได้ จึงจำต้องฝืนยิ้ม “ข้าหวังดีต่อน้องสาว”

แม่นมหลานเอ่ย “สิ่งที่ฮูหยินน้อยเอ่ยนั้นใช่ว่าจะไม่มี เพียงแต่มีเพียงสตรีที่ไร้ความสามารถเท่านั้นจึงจะทำเช่นนั้น หากมีเรื่องเช่นนั้นเกิดขึ้นก็มิใช่เรื่องใหญ่หากต้องจัดการ ไหนเลยจะมีค่าพอให้ฮูหยินน้อยต้องกังวลเจ้าคะ หากเพราะเหตุนี้แล้วต้องมีสาวใช้หน้าตาน่ารังเกียจ เมื่อพาออกไปก็คงขายหน้า คนอื่นอาจมองได้ว่าคนเป็นนายเองก็คงมิน่ายกย่องเช่นกัน”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *