หมอหญิงยอดมือสังหาร 423 ข้าโกหกเขา (2)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 423 ข้าโกหกเขา (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 423 ข้าโกหกเขา (2)
ฝังพยักหน้า เอ่ยว่า “อย่างน้อยสำหรับคนทั่วไป เมืองนี้ถือว่าตัดขาดจาดโลกภายนอกแล้วขอรับ” และแน่นอนว่าไม่นับคนอย่างพวกเขา ทหารในดินแดนของเย่ว์จวิ้นอ๋องหยุดมือสังหารของวังจื่อเซียวไม่ได้ ทว่าคนเยอะเช่นนี้ อยากจะปิดบังสถานะคงมิใช่เรื่องง่าย เกรงว่าตอนนี้เซียวเชียนเยี่ยคงจะรู้แล้วว่าพวกเขาอยู่ที่นี่

เรื่องที่ฝังคิดได้แน่นอนว่าหนานกงมั่วก็ต้องคิดได้ นางส่ายหน้าแล้วจึงเอ่ย “ไม่เป็นไร ต่อให้เขาไม่รู้ พวกเราทุกคนก็ต้องไปหาเขาอยู่ดี เซียวเชียนเยี่ยมีแผนเช่นไร สืบเจอแล้วหรือไม่”

ฝังพยักหน้า เอ่ย “ครั้งนี้เย่ว์จวิ้นอ๋องพาหมอและยาสมุนไพรมาด้วยไม่น้อยขอรับ แต่ว่า…”

หนานกงมั่วเลิกคิ้ว นางมองเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย ฝังถอนหายใจแล้วจึงเอ่ย “แต่ว่า ดูเหมือนว่าเย่ว์จวิ้นอ๋องไม่ได้จะช่วยคน แต่…จะให้หมอเหล่านั้นคิดหาวิธีป้องกันการแพร่กระจายของโรคระบาดบนเขา คนของเขากำลังคิดหาวิธีกำจัดคนบนเขาขอรับ”

เกิดโรคระบาดในยุคนี้นับเป็นเรื่องที่น่ากลัวที่สุด ดังนั้นหากควบคุมไม่ได้ วิธีจัดการของราชสำนักส่วนใหญ่คือเผาให้ราบ แต่ว่า…โรคระบาดที่เกิดขึ้นในเมืองหรือหมู่บ้านต่างจากโรคระบาดที่เกิดบนเขาโดยสิ้นเชิง เขาลั่วหยางอยู่ระหว่างเมืองสองเมือง สัตว์ป่าในภูเขามีมากมายนับไม่ถ้วน มีคนกี่คนบนเขาพวกเขาก็ไม่รู้ หากจะฆ่าคนทั้งหมด ไม่ระดมกำลังทหารหลายแสนนายย่อมไม่มีทางทำได้ น่าเสียดายที่เซียวเชียนเยี่ยเป็นจวิ้นอ๋อง ระดมทหารส่วนตัวพันกว่านายหรือทหารใต้ปกครองหมื่นกว่านายยังพอไหว ทว่าหากระดมทหารกว่าแสนนาย ตำแหน่งจวิ้นอ๋องของเขาคงจะครองไว้ได้ไม่นาน

“พวกเขาคิดหาวิธีได้แล้วหรือ”

ฝังเอ่ย “หากไม่มีทางเลือก พวกเขาจะวางเพลิงเผาภูเขาขอรับ”

หนานกงมั่วพยักหน้า จากนั้นจึงถามด้วยความสงสัย “วางเพลิงเผาภูเขา อาจจะจัดการคนบนภูเขาได้ แต่บนภูเขายังมีสัตว์ป่า พวกเขาจะจัดการเช่นไร แล้ว…เขาลั่วหยางทอดยาวไปหลายสิบลี้ ตอนนี้เป็นฤดูหนาว มีลมพัดผ่านอยู่บ้าง หากคุมไว้ไฟไม่ได้จะทำเช่นไร”

ฝังกะพริบตาแต่ไม่เอ่ยสิ่งใด หวงจั่งซุนไม่ได้คิดเรื่องเหล่านี้ เขาเองก็ไม่รู้ว่าควรทำเช่นไร ลังเลอยู่ชั่วครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ยว่า “หากยังมีทางเลือก หวงจั่งซุนคงจะไม่ทำเช่นนั้น เพราะหากวางเพลิงเผาภูเขา ราชสำนักต้องรู้แน่นอน ถึงตอนนั้นหากเฉิงจวิ้นอ๋องและอันจวิ้นอ๋องรู้เข้า เย่ว์จวิ้นอ๋องคงจะเดือดร้อนขอรับ”

หนานกงมั่วถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้าคิดว่า…เซียวเชียนเยี่ยจะควบคุมสถานการณ์ได้หรือไม่”

ฝังลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงเอ่ยออกมาช้าๆ “อันตรายขอรับ”

“เย่ว์จวิ้นอ๋องไม่ได้อยู่ที่หลิงโจวมาหลายปีแล้ว เรื่องนี้เขาคนเดียวทำไม่ได้แน่นอน คนที่ส่งไปสืบเรื่องที่เขาลั่วหยางกลับมาแล้วใช่หรือไม่” หนานกงมั่วถาม ทว่าฝังยังไม่ได้ตอบ ก็ได้ยินเสียงของชวีเหลียนซิงดังมาจากนอกประตู “กลับมาแล้วเจ้าค่ะ จวิ้นจู่ ชวีเหลียนซิงและหลิ่วขอเข้าพบเจ้าค่ะ”

“เข้ามาเถิด”

ชวีเหลียนซิงที่สวมชุดสีขาวเดินตามหลิ่วเข้ามา สองสามวันนี้วิ่งไปวิ่งมากับพวกเขา ชวีเหลียนซิงผอมลงไปไม่น้อย คนของวังจื่อเซียวล้วนแต่เป็นยอดฝีมือแข็งแกร่ง มีเพียงชวีเหลียนซิงที่อ่อนแอไร้เรี่ยวแรง มิใช่เรื่องง่ายที่นางจะผ่านมาได้ แม้แต่คนของวังจื่อเซียวที่เดิมไม่ชอบนางก็เริ่มมองนางเปลี่ยนไป โดยเฉพาะหลิ่ว ทำสิ่งใดก็มักจะพานางไปด้วยโดยมิได้คิดว่านางเป็นภาระ

หลิ่วเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงให้ชวีเหลียนซิงเอ่ย ชวีเหลียนซิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “รายงานจวิ้นจู่ ตามแผนที่ที่คุณชายเสียนเกอวาดไว้ บ่าวไปสืบดูแล้ว พบว่าตำแหน่งสำคัญอยู่ในผิงโจวมิใช่หลิงโจวเจ้าค่ะ เป็นเพราะเขาลั่วหยางกว้างขวางไม่น้อย ไม่ค่อยมีคนเข้าไปเท่าใดนัก จึงไม่ค่อยมีคนแบ่งแยกว่าด้านใดคือหลิงโจว ด้านใดเป็นผิงโจว หากมองจากแผนที่เพียงอย่างเดียวจะอยู่ใกล้ผิงโจวมากกว่า แต่ว่าภูเขาของผิงโจวสูงและชัน มิใช่เรื่องง่ายที่คนทั่วไปจะเข้าไปได้ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงว่าจะพาคนจำนวนมากเข้าไป แล้วยังต้องขนย้ายสิ่งของออกมา ส่วนภูมิประเทศของหลิงโจวเป็นที่ราบ ภูเขาก็ไม่สูงและชันมากนัก นอกจากนี้บ่าวตรวจสอบถนนต่างๆ จากหลิงโจวถึงผิงโจว มีคนเห็นผู้คนและม้าจำนวนมากขนย้ายสิ่งของไปยังหลิงโจวทุกเดือน แม้สิ่งของไม่มาก แต่กล่องมีน้ำหนักมาก เดาว่าคือทองคำเจ้าค่ะ”

“ผิงโจว” หนานกงมั่วเลิกคิ้วพลางถาม “ผิงโจวเป็นดินแดนของใคร”

ชวีเหลียนซิงเอ่ย “ของผิงชวนจวิ้นอ๋อง เซียวฉุน เขาคือน้องชายแท้ๆ ของฮ่องเต้ เสด็จลุงของหวงจั่งซุนเจ้าค่ะ”

หนานกงมั่วขมวดคิ้ว นางไม่เคยสนใจผิงชวนจวิ้นอ๋องผู้นี้ ชวีเหลียนซิงยิ้มพลางเอ่ย “จวิ้นจู่อาจจะไม่ทราบ เดิมฮ่องเต้มีพี่น้องผู้ชายสามคนพี่น้องผู้หญิงสองคน องค์หญิงใหญ่ทั้งสองสิ้นพระชนม์ไปตั้งแต่ก่อนที่จะก่อตั้งประเทศ ต่อมาพี่ชายและน้องชายก็สิ้นพระชนม์ตามไป ผิงชวนจวิ้นอ๋องคือพี่น้องชายที่ยังมีชีวิตอยู่คนเดียวของฮ่องเต้ ว่ากันว่า…ในยามที่ก่อตั้งประเทศ จวิ้นอ๋องผู้นี้อยากได้ตำแหน่งชินอ๋อง ทว่าขุนนางที่ปรึกษาของฮ่องเต้ไม่เห็นด้วย จวิ้นอ๋องเองไร้ซึ่งความสามารถแล้วยังไม่มีความดีความชอบ ฮ่องเต้จึงไม่เห็นด้วย สิบกว่าปีที่ผ่านมา ผิงชวนจวิ้นอ๋องจึงอาศัยอยู่ในดินแดนของตัวเอง ไม่เคยกลับมายังเมืองหลวง แม้แต่ฮองเฮาสิ้นพระชนม์ จวิ้นอ๋องก็ไม่กลับมาร่วมพิธีถวายพระเพลิง ฮ่องเต้ไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่ว่า…เขาเป็นพี่น้องหนึ่งเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่ ฮ่องเต้จึงแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น”

“ขอให้เป็นเช่นนั้นจริงๆ” หนานกงมั่วพยักหน้า “ผิงโจวอยู่ใกล้หลิงโจว เหลียนซิงเคยได้ยินหรือไม่ว่าท่านอ๋องผู้นี้เป็นคนเช่นไร”

ชวีเหลียนซิงส่ายหน้าอย่างเสียดาย เอ่ย “ท่านอ๋องผู้นี้อ่อนน้อมถ่อนตน นอกจากไม่กลับมาร่วมพิธีถวายพระเพลิงของฮองเฮา ทำให้ฮ่องเต้ไม่พอใจแล้ว แทบไม่เคยได้ยินว่าเขาทำเรื่องใดที่ไม่ดีเลยเจ้าค่ะ”

“คนอ่อนน้อมถ่อมตนจะโมโหที่ฮ่องเต้ไม่ยอมพระราชทานตำแหน่งชินอ๋องให้ตัวเอง ไม่มาร่วมพิธีถวายพระเพลิงฮองเฮาเช่นนั้นหรือ” หนานกงมั่วเอ่ย ชวีเหลียนซิงไม่เข้าใจ “เช่นนั้นก็พิสูจน์ได้ว่าจวิ้นอ๋องผู้นี้มีนิสัยมุทะลุมิใช่หรือเจ้าคะ” หนานกงมั่วส่ายหน้า “คนที่เก็บความขุ่นเคืองไว้ในใจได้นานกว่าสิบปียี่สิบปี ไม่ใช่คนมุทะลุ แต่เป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น ด้วยความสัมพันธ์ของฮ่องเต้ที่มีต่อฮองเฮา คนที่กล้าไม่มาร่วมพิธีถวายพระเพลิงของฮองเฮาย่อมมิใช่คนหุนหันพลันแล่นทำสิ่งใดไม่คิด แต่เขารู้จักฮ่องเต้ดี รู้ว่าฮ่องเต้ไม่มีทางทำอันใดเขาเพราะเรื่องนี้ ไม่เช่นนั้น…เหลียนซิง หากเป็นเจ้า เจ้าจะกล้าทำเช่นนี้หรือไม่”

ชวีเหลียนซิงครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ จากนั้นจึงส่ายหน้า เอ่ยว่า “ไม่กล้าเจ้าค่ะ ฮ่องเต้…” ฮ่องเต้ไม่ให้ความสำคัญกับชีวิตคนนัก ต่อให้จะเป็นพี่น้องแท้ๆ หากทำให้ฮ่องเต้ไม่พอใจ ใครก็ไม่กล้ารับรองว่าฮ่องเต้จะไม่ทำอันใด

ฝังลูบคางตัวเอง เอ่ยถามว่า “เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขาไม่เคยคิดเรื่องนี้ขอรับ”

หนานกงมั่วยิ้มพลางเอ่ย “หากเป็นเช่นนี้จริงๆ เขาก็ไม่ใช่คนมุทะลุแต่กลับเป็นคนโง่เขลาอย่างแท้จริง ฝัง เจ้าคิดว่าคนที่เกิดมาในครอบครัวยากจน แม้แต่กินข้าวก็ยังกินไม่อิ่ม แล้วยังไม่มีความสามารถอันใด คนเช่นนี้จะสามารถผ่านความวุ่นวายช่วงปลายราชวงศ์เป่ยหยวน ผ่านสงครามที่ราบตอนกลางมาได้อย่างปลอดภัย และหลังจากทำให้ฮ่องเต้ไม่พอใจแล้ว ยังสามารถมีชีวิตร่ำรวยสุขสบายมาตั้งหลายปีเช่นนี้หรือ อย่าลืมว่าในบรรดาขุนนางและแม่ทัพที่ก่อตั้งประเทศชาติ พวกเขาย่อมมิใช่คนที่ทำสิ่งใดไม่รอบคอบระมัดระวัง แล้วก็ล้วนเป็นขุนนางซื่อสัตย์และจงรักภักดีทั้งนั้น ยามนี้คนเหล่านั้นอยู่ที่ไหนเล่า เกรงว่าหญ้าเหนือหลุมศพจะสูงสองจั้งแล้วหรือไม่ หากเป็นเช่นนี้ ก็นับว่าผิงชวนจวิ้นอ๋องจะโชคดีเกินไปแล้ว”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *