หมอหญิงยอดมือสังหาร 571 ผู้ใต้บัญชาของเยี่ยนอ๋อง (2)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 571 ผู้ใต้บัญชาของเยี่ยนอ๋อง (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 571 ผู้ใต้บัญชาของเยี่ยนอ๋อง (2)
เว่ยจวินมั่วพยักหน้า มองไปยังหลิ่วและเวย หลิ่วเอ่ยจริงจัง “ข้าน้อยขอติดตามฮูหยิน ฮูหยินได้โปรดอย่าได้ทอดทิ้งเลยเจ้าค่ะ”

หนานกงมั่วพยักหน้า ไม่แปลกใจนัก นางสนิทกับหลิ่วและเวย หลิ่วเป็นสตรี นิสัยของเวยไม่เหมาะกับการอยู่ในกองทัพ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเจ้าก็ติดตามข้าเถิด เพียงแต่…ในเมื่อไม่เป็นมือสังหารแล้ว ก็เปลี่ยนชื่อได้แล้วใช่หรือไม่” ไม่ว่าจะเป็นฝัง หรือหลิ่ว ต่างก็เป็นเพียงฉายา ในเมื่อไม่ได้เป็นมือสังหารแล้วแน่นอนว่าสามารถใช้ชื่อเดิมของตนเองได้

ฝังเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ขอรับ ข้าน้อยเจี่ยนชิวหยาง”

ลิ่นฉังเฟิงเลิกคิ้ว เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “รู้จักกันมานานเพียงนี้ ข้าพึ่งรู้จักชื่อของเจ้าเป็นครั้งแรก”

ฝังยิ้มไม่ตอบอันใด ความจริงคนแบบเขาในวังจื่อเซียวนั้นมีอยู่มาก ทำอาชีพมือสังหารจนลืมชื่อเดิมของตนเอง

หลิ่วยิ้มบาง เอ่ย “ข้าชื่อหลิ่วหัน เป็นชื่อที่ข้าตั้งเองเจ้าค่ะ”

ทุกคนหันไปมองเวยอย่างพร้อมเพรียง เวยยังคงหน้านิ่ง เอ่ยเสียงเรียบ “ซิงเวย” เขาไม่มีชื่อ และไม่คิดจะตั้งชื่อใหม่ให้ตนเองด้วย เขาคือมือสังหารซิงเวย เป็นผู้ติดตามฮูหยินแล้วก็ยังคงเป็นซิงเวย

เวยพูดน้อยมาตลอด คนอื่นๆ เองก็ไม่ว่าอันใด ฝังจะเข้าไปอยู่ในกองทัพต้องมีชื่อที่รับได้ แต่เวยกลับไม่มีความจำเป็นนั้น ต่อไปทำหน้าที่ติดตามหนานกงมั่ว ชื่ออันใดก็ไม่เป็นไร

หนานกงมั่วพยักหน้าบอกใบ้ว่ายอมรับชื่อนี้ได้ จากนั้นจึงเอ่ย “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หลิ่วหันและซิงเวยติดตามข้า ชิวหยางและฉังเฟิงช่วงนี้ช่วยข้าจัดการกับทรัพย์สินในโยวโจวให้เรียบร้อย จากนั้นข้าตั้งใจจะยกให้เสด็จแม่เป็นคนจัดการดูแล มีแม่นมหลานคอยช่วยเหลือ เสด็จแม่เองคงไม่เหนื่อยมาก” ระหว่างที่เอ่ยหนานกงมั่วหันไปหาเว่ยจวินมั่ว แน่นอนว่าเว่ยจวินมั่วไม่มีข้อโต้แย้ง เสด็จแม่พึ่งมาอยู่ที่โยวโจว ควรหาสิ่งใดทำเพื่อไม่ให้คิดมาก และจะได้ไม่เบื่อ

แม่นมหลานเอ่ยตอบรับอย่างนอบน้อม “บ่าวน้อมรับคำสั่งเจ้าค่ะ”

หนานกงมั่วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ต่อไปข้ากับจวินมั่วคงไม่ค่อยได้อยู่บ้าน ที่บ้านคงต้องรบกวนแม่นมหลานแล้ว”

“บ่าวมิกล้า คุณหนูเอ่ยหนักไปแล้วเจ้าค่ะ บ่าวต้องช่วยคุณหนูและท่านบุตรเขยจัดการงานต่างๆ ตามคำสั่งให้ดีแน่นอนเจ้าค่ะ” แม่นมหลานเอ่ย

“ดีมาก เช่นนั้นที่เหลือก็คงรอให้เรือนซ่อมปรับปรุงเสร็จแล้ว พวกเราย้ายเข้าไปก็คงไม่เป็นไรแล้ว” หนานกงมั่วยิ้มอย่างผ่อนคลาย

ลิ่นฉังเฟิงเลิกคิ้ว “คุณหนูใหญ่ ไหนเลยจะผ่อนคลายเพียงนั้นเล่า ปรับปรุงเรือนนั่นก็อีกเรื่อง คนที่เราพามาคงไม่เพียงพอ การเพิ่มคนยากกว่าการซ่อมแซมเรือนมากทีเดียว” เรือนนั้นไร้ซึ่งชีวิต ส่วนคนนั้นมีชีวิต การซ่อมปรับปรุงเรือนเพียงแค่บอกว่าต้องการแบบใด ให้เงินเพียงพอก็พอแล้ว ทว่าการเลือกคนใช่ว่าจะเป็นเรื่องง่าย ไม่เพียงจัดการเรื่องต่างๆ ตามคำสั่งได้ ยังต้องซื่อสัตย์อีกด้วย

หนานกงมั่วเลิกคิ้ว เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เรื่องนี้…คงต้องรบกวนคุณชายฉังเฟิงแล้ว”

ลิ่นฉังเฟิงหน้าดำขึ้นมาทันใด “เป็นข้าอีกแล้ว พวกเจ้าว่างทำอันใดกัน”

หนานกงมั่วยิ้มตาหยี “ไม่ใช่พึ่งซื้อที่ดินนอกเมืองกว่ากี่พันหมู่หรือ ข้ากับจวินมั่วต้องไปดูด้วยตนเองน่ะสิ”

คุณชายฉังเฟิงส่งสายตาร้ายกาจให้กับนาง ทว่าภายใต้สายตาข่มขู่ของเว่ยจวินมั่วจึงจำต้องยอมรับไปเงียบๆ ช่างเหมือนกัน ไร้มนุษยธรรม คุณชายอย่างข้าผูกมิตรไม่ระวังจริงๆ เลย คุณชายฉังเฟิงลอบบ่นอยู่ในใจ

การมาขององค์หญิงฉังผิงและเว่ยจวินมั่ว แน่นอนว่าไม่อาจเงียบไปเช่นนี้ได้ แม้ว่าคืนที่พวกเขามาเยี่ยนอ๋องจะจัดงานเลี้ยงในจวนเพื่อเป็นการต้อนรับไปแล้ว ทว่าเยี่ยนอ๋องยังคงให้ความสำคัญเลือกฤกษ์ดีในการจัดงานเลี้ยงเพื่อประกาศไปยังตระกูลผู้มีอิทธิพลในเมืองโยวโจวและเชิญพวกเขามาร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้ด้วย ความจริงงานเลี้ยงนี้ควรจัดตั้งแต่พวกเขามาถึงโยวโจวเมื่อสองวันแรก เพียงแต่ตอนนั้นผู้ใต้บังคับบัญชาของเยี่ยนอ๋องหลายคนยังอยู่ในการฝึกฝนกลางสนามรบยังไม่กลับมา ดังนั้นเยี่ยนอ๋องจึงเลื่อนออกไปเพื่อรอให้พวกเขากลับมาก่อนค่อยว่ากัน

เพื่อแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของน้องสาวและหลานชาย เยี่ยนอ๋องไม่เพียงเชิญผู้ใต้บังคับบัญชาในกองทัพ เชิญแม้กระทั่งขุนนางของราชสำนักและพ่อค้าที่มีชื่อเสียงในโยวโจวด้วย วันนี้พวกหนานกงมั่วทั้งสองพึ่งกลับมาจากนอกเมือง คนของเยี่ยนอ๋องก็รีบเข้ามาเชิญทั้งสองไปยังห้องหนังสือ ดังนั้นทั้งสองจึงต้องรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าและตรงไปยังห้องหนังสือของเยี่ยนอ๋อง

ห้องหนังสือของเยี่ยนอ๋องไม่ได้เงียบสงบเหมือนที่เคยเป็น ด้านในมีคนนั่งอยู่กว่าเจ็ดแปดคน มองเห็นพวกเขาปรากฏตัวอยู่หน้าประตู เสียงพูดคุยจอแจจึงหยุดลงทันใด มองมายังทั้งสองโดยพร้อมเพรียง เมื่อมองเห็นพวกเขาแล้วเยี่ยนอ๋องจึงเอ่ยทักทายเสียงดัง “จวินมั่ว มั่วเอ๋อร์ พวกเจ้าเข้ามาเถิด”

“ถวายพระพรเสด็จลุง” ทั้งสองเข้าไปทำความเคารพพร้อมกัน

เยี่ยนอ๋องโบกมือบอกพวกเขาไม่ต้องมากพิธี เอ่ยถาม “ข้าได้ยินมาว่าสองวันมานี้พวกเจ้าออกไปนอกเมืองบ่อยๆ หรือ”

เว่ยจวินมั่วพยักหน้าเบาๆ เอ่ย “อู๋สยาซื้อที่ดินที่อยู่นอกเมืองเล็กน้อย พวกเราจึงออกไปดูพ่ะย่ะค่ะ”

เยี่ยนอ๋องขมวดคิ้ว มองไปยังหนานกงมั่ว แน่นอนเขารู้ว่าช่วงนี้หนานกงมั่วทำอันใด สำหรับความสามารถของหลานสะใภ้ผู้นี้ เยี่ยนอ๋องนับว่าพึงพอใจเป็นที่สุด เพียงแต่… “ก่อนหน้านี้เจ้าบอกข้าว่าอยากไปอยู่ในกองทัพ ตอนนี้ไยจึงคิดอยากซื้อที่ดินเล่า ทำไมหรือ กลัวข้าไม่มีอาหารให้พวกเจ้ากินหรือ”

ได้ยินเช่นนั้น สายตาที่ทุกคนมองมายังหนานกงมั่วจึงแปลกออกไป

หนานกงมั่วยังคงยิ้มหวาน เอ่ย “เสด็จลุงล้อเล่นแล้วเพคะ หม่อมฉันเอามาทำอย่างอื่น เพียงแต่…ตอนนี้ยังไม่กล้าเอ่ยกับเสด็จลุง เสด็จลุงวางใจ ไม่รบกวนงานหลักแน่นอนเพคะ” เยี่ยนอ๋องพยักหน้า มีความสามารถก็อีกเรื่อง เขาไม่ชอบคนที่ชอบล้มเลิกกลางคัน “ช่างเถิด ในเมื่อเจ้าเอ่ยเช่นนี้ ข้าเองก็จะไม่ถามเจ้าว่าอยากทำอันใด”

ผู้คนที่นั่งอยู่รอบข้างอดไม่ได้ แม่ทัพที่ดูอายุราวๆ สี่สิบต้นๆ เอ่ยถาม “ท่านอ๋อง ผู้นี้…ฮูหยินน้อยก็จะไปอยู่ในกองทัพหรือพ่ะย่ะค่ะ” คุณชายเว่ยมาคงถูกท่านอ๋องดึงเข้าไปอยู่ในกองทัพ เรื่องนี้พวกเขาพอเดาได้ แต่ว่า…ไปอยู่ในกองทัพยังต้องพาภรรยาไปด้วยจะดูมากเกินไปหรือไม่

มองดูหนานกงมั่วที่ดูงดงามอ่อนหวานดั่งบุบผา ทุกคนจึงคิดว่าบุตรชายของต้าจั่งกงจู่ผู้นี้ห่างจากภรรยาไม่ได้ ท่านอ๋องเองก็ตามใจคุณชายเว่ยเกินไป หากเป็นซื่อจื่อหรือคุณชายพาชายาหรือชายารองเข้าไปอยู่ในกองทัพด้วย คงถูกท่านอ๋องโบยจนลุกไม่ขึ้นเป็นแน่

เยี่ยนอ๋องปรายตามองพวกเขา เอ่ยเสียงเรียบ “ทำไมหรือ พวกเจ้าไม่เห็นด้วยหรือ”

ทุกคนเอ่ยขึ้นมา “ท่านอ๋อง กองทัพมิใช่สถานที่ที่สตรีจะเข้าไปได้ตามอำเภอใจไม่ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ”

เยี่ยนอ๋องเลิกคิ้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “หากพวกเจ้าสามารถหาสตรีที่สามารถเข้าไปตัดศีรษะของคนทรยศในกองทัพของจังติ้งฟังคนเดียวได้ ข้าก็จะให้นางเข้าออกกองทัพได้ตามใจชอบเช่นกัน”

ทุกคนเอ่ยอันใดไม่ออกกะทันหัน เรื่องราวของซิงเฉิงจวิ้นจู่พวกเขาเองก็เคยได้ยินมาบ้าง ทว่ามองดูสตรีงดงามตรงหน้าที่ดูเหมือนเพียงนิ้วจิ้มก็ล้มได้แล้ว พลันไม่สามารถเอานางไปเชื่อมโยงกับอดีตซิงเฉิงจวิ้นจู่ที่อดีตฮ่องเต้เคยแต่งตั้งได้ นี่…คือคนผู้นั้นจริงๆ น่ะหรือ นึกถึงตอนที่ได้ยินข่าวนี้พวกเขายังนึกสงสารคุณชายเว่ย ช่างแต่งงานกับแม่เสือที่แข็งเกร่งและกล้าหาญแล้วจริงๆ

“แต่ว่า แต่ว่า…” แต่ว่าอยู่นาน ทว่านอกจากเรื่องเพศแล้ว ก็ยังหาเหตุผลอื่นมาสนับสนุนไม่ได้

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *