หมอหญิงยอดมือสังหาร 774 ยกทัพ รองแม่ทัพ (2)
ตอนที่ 774 ยกทัพ รองแม่ทัพ (2)
เซวียเจินเองก็พยักหน้าตาม เอ่ย “บวกกับทหารที่ปิดล้อมเมืองโยวโจวนับแสนกว่านาย รวมทั้งหมดมีทหารสามแสนกว่าแล้ว” อีกทั้ง ราชสำนักยังสามารถส่งกองกำลังมายังทางเหนือได้เรื่อยๆ ต่อให้อย่างอื่นขาด ต้าเซี่ยนั้นพื้นที่กว้างใหญ่ ผู้คนมากมาย พลทหารแน่นอนว่าไม่ขาด แต่ว่าโยวโจวไม่เหมือนกัน เดิมทีโยวโจวก็เป็นพื้นที่คนน้อย กองกำลังรักษาการณ์โยวโจวมีทหารทั้งหมดไม่ถึงสี่แสน ทั้งยังต้องป้องกันเป่ยหยวนที่อยู่ทิศเหนือ ยังต้องมาสู้รบกับราชสำนัก กำลังเสริมของโยวโจวที่สามารถเติมได้นั้นมีไม่มาก
เยี่ยนอ๋องส่งเสียงหยัน กวาดตามองแผนที่ตรงหน้า เอ่ยเสียงเรียบ “เสบียงอาหารของกองกำลังหรือ โจมตีหลายพื้นที่สักหน่อย แน่นอนว่าจะมีเอง”
เฉินอวี้ เซวียเจินมองสบตา หัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ “ท่านอ๋องกล่าวถูกแล้ว” แม้สถานการณ์จริงไม่ได้ง่ายอย่างที่เยี่ยนอ๋องเอ่ย เพียงแต่เยี่ยนอ๋องเอ่ยเช่นนี้เห็นว่าคงไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่พวกเขาคิดแล้ว
“ราชสำนักเคลื่อนทัพแล้ว ท่านอ๋อง…พวกเราเองก็ควรลงมือแล้ว” เนี่ยนหย่วนที่นั่งอยู่ด้านข้างเอ่ยขึ้นเสียงเบา
เยี่ยนอ๋องพยักหน้าเล็กน้อย เงียบไปชั่วครู่ก่อนจะเอ่ย “ไต้ซือกล่าวได้ไม่เลว”
ได้ยินเช่นนั้น ผู้คนที่นั่งอยู่ตรงนั้นต่างรู้สึกสั่นไหวอยู่ในใจ ไม่ว่าก่อนหน้าจะน่าเกลียดมากเพียงใด ความจริงก็ยังมีพื้นที่ให้ได้วกกลับ แม้พวกเขาจะรู้ว่าเยี่ยนอ๋องไม่มีทางยอมจำนนต่อเซียวเชียนเยี่ย แต่ว่า…เมื่อเยี่ยนอ๋องยกทัพอย่างแท้จริงเป็นปฏิปักษ์กับราชสำนักแล้ว ย่อมไม่มีทางหวนกลับมาได้อีกครั้งแล้ว ห้องโถงใหญ่เงียบอยู่นาน เสียงของเยี่ยนอ๋องดังขึ้นมาอีกครั้ง “ถ่ายทอดคำสั่งของข้าให้ทั้งแผ่นดินได้รับรู้ ฝ่าบาทปลิ้นปล้อน ให้ร้ายจูอ๋อง สังหารเสด็จอา ข้ายึดบัญชาของอดีตฮ่องเต้…กำจัดขุนนางประจบสอพลอ เพื่อความสงบสุขของประเทศ”
“กระหม่อมยอมตายเพื่อติดตามท่านอ๋อง” ห้องโถงใหญ่ เหล่าขุนพลเอ่ยขึ้นโดยพร้อมเพรียง
ด้านข้างเยี่ยนอ๋อง เนี่ยนหย่วนยิ้มไม่เอ่ยวาจา เว่ยจวินมั่วนิ่งเงียบไร้เสียง
ต้าเซี่ย วันที่สามเดือนห้า รัชศกเฉิงอานปีที่สอง เยี่ยนอ๋องป่าวประกาศการคืนความสงบสุขของประเทศออกไปเป็นลายลักษณ์อักษร ชั่วพริบตาผู้ต่างพากันแตกตื่น
ปีเกิงเซิน มีป่าวประกาศเนื้อความว่า
บิดาข้าคือกษัตริย์ผู้รวบรวมแผ่นดินทุกหนแห่ง รวมเป็นหนึ่งเดียว สร้างปัญญาชน ป้องกันประเทศ สั่งสมมาอย่างยาวนาน ไร้ซึ่งขอบเขต ฮ่องเต้พระองค์ใหม่สืบต่อบัลลังก์อาศัยอำนาจ ไม่ยึดตามบรรพบุรุษ ใช้อำนาจในทางมิควร ทำลายชินอ๋อง เป็นภัยต่อแผ่นดิน จูอ๋องไร้ความผิดกลับต้องทุกข์ลำบาก… แต่งตั้งเด็กเสเพล เคลื่อนกำลังพลสังหารไปทั่วหล้า เมื่อเจอกับการเข่นฆ่าจึงเกิดความปรารถนาที่จะช่วยเหลือ จำต้องเคลื่อนทัพเผชิญหน้ากับภัยร้าย ยอมทรยศเพื่อตอบแทนบิดาข้า
บุรุษอายุน้อยมุทะลุ ไม่บันยะบันยัง ทั้งยังหมิ่นผีสางเทวดา ปรักปรำจองหอง ไม่รักษาขนบธรรมเนียม ทำเอาแต่ตามใจชอบ ไร้ซึ่งความรับผิดชอบ เบื้องบนพิโรธและมอบบทลงโทษลงมา เมื่อภัยพิบัติมาถึง ย่อมไม่มีใครรอดพ้นไปได้ ผู้คนมากมายต้องมอบชีวิตเพื่อสยบภัยพิบัติ ตลอดจนราชสำนักต้องปกป้องผืนแผ่นดินมั่นคงตลอดไป วิญญาณอันบริสุทธิ์ของบิดาข้าอยู่บนสวรรค์คอยเฝ้ามองเพื่อปกป้องคุ้มครอง ป่าวประกาศไปทั่วกัน ให้จดจำฝังลึกลงในใจ
รับสั่งถูกป่าวประกาศไปทั่วแผ่นดิน ผู้มีแนวคิดถอดถอนใจโอดครวญ ผู้คนทั่วไปนั้นตื่นตระหนกเมื่อกำลังจะเกิดความโกลาหล ราชสำนักจินหลิงเกิดเสียงสาปแช่ง เหล่าผู้ปกครองเมืองกลับลอบปรบมือยินดีอยู่ในใจ
ด่านจื่อจิงในยามนี้ ผู้คนส่วนใหญ่แน่นอนว่ายังไม่รับรู้ถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ผู้คนกำลังหารือต่อการรับมือกองกำลังจากราชสำนักที่กำลังยกทัพมาถึง ได้รับจดหมายยินดีจากเหล่าอ๋อง จากนี้ต่อไปกลับต้องเตรียมรับมือการสู้รบอย่างจริงจังแล้ว
เฉินอวี้มองเยี่ยนอ๋อง ลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยถามว่า “ท่านอ๋อง ยามนี้กองกำลังของราชสำนักกำลังจะมาถึง ฝั่งเมืองโยวโจวก็ควรรีบจัดการโดยเร็วที่สุด” เมื่อก่อนไม่แตะต้องโยวโจวเป็นเพราะไม่อยากให้เหล่าฉีซั่วต้องจนตรอกเท่านั้น อีกด้านคือให้เวลากับตัวเองได้เตรียมตัวให้เรียบร้อย ยามนี้ในเมื่อราชสำนักลงมือก่อนแล้ว พวกเขาลงมือก็ไม่นับว่าเสียมารยาท แน่นอนว่าต้องรีบจัดการกับโยวโจวก่อนที่กองทัพของอี๋ชุนโหวจะมาถึง มิเช่นนั้นยามพวกเขากำลังต่อสู้อย่างดุเดือดกับราชสำนักตรงหน้า เบื้องหลังครอบครัวกลับย่อยยับกระทั่งต้องสูญสิ้น เช่นนี้แล้วจะได้อันใด
เยี่ยนอ๋องพยักหน้า เขาเองก็คิดเช่นนี้
“ผู้ใดยินยอมยกทัพล่วงหน้ากลับไปสนับสนุนโยวโจว”
“กระหม่อมยินดีพ่ะย่ะค่ะ”
“กระหม่อมยินดีพ่ะย่ะค่ะ” ผู้คนเอ่ยอย่างพร้อมเพรียง
เว่ยจวินมั่วลุกขึ้น เอ่ยเสียงเข้ม “กระหม่อมยินดีพ่ะย่ะค่ะ”
เซียวเชียนเหว่ยเอ่งก็ลุกขึ้น “เสด็จพ่อ ลูกเองก็อยากกลับไปช่วยเสด็จแม่และพี่น้องพ่ะย่ะค่ะ”
เยี่ยนอ๋องขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปยังเว่ยจวินมั่ว เว่ยจวินมั่วไม่เอ่ยสิ่งใดมากความ ดวงตาสีม่วงมีเพียงแววตาอันมั่นคงหนักแน่น เยี่ยนอ๋องถอนหายใจ เอ่ย “ช่างเถิด ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เว่ยจวินมั่ว ข้ายกให้เข้าเป็นรองผู้บัญชาการนำกำลังแสนนายเข้าล้อมโยวโจว เซียวเชียนเหว่ย เจ้าเป็นผู้ช่วยรองผู้บัญชาการฟังคำสั่งจากรองผู้บัญชาการทั้งหมด”
“กระหม่อมรับบัญชาพ่ะย่ะค่ะ”
“รับบัญชาพ่ะย่ะค่ะ” ทั้งสองคนเอ่ยตอบรับพร้อมเพรียง
เฉิวอวี้และเซวียเจินที่ยืนอยู่ด้านข้างมองสบตากัน ดวงตามีความตื่นตกใจพาดผ่าน เยี่ยนอ๋องมีแม่ทัพในมือมากมาย ในนั้นมีเฉินอวี้ เซวียเจิน และจูหงเป็นผู้นำ ดังนั้นทั้งสามคนจึงแบ่งทัพออกเป็นสามทัพใหญ่ หนึ่งในนั้นทัพกลางมีกำลังทหารมากที่สุด แต่ว่าตอนนี้จูหงแม่ทัพกลางกลับอยู่ห่างออกไปไกลที่ชายแดน และเยี่ยนอ๋องยังแต่งตั้งเว่ยจวินมั่วขึ้นมาเป็นรองผู้บัญชาการ นั่นหมายความว่ากองกำลังสายกลางนั้นยกให้เว่ยจวินมั่วทั้งหมด โชคดีที่ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาไม่ว่าอยู่ภายใต้จงหงหรือเซี่ยลี่คุณชายเว่ยต่างก็มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ หากเป็นคนอื่นถูกเยี่ยนอ๋องดึงขึ้นมาเช่นนี้ไม่รู้จะเรียกว่าโชคดีหรือโชคร้าย คุณชายเว่ยอายุยังไม่ถึงยี่สิบห้า แต่กลับเพียงพอให้เยี่ยนอ๋องดึงขึ้นมาเทียบเคียงกับแม่ทัพใต้บัญชาทั้งสามแล้ว
หากทั้งสองคนนี้รู้ว่า คราแรกเยี่ยนอ๋องตั้งใจจะแต่งตั้งเว่ยจวินมั่วขึ้นเป็นผู้บัญชาการกองกำลังรักษาการณ์โยวโจว เกรงว่าคงตกใจจนอ้าปากค้างเป็นแน่ เทียบกับแม่ทัพที่ควบคุมกองทัพเกือบสี่แสน เยี่ยนอ๋องนับว่าได้เลื่อนขั้นไปทีละขั้นตามลำดับแล้ว
เยี่ยนอ๋องมองหลายชายและบุตรชาย พยักหน้า เอ่ย “ไปเถิด โยวโจวยังมีพระชายา พี่น้อง คงต้องยกให้เป็นหน้าที่ของพวกเจ้าแล้ว”
ทั้งสองยกมือขึ้นประสานก้าวถอย หมุนตัวเดินออกจากห้องโถงไป
กลางดึก เรือนหลังหนึ่งในจวนเยี่ยนอ๋อง เฉินซื่อนั่งเหม่อลอยอยู่คนเดียวภายใต้แสงเทียน ใบหน้าซีดดูหมองคล้ำ ประตูเกิดมีเสียงเคลื่อนไหว เฉินซื่อตกใจรีบหันกลับไปมอง ทว่ามองเห็นสาวใช้ของตนกำลังยกถาดโจ๊กยืนอยู่หน้าประตู จึงถอนหายใจออกมา สาวใช้ยกโจ๊กมาวางลงบนโต๊ะ เมื่อเปิดฝาออกมากลิ่นหอมจึงลอยปะทะจมูก หลายวันมานี้นางเกิดความหวาดระแวง ไม่ได้กินอันใดมากนัก ยามนี้เห็นโจ๊กเนื้อไก่ที่ตนเองโปรดปราน ท้องก็หิวขึ้นมา
“ท่านไม่ได้ทานข้าวเย็นเท่าใดนัก บ่าวจึงให้ห้องครัวต้มโจ๊กมาให้เจ้าค่ะ ท่านทานสักหน่อยเถิดนะเจ้าคะ” สาวใช้เอ่ยเกลี้ยกล่อมเสียงแผ่วเบา
เฉินซื่อพยักหน้า ยอมให้สาวใช้เลื่อนโจ๊กที่กำลังส่งกลิ่นหอมมาอยู่ตรงหน้า กินไปหนึ่งคำ เฉินซื่อจึงเอ่ยถาม “ซื่อจื่อยังไม่กลับมาหรือ”
สาวใช้มองไปนอกประตู เอ่ยเสียงกระซิบ “บ่าวได้ยินมาว่า…ท่านอ๋องเคลื่อนทัพแล้วเจ้าค่ะ บอกว่าจะกำจัดขุนนางประจบสอพลออันใดสักอย่าง อีกทั้งได้ยินมาว่าราชสำนักเองก็กำลังส่งกองทัพหลายแสนมุ่งหน้ามายังโยวโจว ซื่อจื่อและคุณชายสามกำลังหารือกันอยู่ในห้องหนังสือ บอกว่าคืนนี้ไม่กลับมาแล้วเจ้าค่ะ”
ช้อนในมือของเฉินซื่อสั่นเทา “กำจัดขุนนางสอพลอหรือ กองทัพหลายแสน…เช่นนั้น เจ้าว่าฝ่าบาทจะโกรธครอบครัวของข้าไปด้วยหรือไม่”
Comments