หมอหญิงยอดมือสังหาร 348 พยายามคายออกมา (1)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 348 พยายามคายออกมา (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 348 พยายามคายออกมา (1)
เรือนที่เฉียวเฟยเยียนอาศัยอยู่นั้นค่อนข้างห่างไกล ไม่ใช่แค่ความห่างไกล ตอนนี้แม้แต่เฉียวเย่ว์อู่และเฉียวชิงหนิงก็ย้ายออกจากลานเดิมไปอยู่ร่วมกันกับเฉียวเฟยเยียนแล้ว มารดาและบุตรชาย ทั้งสามอาศัยอยู่ในเรือนเล็กๆ ด้วยความคับข้องใจ และทุกคนไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกับหนานกงซูที่มายังที่นี่ เกรงว่าสถานที่นี้จะไม่ใช่สถานที่หนานกงซูควรจะมา

ก่อนจะถึงเรือนนี้ ได้ยินเสียงโหวกเหวของหญิงสาว เสียงคร่ำครวญสลับกับสะอื้นไห้ดังลั่น

หนานกงซูยังคงนอนอยู่บนพื้น พิงแขนของหญิงรับใช้เคียงกาย ท่านหมอกำลังตรวจชีพจรของนางอย่างระมัดระวัง ชุดส่วนล่างของนางเต็มไปด้วยเลือด เพียงแค่มองเห็นเลือดที่ชุ่มโชก หนานกงมั่วก็ตกใจมาก แอบถอนหายใจอยู่ข้างใน ค่อนข้างแน่นอนแล้วว่าหนานกงซูได้แท้งลูกไปแล้ว

เฉียวเฟยเยียนยืนอยู่ข้างๆ ใบหน้าของนางยังคงเต็มไปด้วยน้ำตา ในทางกลับกันเฉียวเย่ว์อู่และเฉียวเชียนหนิงยังคงรอคอยการตรวจดูอาการหนานกงซูอย่างรู้สึกกดดัน สีหน้าขมขื่นอยู่บนพื้น หนานกงไหวยืนอยู่ข้างเฉียวเฟยเยียน คิ้วของนางขมวดมุ่นขึ้นมาทันที รู้สึกกังวลต่อสถานการณ์ตรงหน้าไม่น้อย

หมอเฒ่าลุกยืนขึ้น ถอนหายใจ ประสานมือไปทางหนานกงไหว “ข้าต้องขอโทษด้วย ฉู่กั๋วกง ชายชราเช่นข้าคงทำสิ่งใดให้ไม่ได้แล้ว…บุตรในครรภ์ของเย่ว์จวิ้นอ๋องและอนุนั้น…” รู้สึกหวาดกลัวจนตัวสั่น ก้มหัวลงท่าทางหวาดวิตก เหลือบมองไปยังคนรอบๆ หนานกงซู อายุครรภ์น้อยกว่าสามเดือนย่อมยังไม่แข็งแรงแท้งได้ค่อนข้างง่ายอยู่แล้ว

“ไม่จริง!” หนานกงซูกรีดร้องทันทีเมื่อได้ยินคำพูดนั้น นางร่ำไห้ออกมาครู่หนึ่ง แล้วคว้าชายเสื้อของหมอดึงเอาไว้ “ท่านหมอ ช่วยลูกข้าด้วยเถิด… ฮือ ฮือ ข้าอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีลูก…”

ท่านหมอเพียงถอนหายใจแล้วส่ายหัวเงียบๆ ข้าไม่ควรต้องมารับรู้เรื่องเช่นนี้เลย

หนานกงซูเหลือบเห็นหนานกงมั่วที่เพิ่งเข้ามา จึงปล่อยมือจากท่านหมอและพยายามดิ้นรนขยับตัวไปหาหนานกงมั่ว นางเอื้อมมือไปคว้าหนานกงมั่วไว้แต่เว่ยจวินมั่วเข้าไปขวางไว้ไม่ให้จับถูกได้ เมื่อมองไปที่ดวงตาเฉียบคมของเว่ยซื่อจื่อแล้ว หนานกงซูก็รู้สึกหวาดกลัวจนไม่กล้าเอื้อมมือไปหาหนานกงมั่วอีก นางเพียงร้องไห้ “พี่สาว โปรดช่วยลูกของข้าด้วยเถิด”

หมอเฒ่าที่อยู่ข้างๆ หันมองอย่างคาดหวัง แต่หนานกงมั่วกลับส่ายหัวไปมาเป็นคำตอบ เอ่ยเสียงเรียบ “เด็กในท้องของนางจากไปแล้ว” อายุครรภ์เพียงสามเดือนเท่านั้น เลือดออกมากทีเดียว คงเป็นเรื่องอัศจรรย์หากเด็กผู้นั้นยังมีชีวิตอยู่รอดได้

หมอเฒ่ายังเอ่ยอีกว่า “จวิ้นจู่กล่าวได้ถูกต้องแล้ว ท่านอนุ ไม่ใช่ว่า…ผู้เฒ่าเช่นข้าและจวิ้นจู่ไม่ต้องการช่วย แต่เด็กผู้นี้ได้จากไปแล้ว…” หลังจากดื่มยาไปแล้ว เมื่อจับชีพจรของหนานกงซูดูก็พบว่าเด็กได้จากไปแล้ว ทุกคนไม่กล้าขยับตัวส่งเสียงใด กระทั่งหนานกงซูค่อยๆ ทรุดลงไปกับพื้น ไม่มีผู้ใดสามารถช่วยนางได้เลย “ให้นางได้พักผ่อนสักหน่อยเถิด ข้าจะสั่งยาสำหรับพักฟื้นร่างกายให้”

“ไม่ได้!” หนานกงซูกัดฟัน กล่าวว่า “ลูกของข้าจะจากไปเช่นนี้ไม่ได้!”

หนานกงไหวขมวดคิ้ว เอ่ยเสียงเคร่งขรึม “เอาล่ะ ซูเอ๋อร์ อย่าเพิ่งคิดอันใดในยามนี้เลย สุขภาพของเจ้าสำคัญกว่าอื่นใด”

หนานกงซูจ้องมองหนานกงไหวด้วยความโกรธเคือง กัดฟันพลางเอ่ย “ลูกของข้าเป็นบุตรของเย่ว์จวิ้นอ๋อง เป็นเหลนของฝ่าบาท ชีวิตต้องชดใช้ด้วยชีวิตเท่านั้น!”

“ได้เช่นไร!” เมื่อได้ยินว่าบุตรของนางจากไปแล้ว เฉียวเย่ว์อู่ก็ร้อนรนขึ้นมา นางส่งเสียงโวยวายขึ้น “เจ้าทำให้แม่ของข้าล้มไป ไยถึงมาตำหนิข้าเช่นนี้เล่า”

“นางสารเลว!” ดวงตาของหนานกงซูดุดันขึ้นมา เอ่ยด้วยความโกรธจัด “เจ้าฆ่าลูกของข้า เจ้าต้องชดใช้ให้ข้า!”

“คุณหนูรอง” เฉียวเฟยเยียนก้าวไปข้างหน้าแล้วพูดทั้งน้ำตา “พวกเราไม่ต้องการให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น โปรดยกโทษให้เย่ว์อู่ด้วย นางสำคัญกับข้านัก… นางเพียงเข้าใจว่าท่านจะมาทำร้ายข้า นั่นคือสาเหตุว่าทำไมนางถึงได้ผลักท่านออกไป นางมิได้ตั้งใจผลักท่าน อีกทั้งยังเด็กอยู่เลย ข้าขอให้คุณหนูรองโปรดอภัยให้นางด้วยหากคุณหนูรองต้องการระบายความโกรธแล้วล่ะก็ เพียง…เอาชีวิตข้าไปแทนเถิด!”

“ท่านแม่!”

“เยียนเอ๋อร์!”

เฉียวเฟยเยียนกัดฟันเบาๆ เอ่ยไปพลางมีน้ำตาคลอในนัยน์ตา “หากคุณหนูรองต้องการการชดใช้ เอาชีวิตของข้าไปเถิด”

“ไร้สาระ!” หนานกงไหวเอ่ยเสียงเข้ม เอื้อมมือออกไปโอบเฉียวเฟยเยียนไว้ในอ้อมกอดของเขา “เรื่องนี้ยังมิได้รับการสืบสวน จะเอาชีวิตเจ้าไปได้เยี่ยงไร”

เมื่อได้ยินวาจาเช่นนี้ ใบหน้าของหนานกงซูก็พลันเปลี่ยนไปอย่างน่ากลัว จ้องเขม็งไปยังหญิงที่หนานกงไหวกำลังปลอบโยนอย่างทะนุถนอม ราวกับว่านางกำลังต้องการพุ่งเข้าไปทำร้ายหญิงผู้นั้นให้ตายตกไปเสีย เมื่อเฉียวเย่ว์อู่ที่อยู่ด้านข้างเห็นว่าเป็นเช่นนี้จึงเผยรอยยิ้มชนะหนานกงซูออกมา

งี่เง่า! หนานกงมั่วคิดอยู่ในใจ เป็นไปได้ด้วยหรือที่หนานกงไหวจะปกป้องนางได้ การสังหารเหลนฮ่องเต้สามารถทำได้โดยไร้ความผิดจริงหรือ หนานกงไหวลุกขึ้นมาปกป้องเฉียวเฟยเยียนเช่นนี้ เขาอาจจะต้องใช้ทุกอย่างในมือเพื่อทุ่มเทปกป้องนาง

“คารวะซื่อจื่อ ถวายพระพรซิงเฉิงจวิ้นจู่ ขอจวิ้นจู่และเว่ยซื่อจื่อโปรดช่วยท่านอนุและคุณชายน้อยของพวกข้าด้วย” สาวใช้เคียงกายของหนานกงซูยังพอมีไหวพริบอยู่บ้าง เมื่อเห็นว่าหนานกงไหวเข้าข้างคู่มารดาและบุตรเฉียวเฟยเยียนเช่นนี้ นางจึงเอ่ยขอร้องทันที หนานกงมั่วและเว่ยจวินมั่วจึงถูกดึงเข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ เป็นความจริงที่ท่านอนุแท้งลูกไปแล้ว หากฉู่กั๋วกงเพิกเฉยเพราะต้องการช่วยคนทำผิดก็จะต้องหาคนมาเป็นแพะรับบาปอย่างแน่นอน ซึ่งบ่าวรับใช้ที่ดูแลท่านอนุได้ไม่ดีพอก็มักจะเป็นตัวเลือกที่ดี แน่นอนว่าพวกนางย่อมไม่อยากเป็นแพะรับบาป

คงไม่มีใครโง่พอจะรับความผิดที่ไม่ได้ก่อได้ เมื่อเห็นว่าเป็นเช่นนี้แล้ว สาวใช้เคียงกายของหนานกงซูต่างก็ก้มลงคุกเข่าให้กับหนานกงมั่วและเว่ยจวินมั่ว ราวกับว่าหนานกงไหวกำลังจะปิดปากพวกนาง ทำให้หนานกงมั่วต้องเลิกคิ้วขึ้นแต่ก็ไม่ได้นึกใส่ใจมากนัก จริงอยู่ที่คนพวกนี้ขอให้นางช่วยเหลือ แต่สุดท้ายแล้วก็เพียงแค่ต้องการมีชีวิตอยู่ ความจริงแล้วหากพวกนางจะผิดในเรื่องนี้ก็คงมีส่วนเล็กน้อยเท่านั้นเอง ส่วนนางและเว่ยจวินมั่วมาถึงที่นี่หลังจากที่ทุกอย่างเกิดขึ้นไปแล้ว ไม่ว่าอยากจะดึงพวกตนไปเกี่ยวข้องด้วยอย่างไรก็ย่อมไม่สามารถมีส่วนรู้เห็นด้วยได้ คงช่วยเหลือได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่า…นางและหนานกงซูมิได้อยู่ฝ่ายเดียวกันอยู่แล้ว

ถึงแม้ว่าศัตรูของศัตรูจะไม่จำเป็นต้องเป็นมิตรกัน แต่ก็ถือว่ายังสามารถร่วมมือเป็นครั้งคราวได้

หนานกงไหวจ้องเขม็งไปยังหนานกงมั่วและเว่ยจวินมั่ว หากไม่มีสองคนนี้ เป็นไปได้ที่หนานกงไหวจะปิดปากใครไปจริงๆ สำหรับหนานกงซูแล้ว ลูกสาวไร้สมองผู้นี้คงไม่ยากที่จะเกลี้ยกล่อมนาง แต่อย่างไรก็ตามในเมื่อมีหนานกงมั่วและเว่ยจวินมั่วอยู่ที่นี่ด้วย จึงเป็นพยานได้ว่าหนานกงซูแท้งลูกไปแล้วจริงๆ

เมื่อมองลึกเข้าไปยังดวงตาของหนานกงไหว หนานกงมั่วก็รู้สึกขบขันเล็กน้อยภายในใจ ในความเห็นของนาง สมองของหนานกงไหวคงจะไม่ค่อยดีนัก แม้ว่าหนานกงซูจะโง่อย่างไรทว่าที่สูญเสียไปคือเลือดเนื้อเชื้อไขของนาง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการต่อสู้ภายในเรือนหลังของจวนเย่ว์จวิ้นอ๋อง หากหนานกงไหวคิดจะพยายามเกลี้ยกล่อมหนานกงซู คงเป็นเรื่องแปลกประหลาดทีเดียว แม้ว่าหนานกงซูจะเกรงกลัวหนานกงไหว แต่ใครจะยืนยันได้บ้างว่านางจะไม่กลับไปร้องห่มร้องไห้ใหญ่โต มองดูหญิงที่สูญเสียลูกไปแล้วก็รู้สึกว่าหนานกงไหวช่างน่าสมเพช

หนานกงมั่วโบกมือเบาๆ เอ่ยขึ้น “เอาล่ะ พวกเจ้าลุกขึ้นได้แล้ว ช่วยประคองน้องรองให้ลุกขึ้นด้วยเถิด คงไม่ดีต่ออาการของนางนัก”

สาวรับใช้รู้สึกใจชื้นขึ้น เข้าใจว่าหนานกงมั่วคงไม่ละทิ้งพวกตนไป จึงกล่าวขอบคุณนางในทันทีแล้วจึงก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วยประคองให้หนานกงซูลุกขึ้นยืน

หนานกงซูจ้องเขม็งมองเฉียวเฟยเยียนซึ่งถูกประคองไว้ในอ้อมแขนของหนานกงไหว ด่าทอขึ้นว่า “นางสารเลว! ข้าจะรอดูว่าท่านพ่อจะปกป้องเจ้าได้แค่ไหน ลูกของข้าย่อมสำคัญกว่าเจ้าและลูกทั้งสองของเจ้า พวกเจ้าก็เป็นเพียงพวกไร้ค่าต่ำต้อยเท่านั้น” เฉียวเฟยเยียนตกใจท่าทางถมึงทึงของหนานกงซู นางทรุดตัวลงไปในอ้อมแขนของหนานกงไหว เอ่ยอย่างหวาดกลัว “คุณหนู คุณหนู…ท่านเข้าใจผิดแล้ว”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *