หมอหญิงยอดมือสังหาร 553 ถอยหลัง ก่อนจากไป (2)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 553 ถอยหลัง ก่อนจากไป (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 553 ถอยหลัง ก่อนจากไป (2)

เซียวเชียนเยี่ยเงียบ จ้องมองหนานกงมั่วนิ่ง

หนานกงมั่วยิ้มบาง “ได้มาจากหลินกุ้ยเฟยเพคะ ดังนั้นเอ่ยได้ว่า…หากพระสนมหลินกุ้ยเฟยยังไม่ได้ ไม่แน่ว่าพระองค์อาจรับรู้เรื่องนี้เร็วกว่านี้แล้วเพคะ” แน่นอนเซียวเชียนเยี่ยยังจำได้ การตายของพระสนมหลินกุ้ยเฟยเองเขาก็มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ไม่คิดว่าหญิงแก่คนนั้นก่อนตายยังเปิดช่องทางไว้ให้ตนเองด้วย

เอ่ยถึงพระสนมหลินกุ้ยเฟย หนานกงมั่วยังรู้สึกละอายใจอยู่บ้าง พระสนมหลินตายไปเสียอย่างนั้น ความจริงเพราะต้องการารักษาความลับเรื่องราชโองการ แม้ตัวนางจะไม่รู้ว่าเนื้อหาในราชโองการคือสิ่งใด ทว่าราชโองการนี้กลับถูกนางเอามาแลกเปลี่ยนกับชีวิตของเว่ยจวินมั่ว เพียงแต่…หลังจากที่เว่ยจวินมั่วถูกควบคุมตัวไปยังคุกหลวงหนานกงมั่วก็เปิดดูเนื้อหาในราชโองการแล้ว เนื้อหาไม่ได้ต่างจากที่นางคาดเดาเอาไว้มากนัก เอ่ยตามตรง…ราชโองการเช่นนี้ไม่คุ้มกับชีวิตของพระสนมหลินกุ้ยเฟยเลย แน่นอนหวังว่าเซียวเชียนเยี่ยได้ราชโองการไปแล้วจะไม่โกรธจนเป็นลม

“เอ่ยเช่นนี้…ขอเพียงข้าปล่อยเว่ยจวินมั่ว เจ้าก็จะนำราชโองการมาให้ข้า และสาบาน ว่าจะไม่เปิดเผยออกไปใช่หรือไม่” เซียวเชียนเยี่ยไม่อยากเอ่ยถึงพระสนมหลินกุ้ยเฟย เอ่ยดึงหัวข้อสนทนากลับคืนมา

หนานกงมั่วยักไหล่ เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ฝ่าบาทล้อเล่นแล้ว”

เห็นเซียวเชียนเยี่ยกำลังจะโกรธ หนานกงมั่วจึงเอ่ย “ฝ่าบาทคิดว่าหม่อมฉันเป็นเด็กสามขวบหรือ วันนี้พระองค์ปล่อยจวินมั่วออกมา ใครจะรู้ว่าพรุ่งนี้จะไม่กลับเข้าไปอีกเล่า”

“เช่นนั้นเจ้าจะเอาเยี่ยงไร” เซียวเชียนเยี่ยเอ่ยเสียงเย็น

หนานกงมั่วเอ่ย “ขอฝ่าบาทประกาศออกไปว่าคดีสังหารผู้สืบทอดโจวอ๋องและอันจวิ้นอ๋องไม่เกี่ยวอันใดกับจวินมั่วและเชียนจย่ง นอกจากนี้..พวกหม่อมฉันจะไปจากจินหลิง ขอฝ่าบาทช่วยเปิดทางด้วยเพคะ”

เงื่อนไขของหนานกงมั่วเซียวเชียนเยี่ยไม่แปลกใจเลยสักนิด แต่ก็ดีใจไม่ออก เอ่ยเสียงเย็น “พวกเจ้าหรือ”

“คุณชายทั้งสามจวนเยี่ยนอ๋อง หม่อมฉัน จวินมั่ว และองค์หญิงฉังผิงเพคะ” หนานกงมั่วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

“ไม่ได้” เซียวเชียนเยี่ยปฏิเสธ “พวกเจ้าไปได้ เสด็จอาฉังผิงต้องอยู่ที่นี่”

หนานกงมั่วมองเซียวเชียนเยี่ยเงียบๆ ส่ายศีรษะ เอ่ย “ในเมื่อฝ่าบาทยอมถอยแล้ว ไยจึงไม่ยินยอม บิดามารดาอยู่ ไม่หนีจาก หากเสด็จแม่ยังอยู่จินหลิง เสด็จแม่ก็มีเพียงจวินมั่วเพียงผู้เดียว พวกเราจะทิ้งเสด็จแม่ไว้ผู้เดียวได้เยี่ยงไร นอกจากนี้ เอ่ยให้ไม่น่าฟังสักนิด…หากจวินมั่วคิดจะทำอันใด ฝ่าบาทคิดว่า…องค์หญิงฉังผิงเพียงคนเดียวจะกดเอาไว้ได้จริงหรือเพคะ”

สีหน้าของเซียวเชียนเยี่ยพลันเปลี่ยน มองรอยยิ้มเย็นของหนานกงมั่ว เอ่ย “เจ้ารู้อยู่แล้ว”

หนานกงมั่วหลุบตาลง เอ่ยเสียงเรียบ “หากไม่ใช่เพราะเช่นนี้ ฝ่าบาทจะสร้างเรื่องยุ่งยากเหล่านี้ไปไยเพคะ ฝ่าบาท หากเชื่อฟังคำทำนายมากเกินไป ไม่แน่ว่าอาจทำให้คำทำนายเป็นจริงก็ได้ หากไร้เหตุ จะมีผลได้เยี่ยงไรเพคะ”

เซียวเชียนเยี่ยยิ้มเย็นทว่าไม่เอ่ยสิ่งใด หนานกงมั่วเลิกคิ้วสวยขึ้น ไม่สนใจ

เนิ่นนาน เซียวเชียนเยี่ยจึงเอ่ย “สิ่งที่เจ้าเอ่ย…ข้ารับปากได้ เอาราชโองการมา”

รอยยิ้มของหนานกงมั่วหายไป “ฝ่าบาทล้อเล่นหรือ ฝีมือของฝ่าบาทหม่อมฉันเห็นแล้วหลายต่อหลายครั้ง ดังนั้น ก่อนออกจากจินหลิง หม่อมฉันจะนำเครื่องคุ้มกันชีวิตตนเองออกมาได้เยี่ยงไร” เซียวเชียนเยี่ยหรี่ตาลงใบหน้าเย็นราวกับน้ำค้างแข็ง หนานกงมั่วยังคงมีสีหน้าเรียบนิ่ง เอ่ยเสียงเรียบ “ด้วยนิสัยของหม่อมฉัน แน่นอนว่ายึดหลักฟันต่อฟัน ฝ่าบาทลงมือกับจวนเยี่ยนอ๋องอย่างต่อเนื่อง หม่อมฉันกลับไม่ได้เอาคืนเลยสักครั้ง รู้สึกถูกเอาเปรียบมาตลอด”

“เจ้ากำลังข่มขู่ข้าหรือ” เซียวเชียนเยี่ยเอ่ย หนานกงมั่วมองเซียวเชียนเยี่ยที่นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรอย่างหวาดระแวง ยิ้มร่าออกมาอย่างอดไม่ได้ “ฝ่าบาทไม่ต้องกังวล หม่อมฉันยังไม่มีความกล้าพอที่จะลอบสังหารฝ่าบาทในวังหรอกเพคะ”

เซียวเชียนเยี่ยส่งเสียงหยัน เอ่ยจริงจัง “พอแล้ว ข้าไม่อยากฟังเจ้าเอ่ยเหลวไหล เงื่อนไขที่เจ้าบอกข้ารับปาก จะปล่อยเว่ยจวินมั่วเดี๋ยวนี้ สามวันหลังจากนี้ส่งพวกเจ้าออกจากเมือง เจ้าคิดจะมอบราชโองการให้ข้าเยี่ยงไร”

หนานกงมั่วเอ่ย “รบกวนฝ่าบาทส่งคนคุ้มกับพวกเราเดินทาง หลังจากออกจากจินหลิงสองร้อยลี้แล้วหม่อมฉันจะนำแผนที่ที่เก็บราชโองการมอบให้กับผู้ที่ไปส่ง จากนั้น พวกเราจะเดินทางด้วยตนเอง ฝ่าบาทก็ไปรับราชโองการด้วยตนเอง เป็นอย่างไรเพคะ”

“ข้าจะเชื่อเจ้าได้เยี่ยงไร” เซียวเชียนเยี่ยเอ่ยถาม

หนานกงมั่วกลอกตาอย่างเบื่อหน่าย “เช่นเดียวกันหม่อมฉันก็จะถามกลับฝ่าบาท หม่อมฉันจะเชื่อฝ่าบาทได้เยี่ยงไรเพคะ” บรรยากาศในห้องทรงอักษรทะมึนขึ้นมา เนิ่นนาน มีเพียงเสียงหัวเราะของเซียวเชียนเยี่ยดังขึ้น “ข้าจะเชื่อเจ้าอีกสักครั้ง เพียงแต่ เจ้าจำเอาไว้ หากข้าไม่ได้ของ…หนานกงฮุย หนานกงชวี่ อีกทั้งคนที่เกี่ยวข้องกับเจ้าในเมืองจินหลิงทุกคน ข้าจะไม่ปล่อยเอาไว้แม้แต่คนเดียว”

หนานกงมั่วยักไหล่ เอ่ย “เอาล่ะ ฝ่าบาทคิดว่าวางใจได้เป็นพอเพคะ” เอ่ยราวกับนางโกหกหลายต่อหลายครั้ง

“หึ…” เซียวเชียนเยี่ยเอ่ยเสียงเย็น “นอกจากนี้ ในเมื่อจวิ้นจู่จะไปจากจินหลิง เช่นนั้นตำแหน่งซิงเฉิงจวิ้นจู่…”

หนานกงมั่วไม่ใส่ใจ “ตามสบายเถิดเพคะ” แตกหักกับฮ่องเต้เพียงนี้แล้ว ยังจะเอาตำแหน่งที่อดีตฮ่องเต้ให้ไว้ทำไมกันเล่า อย่างมากก็เพียงได้รับผลกำไรจากพื้นที่ปกครองของตนเองก็เท่านั้น นางไม่ได้ขาดเงินเสียหน่อย

เซียวเชียนเยี่ยเองก็ไม่เกรงใจ จรดปลายพู่กันลงในม้วนผ้าไหมสีเหลืองทองที่มีกระดาษว่างเปล่าไม่กี่บรรทัด ประทับตราประจำพระองค์แล้วโยนให้หนานกงมั่ว หนานกงมั่วยื่นมือไปรับมาไว้ในมือ “ด้วยโองการแห่งสวรรค์ ฮ่องเต้ทรงมีพระบัญชา ซิงเฉิงจวิ้นจู่ไม่เคารพต่อฮ่องเต้ ถอดถอนตำแหน่งจวิ้นจู่ลดเป็นสามัญชน บุตรชายขององค์หญิงฉังผิงเว่ยจวินมั่วไม่เกี่ยวข้องกับคดีสังหารผู้สืบทอดโจวอ๋อง หลุดพ้นจากการจำคุก จบราชโองการ”

ช่างเรียบง่ายและหยาบคาย ไม่เคารพต่อฮ่องเต้บ้าอันใดกัน เอาเถิด…บางทีท่าทางเช่นนี้ของนางอาจจะเรียกได้ว่าไม่เคารพต่อฮ่องเต้ก็เป็นได้

เก็บราชโองการ หนานกงมั่วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ขอบพระทัยฝ่าบาท หนานกงมั่วทูลลา”

“ไสหัวไปเสีย”

ในจวนเยี่ยนอ๋อง องค์หญิงฉังผิงและเหล่าเซียวเชียนชื่อนั่งรออยู่ในห้องโถงอย่างร้อนใจ ได้ยินเสียงยินดีของบ่าวไพร่ด้านหน้าจวนดังเข้ามา “คุณชายกลับมาแล้ว จวิ้นจู่กลับมาแล้ว”

องค์หญิงฉังผิงดีใจ รีบลุกเข้าไปรับ “จวินเอ๋อร์”

“เสด็จแม่” เว่ยจวินมั่วและหนานกงมั่วจูงมือกันเดินเข้ามา ด้านหลังคือเซียวเชียนจย่งที่มีท่าทีเขินอายเล็กน้อย องค์หญิงฉังผิงจับมือและมองสำรวจทั้งสองคน ก่อนจะถอนหายใจออกมา จากนั้นหันไปมองสำรวจเซียวเชียนจย่งด้วยความใส่ใจ เอ่ย “อยู่ในห้องขังลำบากหรือไม่ ไยใบหน้าของจย่งเอ๋อร์ถึงได้ไม่น่ามองเช่นนี้”

เซียวเชียนจย่งรีบโบกปัดมือ เอ่ย “ไม่พ่ะย่ะค่ะ เสด็จอา เพียงนอนไม่หลับเท่านั้น” มองดูญาติผู้พี่ที่ยังคงสีหน้าเรียบนิ่งด้านข้างอย่างละอายใจ ทั้งๆ ที่ทั้งสองเข้าไปอยู่ในห้องขังด้วยกัน ไยพี่ชายออกมาแล้วยังคงหล่อเหลาสง่างามเช่นเดิมเล่า ไยจึงมีเพียงเขาที่ดูเหมือนไปติดคุกมาคนเดียว

องค์หญิงฉังผิงพยักหน้า “ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว อาให้คนต้มน้ำแกงให้เจ้า บำรุงร่างกายให้ดี”

เซียวเชียนจย่งดวงตาเป็นประกาย “ขอบพระทัยเสด็จอา เสด็จอารักจย่งเอ๋อร์ที่สุดแล้ว” หลายวันมานี้กินเพียงอาหารจืดเจื่อนในห้องขัง เซียวเชียนจย่งหิวไม่ไหวแล้ว เมื่อได้ยินว่ามีของกิน ดวงตาพลันเปล่งประกายขึ้นมา หนานกงมั่วที่อยู่ด้านข้างเห็นท่าทีตะกละของเซียวเชียนจย่งจึงส่ายศีรษะ เอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ “อย่าพึ่งคิดถึงเรื่องกิน ทำเรื่องที่เกิดขึ้นครั้งนี้ให้ชัดเจนเสียก่อน”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *