หมอหญิงยอดมือสังหาร 988 ตัวตนของสายลับ (2)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 988 ตัวตนของสายลับ (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 988 ตัวตนของสายลับ (2)

“ดังนั้น คงต้องรบกวนหนิงอ๋องเดินทางไปด้วยตนเองสักครั้ง” คุณชายเว่ยเอ่ยออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ

หนิงอ๋องโมโหขึ้นมา “ข้าเพิ่งมาได้ห้าวันเองนะ”

“อืม พระองค์ว่างมาห้าวันแล้ว เฉินโจวและเอ้อกั๋วกงคงต้องยกให้เป็นหน้าที่ของพระองค์แล้ว” คุณชายเว่ยพยักหน้าพลางเอ่ย หนิงอ๋องกัดฟัน “ข้าจะต้องขายเฉินโจวของเจ้าให้เซียวเชียนเยี่ยแน่”

เห็นได้ว่าเยี่ยนอ๋องเองก็เห็นด้วยกับแผนการนี้ พยักหน้าเอ่ย “น้องสิบสี่ ในเมื่อเป็นเช่นนี้คงต้องรบกวนเจ้าไปสักครั้งได้หรือไม่”

“พี่สาม….” หนิงอ๋องโอดครวญ เยี่ยนอ๋องยิ้ม เอ่ย “จวินเอ๋อร์หวังดี น้องสิบเจ็ดคิดว่าบัญชาการกองกำลังไท่หนิงหรือกองทัพโยวโจวชินมือกว่ากันเล่า”

สีหน้าหนิงอ๋องพลันเปลี่ยน มองไปยังเยี่ยนอ๋อง “พี่สามวางใจข้าหรือ”

เยี่ยนอ๋องเอ่ย “เจ้ากับข้าเป็นพี่น้อง มีอันใดไม่วางใจเล่า”

หนิงอ๋องส่งเสียงหยัน เงียบไปชั่วครู่ในที่สุดจึงพยักหน้า “ได้ ในเมื่อพี่สามเอ่ยเช่นนี้ ข้าก็จะไปสักครั้ง เพียงแต่…”

“…” เจ้ายังจะสร้างเรื่องอันใดอีก

หนิงอ๋องยิ้มบางๆ “ซิงเฉิงจวิ้นจู่ไปกับข้าเถิด” เอ่ยยังไม่ทันจบ หนิงอ๋องก็พลิกตัวไปหลบอยู่ด้านหลังเซียวเชียนชื่อ หลบหลีกจากการโจมตีของเว่ยจวินมั่ว “เว่ยจวินมั่ว เจ้าอย่ามาสั่งการข้าอย่างคล่องมือนัก เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้หรือว่าเจ้ามีศัตรูร้ายกาจอยู่ ให้ข้าปลอมตัวเป็นเจ้าหลอกคนอื่น ต้องให้ยอดฝีมือมาคุ้มกันข้าด้วยหรือไม่”

“กระหม่อมจะส่งคนไปคุ้มกัน เพียงพอต่อความปลอดภัยของพระองค์” เว่ยจวินมั่วเอ่ยเสียงเย็น

หนิงอ๋องไม่พอใจ “ข้าไม่วางใจ ข้าต้องการให้ซิงเฉิงจวิ้นจู่ไปคุ้มกัน มิเช่นนั้น…เจ้าก็ไปเองแล้วกัน”

น่าเสียดาย คุณชายเว่ยกลับไม่รับรอยยิ้มนั้น เพียงพยักหน้าเบาๆ “ก็ดีเหมือนกัน” เขาไม่คิดว่าตนเองจำเป็นต้องอยู่ที่เมืองเผิง แม้เสด็จลุงจะบาดเจ็บหนัก แต่มีหนิงอ๋องและเฉินอวี้ก็เพียงพอที่จะบัญชาการกองทัพโยวโจวได้แล้ว

“ไม่ได้” นี่เป็นเสียงของเยี่ยนอ๋อง

“ข้าไป” นี่เป็นเสียงของหนานกงมั่ว เว่ยจวินมั่วหันหน้ามองไปยังหนานกงมั่ว ดวงตาสีม่วงเต็มไปด้วยความไม่พอใจ

หนานกงมั่วเม้มริมฝีปากยิ้ม แอบยื่นมือไปเกี่ยวนิ้วมือข้างซ้ายของคุณชายเว่ย เอ่ยเสียงเบา “ข้าเป็นห่วงเสด็จแม่และเด็กๆ ทั้งสอง อยากกลับไปดูพวกเขาสักหน่อย”

ดวงตาเว่ยจวินมั่วทะมึนขึ้น พวกเขาออกมานาน เด็กทั้งสองเองก็ไม่ใช่เด็กทารกเพิ่งคลอดที่ยังไม่รู้เรื่องรู้ราว แม้ว่าอู๋สยาไม่ได้เอ่ยปากแต่เขาเองก็รู้ว่าอู๋สยาคิดถึงเด็กๆ ทั้งสอง แต่ว่า…

หนานกงมั่วเอ่ยเสียงเบา “มีอาจารย์อาอยู่ที่เฉินโจว ข้าจะมีอันตรายได้หรือ เสด็จลุงหนิงอ๋องเพียงอยากทำให้ท่านโกรธก็เท่านั้น ไม่ให้ข้าไปอยู่ในสนามรบกับพระองค์จริงๆ หรอก ข้าไปเยี่ยมเสด็จแม่และเด็กทั้งสองแล้วจะกลับมา หากทุกฝ่ายรวดเร็วสักหน่อย ไม่แน่ว่าพวกเราอาจได้เจอกันที่ริมฝั่งแม่น้ำหลี”

เว่ยจวินมั่วนิ่งเงียบอยู่นานก่อนจะพยักหน้าเบาๆ ทว่ายังคงมองหนิงอ๋องด้วยสายตาเย็นชา ดวงตามีแววข่มขู่ไม่ต้องเอ่ยออกมาก็รู้ได้ หนิงอ๋องส่งเสียงเหอะออกมาแสดงออกว่าตนเองไร้ซึ่งคำโต้เถียง แยกกันเพียงสิบวันครึ่งเดือนเท่านั้นเองมิใช่หรือ อย่ามาทำเหมือนข้าเป็นคนเลวที่มาแยกคู่รักออกจากกันอย่างไรอย่างนั้น ซิงเฉิงจวิ้นจู่ไม่ไปด้วย ใครจะเชื่อว่าเว่ยจวินมั่วไปแล้วจริงๆ

เยี่ยนอ๋องพยักหน้า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ไปเตรียมตัวเถิด”

“เสด็จพ่อ ข้าไปเฉินโจวกับเสด็จอาสิบเจ็ดได้หรือไม่” เซียวเชียนจย่งเอ่ยขึ้น

เยี่ยนอ๋องเลิกคิ้ว “เพื่ออันใด”

เซียวเชียนจย่งเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ “ก็ไปจับหยวนชุนไงพ่ะย่ะค่ะ หากหม่อมฉันจับเอ้อกั๋วกงได้…”

หนิงอ๋องหัวเราะออกมา เอ่ย “เจ้าไปจับหนานกงไหวก็ได้”

เซียวเชียนจย่งชะงัก ลูบปลายจมูกเอ่ยพึมพำ “เอ้อกั๋วกงเก่งกาจกว่าหนานกงไหวนี่นา” เอ้อกั๋วกงถึงจะเป็นวีรบุรุษในสนามรบจริงๆ หนานกงไหวเป็นเพียงคนตัวเล็กๆ ก็เท่านั้น ในสายตาของคุณชายเซียวสาม แน่นอนว่าเอ้อกั๋วกงร้ายกาจยิ่งกว่า

เยี่ยนอ๋องครุ่นคิดอยู่นาน ในที่สุดจึงพยักหน้า เอ่ย “อย่าสร้างความวุ่นวายให้เสด็จอาสิบเจ็ดของเจ้า”

“ลูกรับบัญชาพ่ะย่ะค่ะ” เซียวเชียนจย่งรีบลุกขึ้น เอ่ยเสียงดัง

ความมืดกำลังปกคลุม ผู้คนในกองทัพมองเห็นคุณชายเว่ยและซิงเฉิงจวิ้นจู่อีกทั้งคุณชายเซียวสามนำองครักษ์หลายคนเดินทางออกจากค่ายทหารไปยังทิศทางใดไม่รู้ได้ ทหารทั่วไปแน่นอนไม่รู้ว่าพวกเขาไปที่ใด เพียงคิดว่าทั้งสามอาจจะว่างไปเดินเล่นหรือเยี่ยนอ๋องอาจสั่งการให้ไปจัดการอันใดบางอย่าง เพียงแต่ข่าวที่ถูกส่งต่อไปให้ใครบางคนย่อมแตกต่างออกไป

“เว่ยจวินมั่วไปแล้วหรือ” ในกระโจมแห่งหนึ่ง ขุนพลอายุสี่สิบต้นๆ ในชุดเกราะสงครามใบหน้าทะมึนเอ่ยถามขึ้น

“ขอรับ ท่านแม่ทัพ ข้าน้อยเห็นเองกับตาว่าคุณชายเว่ย ซิงเฉิงจวิ้นจู่และคุณชายเซียวสามพาคนออกจากค่ายไป ไม่ได้กลับมาขอรับ”

นายทหารชั้นสูงกัดฟัน “คุณชายเว่ย…แผนการมากมาย ก่อนหน้านี้ติดกับเขาหลายครั้ง ครั้งนี้…”

“แต่ว่า หากคุณชายเว่ยกลับเฉินโจวไปจริงๆ เช่นนั้นฝั่งเอ้อกั๋วกงก็คงไม่อาจช่วยได้แล้ว” กองทัพทหารหกแสนนาย แม่ทัพเก่าแก่วีรบุรุษหนึ่งเดียวนอกจากหนานกงไหวที่ติดตามอดีตฮ่องเต้ก่อตั้งประเทศ หากต้องมาตายที่เฉินโจวแทบไม่กล้าจินตนาการ

นายทหารชั้นสูงผู้นั้นเองก็ดูดิ้นรน ข่าวเมื่อหลายครั้งก่อนที่ถูกส่งไปยังจินหลิงทำให้ราชสำนักเสียหายอย่างมาก เขารู้ว่าคุณชายเว่ยเริ่มสงสัยนายทหารชั้นสูงในกองทัพเป็นสายลับแล้ว แต่ว่า…ข่าวเช่นนี้ทำให้คนยากที่จะเลือกได้ “รอไปก่อน”

“ขอรับ ท่านแม่ทัพ เวลาเร่งด่วน ขอท่านแม่ทัพ…”

“ข้ารู้ ไปสืบให้ชัดเจน ในเมื่อคุณชายเว่ยไปแล้ว ธุระในกองทัพถูกส่งมอบให้ผู้ใด”

“ตอบท่านแม่ทัพ เป็นหนิงอ๋องขอรับ เมื่อครู่ข้าเห็นองครักษ์ข้างกายเยี่ยนอ๋องนำตราประทับส่งไปที่กระโจมของหนิงอ๋อง อีกทั้งหนิงอ๋องยังเรียกพบเฉินอวี้และเยี่ยนอ๋องซื่อจื่อด้วยขอรับ”

นายทหารชั้นสูงผู้นั้นนิ่งคิดอยู่นาน ในที่สุดจึงพยักหน้า “ส่งข่าวการเดินทางของคุณชายเว่ยและซิงเฉิงจวิ้นจู่ออกไป…ช่างเถิด เดี๋ยวข้าไปเอง อย่างอื่น…พวกเราก็คงทำอันใดไม่ได้แล้ว” ข่าวก่อนหน้านี้ผิดพลาดไปหลายครั้ง เขาจำเป็นต้องให้คำอธิบายกับเบื้องบน เรื่องนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจหลบเลี่ยงได้

“ขอรับ”

กลางดึก เงาดำพุ่งตัวออกจากกระโจมอย่างรวดเร็ว เพียงแต่เพิ่งออกมาได้ไม่ถึงห้าลี้ก็ต้องหยุดลง มองไปยังภาพหน้าตกใจตกหน้า ตรงหน้าเขาห่างออกไปไม่ไกล ร่างสูงยืนองอาจอยู่ท่ามกลางแสงจันทร์ แสงจันทร์สาดส่องลงมาบนใบหน้าหล่อเหลาของเขาทำให้ใบหน้าที่เดิมเย็นชาเคร่งขรึมคล้ายกับปกคลุมไปด้วยแสงสีเงินอันอ่อนโยน ภาพนั้นควรเป็นภาพที่งดงาม ทว่าคนที่อยู่ในภาพนั้นเพียงพอที่จะทำให้เขาตกใจจนเสียสติ

“ท่านไม่ได้ไปหรือ”

“ติดกับแล้วหรือ” หัวใจของเขาหนักอึ้ง หมุนตัวคิดอยากวิ่งหนีไป เพียงแต่ด้านหลังห่างออกไปมีไม่กี่คนกำลังยืนอยู่ เฉินอวี้ เซียวเชียนชื่อ เซียวเชียนเหว่ยอีกทั้งนายทหารชั้นสูงไม่กี่คน

“ท่านวางแผนได้ดี” เห็นว่าหมดหนทางหนีแล้ว ชายชุดดำจึงหันมาเผชิญหน้ากับเว่ยจวินมั่ว กัดฟันเอ่ย “ท่านรู้มาตั้งแต่แรกแล้ว…ถึงตัวตนของข้า ข่าวก่อนหน้านี้ ตั้งใจปล่อยออกมาหรือ”

เว่ยจวินมั่วเอ่ยเสียงเรียบ “ไม่ ข้าเพิ่งมั่นใจตอนนี้ว่าเจ้าเป็นใคร”

ใบหน้าเฉินอวี้เข้มขึ้นมาอย่างหาได้ยาก เอ่ย “คุณชายเว่ยไม่รู้จริงๆ ว่าใครเป็นสายลับ ดังนั้นจึงเพียงบอกกับข้าว่า ผ่านยามจื่อ[1]ไปแล้ว ผู้ใดไม่อยู่ในกระโจมของตนเองผู้นั้นก็คือสายลับ” ชายชุดดำสูดหายใจเข้าลึก เอ่ยอย่างไม่ยอมแพ้ “หากข้าส่งคนอื่นไปแล้วเล่า”

เซียวเชียนเหว่ยยิ้มพลางเอ่ย “ขุนพลสื่อ ท่านอย่าได้ดิ้นรนไปเลย เรื่องสำคัญเพียงนี้ ท่านจะส่งคนอื่นไปแทนได้เยี่ยงไร ยิ่งไปกว่านั้นความผิดพลาดติดต่อกันหลายครั้งก่อนหน้านี้ หากท่านไม่ไปด้วยตนเองเกรงว่า…ราชสำนักคงสงสัยว่าท่านเองคงเข้าร่วมกับจวนเยี่ยนอ๋องแล้ว ตั้งใจส่งข่าวผิดๆ ไปให้กระมัง”

ชายชุดดำส่งเสียงหยัน เงยหน้าขึ้นกระชากผ้าที่คลุมใบหน้าออกเผยให้เห็นใบหน้าเด็ดเดี่ยวเคร่งขรึม เพียงแต่ใบหน้านี้ไม่ได้จิตใจดีและมีความภักดีอีกต่อไปแล้ว ทว่าเต็มไปด้วยความไม่ยอมแพ้และความโกรธแค้น “ก่อนหน้านี้…ที่ซื่อจื่อและคุณชายรองทะเลาะกัน เจ้าเองก็คงทำเต็มที่ไม่น้อยกระมัง” รู้ว่าคนผู้นี้เป็นสายลับ เฉินอวี้ก็ยากจะยอมรับอยู่ในใจ คนผู้นี้คล้ายกับว่าจะเข้ามาอยู่ในกองทัพพร้อมกับเขา เป็นพี่น้องที่เคยร่วมรบมาด้วยกัน แม้ว่าเขา จูหง และเซวียเจินจะเลื่อนขั้นขึ้นมาสูงกว่าพวกเขาสักหน่อย ความสัมพันธ์ของทุกคนนั้นไม่เลวมาโดยตลอด เป็นสหายที่ร่วมเป็นร่วมตายกันมาหลายปี ใครจะคิดว่าจะมีสักวันที่ต้องมายืนอยู่คนละฝั่ง

ขุนพลสื่อเองก็ไม่โต้แย้ง เพียงปรายตามองเซียวเชียนชื่อสองพี่น้อง เอ่ย “เอ่ยเพียงไม่กี่ประโยคเท่านั้น นับว่าได้ออกแรงอยู่หรือ เยี่ยนอ๋องมีชื่อเสียงเป็นวีรบุรุษผู้กล้า น่าเสียดาย…หากไม่ใช่ว่ามีคุณชายเว่ย เกรงว่าตอนนี้คนที่พ่ายแพ้คงมิใช่ข้ากระมัง”

ได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของเซียวเชียนชื่อสองพี่น้องพลันแปรเปลี่ยน เซียวเชียนชื่อละอายใจสีหน้าแดงขึ้นมา เซียวเชียนเหว่ยกลับมีสีหน้าเขียวคล้ำขึ้น

เฉินอวี้กัดฟันเอ่ย “ท่านอ๋องปฏิบัติต่อเจ้าเป็นอย่างดี ไยเจ้าจึงต้องทำเช่นนี้”

“ฮ่า” ขุนพลสื่อราวกับได้ยินเรื่องน่าขัน “ปฏิบัติอย่างดีกับข้าหรือ ท่านอ๋องปฏิบัติอย่างดีกับพวกเจ้ามากกว่ากระมัง ข้ามีอันใดที่สู้พวกเจ้าไม่ได้ เรื่องอันใดเจ้าได้เป็นแม่ทัพข้าต้องเป็นรองแม่ทัพ ผลงานความดีความชอบข้าน้อยกว่าพวกเจ้าหรือข้าไม่เคยช่วยชีวิตท่านอ๋องหรือ” เฉินอวี้เอ่ย “เพราะเรื่องนี้ เจ้าถึงได้ทรยศท่านอ๋องอย่างนั้นหรือ ไม่เพียงทำลายกองทัพโยวโจว เจ้ายังเกือบเอาชีวิตท่านอ๋องด้วยอย่างนั้นหรือ เจ้าอย่าลืมเสีย ชีวิตของเจ้าก็เป็นท่านอ๋องที่เก็บกลับมาจากสนามรบ”

ขุนพลสื่อชะงัก ไม่นานจึงยิ้มขมขื่นออกมา เอ่ย “ตอนนี้มาเอ่ยเรื่องเหล่านี้จะมีประโยชน์อันใด เจ้าเอ่ยไม่ผิด นับตั้งแต่วันที่ข้าเป็นสายลับให้อดีตฮ่องเต้…ก็รู้แล้วว่าสักวันต้องมีวันนี้”

เฉินอวี้ถอนหายใจ “ที่แท้เจ้าก็เป็นสายลับของอดีตฮ่องเต้”

ขุนพลสื่อสีหน้าจนปัญญา “เริ่มแรก…ข้าเพียงไม่พอใจที่พวกเจ้าได้เลื่อนขั้น ไม่ได้คิดอันใดมาก ใครจะรู้ว่าคนของอดีตฮ่องเต้จะมาหาข้าในตอนนั้น เดิมทีข้าก็ไม่อยากตอบรับ เพียงแต่…แต่ว่าต่อมาข้าก็ทำด้วยความเต็มใจ” เพียงแต่ไม่รู้ว่าสาเหตุเป็นเพราะความก้าวหน้าในตำแหน่งของตนเองหรือไม่พอใจสหายร่วมกองทัพจนกลายเป็นศัตรูก็ไม่อาจรู้ได้ หรือเพราะรู้สึกว่าเยี่ยนอ๋องปฏิบัติกับตนอย่างไร้ความเป็นธรรมทำให้คิดว่าตนเองนั้นทำถูกต้อง ยิ้มขมขื่นพร้อมส่ายศีรษะ ขุนพลสื่อเองก็ไม่เอ่ยสิ่งใดให้มากความ ทว่าทุกคนกลับรู้ดีอยู่ในใจ อดีตอ๋องเต้อยากบีบบังคับใครให้ทรยศ เกรงว่าบนโลกใบนี้คงไม่มีใครทนได้

“ในเมื่อคุณชายเว่ยอยู่ที่นี่ คิดว่า…ข่าวในครั้งนี้เองก็เป็นเรื่องโกหกสินะ น่าเสียดายทุกท่านรีบร้อนเกินไป ข้ายังไม่ทันได้ส่งข่าวออกไป ส่วนข้าจะฆ่าจะแกงก็แล้วแต่พวกท่าน”

เฉินอวี้เอ่ย “เจ้าคิดว่าคุณชายเว่ยหรือหนิงอ๋องไปยังเฉินโจวแตกต่างกันอย่างไร อย่าลืมเสีย กองกำลังไท่หนิงเป็นคนของหนิงอ๋อง ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดไป นอกเสียจากเซียวเชียนเยี่ยอยากทอดทิ้งเอ้อกั๋วกงและกองทัพกว่าหกแสน มิเช่นนั้นไม่ช่วยไม่ได้ คืนนี้…”

“ข้าเข้าใจแล้ว” เรื่องในคืนนี้ทั้งหมดนั้นพุ่งเป้ามาที่เขาเพียงคนเดียว คุณชายเว่ยไม่ได้สนใจว่าจะมีคนส่งข่าวออกไปหรือไม่

“เรื่องที่เหลือ เจ้าไปเอ่ยต่อหน้าท่านอ๋องเถิด” เฉินอวี้หมุนตัว ไม่อยากมองหน้าอดีตสหายอีกแล้ว

[1] ยามจื่อ หมายถึงช่วงเวลา 23:00-01:00 น.

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *